
รบกวนถามเรื่องศีลข้อ3ของคนโดนครัวครอบ สับสนใจมากค่ะ
#1
โพสต์เมื่อ 12 July 2009 - 11:46 PM
ดิฉันอายุ 40กว่าปี สามีอยุมากกว่า2ปี แต่งงานมา13ปี เรียกว่าเป็นครอบครัวอบอุ่นมาตลอด เข้าวัดทำบุญนั่งสมาธิกันมาตลอด ไม่เคยทะเลาะกันเลย สามีดูแลเอาใส่ครอบครัวดีมาก มาก มีลูกสาว 1คน ลูกชาย 1คน เป็นเด็กดีทั้งคู่ งานการธุรกิจก็ดี แต่มาวันนี้เขาบอกว่า
"เขาได้ลูกน้องเป็นเมีย" ณ เวลานั้นดิฉันใจเย็นมาก เขาขอโทษ เขารู้สึกผิด ดิฉันพูดให้กำลังใจเขา เขาว่าเขาเลือกคนใดคนหนึ่งไม่ได้ ที่ได้ลูกน้องเพราะลูกน้องทำงานดีกลัวไม่มีคนดีๆอย่างนี้มาช่วยงาน เขาต้องรับผิดชอบ(ทั้งที่ลูกน้องคนนี้ดิฉันเป็นคนนำเข้าทำงานและเป็นกัลยาณมิตรส่งไปปฎิบัติธรรมหลายครั้งดูเขาก็เข้าใจเป้าหมายชีวิตดี )
ที่มีปัญหาคือสามีจะของมีทั้งสองคนแต่จะไม่ให้มีปัญหาครองครัว คือมีความสัมพันธ์ฉันสามี ภรรยาทั้งสองคน แต่ดิฉันไม่อยากให้สามีต้องตกนรก ดิฉันจึงเสนอว่าดิฉันดิฉันจะไม่ขอมีความสัมพันธ์กับสามีเขาจะได้มีแค่ลูกน้องคนเดียว เขาบอกว่าอยู่แบบสามคนที่ไม่ผิดศีลได้ไหม ดิฉันจะทำต่ดไปอย่างไรดีค่ะ ใจดิฉันหมดแล้วค่ะกับเข เสียใจมั๊ย แน่นอนค่ะ แต่ได้แต่คลายความผูกพันกำลังทำใจอยู่ไม่หย่าหรอกค่ะ อยู่ได้แต่จะก้าวอย่างไรไม่ค่อยมั่นใจ ขอพลังชีวิตหน่อยค่ะ อ้อ!นั่งสมาธิแล้วถึงมาเข้าเว็บค่ะ
ขอบคุณค่ะ
#2
โพสต์เมื่อ 13 July 2009 - 12:50 AM
รักคนที่รักเราจริงดีกว่า คือคนที่อยู่ในศูนย์กลางกายของเราเอง รักคนไม่ผิด จะได้ไม่ผิดหวัง
#3
โพสต์เมื่อ 13 July 2009 - 12:51 AM
เมื่อคุณพี่ใจนิ่ง ย่อมคิดได้ถูกต้องเสมอครับ
อย่างไร ก็ดี หากมีปัญหา คุณยายสอนว่า ให้หยุดคิด เพราะจิตไม่นิ่ง
นั่งสมาธิอย่างเดียว ผมจำได้ประมาณนี้ครับ
มีรูปให้เป็นกำลังใจครับ

#4
โพสต์เมื่อ 13 July 2009 - 08:09 AM
ควรทำข้อตกลงกับสามีครับ คุณเป็นใหญ่ในครอบครัว เอาอย่างไรให้ตกลงกันมา... ตราบใดทียังไม่หย่าก็อย่าให้สามีทำอะไรให้เกินงาม...
ส่วนวิบากกรรมอื่นๆก็แล้วแต่ใครทำ ดูแลบุตรและธิดาให้ดี ประคองครอบครัวให้อยู่รอดปลอดภัยเพื่อลูกๆครับ
#5
โพสต์เมื่อ 13 July 2009 - 08:31 AM
ก่อนที่คุณจะตัดสิ้นใจอะไรลงไปนั้นขอให้คุณคิดให้ดีเสียก่อนนะคะ
ถ้าหากคุณตัดใจออกจากเขาได้ แต่ถ้าคุณย่าจากเขาไปแล้ว ถ้าคุณคิดว่า
1 การสร้างบารมีของคุณจะเข็มข้นกว่าเดิม
2 ลูกๆไม่มีปอมด้อย
3 การดําลงชีวิตของคุณไม่มีปัญหา
ถ้าหากเป็นดิฉัน ๆ จะขอแยกทางจากเขาไป เพราะอยากสร้างบารมีให้เข็มข้นยิ่งๆขึ้นไป
แต่ถ้าหากคุณไม่สามารกการดําลงชีวิตด้วยตัวของคุณเองได้ คุณก็ต้องยอมให้เขา ตามที่เขาเสนอมา
ไม่ว่าอยู่หรือจะไป แต่ใหม่ๆก็คงทําใจได้ยากนะคะ
#6
โพสต์เมื่อ 13 July 2009 - 09:13 AM
#7
โพสต์เมื่อ 13 July 2009 - 10:32 AM
มันอาจเป็นความหลงในชั่วขณะหนึ่ง สุดท้ายเวลาจะทำให้ผู้ชายคนนั้นรู้เองครับว่าใครคือคนที่เค้าต้องดูแล และใครคือคนที่รักเค้าจริง ไม่ต้องกลัวครับ สบายๆ กรรมใครกรรมมัน สามีคุณอาจมีเศษกรรมติดตัวไป แต่คุณอย่าให้ใจคุณพล่องก็แล้วกัน รักษาใจให้ดีครับ
ผมเพิ่งอ่านคำสอนหลวงปู่เมื่ออาทิตย์ที่แล้วท่านบอกว่าชีวิตในโลกนี้เหมือนละคร เกิดมาคนเดียว ตายก็คนเดียว โลกนี้เป็นเพียงทางผ่านเพื่อการสร้างบารมีครับ ถือซะว่าเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อชาติก่อนซึ่งคนเป็นคนทำเอง ดังนั้นชาติก็ถือซะว่าเป็นการฝึกตนเพื่อสร้างบารมีไปก่อนแล้วกันครับ (ซึ่งผมรู้ว่ามันก็ทำใจได้ยากอยู่ แต่ก็ตองทำใจให้คลายความผูกพันครับ)
สำหรับผมหลังจากแต่งงานมานานแล้ว ความรักที่อยู่กับแฟนเหมือนเป็นความรักในอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งต่างจากความรักของหนุ่มสาวทั่วไป แล้วยิ่งมีลูกแล้วอีก ดังนั้น ก็ต้องช่วยกันประคับประคองให้ทั้งเราและสามียังอยู่ในเส้นทางธรรมให้ได้ตลอดรอดฝั่งก็แล้วกัน ที่สำคัญอย่าลืมลูกๆ นะครับ นั่นคือสมบัติอันมีค่าที่ต้องรักษาเค้ายิ่งกว่าสิ่งใด รวมถึงการรักษาใจเค้าด้วยนะครับ อย่าให้กระทบกระเทือนในเรื่องของเรากับสามีมาก
สุดท้ายคำสอนหลวงปู่ คุณยาย นะครับ "เวลาเจอปัญหาอะไรให้เอาใจนึกถึงดวงบุญของเรา อย่าเอาใจออกไปนอกตัว มารจะเข้าแทรกได้"
ปล. ฝากเพลง "รักในตัวเองให้ฟังเล่นๆ นะครับ" Music อาจยังไม่เหมาะสมนะครับรูปสาวๆ เยอะไปหน่อย :-) แต่ฟังความหมายแล้วกันนะครับ http://www.youtube.c...re=channel_page
#8
โพสต์เมื่อ 13 July 2009 - 12:26 PM
#9
โพสต์เมื่อ 13 July 2009 - 03:00 PM
#10
โพสต์เมื่อ 13 July 2009 - 03:07 PM
เราคิดดี พูดดี ทำดี อย่างต่อเนื่องตลอดมาเราต้องผ่านทุกข์นี้ไปให้ได้
สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ คือภาพเก่าๆของเราในอดีต
ดีแล้วที่รู้วันนี้ และได้เริ่มทำใจให้คลายผูกพัน
ถ้าช้านานไปก่วานี้จะทุกมากกว่านี้
ความทุกข์ที่คุณเผชิญอยู่ หนักหนาเพียงไร ฉันเข้าใจ และมีคนเข้าใจและเห็นใจคุณมากมาย
แต่ตัวเราเท่านั้นที่จะคลี่คลายทุกสิ่งทุกอย่าง
ค่อยๆใช้บัญญาแก้ไขปัญหา อย่าเศร้าให้ลูกเห็น
ตรึกองค์พระ ดวงแก้ว หลวงปู่ คุณยาย หลวงพ่อ ไว้สูนย์กลางกายตลอดเวลา
นึกถึงบุญทุกบุญที่เราได้สร้างมา และยิ้มสู้ ยิ้มสู้ ยิ้มสู้ ยิ้มสู้จึงจะชนะ
#11
โพสต์เมื่อ 13 July 2009 - 05:36 PM
อดทน สร้าง ขันติ
อย่ายอมแพ้ กับ กรรมที่เราทำไว้ในอดีต
ยอมรับมัน เอาใจไว้ที่ศูนย์กลางกาย
ประคองไว้ให้ดี อย่าให้อะไร มาทำให้ใจเราหมอง
#12
โพสต์เมื่อ 13 July 2009 - 05:57 PM
จากคนที่มีปัญหาคล้าย ๆ กันค่ะ
#13
โพสต์เมื่อ 13 July 2009 - 06:58 PM
และ อีกอย่าง ที่เราทุกคนก็เข้าใจกันดีว่า ไม่จากเป็น เราก็ต้องจากตาย กัน อยู่แล้วค่ะ
ขอเป็นกำลังใจให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ด้วยดี พยายามอยู่แต่ในบุญน่ะค่ะ ไปปฏิบัติธรรมช่วงยาวบ่อยๆ น่ะค่ะ จะได้มีสติและเป็นการให้เวลากับตัวเองมากยิ่งขึ้น เดี๋ยวก็เห็นทางสว่างค่ะ
#14
โพสต์เมื่อ 13 July 2009 - 08:33 PM
อาจจะเป็นเรื่องยากหน่อยนะครับที่จะทำใจได้
เอาใจไปไว้กับองค์พระที่ศูนย์กลางกายของเราให้ได้ตลอดเลยนะครับ
และผมก็ขอเป็นกำลังใจให้คุณพี่ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปให้ได้นะครับ
#15
โพสต์เมื่อ 13 July 2009 - 10:43 PM
ทบทวน ภาคที่1 วิธีครองรักให้ยั่งยืน หน้า 47-51
- หลายท่านกรุณาให้เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสแล้ว ทางใจก็ถือบวชภายใน ด้วยโอกาสประพฤติพรหมจรรย์ ในวาระเข้าพรรษานี้
- ตั้งจิตอธิษฐาน...ภพต่อไปขอให้เกิดเป็นมนุษย์...ได้เพศบริสุทธิ์...พบหมู่คณะสร้างบารมี...ประพฤติพรหมจรรย์...บรรพชาอุปสมบทในบวรพระพุทธศาสนา...ได้ดวงตาเห็นธรรม....เข้าถึงพระธรรมกาย...ทุกภพทุกชาติ....ตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม....เทอญ
#16
โพสต์เมื่อ 13 July 2009 - 10:51 PM
ดิฉันกับสามีไม่ได้จดทะเบียนสมรสตลอดเวลาที่ผ่านมาดิฉันปฏิเสษการจดทะเบียนเพราะคิดว่าเรามาทำให้(กิจการ)เพราะใจไม่คิดมาเอาสมบัติเขา ปกติเขารักลูกมากๆๆๆๆๆจึงคิดว่ายังไงเขาก็ไม่ทิ้งลูก ถ้าแก่ๆเราสองคนจะเข้าวัดทำบุญกัน แต่วันนี้ดิฉันขอให้เขาไปจดทะเบียนสมรสกันมาแล้ว เขายอมทุกอย่างเขาว่าเขารู้ว่าเขาผิด (ดิฉันบอกเขาว่าดิฉันกลัวลูกจะลำบากจดๆซะจะได้เรียบร้อย) พรุ่งนี้ดิฉันจะพาเขาไปทำหมัน เขาก็ok ก็สบายใจไปอีกเปาะนึง แปลกดีนะคะถ้ามีเรื่องอย่างนี้คนอื่นคงพากันไปหย่า แต่ดิฉันพากันไปจดทะเบียนสมรส(ไม่มีสมรัก)ไปแบบเนียนๆเลยค่ะเหมือนคู่รักกันเลย เพราะดิฉันใจไม่ได้โกรธเขา(ไม่ได้โกรธฝ่ายโน้นด้วยแต่ไม่อยากเจอหน้านะ)เขาก็ดูแลดิฉันดีเหมือนเดิมที่เคยทำมา และข้อตกลงของเราอีกอย่างคือ ดิฉันกับเขาเราจะไม่มีเรื่องกิจกรรมฉันสามีภรรยา แต่เขาขอแค่กอด จับมือ หอมแก้มเป็นกำลังใจให้กัน รับรองด้วยความจริงจากใจค่ะว่าดิฉันจะไม่ยอมเผลอใจแน่นอน ดีใจค่ะเพราะเคยอธิฐานบ่อยว่าขอห่างไกลจากกามคุณ5 ชาติหน้าขอให้ได้เพศบริสุทธิ์ได้ประพฤติพรหมจรรย์ แหม!ได้เร็วจริงๆ อ้อ!รบกวนถามค่ะว่าถ้าแค่กอด จับมือกันถือว่าประพฤติพรหมจรรย์ไหมค่ะ ดิฉันโชคดีที่มีกัลยาณมิตรให้กำลังใจและเกิดเป็นลูกหลวงพ่อ ที่เรามีเป้าหมายที่ชัดเจนและวันนี้ช่วงฝันในฝันหลวงพ่อพูดและเปิดเพลงโดนใจมากๆเหมือนท่านกำลังสอนและเตือนสติเราอยู่ สามีก็ดูด้วยกันค่ะคงจิ๊ดหัวใจดีพิลึก เขาบอกว่าทุกอย่างเหมือนเดิมอะไรก็ได้ที่ทำให้เราสบายใจ เลยขอฉลองศรัทธาด้วยการสร้างพระธรรมกายประจำตัว1องค์ค่ะ ได้บุญด้วยกันนะคะ วิกฤติเป็นโอกาสจริงๆ เรื่องราวของดิฉันกับการจัดการตอนที่สติกลับแล้ว 1คืน1วันดิฉันถือว่าเร็วนะคะที่ทำใจได้ขนาดนี้ ก็แค่คลายความผูกพัน ขอบคุณที่โลกนี้มีกัลยาณมิตร

#17
โพสต์เมื่อ 13 July 2009 - 10:56 PM
#18
โพสต์เมื่อ 13 July 2009 - 11:04 PM
#19
โพสต์เมื่อ 14 July 2009 - 12:25 AM
#20
โพสต์เมื่อ 14 July 2009 - 12:55 AM
เท่าที่ได้รับชมรับฟัง Case Study เก่าๆ ผมจำไม่ได้ว่าอยูในตอนใด หลวงพ่อท่านกล่าวไว้ว่าถ้าเราไม่อนุญาต เขาทั้งสองจะผิดศีลข้อ3ทันที
แม้ว่าเราจะขออโหสิกรรมแล้วก็ตาม ทางทีดีผมว่าควรอนุญาตเขาไปเถอะครับ แล้วขอหย่าเพื่อแยกตัวออกมา เพื่อทำทาน รักษาศีล สวดมนต์ภาวนา
ตามที่หลวงพ่อท่านสอนเราดีกว่าครับ เพราถ้าอยู่อย่างนี้ต่อไปเราเองที่จะทำใจไม่ได้ และละทิ้งการปฏิบัติธรรมเป็นเหตุให้เราใจหมองได้นะครับ
เมื่ออยู่คนเดียวเราสามารถรัษาศีล8ได้ทุกวัน ยิ่งทำให้เราได้บุญกุศลมากขึ้นไปอีก วิธีนี้ผมว่าเป็นทางออกที่ดีกว่านะ ลองวิเคราะห์ดูนะครับ ยังไงก็ขอให้คุณพบกับทางสว่างนะครับ และรู้สึกว่าผมเคยได้ยินเรื่องราวของอุบาสกและอุบาสิกาสามีภรรยาคู่หนึ่ง ซึ่งรักษาศีล8อย่างเคร่งครัดในขณะที่อยู่ด้วยกัน ได้ตกลงใจหย่าขาดจากโดยที่ไม่มีเรื่องอื่นมาเกี่ยวข้อง แล้วเข้ามารับใช้พระเดชพระคุณหลวงพ่อที่วัดทั้งคู่ ทุกวันนี้ทั้งคู่เป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อกัน
#21
โพสต์เมื่อ 15 July 2009 - 12:54 PM
ดังนั้น ผมจึงเห็นว่า ไม่ควรหย่าครับ ก็ดูแลสามีให้สมกับหน้าที่ภรรยาไปนั่นแหละ ส่วนถ้าสามีจะมีผู้ช่วยมาแบ่งเบาหน้าที่ก็ยิ่งดีสำหรับเรา เราก็ขอสามีประพฤติพรหมจรรย์ไปด้วย เป็นภรรยา(ในหน้าที่อื่นๆ ของภรรยา)ไปด้วย
สั่งสมบุญเข้าไป บุญเท่านั้น ที่จะเป็นที่พึ่งของพวกเราทั้งหลาย ทั้งในโลกนี้และโลกหน้าครับ
#22
โพสต์เมื่อ 15 July 2009 - 08:23 PM
ต้องเตรียมใจ(ไม่รู้จะเจอเหตุการณ์อะไรต้องแก้ไขอีกบ้าง) แล้วก็สร้างบารมีอย่างเข้มงวดขึ้นแต่เหตุการณ์นี่ทำให้ดิฉันนิ่งขึ้นมาก มีสติอยู่กับองค์พระอยู่กับธรรมะตลอดเพราะถ้าห่างจากศูนย์กลางกายกราฟความทุกข์พุ่งทันที
ที่ดิฉันหักดิบถือพรมหจรรย์เพราะถ้าเขาสองคนยังจะอยู่ด้วยกันต่อไปแสดงว่าเขาผิดศีลแต่ถ้าดิฉันดึงตัวเองออกมาเขาสองคนจะได้เป็นแค่สองคนสามี-ภรรยาที่ไม่ผิดศีลกลัวเขาจะตกนรกค่ะ(ไม่รู้เข้าใจถูกหรือเปล่า) แต่ถ้าเขาตกลงใจเลิกกันเมื่อไหร่ดิฉันก็ยินดีจะทำหน้าที่ภรรยาต่ออาจเป็นเพราะยังไม่คลายความผูกพันและความรักความหวังดีกับเขาอยากดูแลเขาตอนแก่ๆอยากเป็นกัลยาณมิตรให้เขาเพราะความดีของเขามากมายเหลือเกิน ดิฉันต้องทำใจกว้างให้เขาไปดูแลทางโน้นบ้าง ดิฉันโดนดึงไว้ด้วยความดีของเขา ความดีที่เขาแสดงจากความบริสุทธิ์ใจที่สัมผัสได้จริงๆเขาว่าเขาผิดเขารู้ตัวแต่ก็นะทำไปแล้วนี่ เวลาเท่านั้นรักษาทุกอย่าง ขอบคุณโลกนี้ที่มีกัลยาณมิตรค่ะ..กราบขอบพระคุณหลวงพ่อค่ะทีให้แสงสว่างให้กำลังใจให้ใจที่สามารถยกได้สูงขึ้น.....รักหลวงพ่อจังเลย.....
#23
โพสต์เมื่อ 15 July 2009 - 10:36 PM

...หากไม่ได้พบบุคคลเช่นตะวันธรรม...คงเป็นการยากที่จะได้ทราบศาสตร์แห่งการดำเนินชีวิตโดยแท้...แถมยังมีโอกาส คิด พูด ทำ ความผิด พลาด พลั้ง ได้สูงเพราะอวิชชาครอบงำ
...ตราบใดที่ตะวันธรรมยังฉายแสง ให้ไออุ่นและ ความสว่างส่องนำทาง เราคงต้องร่วมแรงร่วมใจกัน จุดประกายความสว่างให้วาบขึ้นมาในใจ แก่เราเองรวมถึงเพื่อนผู้ร่วมเกิดในขณะนี้ต่อๆไป

#24
โพสต์เมื่อ 16 July 2009 - 12:09 PM
การดำเนินชีวิตทุกย่างก้าว ณ ทุกวินาทีปรับสภาวะแวดล้อมให้เป็นทางมาแห่งบุญ และรายล้อมตัวที่ทำให้นึกถึงบุญได้ง่ายขึ้น ฟังเพลงของตะวันธรรมที่ทำให้มีทั้งกำลังใจในการดำเนินชีวิตและแรงผลัดดันในการสร้างบารมี ดู dmc และฯลฯที่เป็นกุศลแก่จิตใจ โชคดีมากๆที่โลกนี้มีกัลยาณมิตร และขอบคุณโลกนี้ที่มีตะวันธรรมส่ิองสว่างกลางใจลูกๆ...รักหลวงพ่อจังเลย...

#25
โพสต์เมื่อ 17 July 2009 - 05:09 PM
กรณีอนุญาติ แต่ยังอยู่ด้วยกัน เฉกเช่นสารมีภรรยาทั่วไป คนอนุญาติจะมีวิบากกรรมอะไร ขอความรู้สักนิดคะ
ตรงนี้จะบอกว่า อย่าอโหสิกรรมแต่เพียงปากนะคะ ต้องรู้สึกที่ใจด้วย หากใจยังอโหสิกรรมให้เค้าได้ไม่ดี มันจะใช่การอโหสิกรรมเหรอเปล่าคะ
#26
โพสต์เมื่อ 17 July 2009 - 07:20 PM
แต่เราไม่ใช้สามี ภรรยากัน
เป็นแค่แฟน โดยเราถูก ผู้หญิงรุ่น 40up แย่งไป
เรา อายุ 22 แฟน 28
ตอนนี้เราก็ทุกข์อยู่น่ะ
พยายามนั่งสมาธิ ตั้งสติ
แล้วก็หักห้ามใจอยู่
ก็ไม่รู้เหมือนกานว่าจะทำได้ไหม
แต่เราจะอดทน เพื่อ บุญ
#27
โพสต์เมื่อ 18 July 2009 - 09:34 AM
จริงล่ะค่ะยอมรับที่พูดไปว่าอโหสิกรรมแต่ไม่อยากเจอหน้า ตอนนั้นคงสับสนและพูดไปเพื่อตัวเองจะได้รู้สึกดีขึ้นแต่วินาทีนี้น่ะทุกอย่างเป็นไปตามที่เรา
พูดแล้ว อโหสิกรรมให้จริงๆจากใจเลยผู้หญิงคนนั้นขอโทษ(ทางโทรศัพท์)เราก็เลยถือโอกาสอโหสิกรรมแล้วก็บอกว่าเราไม่โกรธจริงๆมันเป็นผังที่ถูก
บังคับโดยกิเลส ตัณหาที่รู้ไม่เท่าทันมัน ถ้ารักกันยังไงอย่าลืมรักตัวเองด้วย(หมายถึงอย่าทุกข์ใจไม่ใช่เห็นแก่ตัวนะ)ถ้ารักใครก็ทำให้คนที่เรารักมีความสุข สบายใจ... สามีดิฉันจะบวชรุ่น 7,000รูปค่ะ(มีหลวงพี่เป็นกัลยาณมิตรชวนบวช)เขาว่าบวชเพื่อขออโหสิกรรมให้ดิฉันโดยเฉพาะ(ดิฉันได้บุญเต็มๆ) รู้ไหมค่ะ ดิฉันโล่ง..เลย สามีดีกับดิฉันมากๆๆๆๆๆ เขาประพฤติตัวสม่ำเสมอแถมแคร์เราและลูกมากกว่าเดิมรู้สึกได้ว่าเขาสำนึกผิดๆทำมาจากใจเขา เขาว่าไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลยเขาแค่สงสารทางโน้นเท่านั้นทำงานใกล้ชิดกันเห็นทางโน้นเอาใจใส่งานดี รักมั๊ยเขาว่าบอกไม่ถูกแต่ทำไปแล้วต้องดูแลรับผิดชอบพูดไปแล้วด้วยไม่อยากเสียคำพูด รู้ว่าเวลาเขาอยู่ด้วยกันสามีก็ต้องพูด(โอ๋)ทางโน้นเพื่อให้รู้สึกดี เรื่องปกติค่ะ แต่ถ้าจะว่ากันทางธรรมเรียกว่าอารมณ์ชั่ววูบใช่มั๊ยค่ะเนี้ย ถ้าเขาจะไปหาทางโน้นเขาจะขออนุญาตดิฉันทุกครั้ง ดิฉันก็okค่ะเต็มใจไม่ฝืนรู้สึกดีที่เขาดูแลหัวใจเราไม่หลบซ่อน(นี่แหละโดนอีกแล้ว โดนผูกด้วยความดีของเขา)
..วูบชั่ว.. ดิฉันพร้อมเจอทางโน้นค่ะแต่ทางโน้นกลับไม่พร้อมอีก..เฮ้อ..ดิฉันเป็นปกติแล้วประคับประคองชีวิตคู่ไปอย่างดีที่สุด สามีอนุญาตทุกอย่างอยากทำอะไร(ไปนั่งสมาธิ)(งานที่กำลังขยายธุรกิจให้ลุยได้เลยเขาพร้อมที่จะตามเราและเป็นกองสนับสนุน)ก็ได้ อยากทำบุญอะไรก็ทำไป
ดีจังนะ วิกฤติเป็นโอกาสทองเลยล่ะ ก่อนบวชเขาจะขมาดิฉันทั้งคู่ดีค่ะจะเป็นบริสุทธิ์บริบูลย์ในการประพฤติ ปฏิบัติธรรม
ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังคลี่คลาย เร็วนะจัดการใจตัวเองได้ในเวลาไม่กี่วันที่เป็นแบบนี้เพราะธรรมะค่ะ นั่งสมาธิเยอะมาก ใจอยู่ในบุญตลอด คิดว่าทุกอย่างเป็นการทดสอบกำลังใจเพื่อการสร้างบารมีที่จะเข้มข้นขึ้น
ดิฉันว่าชีวิตที่เป็นรองคนอื่นทั้งเวลาและสถานะ(ถึงจะออกหน้าออกตา)ไม่มีความสุขเลย ชีวิตที่เป็นอิสระไม่ต้องไปผูกไว้กับใครเป็นชีวิตที่มีความสุขทั้งตัวและหัวใจแค่คลายความผูกพันธ์และตัดใจเท่านั้นไม่ต้องคิดหรอกว่าผู้ชายเขาจะอยู่ไม่ได้เขาจะทำงานไม่ได้ถ้าไม่มีเรา ยังไงเขาก็อยู่ได้ ครอบครัวเขาก็มี คนทำงานก็เยอะแยะไป ถ้าเราจะไปซะอย่าง ยืนยันขันแข็งเพื่อความสุขของเราเองมีเหตุผลผู้ชายเขาต้องเข้าใจเขาก็คงรั้งไว้บ้าง(กลัวไม่มีคนทำงาน)แต่ก็นะ......คิดเอง......ชีวิตไม่ได้อยู่แค่วันสองวัน ต่อไปข้างหน้าสุขตอนเขาอยู่ด้วยเหงาตอนเขาอยู่กับครอบครัว...
ไม่สนุกเลย.....อยู่อย่างมีความสุขกับใจที่ไม่มีอะไรมาผูกพันธ์.......สู้...สู้......