เจ็บใจอะ
#1
โพสต์เมื่อ 03 May 2010 - 09:59 PM
เพื่อนว่าให้เจ็บใจ จะทำอย่างไรดีคะ ให้ใจดีขึ้น ทั้งโมโห ทั้งเจ็บใจคะ
#2
โพสต์เมื่อ 03 May 2010 - 10:10 PM
#3
โพสต์เมื่อ 03 May 2010 - 10:25 PM
อย่าใส่ใจกับคำพูดของคนอื่นมากเลย มันแค่ลมปาก ปล่อยเขาไป
#4
โพสต์เมื่อ 03 May 2010 - 11:09 PM
ใจเป็นของเรา มันอยู่ที่เราจะทำใจให้เป็นยังไง
ถือสาก็เป็นเรื่องเป็นราว ไม่ถือสาก็เป็นลมเป็นแล้ง
#5
โพสต์เมื่อ 03 May 2010 - 11:54 PM
หากไม่ใช่ ก็ไม่ใส่ใจ
#6
โพสต์เมื่อ 04 May 2010 - 12:13 AM
พระเถระรูปหนึ่ง มีคนถามท่านว่า ท่าน มีโลภ โกรธ หลง ไหม ?
ท่านตอบว่า มี แต่ไม่เอา
คุณก็อย่าไปเอาความเจ็บ มาทำให้ใจเจ็บ นะครับ
พูดเหมือนง่าย อิอิ ก็ขอให้อย่าเป็นทาสของมันให้ได้มากที่สุด เขาก็แค่ส่งความ รัก โลภ โกรธ หลง มาให้เราะเทือน ให้เรายึด เมื่อเราเจ็บใจ เขาก็มีความสุข ส่วนเรานอนดิ้นรนด้วยความทุกข์ใจ
คุณมีสิทธิ์ที่จะเป็นทุกข์ได้ทุกเมื่อ ในไตรลักษณ์นี้
วางใจ ณ 072 นึกถึงดวงสว่าง เมื่อใจสงบจากนิวรณ์ คุณจะเห็นแสงสว่างจากดวงปฐมมรรค แล้วอย่าให้อารมณ์ใดๆมาทำร้ายเราได้ เท่าที่กำลังการปฏิบัติธรรมของเราจะทำได้นะครับ
สุดท้าย แผ่เมตตามากๆครับ จงหายโกรธก่อนรุ่งสว่างนี้เถิด
ถ้าท่านแผ่เมตตาให้ศรัตรู คนว่าร้ายเราได้ ให้อภัยทานแก่เขาได้ ท่านคือพุทธบุตรที่แท้จริง

ละธรรมดำ ยังธรรมขาวให้เจริญ
ธัมมะกาโย อะหัง อิติปิ
เราตถาคต คือธรรมกาย
#7
โพสต์เมื่อ 04 May 2010 - 03:43 AM
http://www.dmc.tv/fo...441#entry166441
แล้วจะนอนหลับฝันดี อยู่ในอู่ทะเลบุญจ้ะ
#8
โพสต์เมื่อ 04 May 2010 - 08:05 AM
ไม่ว่าใคร...ถ้าเลือกทางผิดก็คงไม่มีทางไปถึงที่หมายตามที่ต้องการได้หรอก!.
"อาวุธสงครามเป็นสิ่งที่สร้างการสู้รบกันแน่หรือหรือเป็นเพราะว่าจิตใจคนกันแน่"
"ทั้งที่เรียกร้องหาสันติภาพแต่มือกลับถือปืนเอาไว้นั่นอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ถูกก้ได้"
"ผู้ปฏิเสธการสังหารผู้คนแม้จะตายอย่างทรมานก็สามารถข่มตาหลับลงได้
ในทางกลับกันผู้ที่สังหารผู้คนมากมายแม้จะตายอย่างสงบก็ไม่สามารถข่มตาหลับลงได้..."
#9
โพสต์เมื่อ 04 May 2010 - 10:09 AM
#10
โพสต์เมื่อ 04 May 2010 - 10:09 AM
1.ถามตัวเองก่อนว่าคุณมีพฤติกรรมแบบที่เขาว่ามาไหม อย่าหลอกตัวเองน่ะ ต้องตอบตัวเองจากใจ ถ้าเป็นอย่างที่เขาพูดจริง
คุณควรขอบคุณเขาว่า เขามาสะกิดบอกคุณแล้วน่ะว่า ควรปรับปรุงตัวเอง เพียงแต่คำพูดที่เขาพูดมาอาจจะแรงเพื่อให้โดนใจคุณ
2.ให้แปลที่เจตนาของเขา เขาพูดด้วยความหวังดีต่อคุณ เพื่อประโยชน์ของคุณ หรือ ทำลายคุณ
3.ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ยอมให้ใครมาชี้แนะ หรือ มาบอก มาเตือน มาสอน ไม่ได้ ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร ๆ คุณควรพิจารณาตัวคุณเอง
4.คนที่มาพูด มาบอกคุณได้ เขาต้องเสี่ยงให้คุณโกรธ เพื่อที่จะชี้ขุมทรัพย์ให้กับคุณ เขาบอกคุณแล้วเขาจะได้ประโยชน์อะไร
ไม่ใช่เรื่องของเขาสักนิด แต่เขาก็ยังเมตตาบอกและ เตือนคุณ ด้วยความหวังดีให้คุณได้ประโยชน์
5.ถ้าเพื่อนของคุณเกลียดคุณ เขาคงไม่มาบอก มาเตือน มาสอน คุณหรอก มันไม่ใช่ประโยชน์ของเขาจะมาเสียเวลากับคุณทำไม
คุณน้ำค้างกลางใจ คุณลองพิจารณาและ ตอบตัวเอง และ สิ่งสำคัญที่สุด ให้อภัยเขาเถิดค่ะ เพราะสิ่งที่คุณจะได้คือ ใจคุณจะเบาขึ้น
หลุดพ้นจากความโกรธ ความเกลียด ในใจของคุณเอง แค่นี้โลกก็สดใสกับคุณแล้วล่ะ
====================================================================
เราเคยมีประสบการณ์ ที่เป็นบทเรียนที่ดีที่สุด และ ต้องบอกขอบคุณที่เกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ขึ้น มันทำให้เราได้เรียนรู้ และ ระมัดระวัง
มากขึ้น บอกกับตัวเองว่า ดีจัง เพราะบนถนนเส้นทางสายนี้ ที่จะสร้างบารมี หากไม่มีบทเรียน ความรู้ที่จะทำให้พัฒนาศักยภาพของตนเองให้ดียิ่ง ๆขึ้นไป ตามหลวงปู่ หลวงพ่อ ได้เร็วยิ่งขึ้น ขอบคุณน้องและเพื่อนทุก ๆ คน ที่ให้บทเรียนกับเรา ถ้าไม่ได้ร้องไห้
ก็คงคิดไม่ได้ แต่ได้ร้องไห้แล้วทำให้มองเห็นได้ชัดขึ้น เหมือนน้ำตามันล้างสิ่งที่เข้าตาให้ออกไปมองได้เห็นชัดขึ้น
ขอเล่าให้ฟังฉบับย่อน่ะค่ะ
เนื่องด้วยเราเตือนน้องด้วยธรรมะเพียงประโยคเดียวด้วยเจตนาอย่างเดียว อยากให้น้องได้คิดและน้องเขาจะได้ประโยชน์
กับตัวของน้องเขาเอง เพียงเจตนาที่ดีของเรา สิ่งที่เราได้ คือ น้องเขาโกรธ เรามากที่ไปสอนเขา ไปล้ำเส้นสิทธิส่วนบุคคลเขา
และ น้องเขาบอกกับเพื่อนในกลุ่มทุกคน ทุกคนที่รู้จักน้องเขา ว่าเราทุกคนว่ามีสิทธิอะไรไปสอนเขา โดยที่ทุกคนไม่มีใครถามเราสักคำ
ว่าทำไมจึงทำเช่นนี้น เรากลายเป็นจำเลยที่ถูกทุกคนประนาม และ ประหารเรา ความเจ็บในใจมันก่อเกิดขึ้นจนเป็นน้ำตา
แค่นั้นไม่พอ เราถูกทุกคนประนามรอบสองที่หนักขึ้นกว่าเดิม ทุกคนบอกให้เราออกจากกลุ่มซะ เหมือนถูกอะไรหนัก ๆ ทุบ
ไม่มีใครถามเราสักคำ จำเลยคนนี้ไม่มีโอกาสได้บอกได้พูดอะไรเลยสักคำ สิ่งที่เราทำได้คือ นั่งร้องไห้คนเดียว
หลังจากนั้น เราก็ค่อยสงบใจนั่งคิด แผ่เมตตาให้น้องเขาทุกวัน จนในใจให้อภัยได้หมด แต่ รอยแผลนั้นยังอยู่ ที่ไว้เตือนตัวเองทุกครั้ง
ว่า ก่อนจะบอกหรือเตือนใคร ควรดูซะก่อนว่า เราเป็นบุคคลที่เขาอยากฟังเราพูดไหม เขาเป็นคนนิสัยอย่างไรเตือนได้ไหม
ตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงบัดนี้ เราก็ไม่ได้ติดต่อน้องเขาอีกเลย ใช้ความสงบเป็นตัวรักษาบรรยากาศระหว่างเรากับเพื่อนทุกคน
แม้จะไม่มีใครเข้าใจเรา แต่ เราก็ยังหยัดยืนเพราะบอกตัวเองว่า เราทำดีที่สุดแล้ว ใครไม่เห็นแต่หลวงปู่ หลวงพ่อ คุณยายทราบก็พอแล้ว
แค่นี้ แค่นี้ แค่นี้ ก็ พอแล้ว เพื่อนคนนี้ไม่คุยกับเรา เราก็คุยเล่นกับเพื่อนคนอื่น ยังมีเพื่อนที่เขาไม่รู้เรื่องนี้ แล้วยังพร้อมที่จะเป็นเพื่อน
คุยเล่น คุยธรรมะ ให้กำลังใจก้าวเดินในเส้นทางสร้างบารมี
และสิ่งที่เราได้งานนี้ คือ เพื่อนคนที่ไม่ได้คาดหวัง แม้เขาไม่ได้รู้เรื่องด้วยเลย เราไม่ได้เล่าอะไรให้ฟัง เขาเห็นเราเครียด เศร้า
เพียงแค่เขานั่งคุยกับเรา ปลอบเราไม่ให้เครียด ไม่ให้เศร้า ทุกครั้งที่ไปวัด เมื่อเจอหน้า เขาก็ยังถามอย่างเป็นห่วงว่า เอากาแฟ โอวัลติน
ไหม ด้วยน้ำใจที่ดีงาม แม้เราไม่บอกอะไรเลย เขาก็ไม่ถามด้วยว่าเรื่องอะไร แค่นี้ ๆ ก็รู้สึกดีจัง ยังมีเพื่อน
อยากบอกว่า ในความมืด ยังมีแสงสว่าง อยู่ค่ะ
คุณน้ำค้างกลางใจ ค่ะ คุณโชคดีน่ะ ที่มีเพื่อนมาด่าคุณ ดีกว่าไม่มีใครมาด่าคุณ แล้วคุณก็ยังคงอยู่ในความมืดนั้นตลอดไป
ไม่มีโอกาสพบแสงสว่างของชีวิตค่ะ
ขอให้คุณลองทบทวนอย่างมีสติ ให้อภัยเขา แล้ว คุณจะมีความสุขค่ะ
#11
โพสต์เมื่อ 04 May 2010 - 01:27 PM
ผมยินดีด้วยนะครับที่ได้เพื่อนดีๆ ถ้าเพื่อนไม่ว่านะซิอันตรายกว่าเยอะครับ เพราะคนเรามักไม่เคยมองตัวเอง
ส่วนคำที่เพื่อนว่าจะถูกจะผิดนั่นอีกเรื่องนะครับ โดยส่วนตัวผมชอบนะมีคนมาด่ามาว่า เพราะจะได้รู้ว่าเค้ามองเราอย่างไร :-)
ปล. ส่วนอื่นๆ ก็ตามเพื่อนๆ ข้างบนตอนนั่นหละครับ เพียงแแค่อยากเสนอในอีกมุมคิดนึงแค่นั้นเอง "รักษาใจ" นะครับท่าน จขกท.
#12
โพสต์เมื่อ 04 May 2010 - 04:40 PM
หากยังย้อนไปนึกคิดเหมือน การย้อนเอามีดมาแทงซ้ำๆๆๆๆ
#13
โพสต์เมื่อ 04 May 2010 - 09:06 PM
ขอบคุณทุกคนนะค่ะ
รู้สึกดีขึ้นด้วยล่ะค่ะ แล้วก็ พยยายามสู้ทั้งรอยยิ้มนะค่ะ
きみだけをきみだけを kimi dake wo... kimi dake wo...
#14
โพสต์เมื่อ 04 May 2010 - 10:25 PM
อยากจะให้ใจเราเป็นอย่างไร ก็ทำใจของเรา ให้เป็นอย่างนั้นเอง "
choose it


