มติมหาเถรสมาคม
ครั้งที่ ๑๙/๒๕๔๖
สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม
มติที่ ………………………………………………
เรื่อง การขอยกวัดราษฎร์ขึ้นเป็นพระอารามหลวง จังหวัดยะลา
ในการประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๑๙/๒๕๔๖ เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๔๖ เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า จังหวัดต่าง ๆ ได้ส่งรายงานขอยกวัดราษฎร์ขึ้นเป็นพระอารามหลวง โดยได้รับความเห็นชอบจากเจ้าคณะปกครองฝ่ายสงฆ์ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมืองตามลำดับ เพื่อสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติดำเนินการ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติพิจารณาแล้วเห็นว่า วัดดังกล่าว ประกอบด้วยลักษณะตามหลักเกณฑ์ คือ
วัดพุทธาธิวาส อำเภอเบตง จังหวัดยะลา
1)เป็นวัดที่เป็นหลักฐานมีเสนาสนะมั่นคงถาวร คือ
- มีที่ดินที่ตั้งวัด ตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๙๒๕ มีเนื้อที่ประมาณ ๒๓ ไร่
๓ งาน ๓๐.๘ ตารางวา
- มีอุโบสถ ศาลาการเปรียญ และกุฏิ เป็นหลักฐานมั่นคงถาวร
2)มีการปกครองเป็นระเบียบเรียบร้อย คือ จัดแบ่งหน้าที่ให้กับพระภิกษุ สามเณร ให้ปฏิบัติหน้าที่เท่าเทียมกันตามอายุพรรษา และพระภิกษุสามเณรทุกรูปต้องยอมรับและเคารพต่อกฎระเบียบ และกติกาการปกครองของวัดให้เป็นไปตามพระธรรมวินัย พระราชบัญญัติ-คณะสงฆ์ ระเบียบและกฎมหาเถรสมาคม
เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน มีสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ที่ พระครูไพศาล-วุฒิกิจ มีตำแหน่งทางการปกครองคณะสงฆ์ เป็น เจ้าคณะอำเภอเบตง
มีการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกธรรม ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๘๖
3)เป็นวัดที่มีการพัฒนาและมีกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน กล่าวคือ
- สนับสนุนและส่งเสริมให้พระภิกษุสามเณรภายในวัดและเขต ปกครองได้ศึกษาวิชาความรู้ทั้งด้านพระปริยัติธรรม และวิชาการทางโลก ทั้งส่งเสริมพระภิกษุในวัดไปศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมในสำนักเรียนอื่น โดยอยู่ในความอุปการะตามสมควร และเป็นศูนย์กลางการเรียนการสอนธรรมศึกษา และหลักสูตรวิชาพระพุทธศาสนา แก่นักเรียน เยาวชน และประชาชนทั่วไป ตลอดจนสนับสนุนให้วัดเป็นลานวัด ลานใจ ลานกีฬา เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดให้กับเยาวชน
- ตั้งรางวัลแก่นักเรียนผู้ขยันเรียน โดยการจัดตั้งกองทุนเพื่อส่งเสริมการ
ศึกษาและมอบทุนการศึกษาเป็นประจำทุกปี
- ให้ความสงเคราะห์ศูนย์คนชราในอำเภอเบตง ให้ความอนุเคราะห์ที่พักอาศัยแก่ประชาชนผู้เดินทางไกล และให้ความอนุเคราะห์ช่วยเหลือแก่ผู้ที่ประสบภัยต่าง ๆ
- มอบเงินให้โรงพยาบาลเบตง เพื่อซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ เป็นเงินจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งแสนบาทถ้วน) และประชุมสังฆมติจัดหาทุนสร้างที่พักสงฆ์อาพาธ ณ โรงพยาบาลเบตง จำนวน ๗๐๐,๐๐๐ บาท (เจ็ดแสนบาทถ้วน) และมอบเงินให้โรงพยาบาลอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เพื่อบริการผู้เจ็บป่วยในโรงพยาบาล จำนวน ๓๐,๐๐๐ บาท (สามหมื่นบาทถ้วน)
4) มีพระภิกษุอยู่จำพรรษาในระยะห้าปี ไม่น้อยกว่า ๒๐ รูป
สำหรับลักษณะที่กำหนดไว้ในข้อนี้ คือ จะต้องมีพระภิกษุจำพรรษาตั้งแต่ ๒๐ รูปขึ้นไป ติดต่อกันเป็นเวลา ๕ ปี ถึงปัจจุบัน เห็นสมควรยกเว้นคุณสมบัติข้อนี้ให้กับวัดพุทธาธิวาส เป็นกรณีพิเศษ เพราะวัดพุทธาธิวาสมีพระภิกษุจำพรรษาไม่ครบ ๒๐ รูป ติดต่อกันเป็นเวลา ๕ ปี ทั้งนี้ เนื่องจากไดรับรายงานจากเจ้าคณะจังหวัดยะลา ว่า ในพื้นที่อำเภอเบตง
5)มีประชาชนชาวไทยมุสลิมอาศัยอยู่โดยรอบ มีประชาชนที่นับถือศาสนาพุทธร้อยละ ๔๘ ส่วนที่เหลือร้อยละ ๕๒ นับถือศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ และศาสนาฮินดู ประกอบกับ แม้ว่าในบางปีมีพระ-ภิกษุเกินจำนวน ๒๐ รูป แต่ต้องส่งพระภิกษุไปจำพรรษาในเขตปกครองเพื่อให้ครบจำนวน ๕ รูป จึงเป็นเหตุที่ไม่สามารถจะมีพระภิกษุอยู่จำพรรษาครบจำนวน ๒๐ รูปติดต่อกัน ๕ ปี ขึ้นไปได้ แต่วัดพุทธาธิวาส ตำบลเบตง อำเภอเบตงนั้น มีความสำคัญอย่างยิ่ง สมควรได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวง เพื่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนา เพราะเป็นวัดที่ตั้งอยู่ชายแดนติดต่อกับประเทศมาเลเซีย
6)เป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และสังคม คือ
วัดพุทธาธิวาส เป็นวัดที่ติดชายแดนไทย-มาเลเซีย ท่ามกลางความหลากหลายของประเพณีและวัฒนธรรมทั้งไทย จีน มลายู นอกจากนี้ยังมีถาวรวัตถุที่สำคัญ คือ
-1)
พระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ ลักษณะรูปทรงสี่เหลี่ยม กว้างด้านละ ๓๙.๙ เมตร สูง ๓๙.๙ เมตร
-2)
พระพุทธธรรมกายมงคลประยูรเกศานนท์สุพพิธาน เป็น พระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ขนาดหน้าตักกว้าง ๙.๙๙ เมตร สูง ๑๔.๒๙ เมตร น้ำหนักประมาณ ๔๐ ตัน เป็นสัญลักษณ์ของชาวไทยผู้นับถือศาสนาพุทธ เป็นวัดที่ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๐ และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๖ ตั้งวัดมาแล้ว ๘๖ ปี
พระอารามหลวง พ.ศ. ๒๕๑๘ และได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการพิจารณาเรื่องการขอยกวัดราษฎร์ขึ้นเป็นพระอารามหลวงแล้ว จึงเห็นควรนำเสนอมหาเถรสมาคมเพื่อโปรดพิจารณาให้ความเห็นชอบ พร้อมทั้งกำหนดชั้นและชนิดของพระอารามหลวงต่อไป
ที่ประชุมพิจารณาแล้วลงมติให้ยก
วัดพุทธาธิวาส อำเภอเบตง จังหวัดยะลา
ขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ
(นายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์)
เลขาธิการมหาเถรสมาคม
พระมหาธาตุเจดีย์ พระพุทธธรรมประกาศ อ.เบตง จ.ยะลา ตั้งอยู่บนเนินเขาในตัวเมืองเบตง บริเวณวัดพุทธาธิวาส ถนนรัตนกิจ ลักษณะเจดีย์ก่อสร้างแบบศรีวิชัยประยุกต์ สีทองอร่าม สูง 39.9 เมตร บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสพระชนมายุครบ 60 พรรษา จากเจดีย์สามารถมองเห็นทัศนียภาพของวัดและเมืองเบตงอีกมุมหนึ่งได้สวยงาม
อำเภอเบตง จังหวัดยะลา จัดพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน โดยมีประชาชนทุกหมู่เหล่าเข้าร่วมพิธีจำนวนมาก (22 ต.ค.52) เวลา 9.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าพระกฐิน ให้ นางลาวัลย์ คงคา เป็นประธานนำผ้าพระกฐินพระราชทาน ถวายพระสงฆ์จำพรรษาครบไตรมาส ณ วัดพุทธาธิวาส พระอารามหลวง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา โดยมี นายดลเดช พัฒนรัฐ นายอำเภอเบตง ข้าราชการ สมาคม นักเรียน นักศึกษา และประชาชน เข้าร่วมในพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน เป็นจำนวนมาก สำหรับจำนวนเงินที่ประชาชนร่วมบริจาคโดยเสด็จพระราชกุศลในครั้งนี้ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 520,000 บาท
สำหรับวัดพุทธาธิวาส เดิมชื่อวัดเบตง ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเบตง มีบรรยากาศร่มรื่นทัศนียภาพงดงามประกอบด้วยสถาปัตยกรรมที่มีความโดดเด่นเป็นสง่า เช่น พระพุทธธรรมกายมงคลประยุรเกศานนท์สุพิธานพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย วิหารหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด และพระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ โดยพระมหาธาตุเจดีย์จะตั้งอยู่บนเนินเขา มีสถาปัตยกรรมแบบศรีวิชัยประยุกต์ขนาดความสูงเท่ากับตึก 13 ชั้น มีความสวยงามและใหญ่ที่สุดในภาคใต้ สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 60 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ โดยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานนาม และเสด็จพระราชดำเนินทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุบนยอดฉัตรเมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2536 ปัจจุบันเป็นสถานที่สักการะบูชาของพุทธศาสนิกชน ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่เดินทางมา อ.เบตง
พระพุทธธรรมกายมงคลประยุรเกศานนท์สุพิธาน
ที่สุดของพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์นอกจากความเป็นที่สุดในเรื่องเมืองที่อยู่ใต้สุด และอุโมงค์รถยนต์แล้ว อ.เบตง ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย พระพุทธรูปองค์นี้มีนามว่า พระพุทธธรรมกายมงคลประยูรเกศานนท์สุพิธาน โดยได้ทำการหล่อเป็นชิ้นส่วนมาจากประเทศจีน แล้วบรรทุกมาทางเรือสินค้า เมื่อมาประกอบและประดิษฐานแล้ว รวมเป็นองค์พระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่ มีหน้าตักกว้าง 9.99 ม. สูง 14.29 ม. และมีน้ำหนักประมาณ 40 ตัน ชาว อ.เบตง ได้ร่วมกันบริจาคทรัพย์เพื่อสร้างขึ้นเป็นปูชนียสถานที่สำคัญคู่เมืองเบตง แสดงออกไว้ซึ่งความศรัทธาอย่างแรงกล้า