
นอกจากการหยุดนิ่งแล้ว
#1
โพสต์เมื่อ 31 March 2006 - 03:36 PM
#2
โพสต์เมื่อ 31 March 2006 - 03:50 PM
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=2835
แต่จะเอามาโพสต์ให้ดูใหม่ ดังนี้
จุนทะ ! สัลเลขธรรม เป็นสิ่งที่เธอทั้งหลายพึงกระทำ ในธรรมทั้งหลายเหล่านี้ กล่าวคือ :-
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้เบียดเบียน เราจักเป็นผู้ไม่เบียดเบียน.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นกระทำปานาติบาต เราจักเว้นขาดจากปานาติบาต.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นกระทำอทินนาทาน เราจักเป็นผู้เว้นขาดจากอทินนาทาน.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นไม่ประพฤติพรหมจรรย์ เราจักเป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นพูดเท็จ เราจักเว้นขาดจากการพูดเท็จ.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นพูดส่อเสียด เราจักเว้นขาดจากการพูดส่อเสียด.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นพูดคำหยาบ เราจักเว้นขาดจากการพูดคำหยาบ.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นพูดเพ้อเจ้อ เราจักเว้นขาดจากการพูดเพ้อเจ้อ.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นมากด้วยอภิชฌา เราจักเป็นผู้ไม่มากด้วยอภิชฌา.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นมีจิตพยาบาท เราจักเป็นผู้ไม่มีจิตพยาบาท.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นมีมิจฉาทิฏฐิ เราจักเป็นผู้มีสัมมาทิฏฐิ.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นมีมิจฉาสังกัปปะ เราจักเป็นผู้มีสัมมาสังกัปปะ.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นมีมิจฉาวาจา เราจักเป็นผู้มีสัมมาวาจา.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นมีมิจฉากัมมันตะ เราจักเป็นผู้มีสัมมากัมมันตะ.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นมีมิจฉาอาชีวะ เราจักเป็นผู้มีสัมมาอาชีวะ.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นมีมิจฉาวายามะ เราจักเป็นผู้มีสัมมาวายามะ.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นมีมิจฉาสติ เราจักเป็นผู้มีสัมมาสติ.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นมีมิจฉาสมาธิ เราจักเป็นผู้มีสัมมาสมาธิ.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นมีมิจฉาญาณะ เราจักเป็นผู้มีสัมมาญาณะ.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นมีมิจฉาวิมุตติ เราจักเป็นผู้มีสัมมาวิมุตติ.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นมีถีนะมิทธะกลุ้มรุม เราจักเป็นผู้ปราศจากถีนะมิทธะ.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ฟุ้งซ่าน เราจักเป็นผู้ไม่ฟุ้งซ่าน.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นมีวิจิกิจฉา เราจักเป็นผู้ข้ามพ้นวิจิกิจฉา.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้มักโกรธ เราจักเป็นผู้ไม่มักโกรธ.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ผูกโกรธ เราจักเป็นผู้ไม่ผูกโกรธ.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ลบหลู่คุณ เราจักเป็นผู้ไม่ลบหลู่คุณ.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้แข่งดี เราจักเป็นผู้ไม่แข่งดี.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ริษยา เราจักเป็นผู้ไม่ริษยา.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ตระหนี่ เราจักเป็นผู้ไม่ตระหนี่.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้โอ้อวด เราจักเป็นผู้ไม่โอ้อวด.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้มีมารยา เราจักเป็นผู้ไม่มีมารยา.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้กระด้าง เราจักเป็นผู้ไม่กระด้าง.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ดูหมิ่นท่าน เราจักเป็นผู้ไม่ดูหมิ่นท่าน.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ว่ายาก เราจักเป็นผู้ว่าง่าย.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้มีมิตรชั่ว เราจักเป็นผู้มีมิตรดี.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ประมาท เราจักเป็นผู้ไม่ประมาท.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ไม่มีศรัทธา เราจักเป็นผู้มีศรัทธา.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ไม่มีหิริ เราจักเป็นผู้มีหิริ.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ไม่มีโอตตัปปะ เราจักเป็นผู้มีโอตตัปปะ.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้มีสุตตะน้อย เราจักเป็นผู้มีสุตตะมาก.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ขี้เกียจ เราจักเป็นผู้ปรารภความเพียร.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้มีสติอันลืมหลง เราจักเป็นผู้มีสติตั้งมั่น.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้มีปัญญาทราม เราจักเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยปัญญา.
ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ลูบคลำด้วยทิฏฐิของตน เป็นผู้ยึดถืออย่างเหนียวแน่น และเป็นผู้ยากที่จะสละคืนซึ่งอุปาทาน เราจักเป็นผู้ ไม่ลูบคลำด้วยทิฏฐิของตน เป็นผู้ไม่ยึดถืออย่างเหนียวแน่น และเป็นผู้ง่ายที่จะสลัดคืนซึ่งอุปาทาน.
Someday I'm gonna be free.
#3
โพสต์เมื่อ 31 March 2006 - 08:25 PM
จริงค่ะ เมื่อใจหยุดนิ่งได้บ้างแล้ว ควรทำความละเอียดของใจเรายิ่งขึ้น
โดยการพิจารณาตน ด้วยสัลเลขธรรม ...
ช่างเป็น "Self-Development" อันประเสริฐจริงหนอ
ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุด ย่อมเป็นผู้ที่สุภาพนุ่มนวลที่สุด
#4
โพสต์เมื่อ 31 March 2006 - 11:27 PM
สาธุ สาธุ สาธุ ครับ
แม้ชีวิตนี้ก็ให้ได้
#5
โพสต์เมื่อ 01 April 2006 - 02:14 AM
#6
โพสต์เมื่อ 01 April 2006 - 03:46 AM
วิสัยของการกำจัดกิเลสไม่สามารถกำจัดได้ด้วยลำพังการคิดเพียงอย่างเดียวจำเป็นอย่างยิ่งจะต้องเข้าถึงพุทธะหรือจิตรู้ ณ ภายใน เมื่อเข้าถึงจิตรู้ ญาณะเครื่องรู้กำจัดกิเลสและอวิชชาจะบังเกิดครับ
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#7
โพสต์เมื่อ 01 April 2006 - 10:37 AM
1. แสวงหาครูดี
ตรงนี้ในความเห็นผม เป็นจุดเริ่มที่สำคัญที่สุด เพราะครู จะเป็นต้นแบบให้เรา ถ้าครูเป็นต้นแบบที่ไม่ดี แม้เราจะฉลาดอย่างไร ก็เป็นผลเสียในภายหลังให้เราได้ เช่น พระอคุลิมาล ตอนวัยหนุ่มก็เป็นเด็กฉลาด เรียนเก่ง แต่เพราะได้ครูไม่ดี สอนให้ไปฆ่าคนครบ 1000 คน แล้วจะได้สุดยอดวิชา สุดท้ายชีวิตเกือบย่ำแย่ ดีที่ได้พระพุทธเจ้ามาช่วยไว้ทัน แต่อีกท่านหนึ่งนี่สิ คือ พระเจ้าอชาติศตรู ได้พระเทวทัตเป็นครู สุดท้ายต้องฆ่าพ่อตัวเอง และลงอเวจีมหานรก ทั้งที่ในชาตินี้มีบุญสามารถบรรลุธรรมได้สบาย แต่ก็ต้องไปลงนรกเสียก่อน ไม่รู้อีกนานเท่าไหร่จึงจะได้ขึ้นมาบรรลุธรรม น่าเสียดายยิ่งนัก
ดังนั้น ข้อ 1 นี้จึงสำคัญจริงๆ ในความเห็นผม เห็นความสำคัญเท่ากับ มงคลชีวิตข้อที่ 1 ไม่คบคนพาล มงคลชีวิตข้อที่ 2 คบบัณฑิต และข้อที่ 3 บูชาบุคคลที่ควรบูชา เลยทีเดียว
2. ฟัง(หรืออ่าน) คำครู
เมื่อพบครูดีแล้ว ก็อย่ามัวเสียเวลา รีบเข้าไปศึกษาธรรมะกับท่านทีเดียว ผมฟังเรื่องราวของลูกพระธรรมในต่างแดนเลย ทั้งซื้งใจและสะเทือนใจ บางคนครอบครัวไม่เข้าใจพระพุทธศาสนา ภรรยาต้องแอบไปนั่งสมาธิ แอบฟังคำสอนครูไม่ใหญ่ แต่ในขณะที่คนไทยที่มีโอกาสหลายต่อหลายคน จานดาวธรรมที่บ้านก็มี แต่ไม่ค่อยดู นานๆ ดูที
ดังนั้น เมื่อพบครูดีแล้ว อย่าปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไปนะครับ
3. ตรองตามคำครู
เมื่อฟังครูแล้ว ก็ต้องนำมาขบคิดใคร่ครวญ ในสิ่งที่ครูสอน ว่าเรายังบกพร่องตรงไหน จะได้ปรับปรุงแก้ไขต่อไป หรือ เหตุใดท่านสอนแบบนี้ เช่น สอนให้กราบพระพุทธเจ้า เราก็ต้องขบคิดต่อ กราบไปเพื่ออะไร อ๋อ เพื่อจะต้องดูว่า พระพุทธเจ้ามีพระคุณอย่างไร ทำไมต้องกราบ ไม่ใช่ครูบอกให้กราบ ก็กราบไป ไม่ต้องคิดอะไรมาก อย่างนี้จะได้ประโยชน์น้อย
3. ปฏิบัติตามคำครู
เมื่อขบคิดใคร่ครวญดีแล้ว ก็ปฏิบัติตามคำสอนของครูต่อๆไป
#8
โพสต์เมื่อ 01 April 2006 - 11:30 AM
ตอบ ไตรสิกขา อันมี 1.ศีล ความงามในเบื้องต้น ใช้ปราบกิเลสอย่างหยาบ
2.สมาธิ ความงามในท่ามกลาง ใช้ปราบกิเลสอย่างกลาง
3.ปัญญา ความงามในเบื้องปลาย ใช้ปราบกิเลสอย่างละเอียด
ถ้าศีลกล้า สมาธิกล้า ปัญญากล้ายิ่งขึ้นแล้ว สามอย่างนี้เป็นไวพจน์ซึงกันและกัน สมกับพระศาสดาตรัสว่า มรรคเป็นหนทาง เมื่อสามอย่างนี้กล้าขึ้นมาเป็นมรรคแล้ว กิเลสก็จะเบาบางลงไปเอง แต่ถ้าหากมรรคอ่อนไม่กล้า กิเลสมันก็จะยิ่งหนาแน่นขึ้น กิเลสก็จะฆ่ามรรค ฆ่าใจเราเอง
^-^สาธุกับคำถามที่เป็นไปเพื่อประโยชน์กับเพื่อนมนุษย์ครับ _/ \_
************************************************************************
ใ ค ร เ ชิ ด. . .ใ ค ร ชู. . .ช่ า ง เ ข า
ใ ค ร เ บื่ อ. . .ใ ค ร บ่ น. . .ท น เ อ า
ใ จ เ ร า. . .ร่ ม เ ย็ น. . .เ ป็ น พ อ
. . .|2@|<_|3( )( )|\| @ |-|()T/\/\@I|_.C()/\/\. . .




















#9
โพสต์เมื่อ 01 April 2006 - 04:06 PM
อนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ สาธุ
#10
โพสต์เมื่อ 03 April 2006 - 02:47 PM
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#11
โพสต์เมื่อ 04 April 2006 - 03:27 AM
เป็นคำศักดิ์สิทธิ์ที่เตือนใจได้ดีค่ะคือ
เราจะสร้างบารมีให้ได้ทุกๆนาที
แม้ในขณะที่เราหยุดใจไม่ได้ เพราะภาระกิจอื่น
แต่เราจะเตือนตัวเราเองได้ไม่ให้ทำผิดพลาดออกนอกลู่นอกทาง
และเร่งทำบารมีให้ยิ่งขึ้น เพื่อเป็นทางตรงสู่เป้าหมาย
ทั้งสิบอย่างเลยค่ะ ที่ง่ายที่สุดคือ อธิษฐานบารมี
ทำได้ตลอด.. ขอให้เราข้ามอุปสรรคนี้ได้อย่างง่ายดาย
ขอให้เราได้ทำบุญยิ่งๆขึ้นไป
บุญใดที่ยังไม่ได้ทำ ก็ขอให้ได้ทำ และทำได้โดยง่าย
บุญใดที่ตั้งใจทำไว้ดีแล้วก็ขอให้ทำได้มากยิ่งๆขึ้นไป
เติมบุญให้กับตัวเองให้ได้ทุกๆวินาทีดีที่สุดค่ะ
เพราะไม่รู้ว่าเราจะสิ้นลมในวินาทีใด
#12
โพสต์เมื่อ 04 April 2006 - 09:06 PM
ไตรสิกขา อันมี ศีล สมาธิ ปัญญา ครับ
อย่าให้ความตั้งใจที่ดี เปลี่ยนแปลงไป กับกาลเวลา
เพราะเราไม่รู้ว่า่วันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร เราอาจจะอยู่หรือตาย
สิ่งที่เอาไปได้มีแต่บุญกับบาปเท่านั้น ฉนั้น เราต้องอยู่กับวันนี้
วันที่เราบอกตัวเองว่า วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุด ในวันหนึ่งของชีวิตการสร้างบารมีของเรา
โอไดบะ
โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
#13
โพสต์เมื่อ 13 February 2007 - 09:23 AM