
พระโพธิสัตว์
#1
โพสต์เมื่อ 06 May 2010 - 11:09 PM
#2
โพสต์เมื่อ 06 May 2010 - 11:15 PM
...ที่ทนได้ก็เพราะเป้าหมายที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
#3
โพสต์เมื่อ 06 May 2010 - 11:29 PM
อาจจะเป็นเพราะ
ใจที่เปี่ยมด้วยมหากรุณา + อุดมการณ์ มโนปณิธาน ที่ตั้งมั่น ที่จะยกตนเองและสรรพสัตว์ให้พ้นสรรพทุกข์ + ฯล
#4
โพสต์เมื่อ 07 May 2010 - 08:32 AM
จะเห็นว่ากำลังใจมหาศาลมาก
ผมก็จำไม่ได้แม่นเท่าไหร่ ไม่สามารถพิมพ์มาให้อ่านได้
หากมีท่านใดมีข้อมูล ลองโพสมาอ่านกันหน่อยนะครับ
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)
#5
โพสต์เมื่อ 07 May 2010 - 04:49 PM
แต่วันนี้คุณดอกอุบล โพสมาถามเช่นนี้ คงไม่ใช่คิดจะพ้นทุกข์เร็วๆ แบบที่ชาวโลกทั้งหลายเขาทำๆ กันนะครับ ถ้าเป็นวิธีเช่นนี้ ขอบอกว่า ไปอบายครับ และต้องไปทำเช่นนั้นซ้ำๆ ในอบายด้วยล่ะครับ
กรณีเช่นนี้ผิดกับพระโพธิสัตว์ที่ท่านคิดสละชีวิตเป็นทานนะครับ เพราะใจท่านเปี่ยมด้วยมหาปีติที่ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องยิ่งใหญ่น่ะครับ ตัวอย่างก็เช่น ตอนที่พระโพธิสัตว์เกิดเป็นกษัตริย์ แล้วได้พบพระพุทธเจ้าในอดีต ในชาตินั้น พระองค์ได้บริจาคมหาทานพร้อมทั้งตั้งจิตปรารถนาขอเป้นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในอนาคต
พระพุทธเจ้าท่านจึงทดลองใจ โดยบอกว่า "การบรรลุโพธิญาณนั้นยากยิ่งนักนะ เปรียบประดุจห้องขนาดจักรวาลมีถ่านร้อนแดงเต็มไปหมด บุคคลใดมีใจคิดจะไปให้ถึงสุดห้องให้ได้ โดยไม่หวั่นอุปสรรคใดๆ บุคคลเช่นนั้นแหละ จึงจะบรรลุโพธิญาณได้"
พระโพธิสัตว์จึงตรัสตอบว่า "ต่อให้พระโพธิญาณอยู่ในอเวจีมหานรก ข้าพระองค์จะลงไปงมมาให้ได้"
พระพุทธเจ้าได้ฟังเช่นนั้น จึงทรงตรัสพยากรณ์ว่า "บุคคลท่านนี้ต่อไปจะได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต นามว่า โคดม ครับ"
#6
โพสต์เมื่อ 07 May 2010 - 07:22 PM
#7
โพสต์เมื่อ 07 May 2010 - 07:24 PM
#8
โพสต์เมื่อ 08 May 2010 - 04:12 PM


ลืมบอกไปอีกอย่างที่กระโดดลงไปนะ เพื่อให้แม่เสือกินร่างของตัวเอง นะค่ะ จะได้ไม่ต้องกินลูกเสือเพราะความหิวโซ เพราะท่านคิด คือ 1.ให้แม่-ลูกเสือได้อิ่มท้อง 2.ให้ลูกเสื่อรอดจากการทำร้ายของแม่ตัวเอง 3.เพื่อให้แม่เสือไม่ต้องสร้างกรรมเพิ่ม เพราะเสือวิบากกรรมมากพออยู่แล้วค่ะ

#9
โพสต์เมื่อ 09 May 2010 - 05:40 AM
#10
โพสต์เมื่อ 09 May 2010 - 08:33 AM
ที่ท่านไม่เกรงกลัว เพราะ อุเบกขาบารมี อันล้ำเลิศ
ที่ท่านพร้อมที่จะเป็นผู้ให้ เพราะ เมตตาบารมี อันเหลือล้น
จึงเป็นปัจจัยหนุนให้ท่านบำเพ็ญ ทานบารมี อันยิ่งใหญ่
แต่ผมว่าที่ท่านทำสิ่งต่างๆได้ เพราะอัตตานุปาทานของท่านเหลือน้อยหละครับ เพราะไม่ได้ยึดมั่นอะไร
จึงไม่มีอะไรต้องกลัว ไม่มีอะไรต้องห่วง ช่วยเพื่อที่จะช่วย ในสายตาของท่านไม่ได้มองสรรพสัตว์ด้วยความแบ่งแยก
เป็นอวิกัลปญาณจิต เหตุที่ท่านไม่แบ่งเรา เขา ท่านจึงช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างไม่มีข้อแม้ จิตใจของท่านประเสริฐนัก
ท่านมองสรรพชีวิตด้วยความเมตตา เป็นไปเพื่อเนกขัมม์ ปวิเวก ความไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง และเพื่อการสลัดออก
แรกๆท่านอาจจะต้องใช้กำลังใจ แต่เมื่อบารมีแก่กล้า การบำเพ็ญบารมีเป็นวิถีทางของท่านแล้ว
การบำเพ็ญบารมีเป็นเนื้อเดียวกับชีวิตของท่านแล้ว กายของท่านดำรงเพื่อบำเพ็ญบารมี ใจของท่านเป็นไปเพื่อการบำเพ็ญบารมี T_T
I'm flowers of emptiness, I'm blossoms of the nameless, It is neither void nor does, The nature haven't first and last.
#11
โพสต์เมื่อ 09 May 2010 - 01:31 PM
เรามาทำใจให้เป็นพระโพธิสัตว์กันเถิดครับทุกท่าน เริ่มจาก แผ่เมตตาแด่มิตร และคนที่เราเกลียดมากๆให้ได้ก่อน อย่างอื่นก็จะตามมาครับ
หมู่คณะเราพิเศษครับ ปราถนาพุทธภูมิเข้านิพพานทั้งกายเนื้อกันทุกคน

ละธรรมดำ ยังธรรมขาวให้เจริญ
ธัมมะกาโย อะหัง อิติปิ
เราตถาคต คือธรรมกาย
#12
โพสต์เมื่อ 12 May 2010 - 03:53 PM
ยิ่งปลื้มเยอะ..บุญบารมีก็เยอะครับพอได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ..รัศมีจะสว่างขยายตามกำลังของใจครับ
พวกเราลูกหลานหลวงพ่อยิ่งเหนื่อยยิ่งมีอุปสรรค์ก็ต้องยิ่งปลื้มให้มากนะครับ...จะได้มีบารมีติดตัวไปเยอะๆแล้วเราจะได้ตามไปช่วยงานหลวงพ่อได้เยอะๆครับ
#13
โพสต์เมื่อ 30 June 2010 - 05:52 PM
#14
โพสต์เมื่อ 14 November 2010 - 02:38 PM