
สังคมวงน้ำเมา
#1
โพสต์เมื่อ 21 May 2010 - 05:58 PM
#2
โพสต์เมื่อ 21 May 2010 - 09:25 PM
พลางคิดว่า การไม่มีศีลนี่ไม่ดีเลย แล้วตั้งใจรักษาศีลห้ากันขึ้นมา เมื่อตั้งใจรักษาศีลห้ามากเข้ามากเข้าอายุมนุษย์ก็จะกลับยืนขึ้นมา ถึงตอนนี้บุญก็จะไปดึงดูดผู้มีบุญมากๆ ลงมาเกิด หากมาเกิดยุคนี้ ถือว่าโชคดี แต่ใครจะโชคดีเช่นนี้ไปตลอดล่ะ
ดังนั้น การสร้างบารมีลำพัง ห่างไกลวงบุญพระบรมโพธิสัตว์ ถือว่า อันตรายมาก หากคราใดบุญเราหมดในช่วงยุคมนุษย์กิเลสกล้าพอดิบพอดีโดยไม่มีหมู่คณะลงมาด้วยล่ะ จะทำอย่างไร เรามิต้องมานั่งลำพึงว่า ทำไมเพื่อนส่วนใหญ่ถึงดื่มน้ำเมา เที่ยวกลางคืน หาเพื่อนรู้ใจไม่ได้เลย หากทนอยู่ลำพังไม่ไหวก็จะไปคบกับเพื่อนเหล่านี้ สุดท้ายอบายก็เป็นที่ไป
แต่หากร่วมสร้างบารมีกับหมู่คณะ ไม่ว่าจะลงมาเกิดในยุคไหนก็ตาม ในที่สุดก็จะได้พบเจอหมู่คณะแล้วก็จะได้สร้างบารมีกับหมู่คณะ ทำให้ห่างอบาย มุ่งสู่สุคติ เพื่อมุ่งไปสู่ที่สุดแห่งธรรม ยิ่งถ้าสร้างบารมีมาก เช่น ชวนคนบวช ทำทาน ศีล ภาวนา ชวนคนทำดี ภพชาติต่อไปเวลาลงมาเกิดกับหมู่คณะจะแวดล้อมด้วยคนดี และมีอุปกรณ์สร้างบารมีครบครันครับ
#3
โพสต์เมื่อ 21 May 2010 - 10:15 PM
สังคมทุกวันนี้แปลก เห็นคนเข้าวัด ถือศีล ปฏิบัติธรรม กลับเอ่ยปากแซว เห็นเป็นของแปลก
แต่เวลาเห็นคนดื่มเหล้า สูบบุหรี่ กลับเห็นเป็นเรื่องปกติ
ในเมื่อเรากำลังทำความดี ก็อย่ากลัวที่จะทำให้คนอื่นๆ เห็น ว่าเรากำลังทำความดี
ในเมื่อเรากำลังทำความดี ก็จงมั่นใจที่จะทำความดีนั้นต่อไป
หากทำความดีแล้วไม่มั่นใจในสิ่งที่กำลังทำ ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าสิ่งที่ทำนั้นดี แสดงว่ากำลังมีปัญหา....ให้หาเวลาไปนั่งสมาธิมากๆ
วันใดที่สามารถสัมผัสความสุขอันไม่มีประมาณจากการนั่งสมาธิ วันนั้นเราจะดีใจ ภาคภูมิใจ ที่ได้รู้จักหมู่คณะ รู้จักครูอาจารย์
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#4
โพสต์เมื่อ 22 May 2010 - 09:46 AM
พอเกิดมาเจอกันใหม่ เลยคุ้นกับการอยู่ด้วยกันครับ
#5
โพสต์เมื่อ 22 May 2010 - 08:59 PM
#6
โพสต์เมื่อ 22 May 2010 - 10:48 PM
การที่มีเพื่อนข้างนอกวัด เราก็ไม่จำเป็นต้องเป็นเหมือนเขานี่ค่ะ ไม่จำเป็นต้องดื่มเหล้า สูบบุหรี่ แต่ เราก็สามารถที่จะทำให้เป็น
ที่รักของกลุ่มเพื่อน ๆ ได้เหมือนกัน ทำให้ทุกคนยอมรับความรู้ ความสามารถของเรา หรือ ยอมรับความมีน้ำใจของเรา แค่นี้
เพื่อน ๆ ก็คงอยากให้เราไปรวมกลุ่มกับเขาได้ โดยที่พวกเขาก็เข้าใจเราว่าไม่ดื่มเหล้าค่ะ
แต่คุณก็คงต้องเลือกสถานภารณืที่จะรวมกลุ่มกับเขาด้วยน่ะค่ะ ถ้าเขาไปดื่มเหล้า คุณเลี่ยงไม่ไปด้วยได้จะดีกว่าค่ะ
จะได้ไม่ได้กรรม จากการสนับสนุนให้เขาผิดศีล ข้อ 5 ค่ะ
อย่างที่คุณยายอาจารย์บอกว่า ยายยกมือไหว้เขาก่อนทุกครั้ง คุณยายสอนให้พวกเรามีความเคารพ ความอ่อนน้อมถ่อมตน
การมีปิยวาจา ซึงก็เป็นหนึ่งในมงคล 38 ประการ แค่นี้ เราก็จะเป็นที่รักของทุกคนได้ค่ะ
แม้ไม่ดื่มเหล้า แต่เราก็สามารถมีเพื่อนได้มากมายค่ะ เราเชื่อว่า คุณดอกอุบล ต้องมีเพื่อนมาก เพียงแต่เบื่อกับการรวมกลุ่มสังคม
ข้างนอกวัด และ ไม่อยากผิดศีลด้วยใช่ไหมค่ะ
หลวงพ่อทัตตชีโว ท่านเคยเทศน์ไว้ว่า การต้อนรับปฏิสันถาร เป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญมาก เพราะจะทำให้เราเป็นที่รัก และ การ
ยอมรับจากสังคม เพียงแค่ต้อนรับดี เขาบอกต่อ ชื่อเสียงในทางดีงามก็กะฉ่อน ต่อไปจะทำอะไร ก็จะมีแต่คนสนับสนุนและช่วยเหลือ คำว่าไม่มีโอกาสจะไม่มีอีกต่อไปเพราะมีแต่คนให้โอกาสค่ะ
เราเคยพลาด เพียงแค่ต้อนรับลูกค้าไม่ดีพอ คนบอกต่อ ชื่อเสียงเสีย ลูกค้าหาย โอ้ พระเจ้าช่วย กว่าจะรู้ตัวตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน
จนมุมอยู่นานเป็นปี ไม่รู้จะทำไง ได้แต่ปล่อยวาง และเริ่มต้นใหม่ด้วยการต้อนรับลูกค้าให้ดีมากขึ้นกว่าเดิม แม้ชื่อเสียงไม่ได้กลับคืนมาเหมือนเดิม แต่ลูกค้าส่วนหนึ่งยังคงให้โอกาสเรา กว่าจะผ่านมาได้แทบตาย ก็จำไว้เป็นบทเรียนอันมีค่าที่สุดค่ะ
โทษใครไม่ได้หรอกค่ะ ต้องโทษตัวเองว่า ปฏิสันถารไม่ดีพอ ก็ต้องปรับปรุงตัวเองค่ะ
ลูกหลวงพ่อ แค่ยิ้มก็รวยแล้วค่ะ รวยเพื่อน รวยทรัพย์ รวยโชคดี รวยความสำเร็จค่ะ ฮิ ฮิ ฮิ 5555 เคล็ดลับสุดยอดของหลวงพ่อ
#7
โพสต์เมื่อ 23 May 2010 - 12:37 AM
ย่อมชูดอกขึ้นเหนือน้ำ ส่งกลิ่นหอมชื่นใจแก่ผู้ผ่านไปมา สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เช่นกัน
ไม่ว่าจะมาจากชาติตระกูลไหน หรือเคยทำบาปอกุศลทางกาย ทางวาจา หรือทางใจไว้มากมาย
เพียงไร แม้กาลเวลาจะผ่านมากี่ภพกี่ชาติก็ตาม
.......................
ถ้าหากว่าในปัจจุบันชาติ ได้อยู่ในเพศภาวะที่เป็น "ภัพพบุคคล" คือเป็นผู้ที่ปราศจากอกุศล
กรรมอันแรงกล้ามาตัดรอน หากมีโอกาสได้ฟังธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือฟังธรรมจกผู้รู้แจ้งเห็นจริง และตั้งใจ
ประพฤติปฏิบัติตามคำสอนของท่าน ก็สามารถที่จะบรรลุมรรคผลนิพพานได้ แล้วอานิสงส์นี้ยังส่งผลไปถึงหมู่ญาติ และ
คนรอบข้างให้ได้กุศลผลบุญ กระทั่งพ้นจากอัตภาพที่ต้องทนทุกข์ทรมานได้อีกด้วย
.............................................
ที่มา:หนังสือธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับมงคลชีวิตเล่ม ๕ หน้า ๒๓๗
.......................................................................................
อันที่จริงการที่เพือนได้เกิดมาเป็นผู้ชาย man man คือทั้งกายและใจเป็นชายแล้ว ก็ถือว่าเป็นภัพพบุคคลที่
มีบุญเก่ามาดีแล้วจึงมีสิทธิบวชพระได้ ดูซิดู ๆ ๆ รอบ ๆ ตัวเราหรือคนที่มาวัดนะโดยทั่ว ๆไปแล้วเป็นเพศหญิงมากกว่า
เพศชายมากนัก ถึงอยากจะบวชพระมากเพียงไรก็ไม่มีสิทธิ์....ช้ำใจหลายเด้ เข้าใกล้พระก็ไม่ได้ และยังถูกจำกัดอีก
ตั้งหลายอย่าง ลองมาเกิดเป็นผู้หญิงดูซิ!! แล้วจะรู้สึก! และถ้าไปอยู่ในที่ ที่มีพระน้อยรูปหรือแค่หนึ่งรูปจะทำบุญบาง
ทียังลำบากเลยนะคะ นี่คือความจริงที่อยากจะบอกว่า ผู้ชายผู้ได้โอกาสทั้งหลายโปรดอย่าทิ้งโอกาสที่แสนดีล้านดีนี้ไป
บวชพระเถอะค่ะ ทำให้ชีวิตมีกำไรกลับไปเมื่อถึงเวลาละร่างกายสังขารนี้ คนที่กำลังหลงทางมัวเมาอยู่ในสังคมน้ำเมา
เขาneed need need จำเป็นต้องมีกัลยาณมิตรค่ะ จึงเป็นอีกบุญหนึ่งของพวกเราช่วยชวนเขามาบวชจะโดยศิลปอัน
ใดก็ตาม ทำให้เขามาบวชให้ได้หากบุญเก่าเขามีพอเขาได้บวชแน่...เพราะกัลยาณมิตรคือทั้งหมดของพรหมจรรย์ แม้
แต่พระพุทธเจ้าก็เคยมีกัลยาณมิตรช่วยท่านให้ได้มาบวชเช่นกันค่ะ. ในสมัยนั้นท่านได้มาเกิดเป็นบุตรของพราหมณ์
ชื่อโชติปาละเป็นผู้มีความเห็นผิดไม่เลื่อมใสในพุทธศาสนา แต่ได้เพื่อนชื่อฆฏิการะเป็นลูกช่างปั้นหม้อทำหน้าที่กัลยาณมิตร
ให้ได้ไปฟังธรรมจากพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้เปลี่ยนจากผู้มีความเห็นผิด มาเป็นผู้มีความเห็นถูกต้อง ได้มีโอกาส
สร้างบารมี ตราบใดที่เรายังไม่บรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคลย่อมจะพลาดพลั้งทำผิด ๆ ได้ ด้วยเหตุนี้แหละเราจึงต้อง
มีกัลยาณมิตรคอยประคับประคองกันไว้ จนกว่าจะไปถึงที่สุดแห่งธรรมค่ะ ..."คุณยายอฐิษฐานจิตเสมอว่าให้ห่างไกล
คนภัย คนพาล"...ล้อมคอกไว้ก่อนค่ะ
สังคมปัจจุบันกำลังอยู่ในช่วงน้ำไหลลงแร็งและเร็วเลว สัดส่วนคนดีเหมือนเขาโคแต่คนชั่วเหมือนขนโคในหนึ่งตัว เพราะ
โลกขาดศีลธรรม คนไม่เข้าใจปัญญาที่แท้จริงที่เกิดจากศีล สมาธิ ปัญญา สะอาด สว่าง สงบ สันติสุขภายในตัวเองก่อน
เราจึงต้องช่วยกันกอบกู้ ต่ออายุพระพุทธศาสนาเพราะศาสนานี้ ศาสนาเดียวที่สอนให้มีปัญญาที่แท้จริงเมื่อเข้าถึงพระ
ธรรมกาย ก็จะรู้และ เห็นโลกไปตามความเป็นจริงแล้วมนุษย์ก็จะเลิกการเอาเปรียบกัน แต่จะเมตตาต่อกัน สิ่งแวดล้อม
ก็จะดี ไม่มีขี้เมาเต็มบ้านเต็มเมืองค่ะ แล้วคุณก็จะได้อยู่ในปฏิรูปเทศ แวดล้อมด้วยดนดี ๆมีศีล มีธรรมค่ะ เราจึงต้อง
เป็นปลาที่ว่ายทวนกระแสน้ำ(เน่า) ไปหาน้ำใส สะอาด บริสุทธ์กันค่ะ
..................................
เราจับมือกันไว้แล้วไปด้วยกัน ช่วยสร้างสรรคนดีกลับคืนสู่สังคม สิ่งแวดล้อมดี ๆก็จะเพิ่มพูนยิ่งๆขึ้นไป เป ระ ตะ ก็จะ
น้อยลง บัญทิต นํกปราช์ญก็จะมากขึ้น ไม่เปลืองบุญ จะได้เอาบุญไปใช้สร้างสิ่งดี ๆอีกมากมายที่รอคอยเราอยู่...

#8
โพสต์เมื่อ 23 May 2010 - 02:43 AM
น้ำข้าวหมักสีใสๆทำไมหนา
ไม่กี่หยดสติก็ไปจากกายา
สายตาพร่าสองขาเดินไม่ตรงทาง
ความสง่าที่เคยมีราศีหาย
หมดยางอายบ้างลงคลานทำตัวขวาง
ดูเหมือนพวกเดรัจฉานตามหนทาง
นอนครวญครางข้างอย่างคนเมา
บางคนดื่มเมาแล้วทำชั่วช้า
ปล้ำมารดาบางคนปล้ำลูกสาว
บ้างฆ่าเมียบ้างเผาบ้านด้วยความเมา
หมดฤิทธิ์เหล้านั่งร้องไห้ตายทั้งเป็น
แล้วทำไมเห็นกันว่าสุรานั้น
โทษอนันต์อันตรายใครก็เห็น
แล้วใยเล่าขายกันได้เช้ายันเย็น
ของจำเป็นเข้าสังคมทั้งกลมแบน
วางขายกันราคาไม่กี่สิบ
บ้างแพงลิบราคาขายถึงหลายแสน
จะซื้อเหล้าราคาเท่าเขาแต่งแฟน
เสียเงินแสนแลกขุมห้าบ้าหรือดี
#10
โพสต์เมื่อ 23 May 2010 - 10:21 PM
#11
โพสต์เมื่อ 30 May 2010 - 09:30 AM