คนที่ทำงานบริการ..อย่างงานโรงแรม ที่ต้องเจอลูกค้าเอาแต่ใจ ต้องรองรับอารมณ์ของคนอื่น
ทำงานก็หนัก...วันหยุดก็น้อย...ทำง่นหามรุ่งหามค่ำ ไม่มีโอกาสเข้าวัดวา...เฮ่อ..
เกิดจากกรรมใด และแก้ไขยังไงคะ...

กรรมใดทำให้ต้องคอยรับใช้ บริการคนอื่น
เริ่มโดย usr26880, Dec 30 2009 02:55 PM
มี 10 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 30 December 2009 - 02:55 PM
#2
โพสต์เมื่อ 30 December 2009 - 03:26 PM
ผมว่างานบริการทุกงานเป็นงานที่มีเกียรติมากนะครับ ถ้าเราทำตัวเป็นแจกันดอกไม้ คอยดูอารมณ์ที่ดีของคนอื่น คอยดูนิสัยที่ดีของลูกค้า ให้เรารับแต่สิ่งที่ดีเข้ามาในตัวเราจะรู้เลยว่างานบริการที่ได้เจอผู้คนมากมายมีคุณค่ามากแค่ไหน ส่วนเรื่องอารมณ์เสียๆ ผมว่าเป็นเรื่องธรรมดาของคนที่ยังมีกิเลสแม้แต่ตัวเราเองก็เช่นเดียวกัน เพราะยิ่งเรามองแต่ส่ิงไม่ดีก็จะเหมือนถังขยะนะครับ ไม่ดี ไม่ดี (อันนี้หลวงพ่อทัตตะสอนมา)
งานก็หนัก วันหยุดก็น้อย ทำงานหามรุ่งหามค่ำ..............ฮิ ฮิ ขึ้นอยูกับว่าเราเปรียบเทียบกับใครครับ ถ้าเปรียบเทียบกับใครครับ
ถ้าเทียบกับคนที่ไม่มีงานทำหรือไม่รู้จะทำอะไร เค้ามีเวลาครับแต่ไม่ค่อยมีเงิน
ถ้าเทียบกับเจ้าของกิจการ เค้ามีเงินครับแต่ไม่มีเวลา (แถมต้องรับภาระหนี้สิน หรือเงินลงทุน และความเสี่ยงอีกมากมาย)
ถ้าเทียบกับคนทั่วๆ ไป ไม่มีใครในโลกนี้ที่มีเป้าหมายในชีวิต แล้วไม่ลงมือทำงานหนักเพื่อให้ถึงเป้าหมายนั้น ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายทางโลกหรือทางธรรมก็ตาม
ส่วนคำตอบสุดท้ายขอยกคำสอนยายแล้วกันนะครับ "เราเกิดมาแล้วหนิ จะไปแก้ไขอะไรได้.............. " (ส่วนอื่นๆ เดี่ยวขอค้นมาตอบนะจำไม่ค่อยได้)
ปล. แค่ท่าน usr26880 ได้เข้ามาใน board ของ dmc นี้ก็สุดยอดแล้วครับ เชื่อดิ ที่เหลือก็ค่อย ขยับขยาย ทำงานที่รับผิดชอบให้เต็มที่ ถ้ามีโอกาสอะไรผ่านมาก็ลองคว้ามาำทำดู และถ้าเจอว่าตนเองถนัดหรือชอบอะไรจริงๆ ก็ลุยกับมันเลย กว่าผมจะเจองานที่รักและอยากทำจริงๆ ก็ลุยกับชีวิตมาเยอะเหมือนกัน เป็นกำลังใจให้นะครับ สู้ๆ
งานก็หนัก วันหยุดก็น้อย ทำงานหามรุ่งหามค่ำ..............ฮิ ฮิ ขึ้นอยูกับว่าเราเปรียบเทียบกับใครครับ ถ้าเปรียบเทียบกับใครครับ
ถ้าเทียบกับคนที่ไม่มีงานทำหรือไม่รู้จะทำอะไร เค้ามีเวลาครับแต่ไม่ค่อยมีเงิน
ถ้าเทียบกับเจ้าของกิจการ เค้ามีเงินครับแต่ไม่มีเวลา (แถมต้องรับภาระหนี้สิน หรือเงินลงทุน และความเสี่ยงอีกมากมาย)
ถ้าเทียบกับคนทั่วๆ ไป ไม่มีใครในโลกนี้ที่มีเป้าหมายในชีวิต แล้วไม่ลงมือทำงานหนักเพื่อให้ถึงเป้าหมายนั้น ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายทางโลกหรือทางธรรมก็ตาม
ส่วนคำตอบสุดท้ายขอยกคำสอนยายแล้วกันนะครับ "เราเกิดมาแล้วหนิ จะไปแก้ไขอะไรได้.............. " (ส่วนอื่นๆ เดี่ยวขอค้นมาตอบนะจำไม่ค่อยได้)
ปล. แค่ท่าน usr26880 ได้เข้ามาใน board ของ dmc นี้ก็สุดยอดแล้วครับ เชื่อดิ ที่เหลือก็ค่อย ขยับขยาย ทำงานที่รับผิดชอบให้เต็มที่ ถ้ามีโอกาสอะไรผ่านมาก็ลองคว้ามาำทำดู และถ้าเจอว่าตนเองถนัดหรือชอบอะไรจริงๆ ก็ลุยกับมันเลย กว่าผมจะเจองานที่รักและอยากทำจริงๆ ก็ลุยกับชีวิตมาเยอะเหมือนกัน เป็นกำลังใจให้นะครับ สู้ๆ
"ชีวิตนี้อุทิศเพื่อพระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกาย"
#3
โพสต์เมื่อ 30 December 2009 - 03:31 PM
เย็นไว้ครับ อย่าเพิ่งด่วนตัดพ้อ น้อยใจในโชคชะตา
ลองพิจารณาเหตุปัจจุบันก่อนครับ...ว่า
1. งานที่เราทำเป็นสัมมาอาชีพหรือไม่
2. ผมเองก็ทำงานที่ต้องบริการลูกค้า...ต้องอ่อนน้อม อดทนรองรับอารมณ์และความคาดหวังจากลูกค้าที่หลากหลายเช่นกันครับ...ทำไงดี จะเลือกหรือเลี่ยงลูกค้าเจ้าอารมณ์ก็ไม่ได้ใช่ไหมครับ...ก็ต้องปรับที่ตัวเรา โดยยกระดับใจให้อดทน อดกลั้นให้มากขึ้นครับ...ฝึกครับ...อย่างน้อยถ้ายังไม่ฝึกก็ต้องสมมุติประหนึ่งว่า คนที่มีชีวิตแย่กว่าเรานี้ยังมีอยู่อีก แล้วเราจะรู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง
3. ต้องศึกษากฎหมายแรงงานครับ ถ้าภาระงาน(เวลา)หนักเกินกฎหมายฯกำหนด...ต้องดำเนินการเรียกสิทธิอันชอบธรรมครับ(วิธีการมีอยู่)
4. ถ้าเรามีคุณค่าพอ...หากมีทางเลือกอื่น...ก็เลือกไปจากที่นี่ครับ...หางานอื่นที่เราทำแล้วมีความสุข
มีกรณีศึกษาอยู่บ้างครับ....เกี่ยวกับวิบากกรรมที่ต้องทำงานหนักราวกับคนรับใช้
1. กรรมในอดีต ได้เคยข่มขู่ลูกน้องของตนเอง โดยได้ใช้ให้ทำงานเยี่ยงคนรับใช้ มาส่งผล
2. หย่อนกำลัง ด้านการสงเคราะห์ญาติและการสงเคราะห์โลก
3. ข่มขี่ญาติและไม่ใช่ญาติที่มาขอความช่วยเหลือ
แก้ไขที่เหตุครับ...
ลองพิจารณาเหตุปัจจุบันก่อนครับ...ว่า
1. งานที่เราทำเป็นสัมมาอาชีพหรือไม่
2. ผมเองก็ทำงานที่ต้องบริการลูกค้า...ต้องอ่อนน้อม อดทนรองรับอารมณ์และความคาดหวังจากลูกค้าที่หลากหลายเช่นกันครับ...ทำไงดี จะเลือกหรือเลี่ยงลูกค้าเจ้าอารมณ์ก็ไม่ได้ใช่ไหมครับ...ก็ต้องปรับที่ตัวเรา โดยยกระดับใจให้อดทน อดกลั้นให้มากขึ้นครับ...ฝึกครับ...อย่างน้อยถ้ายังไม่ฝึกก็ต้องสมมุติประหนึ่งว่า คนที่มีชีวิตแย่กว่าเรานี้ยังมีอยู่อีก แล้วเราจะรู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง
3. ต้องศึกษากฎหมายแรงงานครับ ถ้าภาระงาน(เวลา)หนักเกินกฎหมายฯกำหนด...ต้องดำเนินการเรียกสิทธิอันชอบธรรมครับ(วิธีการมีอยู่)
4. ถ้าเรามีคุณค่าพอ...หากมีทางเลือกอื่น...ก็เลือกไปจากที่นี่ครับ...หางานอื่นที่เราทำแล้วมีความสุข
มีกรณีศึกษาอยู่บ้างครับ....เกี่ยวกับวิบากกรรมที่ต้องทำงานหนักราวกับคนรับใช้
1. กรรมในอดีต ได้เคยข่มขู่ลูกน้องของตนเอง โดยได้ใช้ให้ทำงานเยี่ยงคนรับใช้ มาส่งผล
2. หย่อนกำลัง ด้านการสงเคราะห์ญาติและการสงเคราะห์โลก
3. ข่มขี่ญาติและไม่ใช่ญาติที่มาขอความช่วยเหลือ
แก้ไขที่เหตุครับ...
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC
#4
โพสต์เมื่อ 30 December 2009 - 03:33 PM
มองในแง่บวก ได้ฝึกความอดทน ขันติบารมี... ได้ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับแขกที่มาพัก... พยาบาลส่วนใหญ่ก็ทำงานคล้ายๆ กัน คืองานหนักหยุดน้อย แต่ทำด้วยใจรัก... ลองหาจุดดีดูครับ
ส่วนเหตุอะไร รอผู้รู้มาตอบครับ
ส่วนเหตุอะไร รอผู้รู้มาตอบครับ
#5
โพสต์เมื่อ 30 December 2009 - 03:47 PM
ผมว่า ลองมองอย่างนี้ดีมั้ยครับ ทุกงานมีจุดดีจุดด้อยต่างกันไม่ว่าตั้งเเต่ผู้บริหารยันลูกน้อง ได้ฝึกบารมี 10 อย่างต่างกัน
อย่างงานบริการที่เห็นได้ชัดๆเลยนี่ก็ ขันติบารมี
ลองมองหาจุดดีในสิ่งที่เรากำลังประสบ แม้ในเรื่องที่แย่ที่สุดสำหรับเรามันก็ยังมีข้อดีแฝงอยู่เสมอ
เป็นกำลังใจให้นะครับ ...........
อย่างงานบริการที่เห็นได้ชัดๆเลยนี่ก็ ขันติบารมี
ลองมองหาจุดดีในสิ่งที่เรากำลังประสบ แม้ในเรื่องที่แย่ที่สุดสำหรับเรามันก็ยังมีข้อดีแฝงอยู่เสมอ
เป็นกำลังใจให้นะครับ ...........
คนที่ไม่มีปัญหาคือคนที่ไม่ได้ทำ
#6
โพสต์เมื่อ 30 December 2009 - 04:34 PM
พวกเราล้วนมาแสดงหนัง แสดงละครอย่ในโลกนี้เท่านั้น
คนที่เขาร่ำรวย คนที่ทำงานไม่หนัก เพราะบุญเก่าเขาทำมามาก
คนที่ทำงานหนัก ต้องรองรับอารมณ์คนอื่น เพราะบุญเก่าเรามีน้อย
ถ้าอยากสบายตอนเข้าวัยกลางคนหรือตอนแก่ ไม่ต้องทำงานหนักและรองรับอารมณ์คนอื่น ก็ให้หมั่นทำบุญเอาไว่
บุญที่ทำตอนนี้จะส่งผลให้เห็นในอีก 10-20 ปี หรือส่งผลในชาติหน้า
คนที่เขาร่ำรวย คนที่ทำงานไม่หนัก เพราะบุญเก่าเขาทำมามาก
คนที่ทำงานหนัก ต้องรองรับอารมณ์คนอื่น เพราะบุญเก่าเรามีน้อย
ถ้าอยากสบายตอนเข้าวัยกลางคนหรือตอนแก่ ไม่ต้องทำงานหนักและรองรับอารมณ์คนอื่น ก็ให้หมั่นทำบุญเอาไว่
บุญที่ทำตอนนี้จะส่งผลให้เห็นในอีก 10-20 ปี หรือส่งผลในชาติหน้า
#7
โพสต์เมื่อ 30 December 2009 - 08:41 PM
งานบริการหลายๆ เคส เกิดจากการตั้งจิตอธิษฐานด้วยหัวใจบริการข้ามชาติมาน่ะครับ เช่น พระอานนท์ ท่านได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่า ท่านเป็นยอดอุปัฏฐาก คอยดูแลพระพุทธเจ้าอย่างไม่มีใครเสมอเหมือน เป็นพระอานนท์ชาติในอดีต ได้เคยตั้งจิตอธิษฐานมาว่า อยากจะขอทำหน้าที่นี้ เป็นต้นครับ
งานบริการหลายๆ เคส เกิดจากความผูกพัน และความจงรักภักดีต่อผู้เป็นนายน่ะครับ เช่น นายปุนนะ คนรับใช้ผู้จงรักภักดีต่อ ท่านเมณฎกเศรษฐี นายปุนนะ ความจริงแล้วเป็นผู้มีบุญมากตั้งแต่ภพชาติก่อน หากคิดจะดำรงตำแหน่งเสนาบดี ด้วยกำลังบุญของเขา เขาก็สามารถเป็นเสนาบดีได้สบายๆ ส่วนในชาติปัจจุบัน นายปุนนะ ก็มีอานุภาพ คือ ไถนา เพียงครั้งเดียวรอยเดียว แต่รอยไถจะแตกออกเป็น 7 รอย แม้เขาจะมีกำลังบุญมากขนาดนี้ แต่เขาก็ไม่คิดแยกตัวออกไป ขออยู่เป็นคนรับใช้ท่านเมณฎกเศรษฐีด้วยความจงรักภักดีต่อไปน่ะครับ
งานบริการหลายๆ เคส เกิดจากความผูกพัน ฉันท์เพื่อน เช่น ม้ากัณทกะที่พระโพธิสัตว์ของเราขี่ไปบวชนั้น ชาติในอดีตเคยเป็นเพื่อนกับพระโพธิสัตว์ของเรามาก่อน ท่านได้สร้างบารมีมา โดยมุ่งปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในภายหน้าเช่นกัน
แต่ชาตินี้ ท่านขอมาเกิดเป็นม้าพาโพธิสัตว์ไปออกบวชเสียก่อน แล้วจะค่อยมุ่งสร้างบารมีรุดหน้าให้ได้บรรลุโพธิญาณในภายหลัง อย่างนี้ก็มี
ส่วนงานบริการหลายๆ เคส ก็เกิดจากวิบากกรรมจริงๆ ด้วยล่ะครับ ศึกษาได้จาก Case Study เรื่อง เด็กหญิงภูเขา อดีตลูกเศรษฐี มากลายเป็นคนรับใช้ ได้ครับ ข้างล่างนี้
http://www.dmc.tv/pa...2549-01-07.html
งานบริการหลายๆ เคส เกิดจากความผูกพัน และความจงรักภักดีต่อผู้เป็นนายน่ะครับ เช่น นายปุนนะ คนรับใช้ผู้จงรักภักดีต่อ ท่านเมณฎกเศรษฐี นายปุนนะ ความจริงแล้วเป็นผู้มีบุญมากตั้งแต่ภพชาติก่อน หากคิดจะดำรงตำแหน่งเสนาบดี ด้วยกำลังบุญของเขา เขาก็สามารถเป็นเสนาบดีได้สบายๆ ส่วนในชาติปัจจุบัน นายปุนนะ ก็มีอานุภาพ คือ ไถนา เพียงครั้งเดียวรอยเดียว แต่รอยไถจะแตกออกเป็น 7 รอย แม้เขาจะมีกำลังบุญมากขนาดนี้ แต่เขาก็ไม่คิดแยกตัวออกไป ขออยู่เป็นคนรับใช้ท่านเมณฎกเศรษฐีด้วยความจงรักภักดีต่อไปน่ะครับ
งานบริการหลายๆ เคส เกิดจากความผูกพัน ฉันท์เพื่อน เช่น ม้ากัณทกะที่พระโพธิสัตว์ของเราขี่ไปบวชนั้น ชาติในอดีตเคยเป็นเพื่อนกับพระโพธิสัตว์ของเรามาก่อน ท่านได้สร้างบารมีมา โดยมุ่งปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในภายหน้าเช่นกัน
แต่ชาตินี้ ท่านขอมาเกิดเป็นม้าพาโพธิสัตว์ไปออกบวชเสียก่อน แล้วจะค่อยมุ่งสร้างบารมีรุดหน้าให้ได้บรรลุโพธิญาณในภายหลัง อย่างนี้ก็มี
ส่วนงานบริการหลายๆ เคส ก็เกิดจากวิบากกรรมจริงๆ ด้วยล่ะครับ ศึกษาได้จาก Case Study เรื่อง เด็กหญิงภูเขา อดีตลูกเศรษฐี มากลายเป็นคนรับใช้ ได้ครับ ข้างล่างนี้
http://www.dmc.tv/pa...2549-01-07.html
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร
#8
โพสต์เมื่อ 30 December 2009 - 10:05 PM
QUOTE
ม้ากัณทกะที่พระโพธิสัตว์ของเราขี่ไปบวชนั้น ชาติในอดีตเคยเป็นเพื่อนกับพระโพธิสัตว์ของเรามาก่อน ท่านได้สร้างบารมีมา โดยมุ่งปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในภายหน้าเช่นกัน
แต่ชาตินี้ ท่านขอมาเกิดเป็นม้าพาโพธิสัตว์ไปออกบวชเสียก่อน แล้วจะค่อยมุ่งสร้างบารมีรุดหน้าให้ได้บรรลุโพธิญาณในภายหลัง
แต่ชาตินี้ ท่านขอมาเกิดเป็นม้าพาโพธิสัตว์ไปออกบวชเสียก่อน แล้วจะค่อยมุ่งสร้างบารมีรุดหน้าให้ได้บรรลุโพธิญาณในภายหลัง
วาว เคยอยากรู้เรื่องนี้มานานแล้ว วันนี้กระจ่างเลยครับ
อืม แต่พระชาดก ท่านอยู่ในชาดกเรื่องใดบ้างครับ อยากรู้จัง
อย่าขาดการปฏิบัติธรรมแม้แต่เพียงวันเดียว
เพราะขาดแม้เพียงวันเดียว ใจเราจะหยาบ ทำให้ผังวิตกกังวลได้ช่อง
เพราะขาดแม้เพียงวันเดียว ใจเราจะหยาบ ทำให้ผังวิตกกังวลได้ช่อง
7 ส.ค. 48
#9
โพสต์เมื่อ 30 December 2009 - 11:32 PM
ขอร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยคนน่ะค่ะ
ก่อนที่จะอยากรู้ว่าตนเองมีกรรมอะไรจึงต้องมาทำงานบริการ ต้องอดทนกับอารมณ์ของลูกค้า
ถ้าพูดถึงงานอาชีพทุกอาชีพ ไม่มีอาชีพไหนที่ไม่ใช่งานบริการ และ ไม่มีอาชีพไหนที่ไม่ต้องอดทนกับอารมณ์ของคน
ทุกอาชีพคือ งานบริการ เพียงแต่จะบริการใคร
นับว่าคุณ เป็น คนโชคดีน่ะค่ะ ที่ได้ทำงานที่ให้บริการคนอื่น เพราะคุณสามารถออกแบบชีวิตของคุณในชาติต่อไปได้ค่ะ
หลวงพ่อเคยสอนว่า อยากรวย อยากสวย อยากมีปัญญา ก็ ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาสมาธิ
คุณสามารถออกแบบชีวิตของคุณได้ โดยทำแต่ละวันของคุณให้มีคุณค่า กับ การทำงานบริการ ตั้งแต่ ให้อภัย ให้น้ำคำ ให้น้ำใจ
เท่ากับคุณ ได้ฝึกฝนตนเอง ได้ครบ ทั้งการทำทาน รักษาศีล และ สมาธิ
ชาติต่อไป คุณจะได้มีแต่คนบริการคุณบ้าง ดีไหมค่ะ
ถ้าคุณทำวันนี้ให้ดีที่สุด เท่ากับ คุณได้สร้างสิ่งที่ดีที่สุดไว้ในอนาคตของคุณ
ขอให้คุณมีความสุข กับการออกแบบชีวิตไว้ในชาติต่อไปน่ะค่ะ
สิ่งที่ผ่านมาเราอาจแก้ไขมันไม่ได้ แต่ วันนี้เราสามารถสร้างสิ่งที่ดี เพื่อ พรุ่งนี้ที่ดีกว่าวันนี้ และ เมื่อวาน
อย่าเพิ่งท้อ อย่าเพิ่งหมดหวัง เพราะเพิ่งเริ่มต้นก้าวแรกเท่านั้นเอง
ความฝันอยู่ไม่ไกล ถ้าคุณก้าวเดินต่อไป สักวันถึงจุดหมายที่ฝันไว้
ก่อนที่จะอยากรู้ว่าตนเองมีกรรมอะไรจึงต้องมาทำงานบริการ ต้องอดทนกับอารมณ์ของลูกค้า
ถ้าพูดถึงงานอาชีพทุกอาชีพ ไม่มีอาชีพไหนที่ไม่ใช่งานบริการ และ ไม่มีอาชีพไหนที่ไม่ต้องอดทนกับอารมณ์ของคน
ทุกอาชีพคือ งานบริการ เพียงแต่จะบริการใคร
นับว่าคุณ เป็น คนโชคดีน่ะค่ะ ที่ได้ทำงานที่ให้บริการคนอื่น เพราะคุณสามารถออกแบบชีวิตของคุณในชาติต่อไปได้ค่ะ
หลวงพ่อเคยสอนว่า อยากรวย อยากสวย อยากมีปัญญา ก็ ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาสมาธิ
คุณสามารถออกแบบชีวิตของคุณได้ โดยทำแต่ละวันของคุณให้มีคุณค่า กับ การทำงานบริการ ตั้งแต่ ให้อภัย ให้น้ำคำ ให้น้ำใจ
เท่ากับคุณ ได้ฝึกฝนตนเอง ได้ครบ ทั้งการทำทาน รักษาศีล และ สมาธิ
ชาติต่อไป คุณจะได้มีแต่คนบริการคุณบ้าง ดีไหมค่ะ
ถ้าคุณทำวันนี้ให้ดีที่สุด เท่ากับ คุณได้สร้างสิ่งที่ดีที่สุดไว้ในอนาคตของคุณ
ขอให้คุณมีความสุข กับการออกแบบชีวิตไว้ในชาติต่อไปน่ะค่ะ
สิ่งที่ผ่านมาเราอาจแก้ไขมันไม่ได้ แต่ วันนี้เราสามารถสร้างสิ่งที่ดี เพื่อ พรุ่งนี้ที่ดีกว่าวันนี้ และ เมื่อวาน
อย่าเพิ่งท้อ อย่าเพิ่งหมดหวัง เพราะเพิ่งเริ่มต้นก้าวแรกเท่านั้นเอง
ความฝันอยู่ไม่ไกล ถ้าคุณก้าวเดินต่อไป สักวันถึงจุดหมายที่ฝันไว้
#10
โพสต์เมื่อ 31 December 2009 - 10:26 AM
ตอบคุณตระกร้าอีกใบในวันใหม่ครับ
เรื่องราวของม้ากัณทกะ ที่เสริมขึ้นมานั้น เป็นส่วนที่เพิ่มเติมจากตำรา จากการฝันในฝันของครูไม่ใหญ่ น่ะครับ
เรื่องราวของม้ากัณทกะ ที่เสริมขึ้นมานั้น เป็นส่วนที่เพิ่มเติมจากตำรา จากการฝันในฝันของครูไม่ใหญ่ น่ะครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร