ธรรมะพิเศษ : เพื่อขุนรบจักรพรรดิ์
กระดาษทิชชู่ กับความประมาท
หลวงพ่อสอนสิ่งที่ทำได้ยากที่สุด ด้วยวิธีการที่ง่ายที่สุด
ถ้าวิธีการที่ยากๆ ไม่ใช่ ต้องง่ายๆ ต้องนั่งแบบไฮโซ ไม่ใช่แบบกรรมาชีพ
การภาวนา ให้ทำเหมือนว่า เราเปิดซีดีคำภาวนา และ เครื่องเล่นซีดีก็จะดังออกมา เองว่า สัมมาอะระหัง ฟังไปเรื่อยๆ เราไม่ต้องทำอะไรกับมันเลย
อย่าไปบังคับ ไม่งั้นยิ่งนั่งก็ยิ่งแก่ ให้ข้างในเขาภาวนาเอง ถ้าสบาย คำภาวนาก็จะหายไปเอง
เริ่มนึก อย่าใช้ตานะ ถ้าใครตึงท้ายทอย หรือ หน้าผาก แสดงว่าติดการใช้ตา ให้ปรับใหม่
ให้นึกง่ายๆ สบายๆ ใครนึกถึงดอกไม้ได้บ้าง ดอกอะไร สีอะไรจ้ะ
ให้นึกว่าดอกกุหลาบนั้นลอยอยู่ข้างหลังเรานะ
และค่อยๆเคลื่อนออกมาข้างหน้า มาถึงกลางท้องของเรานะ
นึกง่ายๆ นะ กลางดอกมีอะไร กลางดอกมีดวงแก้ว ในกลางดวงแก้วมีองค์พระผุดซ้อนขึ้นมา
อย่าไปค้นหา ให้มั่นใจไปเลยว่า องค์พระท่านรอคอยเราอยู่ตลอดเวลา รอคอยพวกเราอยู่
ให้เพิ่มความเชื่อมั่น โดยนึกถึงมหาปูชนีอาจารย์ หลวงปู่ หลวงพ่อ คุณยาย ให้นึกถึงมหาธรรมกายเจดีย์ครอบเราเลยนะ
ให้เชื่อมั่นว่าท่านดูแลเราอยู่ตลอดเวลา
เอาหละ ขณะพวกเราฟังธรรม ข้างในของเราก็ดูไปเรื่อยๆ ให้ฟังด้วยกลางของเรา อย่าใช้ความคิดนะ
ให้ฟังด้วยใจ อย่าใช้สมอง ข้างในเขาเป็นอย่างไร ก็ให้เป็นไปอย่างนั้น ปล่อยใจตามไป ฟังเหมือนฟังเพลงนะ
ชีวิตเปรียบด้วยกระดาษทิชชู่
หลวงพ่อท่านบอกว่า คู่แข่งที่แท้จริงคือ เวลา และ สุขภาพ สองประการนี้สำคัญที่สุดในชีวิตของเรา
เรื่องสุขภาพไปหาเอาเอง ไปหาวิธีดูแลกายหยาบของเราเอาเองนะ
ส่วนเรื่องเวลา เวลาในชีวิตของเรา
อยากให้ดูกระดาษทิชชู่ หนึ่งแผ่นนี้ กางออกมาแล้วม้วนให้เป็นเส้นยาวๆ อย่างนี้นะ (ลองหยิบขึ้นมาทดลองดูนะครับ)
ถ้าเราสมมุติว่าเวลาในชีวิตของเรา มีความยาวเท่ากับกระดาษทิชชู่แผ่นนี้ สมมุติว่า แผ่นนี้เท่ากับ เจ็ดสิบห้าปี
เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตของเราหมดไปกับอะไรบ้างจ้ะ???
เวลานอน หมดไป หนึ่งในสามของวัน หรือ หนึ่งในสามของเวลาในชีวิตของเรา คือประมาณ ยี่สิบห้าปี เอ้า
เราก็ฉีกกระดาษทิชชู่แผ่นนี้ออกไป หนึ่งในสามส่วน( เหลือ สองในสาม หรือ คิดเป็นชั่วโมงต่อหนึ่งวันก็เท่ากับ เหลือ สิบหกชั่วโมง)
เวลาทำงาน พวกเราทำงานกันวันล่ะกี่ชั่วโมง ก็ประมาณ หนึ่งในสามของวัน หรือ อีกหนึ่งในสามของเวลาในชีวิตของเรา
คือประมาณอีก ยี่สิบห้าปี เอ้าเราก็ฉีกกระดาษทิชชู่แผ่นนี้ออกไปอีกหนึ่งในสามส่วน
(ตอนนี้กระดาษทิชชู่เหลืออยู่อีกเพียงแค่หนึ่งในสามส่วนเท่านั้น เพราะหมดไปกับเวลานอน
และ เวลาทำงานถึง สองในสามส่วนแล้ว คิดเป็นต่อวัน เหลืออีก แปดชั่วโมง)
นอกจากเราทำงาน และ นอนแล้วเรายังต้องทำอะไรกันอีกบ้างจ้ะ
อย่าลืมนะว่าตอนนี้เหลือให้ฉีกอีกแค่ หนึ่งในสามส่วน หรือ แปดชั่วโมงต่อหนึ่งวันเท่านั้น
เวลาทานอาหาร คือ ตั้งแต่ ไปจ่ายตลาด กลับมาเตรียมปรุงอาหาร ทานอาหาร เก็บล้างภาชนะ หมดกันไปอีกเท่าไหร่แล้ว
เอ้า สมมุติว่าสามมื้อ มื้อล่ะชั่วโมง ก็หมดไปอีก สามชั่วโมง (ฉีกกระดาษอีก)
เอ้าเหลือเวลาเท่าไหร่แล้ว ห้าชั่วโมงใช่ไหม และ ต้องทำอะไรกันอีก
เวลาทำความสะอาด อาบน้ำ ถ่ายหนัก ถ่ายเบา แต่งตัว จนถึงแต่งหน้า ทาปาก หมดไปอีกเท่าไหร่แล้ว อ้อ สองชั่วโมงนะ (ฉีกกระดาษอีก)
เวลาเดินทาง เวลารถติดบนถนน เอ้าหมดไปอีกหนึ่งชั่วโมงแล้ว (ฉีกกระดาษอีก ) เหลือ สองชั่วโมงแล้วนะ
เอ้าใครติดดูละครบ้าง ติดดูหนัง ติดอินเตอร์เนต แหม ทีดูละครดูทีวี เจ็ดแปดชั่วโมง ยังดูกันได้เลย
แล้วมาบอกว่าไม่มีเวลานั่งธรรมะ เอ้าหยวนๆให้ หนึ่งชั่วโมง (ฉีกกระดาษอีก)
เวลาเมาท์แตกอีกหละ วันๆ หมดกันไปอีกเท่าไหร่หล่ะเนี่ย
เวลาอื่นๆอีกหล่ะ ทำอะไรกันอีกบ้าง ไม่มีกระดาษเหลือให้ฉีกแล้ว
และ เวลาปฏิบัติธรรมหล่ะ มีกันเท่าไหร่????
เป็นอย่างไร เรามีเวลาเยอะไหม ???
สรุปว่า เวลา ถ้าจะแบ่งออก ก็แบ่งได้สามงบ งบแรก เวลานอน และ งบที่สอง เวลาทำงาน ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่
ส่วนงบที่สาม คือเวลาสัพเพเหระ ตรงนี้เราบริหารจัดการได้ เอ้าไปบริหารเวลากันใหม่นะ
ที่น่ากลัวที่สุด ตอนนี้อายุเท่าไหร่กันบ้างแล้ว ????
แล้วแน่ใจเหรอว่าจะอยู่ได้ถึง เจ็ดสิบห้า
จะทำอะไรก็ต้องรีบทำนะ อย่าคิดว่าเวลาทั้งชีวิตมีเยอะนะ
ดังนั้น เวลาลืมตาก็ต้องทำ จะเอาแค่เพียงเวลานั่งหลับตาแค่นี้ไม่พอนะ ทำแค่สองเวลาก็พอ คือ หลับตา และ ลืมตา
การปฏิบัติธรรมเราต้องมีความเชื่อมั่นว่า เราทำได้แน่นอน เรามีบุญมากพอ ต้องทำได้ และ ต้องทำอย่างต่อเนื่อง
มารคือผู้ขวางการทำความดี
วิธีของมาร มีห้าวิธี คือ เรียกร้องสิทธิ เจรจาต่อรอง ข่มขู่ เอาของมาล่อ ขอร้องวิงวอนบีบน้ำตา
ความลังเลสงสัย ไม่แน่ใจ ยาก ไม่สำเร็จ เป็นคำของเขา ที่เขาสอดละเอียดมา
ความเชื่อมั่น มั่นใจ ง่าย สำเร็จ เป็นคำของเรา
ขนาด (...) ถอดกาย เขายังคุมได้ แล้วพวกเราหล่ะ จะทำอย่างไร???
ไม่เป็นไร พวกเราเด็กเส้น มีเส้นดี และเป็นเส้นที่เชื่อมต่อกับ มหาปูชนีอาจารย์ แถมเป็นเส้น แบบ Wire-less ซะด้วย
ดังนั้นเราต้องขอความเมตตามหาปูชนีอาจารย์ ขอเชื่อมกับท่าน ยิ่งเชื่อมกับท่านใจเราจะยิ่งใสขึ้น
และ ต้องเชื่อมให้ได้ตลอดเวลา 24น.เพราะถ้าเราเผลอเมื่อไหร่ ก็เหมือนคนจมน้ำ
เราต้องเชื่อม และ ต้องขอ ต้องกราบขอท่านบ่อยๆ เหมือนเราอยากให้เพื่อนมาเยี่ยมบ้าน เราต้องขอเขาบ่อยๆ
เช่นกันเราก็ต้องกราบขอท่านบ่อยๆ กราบรายงานท่านว่าเราทำบุญอะไร กราบเรียนให้ท่านได้รู้
เมื่อท่านเห็นว่าเราน่ารัก รักบุญ ท่านจะเมตตาเรา และ ความบริสุทธิกาย วาจา ใจ ของเราก็จะเพิ่มพูนขึ้น
ทางรอดของเราคือ ต้อง เชื่อมกับมหาปูชนีอาจารย์ท่าน เพราะท่านเป็นExpert แต่เราไม่ใช่ ท่านเชี่ยวชาญท่านทำของท่านเดี๋ยวเดียว
ใจของเราก็เหมือนเป็น Soft ware จะยกเลิกโปรแกรมเก่าๆ ที่ยากๆ แย่ๆ ไม่สำเร็จ และ ดาวโหลดโปรแกรมใหม่ ที่ง่ายๆ สบายๆ สำเร็จ
เชื่อมท่านให้ได้ตลอด ห้ามถอดปลั๊ก ห้ามปิด Wire less แค่นึกถึงท่าน ท่านก็จะนึกถึงเรา
ใจของเรา เดี๋ยวไปนู่นไปนี่ ทำให้เชื่อมไม่ได้ตลอด ดังนั้นต้องเอาใจของเรามาอยู่ใกล้ๆ ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ด
ก็เหมือนกับเอาNote Book ของเรามาไว้ในจุดที่มีสัญญาณ Wire less
ความประมาท
มีคนถามว่า ทำไมคนที่อยู่ใกล้ชิด 101 ยังสึกออกไปได้ คำตอบคือ เพราะเขาประมาท
ความประมาทสามระดับ
1.ความประมาทประการแรกคือ ใจไม่อยู่กับตัว เหมือนทหารหนีฐานทัพออกไปเที่ยว พอข้าศึกโจมตีก็เรียบร้อย
ดังนั้น ต้องอยู่ที่ 072 ตลอดเวลา
ให้นึกถึงปัจฉิมโอวาทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาไว้....
คนที่ประมาทเหมือนคนที่ตายแล้ว ความประมาทนี้น่ากลัวมากๆ
ขนาดอยู่ใกล้ 101 แต่ประมาท แอบหนีไป โดนเขาเก็บหมด กลายเป็นมิจฉาฐิทิไปก็มี
ดังนั้นอย่าประมาท การงาน การเงิน ธุรกิจ จิตใจ ทุกสิ่งทุกอย่างอย่าฝากที่ใคร ให้เอาไว้ที่072 เท่านั้น
ใจต้องอยู่กับตัว ถ้าใครรู้สึกว่าเล็ก แคบ ให้ขยายใจออกไปเลย ให้รู้สึกว่า เราอยู่ในกลางทั้งหมด
เพราะกลางของหลวงปู่ท่านกว้างใหญ่ไพศาลมาก ขยายใจให้หลวมๆ ให้ท่อธารแห่งบุญของเราใหญ่ ปล่อยใจสบายๆ อย่าไปบังคับนะ
2.ความประมาทประการที่สองคือ บุญหมด เพราะเราต้องใช้บุญตลอดเวลา เหมือนหุ่นยนต์ ที่ต้องใช้แบตเตอรี่
คนตาย เพราะหมดบุญ หรือ หมดอายุขัย
คนที่ใช้บุญอย่างเดียวโดยไม่หาบุญเพิ่ม เท่ากับคนประมาท ดังนั้นเราต้องหมั่นเติมบุญทุกวัน
ต้องถามตัวเองทุกวันว่า วันๆหนึ่งเราเชื่อมกับบุญ หรือ บาปมากกว่ากัน ให้ไปลองเช็คดู ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
ถ้าบุญมากกว่าก็พอรอดตัว
แต่ถ้าบาปมากกว่าหละ จะรอดไหม???
ถ้าบาปมากกว่า จะทำอย่างไร เราก็ต้องหาบุญก้อนโตๆ มาปิดบัญชีตัวแดงของเราสิ อย่างเช่นที่
คุณครูไม่ใหญ่ท่านเมตตาให้บุญเรา คือ บุญบูชาข้าวพระ กฐินคุณยาย บวชพระหนึ่งแสนรูปเป็นต้น
มีคนถามว่า ทำไมทำบุญใหญ่ตั้งมากมาย ทำไมถึงยังไม่ส่งผล ก็เพราะเขายืดบุญเราออกไป
และ สอดละเอียดเอาบาปเข้ามาแทนที่เขา Save บุญเราเอาไว้ไม่ให้ส่งผล
ถ้าเราอยากให้บุญส่งผล เราต้องกราบขอความเมตตามหาปูชนีอาจารย์ ให้ท่านเมตตาเบิกบุญใหญ่ให้เรา เพราะท่านมี Password
3.ความประมาทประการที่สามคือ ไม่ได้เชื่อมกับมหาปูชนีอาจารย์
เราต้องกราบขอให้ท่านกลั่นแก้ให้เรา ขอให้ท่านเมตตาคุ้มครองเรา
เหมือนกับ เราเป็นเต่าตัวน้อยๆ ทำอย่างไรจึงจะปลอดภัยจากสัตว์ร้าย เช่น สุนัขป่า เสือ ฯลฯ ก็ต้อง หดอยู่ในกระดอง จึงจะปลอดภัย
แต่ถามว่าปลอดภัยร้อยเปอร์เซนต์หรือยังจ้ะ???
ยังจ้า เพราะยังมีสัตว์บางชนิดเช่น อีกามันคาบเต่าบินขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงๆ แล้วปล่อยตกลงมา จนกระดองแตก และตายในที่สุด
ดังนั้นการเอาใจไว้ที่ 072 อย่างเดียวจึงไม่ปลอดภัยแล้ว เพราะอีกา ก็เหมือนเป็นเขานั่นแหละ เพราะ เขามีฤทธิ์ มีอานุภาพมาก
ดังนั้นเราต้องร้องหา พญานกอินทรี ถึงจะช่วยเราได้
ดังนั้นทางรอดของเราคือ เราต้องอาศัยบารมีของพระรัตนตรัย พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ตั้งแต่องค์ต้นๆเลย
และ บารมีธรรมของมหาปูชนีอาจารย์เท่านั้น
สรุป ความไม่ประมาทในชีวิตคือ
1. ใจต้องอยู่ที่ 072
2. ต้องหมั่นเติมบุญ
3. ต้องเชื่อมกับมหาปูชนีอาจารย์
โดยเราต้องรักท่านให้มากที่สุด รักและนึกถึง เชื่อมต่อท่านตลอดเวลาให้ได้
อย่าไปพึ่งพาอาศัยใครที่ไหน คนที่นั่งข้างๆหนะ ตัวเองยังเอาตัวไม่รอดเลย(คนข้างกาย) 555
เขาเร็วมาก ไม่มาทางตรง ก็มาทางอ้อม
แม้ได้นั่งกับ 101 ถ้าเชื่อมท่านไม่ได้ เราก็ไปกับท่านไม่ได้
มีท่านหนึ่งนั่งธรรมะที่หมู่บ้าน กำลังนั่งได้ที่ จู่ๆก็ร้องไห้เพราะนึกถึงคุณพ่อที่เพิ่งเสียไป เจ้าตัวบอกว่า
กำลังนั่งได้ ใสๆ สว่างๆ ยิ่งกว่าดวงอาทิตย์แต่ เมื่อนึกถึงคุณพ่อ ความเศร้าก็ได้ช่องสอดเข้ามา ดวงดำๆไหลเข้ามาเพียบเลย
แม้ได้นั่งใกล้ 101 ถ้าเผลอไปเชื่อมเขาเข้า เหมือนจู่ๆถูกไฟช๊อตเลย เขาสอดเข้ามาทันทีเลย
ดังนั้นถ้าอยากมีความสุข ความสำเร็จ เราต้องเชือมกับมหาปูชนีอาจารย์เท่านั้น
อย่าห่วงบุญ ห่วงบาป ของใคร
ต่อจากนี้ไป อย่าไปห่วงบุญ ห่วงบาป แทนใครเขา อย่าไปนินทา หรือ ไปพูดถึงใครในทางไม่ดี
เหมือนกับคนแบกศพ ทั้งเหม็นทั้งหนัก ก็ทิ้งไปสิเรื่องไม่ดีของคนอื่น อย่าไปเชื่อมเอาเข้ามาในใจของเรา
กระแสบุญ กระแสบาป เร็วยิ่งกว่าแสง
เผลอโกรธทีเดียว เหมือนรูดบัตรเครดิต บุญหายแว็บเลย
ขัดอกขัดใจใคร ให้นึกถึงมหาปูชนีอาจารย์ นึกขยายให้ครอบคลุมตัวของเรา แผ่เมตตาไป
แต่ถ้าดูแล้วเราสู้ไม่ไหว คุมตัวเองไม่ไหว 101 ท่านสอนให้ไปนั่งมองตาพระเดชพระคุณหลวงปู่
อย่าเชื่อมั่นในตนเอง ให้เชื่อมั่นในมหาปูชนีอาจารย์เท่านั้น
เรียบเรียง จากการรับฟังธรรมพิเศษ จากพระอาจารย์พิเศษ เพื่อขุนรบจักรพรรดิ์ เท่านั้นจ้า
ขอกราบขอบพระคุณพระอาจารย์ที่ได้เมตตาแสดงธรรม ที่มีคุณค่าเป็นอย่างยิ่ง ทำให้เกิดกำลังใจในการสร้างบารมีอย่างมากมาย และ ทำให้พวกเรา
ได้เรียนรู้วิธีการในการสร้างบารมีให้ดี ให้ได้ ไปตลอดรอดฝั่ง ตลอดชีวิต ไปทุกภพทุกชาติ ตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม
กราบอนุโมทนาบุญกับยอดขุนรบจักรพรรดิ์ทุกท่านด้วยนะครับในความทุ่มเทแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
เพื่อสานฝันของพ่อให้สำเร็จเป็นอัศจรรย์ในครั้งนี้
และ หนึ่งแสนรูปตลอดพรรษาที่จะถึงนี้ คำว่าวัดร้างจะกลายเป็นวัดล้น และ เปลี่ยนเป็นวัดรุ่ง พุ่งแรง อย่างแน่นอน
และขอมอบบทกลอนบทนี้ ให้แด่ขุนรบจักรพรรดิ์ทุกๆท่่านเลยนะครับ
วัด วาวายว่างเว้น ............วังเวง
ร้าง เร่าร้อนละเลง ............เรื่องร้าย
พระพ่อ พลีเพียงเพลง ................ผ่านพ้น ภัยพาล
ช่วย ชุบชีพชาติชาย ...................ชิงช่วง ชนะชัย
ให้ ฮึกเหิมหาญห้าว ........................ห่างหาย เหี่ยวเฮย
เปลี่ยนเป็น ประเปรียวปลาย ......ปลาบปลื้ม
วัด วาวิ่งว่องว้าย!!! .................วู้ว้าว วินวิน!!!
รุ่ง เรืองเรียงร้อยรื่น ..................เลือนลั่น แรงเร็ว
วัด ร้าง พระพ่อ ช่วย ให้ เปลี่ยนเป็น วัด รุ่ง
แผ่นดิน
(จะพยายามไม่ประมาท และ ไม่พลาดบุญบวชแสนรูปเข้าพรรษานี้ แน่นอนจ้า)
“ ผังสำเร็จนั้นมีอยู่แล้ว เพียงแค่พวกเราทุ่มเทเท่านั้น ”
7 กุมภาพันธ์ 2553
กระดาษทิชชู่ กับความประมาท
หลวงพ่อสอนสิ่งที่ทำได้ยากที่สุด ด้วยวิธีการที่ง่ายที่สุด
ถ้าวิธีการที่ยากๆ ไม่ใช่ ต้องง่ายๆ ต้องนั่งแบบไฮโซ ไม่ใช่แบบกรรมาชีพ
การภาวนา ให้ทำเหมือนว่า เราเปิดซีดีคำภาวนา และ เครื่องเล่นซีดีก็จะดังออกมา เองว่า สัมมาอะระหัง ฟังไปเรื่อยๆ เราไม่ต้องทำอะไรกับมันเลย
อย่าไปบังคับ ไม่งั้นยิ่งนั่งก็ยิ่งแก่ ให้ข้างในเขาภาวนาเอง ถ้าสบาย คำภาวนาก็จะหายไปเอง
เริ่มนึก อย่าใช้ตานะ ถ้าใครตึงท้ายทอย หรือ หน้าผาก แสดงว่าติดการใช้ตา ให้ปรับใหม่
ให้นึกง่ายๆ สบายๆ ใครนึกถึงดอกไม้ได้บ้าง ดอกอะไร สีอะไรจ้ะ
ให้นึกว่าดอกกุหลาบนั้นลอยอยู่ข้างหลังเรานะ
และค่อยๆเคลื่อนออกมาข้างหน้า มาถึงกลางท้องของเรานะ
นึกง่ายๆ นะ กลางดอกมีอะไร กลางดอกมีดวงแก้ว ในกลางดวงแก้วมีองค์พระผุดซ้อนขึ้นมา
อย่าไปค้นหา ให้มั่นใจไปเลยว่า องค์พระท่านรอคอยเราอยู่ตลอดเวลา รอคอยพวกเราอยู่
ให้เพิ่มความเชื่อมั่น โดยนึกถึงมหาปูชนีอาจารย์ หลวงปู่ หลวงพ่อ คุณยาย ให้นึกถึงมหาธรรมกายเจดีย์ครอบเราเลยนะ
ให้เชื่อมั่นว่าท่านดูแลเราอยู่ตลอดเวลา
เอาหละ ขณะพวกเราฟังธรรม ข้างในของเราก็ดูไปเรื่อยๆ ให้ฟังด้วยกลางของเรา อย่าใช้ความคิดนะ
ให้ฟังด้วยใจ อย่าใช้สมอง ข้างในเขาเป็นอย่างไร ก็ให้เป็นไปอย่างนั้น ปล่อยใจตามไป ฟังเหมือนฟังเพลงนะ
ชีวิตเปรียบด้วยกระดาษทิชชู่
หลวงพ่อท่านบอกว่า คู่แข่งที่แท้จริงคือ เวลา และ สุขภาพ สองประการนี้สำคัญที่สุดในชีวิตของเรา
เรื่องสุขภาพไปหาเอาเอง ไปหาวิธีดูแลกายหยาบของเราเอาเองนะ
ส่วนเรื่องเวลา เวลาในชีวิตของเรา
อยากให้ดูกระดาษทิชชู่ หนึ่งแผ่นนี้ กางออกมาแล้วม้วนให้เป็นเส้นยาวๆ อย่างนี้นะ (ลองหยิบขึ้นมาทดลองดูนะครับ)
ถ้าเราสมมุติว่าเวลาในชีวิตของเรา มีความยาวเท่ากับกระดาษทิชชู่แผ่นนี้ สมมุติว่า แผ่นนี้เท่ากับ เจ็ดสิบห้าปี
เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตของเราหมดไปกับอะไรบ้างจ้ะ???
เวลานอน หมดไป หนึ่งในสามของวัน หรือ หนึ่งในสามของเวลาในชีวิตของเรา คือประมาณ ยี่สิบห้าปี เอ้า
เราก็ฉีกกระดาษทิชชู่แผ่นนี้ออกไป หนึ่งในสามส่วน( เหลือ สองในสาม หรือ คิดเป็นชั่วโมงต่อหนึ่งวันก็เท่ากับ เหลือ สิบหกชั่วโมง)
เวลาทำงาน พวกเราทำงานกันวันล่ะกี่ชั่วโมง ก็ประมาณ หนึ่งในสามของวัน หรือ อีกหนึ่งในสามของเวลาในชีวิตของเรา
คือประมาณอีก ยี่สิบห้าปี เอ้าเราก็ฉีกกระดาษทิชชู่แผ่นนี้ออกไปอีกหนึ่งในสามส่วน
(ตอนนี้กระดาษทิชชู่เหลืออยู่อีกเพียงแค่หนึ่งในสามส่วนเท่านั้น เพราะหมดไปกับเวลานอน
และ เวลาทำงานถึง สองในสามส่วนแล้ว คิดเป็นต่อวัน เหลืออีก แปดชั่วโมง)
นอกจากเราทำงาน และ นอนแล้วเรายังต้องทำอะไรกันอีกบ้างจ้ะ
อย่าลืมนะว่าตอนนี้เหลือให้ฉีกอีกแค่ หนึ่งในสามส่วน หรือ แปดชั่วโมงต่อหนึ่งวันเท่านั้น
เวลาทานอาหาร คือ ตั้งแต่ ไปจ่ายตลาด กลับมาเตรียมปรุงอาหาร ทานอาหาร เก็บล้างภาชนะ หมดกันไปอีกเท่าไหร่แล้ว
เอ้า สมมุติว่าสามมื้อ มื้อล่ะชั่วโมง ก็หมดไปอีก สามชั่วโมง (ฉีกกระดาษอีก)
เอ้าเหลือเวลาเท่าไหร่แล้ว ห้าชั่วโมงใช่ไหม และ ต้องทำอะไรกันอีก
เวลาทำความสะอาด อาบน้ำ ถ่ายหนัก ถ่ายเบา แต่งตัว จนถึงแต่งหน้า ทาปาก หมดไปอีกเท่าไหร่แล้ว อ้อ สองชั่วโมงนะ (ฉีกกระดาษอีก)
เวลาเดินทาง เวลารถติดบนถนน เอ้าหมดไปอีกหนึ่งชั่วโมงแล้ว (ฉีกกระดาษอีก ) เหลือ สองชั่วโมงแล้วนะ
เอ้าใครติดดูละครบ้าง ติดดูหนัง ติดอินเตอร์เนต แหม ทีดูละครดูทีวี เจ็ดแปดชั่วโมง ยังดูกันได้เลย
แล้วมาบอกว่าไม่มีเวลานั่งธรรมะ เอ้าหยวนๆให้ หนึ่งชั่วโมง (ฉีกกระดาษอีก)
เวลาเมาท์แตกอีกหละ วันๆ หมดกันไปอีกเท่าไหร่หล่ะเนี่ย
เวลาอื่นๆอีกหล่ะ ทำอะไรกันอีกบ้าง ไม่มีกระดาษเหลือให้ฉีกแล้ว
และ เวลาปฏิบัติธรรมหล่ะ มีกันเท่าไหร่????
เป็นอย่างไร เรามีเวลาเยอะไหม ???
สรุปว่า เวลา ถ้าจะแบ่งออก ก็แบ่งได้สามงบ งบแรก เวลานอน และ งบที่สอง เวลาทำงาน ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่
ส่วนงบที่สาม คือเวลาสัพเพเหระ ตรงนี้เราบริหารจัดการได้ เอ้าไปบริหารเวลากันใหม่นะ
ที่น่ากลัวที่สุด ตอนนี้อายุเท่าไหร่กันบ้างแล้ว ????
แล้วแน่ใจเหรอว่าจะอยู่ได้ถึง เจ็ดสิบห้า
จะทำอะไรก็ต้องรีบทำนะ อย่าคิดว่าเวลาทั้งชีวิตมีเยอะนะ
ดังนั้น เวลาลืมตาก็ต้องทำ จะเอาแค่เพียงเวลานั่งหลับตาแค่นี้ไม่พอนะ ทำแค่สองเวลาก็พอ คือ หลับตา และ ลืมตา
การปฏิบัติธรรมเราต้องมีความเชื่อมั่นว่า เราทำได้แน่นอน เรามีบุญมากพอ ต้องทำได้ และ ต้องทำอย่างต่อเนื่อง
มารคือผู้ขวางการทำความดี
วิธีของมาร มีห้าวิธี คือ เรียกร้องสิทธิ เจรจาต่อรอง ข่มขู่ เอาของมาล่อ ขอร้องวิงวอนบีบน้ำตา
ความลังเลสงสัย ไม่แน่ใจ ยาก ไม่สำเร็จ เป็นคำของเขา ที่เขาสอดละเอียดมา
ความเชื่อมั่น มั่นใจ ง่าย สำเร็จ เป็นคำของเรา
ขนาด (...) ถอดกาย เขายังคุมได้ แล้วพวกเราหล่ะ จะทำอย่างไร???
ไม่เป็นไร พวกเราเด็กเส้น มีเส้นดี และเป็นเส้นที่เชื่อมต่อกับ มหาปูชนีอาจารย์ แถมเป็นเส้น แบบ Wire-less ซะด้วย
ดังนั้นเราต้องขอความเมตตามหาปูชนีอาจารย์ ขอเชื่อมกับท่าน ยิ่งเชื่อมกับท่านใจเราจะยิ่งใสขึ้น
และ ต้องเชื่อมให้ได้ตลอดเวลา 24น.เพราะถ้าเราเผลอเมื่อไหร่ ก็เหมือนคนจมน้ำ
เราต้องเชื่อม และ ต้องขอ ต้องกราบขอท่านบ่อยๆ เหมือนเราอยากให้เพื่อนมาเยี่ยมบ้าน เราต้องขอเขาบ่อยๆ
เช่นกันเราก็ต้องกราบขอท่านบ่อยๆ กราบรายงานท่านว่าเราทำบุญอะไร กราบเรียนให้ท่านได้รู้
เมื่อท่านเห็นว่าเราน่ารัก รักบุญ ท่านจะเมตตาเรา และ ความบริสุทธิกาย วาจา ใจ ของเราก็จะเพิ่มพูนขึ้น
ทางรอดของเราคือ ต้อง เชื่อมกับมหาปูชนีอาจารย์ท่าน เพราะท่านเป็นExpert แต่เราไม่ใช่ ท่านเชี่ยวชาญท่านทำของท่านเดี๋ยวเดียว
ใจของเราก็เหมือนเป็น Soft ware จะยกเลิกโปรแกรมเก่าๆ ที่ยากๆ แย่ๆ ไม่สำเร็จ และ ดาวโหลดโปรแกรมใหม่ ที่ง่ายๆ สบายๆ สำเร็จ
เชื่อมท่านให้ได้ตลอด ห้ามถอดปลั๊ก ห้ามปิด Wire less แค่นึกถึงท่าน ท่านก็จะนึกถึงเรา
ใจของเรา เดี๋ยวไปนู่นไปนี่ ทำให้เชื่อมไม่ได้ตลอด ดังนั้นต้องเอาใจของเรามาอยู่ใกล้ๆ ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ด
ก็เหมือนกับเอาNote Book ของเรามาไว้ในจุดที่มีสัญญาณ Wire less
ความประมาท
มีคนถามว่า ทำไมคนที่อยู่ใกล้ชิด 101 ยังสึกออกไปได้ คำตอบคือ เพราะเขาประมาท
ความประมาทสามระดับ
1.ความประมาทประการแรกคือ ใจไม่อยู่กับตัว เหมือนทหารหนีฐานทัพออกไปเที่ยว พอข้าศึกโจมตีก็เรียบร้อย
ดังนั้น ต้องอยู่ที่ 072 ตลอดเวลา
ให้นึกถึงปัจฉิมโอวาทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาไว้....
คนที่ประมาทเหมือนคนที่ตายแล้ว ความประมาทนี้น่ากลัวมากๆ
ขนาดอยู่ใกล้ 101 แต่ประมาท แอบหนีไป โดนเขาเก็บหมด กลายเป็นมิจฉาฐิทิไปก็มี
ดังนั้นอย่าประมาท การงาน การเงิน ธุรกิจ จิตใจ ทุกสิ่งทุกอย่างอย่าฝากที่ใคร ให้เอาไว้ที่072 เท่านั้น
ใจต้องอยู่กับตัว ถ้าใครรู้สึกว่าเล็ก แคบ ให้ขยายใจออกไปเลย ให้รู้สึกว่า เราอยู่ในกลางทั้งหมด
เพราะกลางของหลวงปู่ท่านกว้างใหญ่ไพศาลมาก ขยายใจให้หลวมๆ ให้ท่อธารแห่งบุญของเราใหญ่ ปล่อยใจสบายๆ อย่าไปบังคับนะ
2.ความประมาทประการที่สองคือ บุญหมด เพราะเราต้องใช้บุญตลอดเวลา เหมือนหุ่นยนต์ ที่ต้องใช้แบตเตอรี่
คนตาย เพราะหมดบุญ หรือ หมดอายุขัย
คนที่ใช้บุญอย่างเดียวโดยไม่หาบุญเพิ่ม เท่ากับคนประมาท ดังนั้นเราต้องหมั่นเติมบุญทุกวัน
ต้องถามตัวเองทุกวันว่า วันๆหนึ่งเราเชื่อมกับบุญ หรือ บาปมากกว่ากัน ให้ไปลองเช็คดู ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
ถ้าบุญมากกว่าก็พอรอดตัว
แต่ถ้าบาปมากกว่าหละ จะรอดไหม???
ถ้าบาปมากกว่า จะทำอย่างไร เราก็ต้องหาบุญก้อนโตๆ มาปิดบัญชีตัวแดงของเราสิ อย่างเช่นที่
คุณครูไม่ใหญ่ท่านเมตตาให้บุญเรา คือ บุญบูชาข้าวพระ กฐินคุณยาย บวชพระหนึ่งแสนรูปเป็นต้น
มีคนถามว่า ทำไมทำบุญใหญ่ตั้งมากมาย ทำไมถึงยังไม่ส่งผล ก็เพราะเขายืดบุญเราออกไป
และ สอดละเอียดเอาบาปเข้ามาแทนที่เขา Save บุญเราเอาไว้ไม่ให้ส่งผล
ถ้าเราอยากให้บุญส่งผล เราต้องกราบขอความเมตตามหาปูชนีอาจารย์ ให้ท่านเมตตาเบิกบุญใหญ่ให้เรา เพราะท่านมี Password
3.ความประมาทประการที่สามคือ ไม่ได้เชื่อมกับมหาปูชนีอาจารย์
เราต้องกราบขอให้ท่านกลั่นแก้ให้เรา ขอให้ท่านเมตตาคุ้มครองเรา
เหมือนกับ เราเป็นเต่าตัวน้อยๆ ทำอย่างไรจึงจะปลอดภัยจากสัตว์ร้าย เช่น สุนัขป่า เสือ ฯลฯ ก็ต้อง หดอยู่ในกระดอง จึงจะปลอดภัย
แต่ถามว่าปลอดภัยร้อยเปอร์เซนต์หรือยังจ้ะ???
ยังจ้า เพราะยังมีสัตว์บางชนิดเช่น อีกามันคาบเต่าบินขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงๆ แล้วปล่อยตกลงมา จนกระดองแตก และตายในที่สุด
ดังนั้นการเอาใจไว้ที่ 072 อย่างเดียวจึงไม่ปลอดภัยแล้ว เพราะอีกา ก็เหมือนเป็นเขานั่นแหละ เพราะ เขามีฤทธิ์ มีอานุภาพมาก
ดังนั้นเราต้องร้องหา พญานกอินทรี ถึงจะช่วยเราได้
ดังนั้นทางรอดของเราคือ เราต้องอาศัยบารมีของพระรัตนตรัย พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ตั้งแต่องค์ต้นๆเลย
และ บารมีธรรมของมหาปูชนีอาจารย์เท่านั้น
สรุป ความไม่ประมาทในชีวิตคือ
1. ใจต้องอยู่ที่ 072
2. ต้องหมั่นเติมบุญ
3. ต้องเชื่อมกับมหาปูชนีอาจารย์
โดยเราต้องรักท่านให้มากที่สุด รักและนึกถึง เชื่อมต่อท่านตลอดเวลาให้ได้
อย่าไปพึ่งพาอาศัยใครที่ไหน คนที่นั่งข้างๆหนะ ตัวเองยังเอาตัวไม่รอดเลย(คนข้างกาย) 555
เขาเร็วมาก ไม่มาทางตรง ก็มาทางอ้อม
แม้ได้นั่งกับ 101 ถ้าเชื่อมท่านไม่ได้ เราก็ไปกับท่านไม่ได้
มีท่านหนึ่งนั่งธรรมะที่หมู่บ้าน กำลังนั่งได้ที่ จู่ๆก็ร้องไห้เพราะนึกถึงคุณพ่อที่เพิ่งเสียไป เจ้าตัวบอกว่า
กำลังนั่งได้ ใสๆ สว่างๆ ยิ่งกว่าดวงอาทิตย์แต่ เมื่อนึกถึงคุณพ่อ ความเศร้าก็ได้ช่องสอดเข้ามา ดวงดำๆไหลเข้ามาเพียบเลย
แม้ได้นั่งใกล้ 101 ถ้าเผลอไปเชื่อมเขาเข้า เหมือนจู่ๆถูกไฟช๊อตเลย เขาสอดเข้ามาทันทีเลย
ดังนั้นถ้าอยากมีความสุข ความสำเร็จ เราต้องเชือมกับมหาปูชนีอาจารย์เท่านั้น
อย่าห่วงบุญ ห่วงบาป ของใคร
ต่อจากนี้ไป อย่าไปห่วงบุญ ห่วงบาป แทนใครเขา อย่าไปนินทา หรือ ไปพูดถึงใครในทางไม่ดี
เหมือนกับคนแบกศพ ทั้งเหม็นทั้งหนัก ก็ทิ้งไปสิเรื่องไม่ดีของคนอื่น อย่าไปเชื่อมเอาเข้ามาในใจของเรา
กระแสบุญ กระแสบาป เร็วยิ่งกว่าแสง
เผลอโกรธทีเดียว เหมือนรูดบัตรเครดิต บุญหายแว็บเลย
ขัดอกขัดใจใคร ให้นึกถึงมหาปูชนีอาจารย์ นึกขยายให้ครอบคลุมตัวของเรา แผ่เมตตาไป
แต่ถ้าดูแล้วเราสู้ไม่ไหว คุมตัวเองไม่ไหว 101 ท่านสอนให้ไปนั่งมองตาพระเดชพระคุณหลวงปู่
อย่าเชื่อมั่นในตนเอง ให้เชื่อมั่นในมหาปูชนีอาจารย์เท่านั้น
เรียบเรียง จากการรับฟังธรรมพิเศษ จากพระอาจารย์พิเศษ เพื่อขุนรบจักรพรรดิ์ เท่านั้นจ้า
ขอกราบขอบพระคุณพระอาจารย์ที่ได้เมตตาแสดงธรรม ที่มีคุณค่าเป็นอย่างยิ่ง ทำให้เกิดกำลังใจในการสร้างบารมีอย่างมากมาย และ ทำให้พวกเรา
ได้เรียนรู้วิธีการในการสร้างบารมีให้ดี ให้ได้ ไปตลอดรอดฝั่ง ตลอดชีวิต ไปทุกภพทุกชาติ ตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม
กราบอนุโมทนาบุญกับยอดขุนรบจักรพรรดิ์ทุกท่านด้วยนะครับในความทุ่มเทแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
เพื่อสานฝันของพ่อให้สำเร็จเป็นอัศจรรย์ในครั้งนี้
และ หนึ่งแสนรูปตลอดพรรษาที่จะถึงนี้ คำว่าวัดร้างจะกลายเป็นวัดล้น และ เปลี่ยนเป็นวัดรุ่ง พุ่งแรง อย่างแน่นอน
และขอมอบบทกลอนบทนี้ ให้แด่ขุนรบจักรพรรดิ์ทุกๆท่่านเลยนะครับ
วัด วาวายว่างเว้น ............วังเวง
ร้าง เร่าร้อนละเลง ............เรื่องร้าย
พระพ่อ พลีเพียงเพลง ................ผ่านพ้น ภัยพาล
ช่วย ชุบชีพชาติชาย ...................ชิงช่วง ชนะชัย
ให้ ฮึกเหิมหาญห้าว ........................ห่างหาย เหี่ยวเฮย
เปลี่ยนเป็น ประเปรียวปลาย ......ปลาบปลื้ม
วัด วาวิ่งว่องว้าย!!! .................วู้ว้าว วินวิน!!!
รุ่ง เรืองเรียงร้อยรื่น ..................เลือนลั่น แรงเร็ว
วัด ร้าง พระพ่อ ช่วย ให้ เปลี่ยนเป็น วัด รุ่ง
แผ่นดิน

“ ผังสำเร็จนั้นมีอยู่แล้ว เพียงแค่พวกเราทุ่มเทเท่านั้น ”
7 กุมภาพันธ์ 2553