**เหรียญปราบมาร เหรียญถล่มมาร มีการปลุกเสกหรือเปล่า**
#1
โพสต์เมื่อ 03 October 2006 - 09:29 AM
#2
โพสต์เมื่อ 03 October 2006 - 09:55 AM
แบบนี้น่าไปให้คุณครูไม่ใหญ่เขกศรีษะสักป๊อกนึงนะครับเนี่ย ลืมได้ไง

2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#3
โพสต์เมื่อ 03 October 2006 - 10:00 AM
#4
โพสต์เมื่อ 03 October 2006 - 10:16 AM
#5
โพสต์เมื่อ 03 October 2006 - 12:34 PM
และไม่ได้เสกครับ เพราะพระท่าน บารมีเปี่ยมล้นอยู่แล้ว ไม่ต้องมีใครเสก
แต่เป็นการซ้อนความบริสุทธิ์ ดังที่ Post 4 บอกมานั่นแหละครับ
#6
โพสต์เมื่อ 03 October 2006 - 12:45 PM
และไม่ได้เสกครับ เพราะพระท่าน บารมีเปี่ยมล้นอยู่แล้ว ไม่ต้องมีใครเสก
แต่เป็นการซ้อนความบริสุทธิ์ ดังที่ Post 4 บอกมานั่นแหละครับ
555 ใช่เลยค่ะพี่หัดฝัน ไม่ต้องปลุก ไม่ต้องเสกจริงๆด้วยค่ะ
เมื่อได้มาแล้ว ก็อย่าลืมเอามาซ้อนใน 072 หรือมาตรึกไว้ที่ศูนย์กลางกายด้วยนะคะ
แล้วเราจะเป็นอานุภาพอันไม่มีประมาณกับตัวเลยค่ะ
ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุด ย่อมเป็นผู้ที่สุภาพนุ่มนวลที่สุด
#7
โพสต์เมื่อ 03 October 2006 - 01:10 PM
#8
โพสต์เมื่อ 03 October 2006 - 02:48 PM
แต่ถ้าไม่ได้ติด ให้สงสัยเอาความรู้เรี่องเหรียญมาจากหนใด
เลือกเอา ใจใสๆ
#9
โพสต์เมื่อ 03 October 2006 - 05:55 PM
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี
#10
โพสต์เมื่อ 03 October 2006 - 07:09 PM
ผมสังเกตุว่าคุณสาครตั้งกระทู้แปลกๆบ่อยจัง
ขอแนะนำให้นั่งสมาธิให้มาก รักษาศีล ทำทาน
มาวัดบ่อยๆ(บางคราวเห็นตั้งกระทู้บ่ายสองวันอาทิตย์ต้นเดือน)
ขยันอ่านหาคำตอบด้วยตัวเองดีที่สุด
พึงระลึกไว้ว่าผู้ที่มาตอบส่วนใหญ่ยังไม่มีใครหมดกิเลส
บางครั้งอาจปนความคิดส่วนตัวไปบ้างก้อมี
เชื่อตำราหรือครูไม่ใหญ่ดีที่สุด
#11
โพสต์เมื่อ 03 October 2006 - 09:34 PM
#12
โพสต์เมื่อ 03 October 2006 - 11:37 PM
ขออภัยเถอะ
ผมสังเกตุว่าคุณสาครตั้งกระทู้แปลกๆบ่อยจัง
ขอแนะนำให้นั่งสมาธิให้มาก รักษาศีล ทำทาน
มาวัดบ่อยๆ(บางคราวเห็นตั้งกระทู้บ่ายสองวันอาทิตย์ต้นเดือน)
ขยันอ่านหาคำตอบด้วยตัวเองดีที่สุด
พึงระลึกไว้ว่าผู้ที่มาตอบส่วนใหญ่ยังไม่มีใครหมดกิเลส
บางครั้งอาจปนความคิดส่วนตัวไปบ้างก้อมี
เชื่อตำราหรือครูไม่ใหญ่ดีที่สุด
เลือกเอา ใจใสๆ
#13
โพสต์เมื่อ 04 October 2006 - 01:20 AM
น้าจี้
#14
โพสต์เมื่อ 04 October 2006 - 06:37 AM
#15
โพสต์เมื่อ 04 October 2006 - 11:36 AM
#16
โพสต์เมื่อ 04 October 2006 - 01:41 PM
#17
โพสต์เมื่อ 04 October 2006 - 04:27 PM
อ่านกระทู้นี้แล้วผมได้ข้อคิดมาข้อนึง อยากแชร์ให้เพื่อนๆได้อ่าน
สมัยนึงผมเคยเรียนกับครูที่เป็นฝรั่ง เวลาฝรั่งสอนเขาจะอยากให้เด็กนักเรียนถาม ถามถูก ถามผิด ไม่เป็นไร แต่อยากให้นักเรียนแสดงออก ผมว่ามันเป็นสิ่งที่ดีนะครับ เพราะการฝึกถาม ก็เป็นการฝึกใช้ความคิดใช้สมอง คนที่รู้จักใช้สมอง รู้จักคิด ผมถือว่าเป็นคนฉลาดครับ เพราะแม้แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังสอนคาถานักปราชญ์ คือ สุ(ตะ) จิ(นตะ) ปุ(จฉา) ลิ(ขิต) แปลว่า ฟัง คิค ถาม เขียน ดังนั้น ใครไม่รู้อะไร ก็สมควรถามครับ เพราะไม่มีใครรู้ มาตั้งแต่เกิด คนครูไม่ใหญ่ว่าไว้ ที่เรารู้อะไรต่อมิอะไรมากมายในโลกนี้ ก็เพราะผ่านครูมาทั้งนั้น
เปรียบเทียบกับ ครูไทย นักเรียนไทย ไม่ว่าจะในโรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือห้องสัมนา พอผู้พูดบรรยายจบ เป็นธรรมเนียมว่า มีใครจะถามอะไรไม๊ .... เงียบ(ฉี่) วิธีการเรียนแบบนี้ ทำให้เด็กไทย คนไทย กลายเป็นคนไม่รู้จักคิด เพราะ มีค่านิยมผิดๆ คือ คนถาม กลัว คนอื่นจะหาว่าตนไม่รู้ หรือว่าไง่ ส่วนคนที่พอจะรู้บ้าง ก็ชอบไปดูถูก ทับถม คนถาม ว่า ถามโง่ๆ ผมว่าคนมีนิสัยแบบนี้ เป็นอุปนิสัยที่ไม่ดีครับ ต่อไปวิบากกรรมคงจะทำให้เป็นคนโง่จริงๆบ้าง
เรามีกติกากันอยู่แล้วว่า เรื่องอะไร ที่ควรถาม ไม่ควรถาม ในบอร์ดนี้ คำถามบางคำถาม แม้อาจดูซื่อๆ หรือเซ่อๆ แต่เราก็ไม่ได้บังคับไม่ใช่หรือ ว่า คุณเข้ามาอ่านแล้วคุณต้องตอบ หากข่มใจ ข่ม ทิฏฐิ หรือ มานะ ในใจไม่ได้ ก็ไม่ควรเข้ามาอ่านนะครับ
"รักแฟนให้เตือน รักเพื่อนให้สอน"
#18
โพสต์เมื่อ 04 October 2006 - 09:26 PM
คำแบบนี้ ก่อนพูด ให้เกรงใจคุณครู
จ้วงจาบ จ้วงแจ้ง แทงหน
จ้วงล้ำ ข้ามฟาก พาจน
จ้วงจน จับจ้าง ล้างไป
เลือกเอา ใจใสๆ
#19
โพสต์เมื่อ 06 October 2006 - 05:57 PM
ลูกหลวงพ่อก็ควรหาข้อมูลไว้เป็นความรู้ประจำกายกันนะคะ
.............................................................................................
เรื่องการตั้งกระทู้ การตั้งกระทู้เรื่องราวต่างๆ ที่อาจจะออกไปนอกแวดวง วงบุญบ้าง ก็ขอให้พอสมควร ไม่ใช่ออกไปจนไม่เกิดประโยชน์ในการศึกษาธรรมะ เพื่อหาทางพ้นทุกข์ หรือการสร้างบารมี หรือเพื่อการเผยแผ่ให้เพื่อนร่วมโลกได้มาเข้าใจธรรมะ
และเพื่อนๆสมาชิกdmc ก็ควรตั้งในความเมตตาแก่เพื่อนสมาชิกด้วยกัน รวมทั้งคนอื่นๆในสังคมด้วย ที่มีความเข้าใจไม่ตรงกันหรือความรู้ยังไม่เท่าเทียมกัน ก็ขอให้โพสต์กระทู้ ถาม ตอบ กันด้วยจิตเมตตา และเคารพเกรงใจกัน
เพราะเราชาวพุทธด้วยกัน ต้องเอื้อเฟื้อแก่กัน ไม่ใช้วาจาที่ออกไปทางจวก จิก หรือกระทบกระแทกกัน เพราะเราต่างก็กำลังศึกษาอยู่ทั้งนั้น
แต่หากมีใครมาวิจารณ์ ผู้ถูกวิจารณ์ก็ควรรับฟัง และมาพิจารณาดูว่าตนเองมีข้อบกพร่องดังที่เขากล่าวอ้างมาหรือไม่ ประการใด มีที่ใดที่เราต้องแก้ไข ก็ต้องแก้ไขนะคะ เพราะจะทำให้ธรรมะของเราก้าวหน้ายิ่งขึ้น ผู้ที่กล่าวข้อบกพร่องให้เราทราบก็คือผู้ที่ชี้ขุมทรัพย์ให้เรา ไม่งั้นเราก็ไม่มีโอกาสรู้สักที
เพราะเมื่อเข้ามาที่นี่ ก็เพื่อประโยชน์สุขของแต่ละคนทุกคนทั้งอ้น ไม่ควรคิดว่า จะเสียเหลี่ยมหรือหักหน้ากัน ควรต้องให้อภัยกัน
#20
โพสต์เมื่อ 06 October 2006 - 07:15 PM
#21
โพสต์เมื่อ 09 October 2006 - 09:59 AM
ถามว่าพูดมาตรงมั้ย ก็ตรง แต่การพูดตรงมันมีหลายแบบ
ขว้างใส่หัวเค้าก็ตรง
ยืนให้เค้าก็ตรง
ใส่พานประเคนให้เค้าก็ตรง
โอเคนะ
#22
โพสต์เมื่อ 09 October 2006 - 10:49 AM



ผัดเบญจมงคล
สูตรเสริมเสน่ห์เพื่อความสุขทางอารมณ์
เมนูเด็ดพร้อมเคล็ดลับการปรุงและเสริฟ
เพื่อนำไปปรุงแต่งให้ชีวิตมีความสุข
ส่วนประกอบ ................................................................ ปริมาณ
1. มนุษย์สัมพันธ์ ........................................................... 3 ช้อนโต๊ะ
2. ปิยะวาจา แกะเอาแต่เนื้อ ที่ประกอบด้วย
พูดดี,พูดไพเราะ,พูดเป็นประโยชน์ ........................................ 4 ถ้วยตวง
3. ความหยิ่ง,ยะโส,โอหัง หั่นเป็นฝอย ๆ
จนกลายเป็นความอ่อนน้อม,ถ่อมตน ..................................... 4 ช้อนโต๊ะ
4. ความเห็นแก่ตัว โขลกให้ละเอียด จนเหลือเพียง
ความเอื้อเฟื้อ,เผื่อแผ่,มีน้ำใจ ............................................. 3 ถ้วยตวง
5. ความซื่อสัตย์,สุจริต หั่นฝานเป็นรูปหัวใจ .......................... 10 หัว
วิธีปรุง
วางกระทะ ติดไฟแห่งความตั้งใจให้พร้อม ใส่มนุษย์สัมพันธ์ อันเป็นมงคลแรกลงไปก่อน เจียวจนมีกลิ่นหอม แล้วใส่ ปิยะวาจา,ความเอื้อเฟื้อ,เผื่อแผ่,และมีน้ำใจ อันเป็นมงคลที่ 2 และ 4 ตามลงไปผัดให้ทั่ว ตักใส่จาน แล้วโรยหน้าด้วยความอ่อนน้อม,ถ่อมตน อันเป็นมงคลที่ 3
เวลาเสริฟ
ตกแต่งด้วยความซื่อสัตย์,สุจริต ซึ่งเป็นมงคลสุดท้าย เป็นเครื่องเคียง สูตรนี้ จะขาดเสียไม่ได้ มิฉะนั้นแล้ว ผัดเบญจมงคลสูตรเสริมเสน่ห์นี้เสริฟไปจะไร้ผล เพราะเป็นเสน่ห์จอมปลอม นอกจากจะไม่มีผลดีต่อตนเองแล้ว ยังจะสร้างไขมันแห่งความเลี่ยน ให้แก่ผู้อื่นอีกด้วย
อนึ่ง เนื่องจากเมนูเด็ดจานนี้ ยังสามารถเสริฟโดย เติมส่วนผสมให้เหมาะกับ ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกสถานภาพ
ดังนั้นหากท่านเป็นผู้ที่มี ธาตุดิน เป็นเจ้าเรือน มีรูปร่าง อ้วน มีอารมณ์ มั่นคง, ไม่แปรปรวน เคลื่อนไหวค่อนข้างช้า รวมทั้งท่านที่มีธาตุน้ำเป็นเจ้าเรือน มีรูปร่างค่อนข้าง ท้วม มีอารมณ์ เย็น,ทนร้อน,ทนหนาว ได้ดี ทั้งคู่อาจต้อง บีบ ความกระตือรือร้น ใส่ลงไปอีกซัก 1 ถ้วยตวง
แต่ถ้าเป็นคน ธาตุลม เป็นเจ้าเรือน มีรูปร่าง โปร่ง ทำอะไร รวดเร็ว, ช่างพูด และมีอารมณ์หวั่นไหวง่าย ๆ คงต้องเติมความหนักแน่น, ไม่หูเบา ลงไปอีกซัก 3 ช้อนโต๊ะ
และสำหรับคน ธาตุไฟ เป็นเจ้าเรือน มีรูปร่าง ผอม มักขี้ร้อน, เคลื่อนไหวเร็ว, มีอารมณ์ร้อน คงต้องหยอดขันติ ลงไปอีก 1 ถ้วยตวง เช่นกัน เพื่อสร้าง สมดุล ในการคบหาสมาคมกับคนอื่น
สำหรับท่านที่คิดจะเสริฟให้แก่พ่อ,แม่ หรือบุพการี ขอแนะนำให้ท่าน ใส่ความกตัญญู,กตเวที ลงไปอีก 2 ถ้วยตวงด้วย
หากท่านจะเสริฟให้แก่ ลูกหลาน ก็อาจจะใส่ใบแห่งความรัก, ความเข้าใจ อีกซัก 1 ถ้วยตวง แทนความอ่อนน้อม, ถ่อมตน
หรือถ้าจะเสริฟให้แก่เพื่อนฝูง ก็ควรเพิ่มสัดส่วนของ ความมีน้ำใจ ไมตรี และปิยะวาจา ให้มากขึ้นอีกหน่อย
หากท่านเป็นผู้บังคับบัญชา ท่านควรเสริมความอร่อยของอาหารจานเด็ดนี้ด้วยการใส่ ความเมตตา และความเห็นอกเห็นใจ เติมเข้าไปอีกด้วย
ส่วนผู้ที่เป็น ลูกน้อง ถ้าจะเสริฟให้นาย นอกจากจะเหยาะ ความอ่อนน้อม,ถ่อมตน ให้มากขึ้นแล้ว ควรจะหยอดความ ขยัน, หมั่นเพียร เป็นชูรสเข้าไปอีกด้วย ก็จะทำให้รสชาติของอาหารจานเด็ดนี้ กลมกล่อม ยิ่งขึ้น
จะเห็นได้ว่า เมนู ฯ นี้เป็นอาหารที่ปรุงได้ไม่ยาก ส่วนผสมก็สามารถหาได้สะดวก อีกทั้งน่ารับประทาน แล้วยังช่วยเพิ่ม เสน่ห์และความสุขด้วย
ทุกคนสามารถปรับเปลี่ยน,พลิกแพลง ได้ตามความเหมาะสม เมื่อทำบริโภคเอง หรือเสริฟให้กับผู้อื่น เพื่อสร้างความประทับใจและความสุข
ขอให้ทุกท่านรับประทาน อาหารจานนี้กันอย่างเอร็ด อร่อย นะคะ ขอตัวไปทำเสริฟให้ตัวเองสักจานก่อนค่ะ
ขอขอบพระคุณ คุณประทวน นาคพลัง นะคะ สำหรับสูตรอาหารจานดีดีนี้ สา...ธุค่ะ
แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ
#23
โพสต์เมื่อ 06 November 2006 - 12:48 AM
เลือกเอา ใจใสๆ
#24
โพสต์เมื่อ 27 February 2008 - 08:38 AM
#25
โพสต์เมื่อ 18 March 2010 - 12:23 PM