
อานิสงส์การเป็นอาสาสมัครช่วยงานวัด
#1
โพสต์เมื่อ 14 May 2009 - 11:57 AM
ผมกำลังตัดสินใจเป็นอาสาสมัคร บุญรักษาบรรญากาศครับ จะมีอานิสงส์อย่างไรครับ
ฝากผู้รู้ให้ความกระจ่างด้วยครับ
#2
โพสต์เมื่อ 14 May 2009 - 01:17 PM
อานิสงค์นั้นคงไม่ต้องพูดถึงหรือสงสัยเลย เพราะ ไม่เพียงตัวเราเองที่มาทำบุญ ซึ่งก็ได้บุญในส่วนตนเองแล้ว แต่เราได้เพิ่มสถานภาพเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้งานบุญนั้นสำเร็จ เราจะมีส่วนในบุญที่เกิดขึ้นกับคนอื่นๆ ยิ่งผู้คนมากมายเท่าไหร่ ยิ่งพวกเขามีความสุขกายสุขใจ ยิ่งถ้ามีใครได้เข้าถึงธรรมะ บุญของเราที่มีส่วนในการทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น จะมากมายทับทวีคูณ
ในการทำหน้าที่นั้น ไม่ว่างานจะหนักอย่างไร ก็ไม่ต้องห่วงเรื่อง ใจหรอกค่ะ เราก็จรดกลาง สบายๆ มีปัญหาก็แก้ไขไป เหนื่อยก็พักบ้าง มหาปูชนียาจารย์ท่านเมตตาพวกเราค่ะ ท่านจะคุมบุญให้ ขอให้เราเอากายหยาบนี้เป็นอุปกรณ์สร้างบารมีเพิ่มเติมจากที่เราทำให้ตนเอง เราขยายให้คนอื่นด้วย เรียกว่าบุญมาจากรอบทิศ รอบทางเลยค่ะ
เมื่อก่อนตอนยังไม่ได้ยิน ที่หลวงพ่อท่านเมตตาสอนว่า จะได้บุญทับทวีคูณอย่างไร ตอนนั้นเป็นอาสาสมัครได้พักใหญ่ๆ แล้วประมาณสองสามปี เข้าใจเอาเองว่า กาย ใจ มันเหนื่อย ไม่ได้นั่งสบาย หลับตาเหมือนผู้มาทำบุญคนอื่นๆ เลย เพราะงานของเราต้องลืมตาตลอด เพราะต้องดูแลผู้คนที่มาร่วมบุญ และเตรียมการต่างๆ ในขณะที่เขาหลับตาทำสมาธิ แต่คิดว่า มันต้องมีคนยอมเสียสละได้บุญน้อยบ้าง เพื่อให้งานของพระพุทธศาสนา และงานของหลวงพ่อ ดำเนินต่อไป เราเองก็ไม่ได้นั่งสมาธิเก่งอะไร ยังไม่เห็นอะไรเลย จะหลับตาหรือไม่หลับตาก็ไม่รู้ว่า ผลบุญต่างกันเท่าไหร่ เลยคิดว่า เราสละตัวเอง สละบุญของตัวเองดีกว่า ได้น้อยหน่อย ก็ไม่เป็นไร ขอทำตัวให้เป็นประโยชน์กับพระพุทธศาสนาบ้าง ไม่มากก็น้อย
แต่ภายหลังได้มาทราบว่า เหล่าอาสาสมัครที่อุทิศแรงกายแรงใจนั้น จะได้บุญพิเศษจากการรับบุญต่างๆ ที่ตนเองรับอย่างแน่นอน ขณะเดียวกันก็ได้ฝึกตน ในเรื่องต่างๆ ไปด้วย อุปมาว่าได้ประมาณสามเท่าของการแค่มาเป็นผู้ทำบุญด้วยตนเองเท่านั้น
ก็เลยไม่คิดมากเรื่องว่า ตกลงจะได้บุญเท่าไหร่ ขอให้ตัวเราเป็นส่วนหนึ่งในการที่ทำให้เกิดความสำเร็จในงานต่างๆ เท่านั้นเป็นพอ
คุณอาจจะได้มากกว่าที่คาดคิดไว้ อย่างไม่อาจประมาณได้ เอาแค่ของที่เราเห็นชัดๆ เลย คือเรื่องการการฝึกได้ตนเอง ก็คุ้มเกินคุ้มแล้วค่ะ ว่าแล้วก็มาเป็นอาสาสมัครกันน่ะค่ะ
ยินดีต้อนรับ สู่ กองทัพธรรมค่ะ อ้อ หากเหนื่อย หรือประสบปัญหาในการรับบุญบ้าง ก็เรื่องปกติน่ะค่ะ อย่าท้อน่ะค่ะ เหนื่อยก็พัก หนักก็วาง แล้วเอามาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังบ้างน่ะค่ะว่า เป็นอาสาสมัครแล้ว สนุกไหม
#3
โพสต์เมื่อ 14 May 2009 - 01:37 PM
ผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะครับ
#4
โพสต์เมื่อ 14 May 2009 - 02:43 PM
#5
โพสต์เมื่อ 14 May 2009 - 04:33 PM
#6
โพสต์เมื่อ 14 May 2009 - 04:56 PM
1. จะทำให้เป็นผู้มีพรรคพวกเพื่อนพ้องมาก
2. จะได้อยู่ในหมู่บัณฑิตนักปราชญ์
3. จะทำให้มีส่วนในบุญของทุกคนที่มาทำบุญที่วัด
4. ทำให้มีรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ และคุณสมบัติ ติดตัวไป
5. จะปิดอบายไปสวรรค์ เป็นต้น
#7
โพสต์เมื่อ 14 May 2009 - 05:56 PM
#9
โพสต์เมื่อ 14 May 2009 - 09:55 PM
#10
โพสต์เมื่อ 15 May 2009 - 12:48 PM
#11
โพสต์เมื่อ 15 May 2009 - 09:10 PM
#12
โพสต์เมื่อ 15 May 2009 - 09:39 PM
"งานบุญทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นบุญใหญ่ บุญอาทิตย์ต้นเดือน หรือบุญวันอาทิตย์ธรรมดา ทุกๆงานที่เกิดขึ้นลูกอาสาสมัครทุกคนมีความสำคัญมากเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของงานบุญนั้นๆ หลวงพ่อรู้ว่าลูกๆทุกคนเหนื่อย และเหนื่อยมากด้วย ต้องตื่นก่อน นอนทีหลัง มาก็มาก่อนคนอื่น มาเตรียมงาน ปฏิบัติหน้าที่ และก็กลับทีหลังคนอื่น ร้อนก็ร้อน หิวก็หิว แต่ลูกๆทุกคนก็ยิ้ม ยิ้มสร้างความเบิกบานให้แก่สาธุชนผู้มาพบเห็น ให้เขาเหล่านั้นเกิดความสดชื่น เบิกบาน และมีความสบายใจ พร้อมที่จะปฏิบัติธรรม ทุกหน้าที่ที่ลูกทำ ไม่ว่าจะเป็นรักษาระเบียบ แจกหนังสือ แจกน้ำ นำคนชมวัด หรือนำคนอธิฐานจิตก็ตาม ทุกๆอย่าง เป็นบุญมาก "
"ลูกคนหนึ่งเคยถามหลวงพ่อว่า ผมอยู่จราจรต้องคอยโบกรถอยู่รอบนอก ไม่ได้มีโอกาสมานั่งสมาธิ ขณะที่หลวงพ่อนำนั่งอยู่จะได้บุญหรือไม่ ได้นะจ๊ะ ทุกๆหน้าที่ ทุกๆอย่างที่หมู่คณะมอบหมายให้ลูกๆอาสาสมัคร ทำนั้นได้บุญมาก ได้มากขนาดไหนไม่ต้องพูดถึง หลังงานบุญใหญ่ทุกครั้งหลวงพ่อได้กราบทูลพระธรรมกายบนอายตนนิพพานว่า ลูกๆทุกคนเป็นผู้ทุ่มเท เสียสละ หิว เหนื่อย ร้อนกว่าใคร แต่ทุกคน ก็ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความยิ้มแย้ม แจ่มใสเบิกบาน สร้างความศรัทธา ให้แก่ผู้ที่มาพบเห็น ให้ความสะดวกสบายแก่สาธุชน เพราะฉะนั้นบุญไม่ต้องพูดถึง ว่าขนาดไหน พระธรรมกายทุกๆพระองค์บนอายตนนิพพาน รู้จักลูกๆอาสาสมัครทุกคน และกลั่นบุญให้ลูกๆทุกคนอีกด้วย ดังนั้นให้มีความอิ่มเอิบเบิกบานใจ และภาคภูมิใจในตนเองนะจ๊ะ "
มาเป็นอาสาสมัครแล้วจะปลื้มไม่รู้จบนะค่ะ ฮิฮิ
บางช่วงก็ยินดีร่าเริง บางช่วงทุกข์ เครียด กังวล สับสน โลกจะเป็นอย่างไรก็ช่างเถิด
อย่าไปกังวลกับมันนักเลย รักษาใจเราไว้ดีกว่า อย่าไปคิดในสิ่งที่ไม่ดี แม้เป็นเรื่องของคนอื่น
ถ้าขืนไปคิด มีแต่จะเข้าตัวเสียอะไร เสียได้ เสียไปแต่อย่าให้ใจเสีย
#13
โพสต์เมื่อ 15 May 2009 - 09:42 PM
#14
โพสต์เมื่อ 15 May 2009 - 10:17 PM
#15
โพสต์เมื่อ 16 May 2009 - 10:35 AM
แม้เราจะทำแค่เดินสวยๆ ถือดอกไม้ ก็นับว่าได้บุญคะ
เพราะว่าดูที่ภาพรวมของงานคะ งานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ก็นับให้ทั้งหมดเลยคะ
#16
โพสต์เมื่อ 17 May 2009 - 03:33 AM
การเป็นอาสาสมัครนั้น ทำด้วยความเต็มใจ และการกระทำนั้น ต้องมีใจที่เป็นสุข ปลื้มปิติใจตั้งแต่ เมื่อเริ่มทำ ขณะทำ และหลังทำหน้าที่อาสาสมัครนี้ ด้วยใจใส ใจสบายคะ
จริงๆดิฉันก็เคยเป็นอาสาสมัครที่วัดธรรมกาย ประมาณ 4ปี ถือพานดอกไม้ในพิธีต่างๆของที่วัด แต่ตอนนี้ทำได้แค่เปิดไดอารี่ธรรมะออนไลน์ที่ http://maneetip.diaryis.com/ คะ