
กิเลส หนา บวชไม่ได้สักทีครับ
#1
โพสต์เมื่อ 10 August 2010 - 08:21 PM
ทั้งคิดว่าบวชแล้ว ก็จะไม่ได้ดูทีวีที่ชอบรายการที่ชอบ วันเสาร วันหยุด ก็อยากไปเดินพารากอน ไปเดินสยาม ดูหนัง ควงแฟนไปเที่ยว
วันหยุดเทศกาล ก็ไปเชียงไหม่ ไปน่าน ไปเที่ยวธรรมชาติ พอฟุตบอลอังกฤษมา ก็จะเข้าเซเว่น ไปซื้อไส้กรอก มันฝรั่ง ชาเขียว มากินแล้วดูบอล
แต่พอไปบวชแล้ว ตรงอย่างทุกวันนี้ ที่ทำอยู่มาเกือบ 10ปี หายหมดเลย
ผมเป็นโรคติดกรุงเทพไปแล้ว ติดเซเว่น ติดทีวี ติดที่ท่องเที่ยว ติดพารากอน ติดสยาม ติดแฟน ติดโรงหนัง ติดบรรยากาศในกทม ผู้คน ยามมีเทศกาล ต่างๆ แถมค่ำๆกรุงเทพก็สวย นั่งรถเมลืไปเที่ยวก็ได้บรรยากาศไปถ่ายรูป มันอิสระจริงๆครับ
เคยไปบวชมาที ได้ไม่ถึง5วัน ร้องไห้อยากกลับบ้าน อยากไปอยู่กับแฟน กับบรรกาศของตัวเองเหมือนเดิม ดูทีวี ฟุตบอล ท่องเที่ยวสวีสไนท์ สวีสพาย
ไม่รู้จะแก้ยังไงดี พอจะไปบวชทีไร คิดถึงทุกอย่างที่ตัวเองมี ตัวเองเป็นอยู่ทั้งหมดเลย
#2
โพสต์เมื่อ 10 August 2010 - 08:40 PM
ขอถามเพิ่มเติมนิดนะครับ
อะไรคือสาเหตุทีเกิดศรัทธาครับ
อยากถามว่าตอนนี้อายุเท่าไหรแล้วครับ แล้วมีเป้าหมายอะไรในชีวิตหรือเปล่าครับ
ครั้งที่แล้วบวชพระหรือเณชครับ บวชกี่วันครับ
เดี๋ยววิธีแก้น่าจะมีคนมาตอบนะครับ :-)
#3
โพสต์เมื่อ 10 August 2010 - 10:01 PM
ลองมาบวชที่วัดดูครับ ผ่านสามวัน ห้าวันจะพบความสุขอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน ความสุขจากสมาธิไง ตอนครบโครงการไม่อยากสึก
#4
โพสต์เมื่อ 10 August 2010 - 10:32 PM
ขอยืนยันครับ แต่ตอนบวชแนะนำให้ทำตามคำสอนของพระพี่เลี้ยง พระอาจารย์ให้ได้นะครับแล้วจะรู้ว่า สุขในการบวชเป็นอย่างไร
#5
โพสต์เมื่อ 11 August 2010 - 12:31 PM
แต่วันต่อๆไป และต่อๆไป เราจะได้อย่างนี้ทุกวันหรือเปล่า ยกตัวอย่างผมเอง สมัยหนุ่มก็เป็นเหมือนคุณเลยครับ คือ งานยังไม่หนัก ยังมีเวลามาก ตกเย็นก็ไปเที่ยว ค่ำๆ ดูทีวีๆ ดึกๆ ดึ่นๆ วันหยุดก็ไปเที่ยวตามสถานที่สวยงาม
แต่ครั้นพออายุประมาณ 40 ตำแหน่งหน้าที่การงานก็ต้องรับผิดชอบมากขึ้น เวลาก็จะมีน้อยลง ทำให้การท่องเที่ยวเหล่านี้ต้องหายไปโดยอัตโนมัตเลยล่ะครับ มันหายไปโดยที่เราไม่สามารถร่ำร้องเอากลับคืนมาได้เลยล่ะครับ
ดังนั้น หากไม่คิดบวช(ช่วงสั้นๆ เอง) ด้วยเหตุเพียงเท่านั้น ก็ควรจะลองบวชดูครับ ฝึกตัดใจจากสิ่งที่รักสิ่งที่ชอบใจในช่วงสั้นๆ ดูบ้าง อนาคตเรายังต้องเจอสิ่งที่หนักกว่านี้อีกมากทีเดียวล่ะครับ
มีนิทานเรื่องหนึ่ง สอนใจดีมาก เรื่องก็มีอยู่ว่า พระเจ้าได้สร้างมนุษย์ วัว และหมา ให้มีอายุ 30 ปีเท่ากัน โดยพระเจ้าบอกว่า มนุษย์นั้นมีหน้าที่แค่เที่ยวเล่นสนุกสนานเพลิดเพลินเจริญใจ 30 ปี ส่วนวัวมีหน้าที่ต้องทำงานหนัก 30 ปี ส่วนหมามีหน้าที่หงุดหงิด เห่าสิ่งนั้นสิ่งนี้ไปอีก 30 ปี ครั้นพอวัวได้ยินเช่นนั้น วัวเลยบอกว่า ไม่ไหว ทำงานหนัก 30 ปี วัว ขอมีอายุแค่ 10 ปีพอ ที่เหลือ 20 ปี ขอคืนให้พระเจ้าไป ฝ่ายหมาก็เช่นกัน ขอคืนอายุให้พระเจ้าไป 20 ปี
ที่นี้มนุษย์ที่เล่นสนุกเพลิดเพลินใจช่วงวัยเด็กและหนุ่มได้ฟังเช่นนั้น เลยบอกว่า งั้นเอาอายุวัว กับอายุหมา มาให้เขาดีกว่า พระเจ้าก็ตกลง OK
ผลก็คือ ช่วงวัยเด็กถึงวัยหนุ่ม มนุษย์ก็เล่นสนุกสนานเพลิดเพลิน แต่ครั้นพอช่วงอายุ 30-50 ปี มนุษย์ต้องทำงานหนัก กลายเป็นอายุวัว (เหมือนผมกับคนทั้งหลาย เวลานี้เลย) ครั้นพออายุ 50-70 ปี ก็จะกลายเป็นอายุหมา คือ จู้จี้ ขี้บ่น จุกจิก หงุดหงิดง่าย เป็นต้น
ดังนั้น หากใครก็ตามที่กำลังสนุกสนานเพลิดเพลินใจในทางโลก ขอบอกว่า สนุกได้ไม่นานหรอกครับ อายุแห่งวัยทำงานหนักกำลังย่างกรายเข้ามาหาเรา เตรียมรับมือให้ดีครับ
ภาษิตฝรั่ง เขาพูดไว้น่าฟังทีเดียว เขาบอกว่า
ตอนเด็กๆ ถึงหนุ่ม เรามักมีเรี่ยวแรง มีเวลา แต่ ไม่มีเงิน
ตอนวัยกลางคน เรามักมีเรี่ยวแรง มีเงิน แต่ ไม่มีเวลา
ครั้นพอวัยชรา เรามักมีเงิน มีเวลา แต่ ไม่มีเรี่ยวแรง
เฮ้อ มนุษย์ น่าสงสารจริงๆ
#6
โพสต์เมื่อ 11 August 2010 - 02:23 PM
ใจไม่ถึงมากกว่า
#7
โพสต์เมื่อ 11 August 2010 - 04:10 PM
แล้วถ้าบวชวัดพระธรรมกาย คงมีกิจกรรมให้ทำจนไม่มีเวลาคิดเรื่องอะไร ลองหักดิบดู ไม่ลองไม่รู้
#8
โพสต์เมื่อ 11 August 2010 - 07:59 PM
อะไรคือสาเหตุทีเกิดศรัทธาครับ
( คำสอน และ ความสมถะเรียบง่ายของหมู่สงฆ์)
อยากถามว่าตอนนี้อายุเท่าไหรแล้วครับ แล้วมีเป้าหมายอะไรในชีวิตหรือเปล่าครับ
( 30 ปี งานและคนรัก และปัจจัย4ที่มั่นคง)
QUOTE
เคยไปบวชมาที ได้ไม่ถึง5วัน ร้องไห้อยากกลับบ้าน อยากไปอยู่กับแฟน กับบรรกาศของตัวเองเหมือนเดิม ดูทีวี ฟุตบอล ท่องเที่ยวสวีสไนท์ สวีสพาย
( บวชห่มขาว แต่อยู่ไม่ถึงบวช ขอกลับก่อน คิดถึงกิเลสที่บ้าน)
เดี๋ยววิธีแก้น่าจะมีคนมาตอบนะครับ :-)
#9
โพสต์เมื่อ 11 August 2010 - 08:10 PM
ไม่ได้ตั้งใจจะบวชจริงๆนี่ครับ
คนเราไม่ได้บวชเพราะมีความหวังว่าจะได้อะไรจากการบวช แต่เราบวชเพราะเรามีเจตนารมณ์แน่วแน่ที่จะหาความหวังในชีวิตจากการบวชครับ
#10
โพสต์เมื่อ 11 August 2010 - 08:29 PM
( คำสอน และ ความสมถะเรียบง่ายของหมู่สงฆ์)
ผมว่าศรัทธาเป็นจุดเริ่มแรกที่สำคัญทีเดียวครับ ถ้าดูจากศรัทธาแล้ว จขกท. ก็น่าจะบวชพระได้อย่างสบาย ๆ ครับ
สำหรบวิธีแก้ อยากแนะนำให้อ่านคำสอนเยอะๆ ครับ แล้วลองย้อนนำมาคิดกับชีวิตของเราที่ผ่านมา ว่าคำสอนนั้น
จริงหรือไม่ ดีหรือไม่ แล้วก็ตั้งใจเลยครับว่า ถ้าได้บวชจะตั้งใจปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบให้เป็นพระที่ดี ซึ่งจะได้ศึกษาคำสอน
ให้ยิ่งๆ ขึ้นไป อยากจะบอกว่า การได้ห่มผ้าแห่งชัยชนะ แล้วได้ศึกษาธรรมะ นั้น อารมณ์และความรู้สึกจะแตกต่างจาก
ศึกษาในเพศปกติอย่างเราๆ (อันนี้ต้องลองพิสูจน์ด้วยตัวเองนะครับ) แล้วยิ่งเมื่อมีคนมากราบไหว้เราแล้วหละก็ เรายิ่ง
ต้องทำตัวให้เหมาะสมแก่การกราบไหว้มากยิ่งๆ ขึ้น ดั่งเช่นความสมถะเรียบง่ายของหมู่สงฆ์ที่ จขกท. ชอบครับ
( 30 ปี งานและคนรัก และปัจจัย4ที่มั่นคง)
ข้อนี้ต้องขออภัยจริงๆ เพราะตอนแรกนึกว่าอายุแบบวัยรุ่น ฮิ ฮิ เห็นเขียนกระทู้ซะ ดูเรื่อยๆ มาเรียงๆ ใช้ชีวิตชิวๆ
ถ้าอายุ 30 แล้ว ทุกอย่างมั่นคงแล้ว ก็คงเหลือที่สำคัญก็คือ คำถามที่ต้องตอบกับตัวเองให้ได้ คือ
"เราเกิดมาทำไม" และ "อะไรคือเป้าหมายชีวิต"
ถ้าได้บวช คำตอบเหล่านี้จะชัดมากยิ่งขึ้นครับ อาจจะไกลกว่าที่เราเคยคิดมากมายนัก อันนี้ต้องลองบวชดูครับ
( บวชห่มขาว แต่อยู่ไม่ถึงบวช ขอกลับก่อน คิดถึงกิเลสที่บ้าน)
ฮิ ฮิ มาบวชที่วัดธรรมกายซิครับ แล้ว จขกท. จะตกใจ ฮิ ฮิ :-)
#11
โพสต์เมื่อ 12 August 2010 - 12:25 AM
วาระหนึ่งคือบารมีส่งแต่ภาคมารบังไว้
ดังนั้นคือคุณค้องเด็ดขาด ตัดใจ เจ้าชายสิทธัตถะขณะกำลังเสด็จออกผนวช เทวดามารยังมาห้ามไว้ด้วยบอกว่าสมบัติรัตนะ 7 กำลังบังเกิดแล้ว โลกทั้งใบจะอยู่ในมือของพระองค์ แต่พระพุทธองค์ไม่สนใจใยดีเลย พระโพธิญาณคือความสุขที่ประเสริฐกว่าโลกอันอนิจจังนี้อย่างเทียบกันไม่ได้
คุณกำลังอยากจะออกบวช ภาคมาร(กิเลศ)ก็มาดึงตุณไว้ด้วยบอล แสงสีเสียง ความบันเทิง
หากคุณแพ้ตอนนี้ คุณก็จะแพ้ไปอีกเรื่อยๆ
หากคุณแพ้ชาตินี้ คุณก็จะแพ้ไปทุกภพทุกชาติ
โลกมนุษย์เป็นที่สร้างสมบุญบารมีนะครับ มิใช่เป็นที่เสวยผลบุญ
เอาแต่กินและใช้บุญเก่าอยู่แบบนี้ ซักวันบุญหมดจะร้อง รักแต่สนุกจะทุกข์ถนัดนะครับ
อย่างน้อยๆต้องมาสร้างบุญบ้าง
เอาเลยเดี๋ยวนี้ ชนะมารให้ได้ แค่สามวันเจ็ดวันก่อนก็ได้ครับ มาวัดซะ มาบวชสั้นๆก็ยังดี
วิธีแก้ เริ่มที่อธิษฐานบารมีถึงพุทธานุภาพ (ด้วยแรงอธิษฐานที่มิใช่ละคร)
อธิษฐานถึงพระพุทธเจ้านะครับ ช่วยโปรดแสดงพุทธานุภาพให้คุณชนะมาร เป็นคนสร้างบุญ ออกบวชให้สำเร็จซะที อธิษฐานซะ เดี๋ยวนี้เลยครับ สัจจะบารมี อธิษฐานบารมี เอาให้แกร่งกล้า ก่อนที่บุญหมด แล้วจะร้อง
คุณกำลังตกเป็นทาสของจิตใจ ศาสนาพุทธสอนให้คุณเป็นอิสระจากกิเลศและการปรุงแต่งฝ่ายต่ำของจิตใจ เริ่มต้นที่พุทธานุภาพ และความมุ่งมั่นในอธิษฐานและสัจจะบารมี เพื่อเนกขัมมะบารมี เพื่ออิสระภาพแห่งสัจธรรมะที่แท้จริง
จะเห็นหม้อดินดีไปกว่าหม้อทองไปถึงเมื่อไหร่ครับ พระนิพพานเป็นบรมสุขกว่า กิน กาม เกียรติ ที่คุณบริโภคอยู่อย่างเทียบกันไม่ได้
จะหลงอยู่บริโภคแบบหนอนไปอีกนานเท่าไร ไปอยู่แบบอริยะซะทีครับทั่น
ท้ายสุดหากทำสำเร็จแล้วบวชไม่สึกได้ยิ่งดี แต่หากสึกมาแล้วก็เปลี่ยนวิถีชีวิตให้เทียบเคียงนักบวชให้ได้มากที่สุดนะครับ

ละธรรมดำ ยังธรรมขาวให้เจริญ
ธัมมะกาโย อะหัง อิติปิ
เราตถาคต คือธรรมกาย
#12
โพสต์เมื่อ 12 August 2010 - 01:04 AM

พบแล้วไม่กำ จะเกิดมาทำอะไร
สิ่งที่อยาก เขาก็หลอก
สิ่งที่หยอก เขาก็ลวง
ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย
เลิกอยาก ลาหยอก รีบออกจากกาม
เดินตามขันธ์สามเรื่อยไป
เสร็จกิจสิบหก ไม่ตกกันดาร
เรียกว่า นิพพานก็ได้

ละธรรมดำ ยังธรรมขาวให้เจริญ
ธัมมะกาโย อะหัง อิติปิ
เราตถาคต คือธรรมกาย
#13
โพสต์เมื่อ 12 August 2010 - 01:26 AM
คงยังไม่ทราบว่าสิ่งต่างๆ ในโลกนี้ล้วนไม่แน่นอน และคงยังไม่ซึ้งถึงคำว่า ความตายไม่มีนิมิตหมาย คงคิดว่าพึ่งจะ อายุ 30 ยังไงก็คงอยู่บนโลกนี้อีกนาน
คงยังไม่เห็นโทษภัยของการเวียนว่ายตายเกิด ไม่รู้จักหมดจักสิ้น
คงยังไม่เห็นโทษภัยของของการผิดศีล๕ และวิบากกรรมที่เกิดขึ้นจากการผิดศีล แม้บางครั้งอาจทำด้วยความไม่รู้ และไม่ได้ตั้งใจ
บอกได้อย่างเดียว ตอนนี้ชีวิตคุณมีทุกอย่าง แต่คุณจะมั่นใจได้อย่างไร ว่าความสุขสบายนี้จะยืนยาว มั่นคงแบบนี้ไปตลอดชีวิตจนแก่เฒ่า?
ตอนนี้คุณกำลังใช้บุญเก่า ทุกนาทีที่คุณหายใจอยู่ คุณได้ใช้บุญไปทุกวินาที
ถ้าบุญหมดเมื่อไหร่ เมื่อนั้นก็หมดซึ่งลมหายใจ
เมื่อไหร่ที่บุญหย่อน วิบากกรรมก็รอโอกาสส่งผลทันที (คงไม่มีใครในโลกนี้ ที่ไม่เคยทำผิดพลาด และไม่เคยสร้างวิบากกรรมมาก่อน นับตั้งแต่ชาตินี้ หรือนับภพนับชาติไม่ถ้วนที่ผ่านมา ...ไม่ว่าจะผ่านมานานเท่าไหร่ วิบากกรรมมันก็รอโอกาสที่จะส่งผลอยู่เสมอ)
พูดง่ายๆ ตอนนี้กำลังโดนมีดจ่อคอหอยอยู่ และมีดนั้นพร้อมจะจิ้มคอคุณอยู่ทุกเมื่อ อยู่ที่ว่าคุณจะรู้ตัวและรีบถอยห่างจากมีดที่จ่อคออยู่หรือไม่ (มีดที่ว่าก็คือวิบากกรรมที่รอโอกาสส่งผลนั่นเอง)
การบวชคือการเติมบุญให้กับตัวคุณเอง อีกทั้งยังเป็นการเติมบุญให้กับพ่อแม่อีกด้วย และถือเป็นการตอบแทนคุณพ่อแม่ที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง ...ก็ให้นึกถึงหน้าพ่อ หน้าแม่ ที่อุ้มท้อง ที่ต้องคลอด ต้องหาเงินเลี้ยงดู ต้องอบรมสั่งสอน ต้องอดหลับอดนอน
คำถามง่ายๆ .... เอาแค่ชาตินี้ก็พอ คุณคิดว่าตัวเองมีศีล๕ บริสุทธิ์หรือไม่ ตลอดชีวิตที่ผ่าน เริ่มตั้งแต่จำความได้ก็แล้วกัน
ถ้าตอบว่าไม่แน่ใจ ขอแนะนำให้ศึกษาเรื่องราวใน "กรณีศึกษากฏแห่งกรรม" หรือ case study ภายในเว็บ DMC.tv นี้ แล้วคุณจะได้คำตอบให้กับตัวเองให้มีแรงบันดาลใจมากขึ้นในการบวช
VDO กฏแห่งกรรม http://www.dmc.tv/in...tepisode&pid=48
บทความกฏแห่งกรรม http://www.dmc.tv/in...e...study&om=13
ความรู้สึกของผู้หญิงคนหนึ่ง...เมื่อรู้ว่าต้องเป็นแม่ http://www.dmc.tv/in...e...date&om=267
last edit 12/9/53 16:48
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#14
โพสต์เมื่อ 12 August 2010 - 08:19 AM

เจ้าของกระทู้ คงมีความรู้ ความเข้าใจและมุมมองใหม่กว่าเดิมแล้วนะครับว่า
สาเหตุและแนวทางแก้ไข มีอะไรบ้าง
เพียงแต่เจ้าของกระทู้ พิจารณาและเลือกนำมาประพฤติ ลงมือทำด้วยตนเองเท่านั้น
ยิ่งเจ้าของกระทู้รู้ว่า ตนเองติดความสะดวกสบาย ตามใจ(กิเลส)ตัวเองแบบนี้
ยิ่งมีแฟน ที่มีแนวโน้มมากๆว่า จะต้องครองเรือน ครองรัก ว่าที่สามี และว่าที่บิดาของลูก
ยิ่งสมควรฝึกหัดขัดเกลาตนเอง อย่างว่อง(ไว) เลยนะครับ
เพื่อประโยชน์ต่อตัวคุณเองและบุคคลรอบตัวที่คุณรัก ที่รักของคุณ
เชิญแวะศึกษาเรื่องมงคลชีวิต และนำมาใช้ตามสมควรนะครับ
http://dmc.tv/forum/...?showtopic=9099
รวบรวมพระธรรมเทศนาเรื่อง มงคลสูตร ของพระมหา ดร. สมชาย ฐานวุฑโฒ
โดย คุณ Peacefulness ™
๕ หมู่แรก เป็น ข้อปฏิบัติในการสร้างชีวิต
มงคลหมู่ที่ ๑ ฝึกให้เป็นคนดี
มงคลที่ ๑ ไม่คบคนพาล
มงคลที่ ๒ คบบัณฑิต
มงคลที่ ๓ บูชาบุคคลที่ควรบูชา
มงคลหมู่ที่ ๒ สร้างความพร้อมในการฝึกตัวเอง
มงคลที่ ๔ อยู่ในถิ่นที่เหมาะสม
มงคลที่ ๕ มีบุญวาสนามาก่อน
มงคลที่ ๖ ตั้งตนชอบ
มงคลหมู่ที่ ๓ ฝึกตนให้เป็นคนมีประโยชน์
มงคลที่ ๗ พหูสูต
มงคลที่ ๘ มีศิลปะ
มงคลที่ ๙ มีวินัย
มงคลที่ ๑๐ มีวาจาสุภาษิต
มงคลหมู่ที่ ๔ บำเพ็ญประโยชน์ต่อครอบครัว
มงคลที่ ๑๑ บำรุงบิดามารดา
มงคลที่ ๑๒ เลี้ยงดูบุตร
มงคลที่ ๑๓ สงเคราะห์ภรรยา-สามี
มงคลที่ ๑๔ ทำงานไม่คั่งค้าง
มงคลหมู่ที่ ๕ บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม
มงคลที่ ๑๕ บำเพ็ญทาน
มงคลที่ ๑๖ ประพฤติธรรม
มงคลที่ ๑๗ สงเคราะห์ญาติ
มงคลที่ ๑๘ ทำงานไม่มีโทษ
๕ หมู่หลัง เป็น การฝึกใจโดยตรง
มงคลหมู่ที่ ๖ ปรับเตรียมสภาพใจให้พร้อม
มงคลที่ ๑๙ งดเว้นจากบาป
มงคลที่ ๒๐ สำรวมจากการดื่มน้ำเมา
มงคลที่ ๒๑ ไม่ประมาทในธรรม
มงคลหมู่ที่ ๗ การแสวงหาธรรมเบื้องต้นใส่ตัว
มงคลที่ ๒๒ มีความเคารพ
มงคลที่ ๒๓ มีความถ่อมตน
มงคลที่ ๒๔ มีความสันโดษ
มงคลที่ ๒๕ มีความกตัญญู
มงคลที่ ๒๖ ฟังธรรมตามกาล
มงคลหมู่ที่ ๘ การแสวงหา ธรรมะเบื้องสูง ใส่ตัวให้เต็มที่
มงคลที่ ๒๗ มีความอดทน
มงคลที่ ๒๘ เป็นคนว่าง่าย
มงคลที่ ๒๙ เห็นสมณะ
มงคลที่ ๓๐ สนทนาธรรมตามกาล
มงคลหมูที่ ๙ การฝึกภาคปฏิบัติเพื่อกำจักกิเลสให้สิ้นไป
มงคลที่ ๓๑ บำเพ็ญตบะ
มงคลที่ ๓๒ ประพฤติพรหมจรรย์
มงคลที่ ๓๓ เห็นอริยสัจ
มงคลที่ ๓๔ ทำพระนิพพานให้แจ้ง
มงคลหมู่ที่ ๑๐ ผลจากการปฏิบัติจนหมดกิเลส
มงคลที่ ๓๕ จิตไม่หวั่นไหวในโลกธรรม
มงคลที่ ๓๖ จิตไม่โศก
มงคลที่ ๓๗ จิตปราศจากธุลี
มงคลที่ ๓๘ จิตเกษม
#15
โพสต์เมื่อ 12 August 2010 - 07:10 PM
#16
โพสต์เมื่อ 12 August 2010 - 08:38 PM
...เวลาคิดเรื่องกาม ถ้ามือไม่ไปยุ่ง ไม่ไปสนใจ เดี๋ยวมันก็จะเบาลงไปเองได้ ตอนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบวชก็ระลึกถึงกามสุขในสมัยเสพสุขแบบทางโลก ทำให้กวนใจ ต่อการปฏิบัติธรรมเช่นกัน ท่านใช้วิธีเลิกคิด เลิกไปยุ่ง ไปสนใจ แล้วก็ตรัสท้าทายพญามารว่า เราชนะแล้ว หากไม่ยุ่ง ไม่คิด ไม่สนใจ กามก็ทำอะไรพระองค์ไม่ได้
...เรื่องการใช้ชีวิตทางโลก ก็ไม่พ้นเรื่องกามเช่นกัน แต่เป็นกามคนละแบบไม่ใช่มุ่งเน้นเรื่องเพศ แต่เป็นสิ่งปรนเปรอให้พอใจ ให้มีความสุข มีชีวิตสนุกสนาน สบาย อย่างที่เป็นมา แน่นอน ชีวิตที่จะบวชต้องทิ้งสิ่งเหล่านี้แบบ หักดิบโยนทิ้งไปเลย เพราะถ้าใจอ่อน ก็จะต้องอ่อนใจกับการเป็นผู้แพ้ มารก็หัวเราะเยาะว่าไม่แน่จริง สัจจะบารมี ขันติบารมี วิริยะบารมี และอุเบกขาบารมีจะหาได้จากที่ไหนเล่า? การสร้างบารมีไม่ใช่ของง่าย แต่เป็นสิ่งที่ท้าทายตัวเราว่า ถ้าเราทำได้ เราก็ชนะ แต่ถ้าไม่ได้ ก็แพ้
#17
โพสต์เมื่อ 12 August 2010 - 10:24 PM
และเรียกท่านว่าเจ้าชายสิทธัตถะ เฉพาะตอนก่อนที่ท่านจะออกบวช
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#18
โพสต์เมื่อ 12 August 2010 - 10:58 PM
เราต้องใช้กฎแห่งการดึงดูดครับ คิดแต่สิ่งที่ดีๆ นึกถึงสิ่งดีๆ แล้วจะดึงดูดสี่งๆเข้ามาหาเราคับ
นึกถึงพระธรรมกายแทนเรื่องกาม แล้วเราจะได้เห้นพระธรรมกายได้โดยเร็วครับ
^^