ขอทราบว่าอานิสงส์บุญกฐิน กับอานิสงส์บุญผ้าป่า เหมือนกัน หรือแตกต่างกันอย่างไรบ้างครับ มีบางท่านว่าอานิสงส์บุญกฐิน จะได้มากกว่าอานิสงส์บุญผ้าป่า แต่ก็มีบางท่านเห็นต่างกัน โดยแจ้งว่าอานิสงส์บุญผ้าป่า จะได้มากกว่าอานิสงส์บุญกฐิน ท่านใดมีข้อมูล ช่วยแจ้งให้ทราบด้วยครับ

อานิสงส์บุญกฐิน กับ อานิสงส์บุญผ้าป่า
เริ่มโดย สุรชัย (กัปตัน), Aug 26 2009 11:19 PM
มี 4 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 26 August 2009 - 11:19 PM
#2
โพสต์เมื่อ 27 August 2009 - 12:06 PM
อานิสงค์กฐิน ตามที่องค์สมเด็จพระชินสีห์ พระบรมศาสดาที่มีพระนามว่าพระปทุมมุตตระเทศนาไว้ว่า "อานิสงค์ของกฐินมีมากเป็นกรณีพิเศษ” ทั้งผู้ถวายกฐินทาน และผู้ร่วมถวายกฐินทานครั้งหนึ่งจะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าก็ได้ จะปรารถนาเป็นพระอัครสาวกก็ได้ จะปรารถนาพระนิพพาน ซึ่งเป็นพระอรหันต์ก็ได้ และยิ่งกว่านั้นไซร้ ก่อนที่บรรดาผลทั้งหลายเหล่านั้น คือความเป็นพระพุทธเจ้าก็ดี ความเป็นอัครสาวกก็ดี หรือพระอรหันต์ที่ดี กว่าจะมาถึง พระผู้มีพระภาคเจ้ากล่าวว่า ในขณะที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ มีบารมียังไม่สูงดี ยังไม่บรรลุ-มรรคผล อานิสงค์กฐินทาน จะให้ผลดังนี้
- ในอันดับแรกเมื่อตายจากความเป็นคนจะไปเกิดเป็นเทวดาและลงมาจุติเป็นเจ้าจักรพรรดิปกครองประเทศทั่วโลก มีมหาสมุทรทั้ง ๔ เป็นขอบเขต ๕๐๐ ชาติ
- เมื่อบุญแห่ง ความเป็นจักรพรรดิสิ้นไป บุญหย่อนลงมาจะเป็นพระมหากษัตริย์ ๕๐๐ ชาติ
- เมื่อบุญแห่งความเป็นพระมหากษัตริย์หมดไป ก็เกิดเป็นเศรษฐี ๕๐๐ ชาติ
- เมื่อบุญแห่งความเป็นเศรษฐีหมดไป ก็เกิดเป็นอนุเศรษฐี ๕๐๐ ชาติ
- เมื่อบุญแห่งความเป็นอนุเศรษฐีหมดไป ก็เกิดเป็นคหบดี ๕๐๐ ชาติ
รวมความแล้วองค์สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถตรัสไว้ว่า คนที่ทอดกฐินทานครั้งหนึ่งก็ดี หรือ ร่วม ทอดกฐินก็ดี บุญบารมีส่วนนี้ยังไม่ทันหมด ก็เข้านิพพานก่อนก็ได้
ทั้งกฐินและผ้าป่า ก็เป็นสังฆทานด้วยกันทั้งคู่ แต่ทว่าอานิสงส์กฐินได้มากกว่า เพราะว่ากฐินเป็นกาลทาน มีเวลาจำกัด คือจะทอดได้ตั้งแต่แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึงกลางเดือน ๑๒ แต่อานิสงส์ได้ทั้งสองฝ่าย คือผู้ทอดก็ได้ พระผู้รับก็ได้ โดยพระผู้รับผ้ากฐินมีอำนาจคุ้มครองพระวินัยได้หลายสิกขาบท กล่าวคือ พระผู้รับผ้ากฐิน เป็นผู้ที่ได้ฉันทามติจากสงฆ์ว่าเป็นผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบตลอดพรรษา
กาลทานสูตร อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต
เพราะเหตุที่กาลทาน เป็นทานที่ให้ในเวลาจำกัดทำไม่ได้โดยสม่ำเสมอ พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่าเป็นทานที่มีผลมาก ยิ่งให้ในผู้มีศีลผู้ประพฤติตรงยิ่งมีผลมาก แม้บุคคลผู้อนุโมทนาต่อทานของผู้นั้นหรือช่วยเหลือให้ทานของผู้นั้นสำเร็จผล ก็ได้รับผล ทั้งบุญของผู้ให้ก็ไม่บกพร่อง เพราะฉะนั้นบุคคลจึงควรยินดีในการให้ทาน ทานที่บุคคลให้แล้วย่อมมีผลมาก ทั้งยังติดตามไปเป็นที่พึ่งแก่เขาในโลกหน้าด้วย
- ในอันดับแรกเมื่อตายจากความเป็นคนจะไปเกิดเป็นเทวดาและลงมาจุติเป็นเจ้าจักรพรรดิปกครองประเทศทั่วโลก มีมหาสมุทรทั้ง ๔ เป็นขอบเขต ๕๐๐ ชาติ
- เมื่อบุญแห่ง ความเป็นจักรพรรดิสิ้นไป บุญหย่อนลงมาจะเป็นพระมหากษัตริย์ ๕๐๐ ชาติ
- เมื่อบุญแห่งความเป็นพระมหากษัตริย์หมดไป ก็เกิดเป็นเศรษฐี ๕๐๐ ชาติ
- เมื่อบุญแห่งความเป็นเศรษฐีหมดไป ก็เกิดเป็นอนุเศรษฐี ๕๐๐ ชาติ
- เมื่อบุญแห่งความเป็นอนุเศรษฐีหมดไป ก็เกิดเป็นคหบดี ๕๐๐ ชาติ
รวมความแล้วองค์สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถตรัสไว้ว่า คนที่ทอดกฐินทานครั้งหนึ่งก็ดี หรือ ร่วม ทอดกฐินก็ดี บุญบารมีส่วนนี้ยังไม่ทันหมด ก็เข้านิพพานก่อนก็ได้
ทั้งกฐินและผ้าป่า ก็เป็นสังฆทานด้วยกันทั้งคู่ แต่ทว่าอานิสงส์กฐินได้มากกว่า เพราะว่ากฐินเป็นกาลทาน มีเวลาจำกัด คือจะทอดได้ตั้งแต่แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึงกลางเดือน ๑๒ แต่อานิสงส์ได้ทั้งสองฝ่าย คือผู้ทอดก็ได้ พระผู้รับก็ได้ โดยพระผู้รับผ้ากฐินมีอำนาจคุ้มครองพระวินัยได้หลายสิกขาบท กล่าวคือ พระผู้รับผ้ากฐิน เป็นผู้ที่ได้ฉันทามติจากสงฆ์ว่าเป็นผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบตลอดพรรษา
กาลทานสูตร อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต
เพราะเหตุที่กาลทาน เป็นทานที่ให้ในเวลาจำกัดทำไม่ได้โดยสม่ำเสมอ พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่าเป็นทานที่มีผลมาก ยิ่งให้ในผู้มีศีลผู้ประพฤติตรงยิ่งมีผลมาก แม้บุคคลผู้อนุโมทนาต่อทานของผู้นั้นหรือช่วยเหลือให้ทานของผู้นั้นสำเร็จผล ก็ได้รับผล ทั้งบุญของผู้ให้ก็ไม่บกพร่อง เพราะฉะนั้นบุคคลจึงควรยินดีในการให้ทาน ทานที่บุคคลให้แล้วย่อมมีผลมาก ทั้งยังติดตามไปเป็นที่พึ่งแก่เขาในโลกหน้าด้วย
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC
#3
โพสต์เมื่อ 27 August 2009 - 07:37 PM
อนุโมทนา พี่ WISH ด้วยครับ
post_2683_1221031538.gif 22.04K
54 ดาวน์โหลด

ใจหยุดที่สุดแห่งบุญ มุ่งสู่ที่สุดแห่งธรรม
#4
โพสต์เมื่อ 28 August 2009 - 12:02 AM
อนุโมทนาบุญด้วยนะครับ
สาธุ
สาธุ
#5
โพสต์เมื่อ 29 August 2009 - 07:38 PM
ขออนุโมทนาบุญครับ