
ผู้ชายที่ได้แฟนรวย เขาทำบุญอะไรมาหรือ
#1
โพสต์เมื่อ 16 October 2010 - 06:51 PM
ครอบครัวทางบ้านฝ่ายชาย มีฐานะทางการเงิน รวมแล้วน่าจะ 10-20ล้าน
ฝ่ายหญิง ทำธุรกิจหลายอย่าง ทำเงินเดือนๆนึงตก 2-3แสนบาท บางเดือนถึง1ล้าน แต่ไม่เคยต่ำกว่า 2-3แสนบาท
ครอบครัวทางบ้านฝ่ายหญิง ทำธุรกิจทั้งหมด ฐานะทางการเงินรวมแล้วน่าจะ 500ล้านบาท ไม่รวมค่าสินทรัพย์ที่มี
เวลาไปเที่ยว-ซื้อของสินค้า หลายครั้งที่ผู้หญิงออกให้ฝ่ายชายหลายอย่าง
หน้าตาดีทั้งคู่ พ่อแม่ ทั้ง2ฝ่าย ยอมรับซึ่งกันและกัน
แต่ในสังคมไทย หลายกรณี ถ้าลูกสาวได้แฟนที่ฐานะต่ำกว่า พ่อแม่ มักจะกีดกันฝ่ายชาย บางข่าวลงนสพ. พ่อฝ่ายหญิงถึงกับทำร้ายฝ่ายชาย
เลยอยากถามว่า ผู้ชายทำบุญมาด้วยอะไรเหรอ ครับ ถึงได้ผ่านฉลุย
แล้วอย่างนี้เรียกว่าเนื้อคู่กันหรือเปล่า
#2
โพสต์เมื่อ 16 October 2010 - 07:39 PM

#3
โพสต์เมื่อ 16 October 2010 - 08:25 PM
ผมเลยถามเขากลับว่า ถ้างั้นลูกสาวคุณเป็นแพทย์ แล้วไปหลงรักคนขับรถสิบล้อ คุณจะให้ลูกสาวแต่งไหม
เขาตอบไม่ได้ครับ ...
หรือผมเป็นพวกวัตถุนิยมมากไปเปล่าหว่า .. - -**
เพราะเคยฟังดอกเตอร์ท่านหนึ่งกล่าวว่า นี่นะเธอ เธอได้เราเป็นสามี กำไรจริงๆ เราทั้งการศึกษาดี หาเงินแต่ง การงานดี เธอได้กำไรฉิบ..นะ แล้วเขาก็สอนนักศึกษาหญิงนี่ เทอได้แฟนสถาบันนั้น ระดับการศึกษานั้น ขาดทุนนะ เธอเล่าเรียนมาแทบตาย วันๆอ่านหนังสือ หาเงินได้มากกว่า แล้วมาเอาสามีไม่เสมอกัน ขาดทุนนะ
อะ มุมมองผมเลยเป็นแบบนี้ไปเลย ...
#4
โพสต์เมื่อ 16 October 2010 - 08:57 PM
เพราะ เรามองไม่เห็นประโยชน์อันใดเลย....
#5
โพสต์เมื่อ 16 October 2010 - 09:16 PM
เคยทำทานประณีตมา
#6
โพสต์เมื่อ 16 October 2010 - 09:31 PM
เมื่อมาเกิดร่วมกันอีกครั้ง บุญและบาปที่ทำร่วมกันมาก็บีบคั้นให้มาอยู่ร่วมกัน ให้ร่วมสุขด้วยกัน ร่วมทุกข์ด้วยกัน
แต่ด้วยบุญที่ทำมาไม่เท่ากัน จึงทำให้มีฐานะแตกต่างกัน เกิดในตระกูลที่แตกต่างกัน มีการงานที่แตกต่างกัน มีสังคมที่ต่างกัน
เพราะบุญและบาปอยู่เบื้องหลังความสุขและทุกข์ของมนุษย์ทุกๆคน
ดังนั้น เราควรสั่งสมบุญให้มากๆ เพราะบุญจะช่วยหนุนให้เรา ได้เกิดในตระกูลดี มีฐานะดี
ยามมีคู่ครองจะได้ไม่เป็นที่ดูถูกของหมู่ญาติของอีกฝ่าย แต่ถึงกระนั้นก็จะหลีกเลี่ยงทุกข์อันเกิดจากการครองเรือนไม่ได้เลย
เพราะบุญและบาปในตัวของแต่ละคน จะทำยังไงมันก็ทำให้เท่ากันไม่ได้ ทำให้แต่ละคนมีนิสัยและความอดทนไม่เท่ากัน
จึงอาจทะเลอะกันได้
และบาปของฝ่ายหนึ่งอาจตามมาส่งผลและดูดบาปของอีกฝ่ายมาส่งผลด้วยทำให้ปัญหาในการครองคู่ทับทวีมากขึ้น
ดังน้นการครองเรือนครองคู่จำต้องอยู่กันด้วยความอดทนอย่างที่สุดไปจนกว่าจะแยกจากกัน
ผู้ที่ไม่อยากต้องอดทนกับความทุกข์เป็นเวลานานๆ
ควรหาโอกาสออกบรรพชาอุปสมบทแสวงหาคู่แท้จริงภายในตัวเรา เพราะเขาอยู่กับเรามาเนิ่นนาน รอแต่ว่า เมื่อใด
เราจะหลับตาเดินทางภายในไปพบเขา แล้วเราจะอยู่กับคู่แท้จริงของเรานี้อย่างมีความสุขไปนานกว่าชั่วฟ้าดินสลาย
#7
โพสต์เมื่อ 16 October 2010 - 09:51 PM
แล้วก็หนังสือ lovely love ครับ หา download ได้ แต่พี่จำ link ไม่ได้โทษทีนะครับ
ปล. ถ้ายังหนุ่มๆ อยู่นะ ลองเปลี่ยนคำถามเป็น "ทำยังไงผมจะได้บวชครับ" ฮิ ฮิ :-)
#8
โพสต์เมื่อ 16 October 2010 - 09:53 PM
เพราะตัวเอง ก็เจอเรื่องแบบนี้ ถ้าเป็นเนื้อคู่กัน อย่างไรก็ตัองได้อยู่ด้วยกัน.....
#9
โพสต์เมื่อ 17 October 2010 - 12:39 AM
แล้วอย่างนี้เรียกว่าเนื้อคู่กันหรือเปล่า
เรื่องนี้ย่อมมีเหตุอย่างแน่นอน
จากที่เคยฟังพระเดชพระคุณหลวงพ่อคุณครูไม่ใหญ่ท่านตอบคำถาม Case Studyไว้ในเคสแบบนี้ว่า
ชายหญิงคู่นี้เคยเป็นสามีภรรยากันมาในอดีต พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายก็เคยเป็นพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายกันมาในอดีต
โดยที่ฝ่ายชายมีอุปนิสัยชอบชักชวนให้ฝ่ายหญิงและบุพพการีทั้งสองฝ่ายให้ทำบุญด้วยเงินของเขา แต่ตนเองมักเป็นแต่เพียงผู้บอกบุญเชิญชวนให้พวกเขาทำบุญเท่านั้น มักไม่ค่อยควักตังค์ของตนเองมาทำ หรือนานๆทีจึงจะควักตังค์ของตนเองมาร่วมด้วยในปริมาณที่น้อยกว่ามากๆ
เมื่อผลบุญส่งผล และได้เวียนว่ายตายเกิดมาพบเจอกันอีก ก็จึงทำให้เป็นอย่างที่เจ้าของกระทู้เล่ามาในกระทู้นี้
เพราะบุญที่ฝ่ายชายชักชวนฝ่ายหญิงให้ทำบุญอยู่เสมอๆในอดีต ฝ่ายหญิงจึงพอใจที่จะเป็นฝ่ายออกเงินซื้อของให้ฝ่ายชายในหลายๆครั้ง
**************************************************************************************
ผมเลยถามเขากลับว่า ถ้างั้นลูกสาวคุณเป็นแพทย์ แล้วไปหลงรักคนขับรถสิบล้อ คุณจะให้ลูกสาวแต่งไหม
เขาตอบไม่ได้ครับ ...
ก็ถ้าไม่เคยทำบุญร่วมกันมา คุณพ่อตาคงไม่ยินดีอย่างแน่นอน หรือยอมแบบไม่เต็มใจสักทีเดียวนัก ส่วนลูกสาวเคยทำบุญกันมากับฝ่ายชายก็เลยทำให้ยินดีมาเป็นคนรักกัน แต่เรื่องความรู้สึกหลงรักแบบนี้โดยไม่ยอมพิจารณาถึงความเหมาะสมในชาติปัจจุบันด้วย อาจทำให้เกิดปัญหาครอบครัวกันในภายหลังได้ เพราะการอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขราบรื่นไปจนตลอดรอดฝั่งนั้น ทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องมีศีลเสมอกัน ทิฏฐิเสมอกัน บุญเสมอกัน
ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว ถ้ามาจากต่างฐานะทางครอบครัว ต่างอาชีพ ต่างสังคม กันมากเกินไป ก็มักจะมีศีล-ทิฏฐิ-บุญ ไม่เสมออกัน อาจทำให้ชีวิตคู่ไม่ค่อยลงเอยด้วยดี ยกเว้นทั้งคู่จะได้คบกับกัลยาณมิตร มาศึกษาธรรมะ แล้วปรับให้ ศีล-ทิฏฐิ เสมอกัน แม้ว่าบุญจะยังไม่เสมอกัน แต่ก็จะทำให้ใช้ชีวิตคู่สามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุข
ก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณพ่อตา กับคุณลูกสาว จะยอมเสียงหรือไม่.....
เพราะ เคยฟังดอกเตอร์ท่านหนึ่งกล่าวว่า นี่นะเธอ เธอได้เราเป็นสามี กำไรจริงๆ เราทั้งการศึกษาดี หาเงินแต่ง การงานดี เธอได้กำไรฉิบ..นะ แล้วเขาก็สอนนักศึกษาหญิงนี่ เทอได้แฟนสถาบันนั้น ระดับการศึกษานั้น ขาดทุนนะ เธอเล่าเรียนมาแทบตาย วันๆอ่านหนังสือ หาเงินได้มากกว่า แล้วมาเอาสามีไม่เสมอกัน ขาดทุนนะ
อะ มุมมองผมเลยเป็นแบบนี้ไปเลย ...
อย่าไปคิดอย่างนี้เลย เพราะไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรในทางที่ดีกับทั้งสองฝ่าย เป็นการทำลายเกียรติซึ่งกันและกัน
ที่มีความคิดแบบนี้ก็เพราะยังไม่รู้ถึงเรื่องราวความเป็นมาของกฎแห่งกรรมที่ทำให้เจ้าตัวต้องมามีชีิวตคู่แบบนี้ แถมฝ่ายหญิงยังมีทิฏฐิมานะถือตัวว่าตนดีกว่าสามี ข่มสามี ให้รู้สึกว่าด้อยกว่าตน
ถ้าจะสอนนักศึกษาควรสอนว่า เป็นเรื่องของการพิจารณาถึงความเหมาะสม ความเป็นไปได้ ที่จะมีชีวิตคู่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขทั้งสองฝ่าย ซึ่งก็ควรคิดตั้งแต่ก่อนที่จะมาใช้ชีวิตคู่กันแล้วให้ดีและรอบคอบเสียก่อน.....ให้พิจารณาถึง ศีล-ทิฏฐิ-บุญ ว่าเสมอกันไหมจะดีที่สุด แล้วค่อยพิจารณาองค์ประกอบอื่นๆเสริมต่อไป
บุญรักษา
#10
โพสต์เมื่อ 17 October 2010 - 06:15 AM
อ่านตัวอย่างได้จากเคส "ใช้ชื่อคนอื่นจนตาย" ครับ
http://www.dmc.tv/pa...2549-05-04.html
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)
#11
โพสต์เมื่อ 17 October 2010 - 07:30 PM
ที่ถูกควรจะเป็น"ถ้าคิดจะเป็นเนื้อคู่กัน อย่างไรก็ตัองทนอยู่ด้วยกันให้ได้"
#12
โพสต์เมื่อ 17 October 2010 - 08:11 PM
...บางคนรวยชาตินี้ชาติเดียว เพราะบุญหลายๆชาติมาส่งผลพอดีในชาตินี้ ถ้าชาตินี้ไม่ทำทานหรือบุญเพิ่ม ชาติหน้าบุญก็หมด ก็กลับไปจนได้ถ้ามีกรรมตระหนี่ด้วย แต่ถ้าทำบุญยิ่งๆขึ้นไปอีก ก็บ่ต้องแหลงกันล่ะนิ...
...บุญแห่งการอนุโมทนากับทานนั้นๆ ตัวเราจะไม่มีโอกาสเป็นเจ้าของทรัพย์ แต่ได้อยู่ร่วมกินร่วมใช้กับทรัพย์นั้นได้ เช่น บุญไม่พอให้มีบ้านหลังใหญ่ๆ แต่เคยอนุโมทนาบุญเวลาเขากระทำถวายทานถูกเนื้อนาบุญไว้ด้วยใจบริสุทธิ์ เวลาบุญส่งผลก็ทำให้ได้มาอยู่ ณ บ้านหลังนั้น (เป็นผู้อาศัยบารมีเขา) แต่กำลังบุญเราไม่พอจะครองบ้านหลังนั้นได้ไงจ๊ะ นี่ก็เป็นอีกกรณีหนึ่ง...
...อะไรก็ไม่สำคัญเท่าชาตินี้หรอก ถ้าชาตินี้ทำดี ทำเต็มที่เต็มกำลัง ชาติต่อๆไปก็มีสิทธิ์ไงจ๊ะ อิอิ แต่ถ้าชาตินี้แผ่ว ชาติหน้าก็ลุ้นยากหน่อย หุหุ
#13
โพสต์เมื่อ 17 October 2010 - 09:12 PM
#14
โพสต์เมื่อ 17 October 2010 - 11:18 PM
คนทุกคนย่อมมีข้อบกพร่องในตัวเอง เมื่อต้องมาอยู่ร่วมกันช่วงแรกๆ ก็อาจจะพอทำตัวดีๆใส่กันได้
แต่เมื่อยู่นานๆไปเราคงจะอดทนทำตัวเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เราไปได้แค่ไหน
ทีีทำได้ก็เพราะความรักอันเกิดจากวิบากกรรมเก่าที่บังคับให้เราต้องมารักกัน
แม้คู่รักที่จะสามารถยอมรับข้อผิดพลาดบกพร่องของกันและได้ แต่เชื่อเถอะ
ข้อผิดพลาดบกพร่องของคู่ของเราก็เป็นสิ่งที่เราไม่ชอบอยู่นั่นแหละ
แต่รักบังตาทำให้เรามองข้ามความบกพร่องของเขาเก็บความไม่พอใจไว้ในใจลึก
เมื่อเราเลือกที่จะหาคู่ที่เป็นคนมีกิเลส เราก็ต้องพร้อมที่จะอดทนต่อข้อบกพร่องของคู่รัก
และต้องอดทนที่จะไม่ทำอะไรที่คู่ของเราไม่ชอบ และอดทนที่ให้เขาทำในสิ่งที่เขาชอบแม้เราไม่ชอบ
เพื่อถนอมความรัก ถนอมชีวิตคู่ให้อยู่กันต่อไปได้
บางครั้งถ้าอีกฝ่ายหนึ่งอารมณ์ไม่ดีมา แล้วมาระบายใส่เรา เราก็ต้องทนให้ได้เช่นกัน
เมื่อไหร่ก็ตามที่ความอดทนหมดไป หรือความรักหมดไป เมื่อนั้นปัญหาการทะเลาะเบาะแว้งก็ตามมา
และถ้ามีลูกก็ต้องอดทนเลี้ยงลูก อดทนต่อความดื้อของลูก อดทนที่อีกฝ่ายไม่ช่วยกันดูแลบ้าน เลี้ยงลูก ฯลฯ
เจ้าชายสิทธัตถะเมื่อพระราหุลประสูติพระองค์ก็ตัดสินใจหนีบวชเลย เพราะรู้ว่านั่นคือพันธนาการของชีวิตที่จะผูกพระองค์
ให้ติดอยู่ในบ่วงแห่งความทุกข์โดยไม่รู้ตัว
การจะมีคู่ที่สมบูรณ์แบบที่เรียกว่าเป็นคู่แท้ของเรานั้นหาไม่ได้หรอกจากนอกตัวของเรา
อยากกจะเจอคู่แท้ให้ลองมองหาในตัวของเราดีกว่าครับ
#15
โพสต์เมื่อ 18 October 2010 - 04:40 AM
ไฟล์แนบ
#16
โพสต์เมื่อ 18 October 2010 - 08:03 AM
บุพกรรม ก็คงเป็นตามที่กัลยาณมิตรตอบไว้ดีแล้วครับ
บุญนิธิ
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=3791
พระบรมศาสดาตรัสเรื่องขุมทรัพย์ติดตัวข้ามชาติเอาไว้ว่า
บุญนิธินั้น อำนวยผลที่น่าปรารถนาทุกอย่างแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
เทวดาและมนุษย์ปรารถนาอิฐผลใดๆ อิฐผลทั้งหมดนั้นๆ ย่อมได้ด้วยบุญนิธินี้
การได้ผิวพรรณวรรณะที่สวยสดงดงาม มีเสียงไพเราะเสนาะโสต มีทรวดทรงดี มีรูปกายที่สมส่วน ก็เพราะบุญนิธินี้เท่านั้น
การได้เป็นพระราชามหากษัตริย์ เป็นพระเจ้าจักรพรรดิจอมราชัญ หรือเป็นจอมเทพในสวรรค์ทั้งหลาย
อิฐผลทั้งหมดนั้น ย่อมได้ด้วยบุญนิธินี้
การได้บรรรลุปฏิสัมภิทา วิโมกข์ สาวกบารมี ปัจเจกโพธิหรือเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ก็ต้องอาศัยบุญนิธินี่เอง
นิธิกัณฑสูตร
http://www.84000.org...ha.php?b=25&i=9
ปัจจุบันนี้คืออนาคตของอดีต
และปัจจุบันกำลังจะก้าวไปเป็นอดีตของอนาคต
เมื่อเราปรารถนาอยากจะให้อนาคตของเราเป็นอย่างไร จึงขึ้นอยู่กับใจของเรา
#17
โพสต์เมื่อ 18 October 2010 - 09:30 AM
แม้คู่รักที่จะสามารถยอมรับข้อผิดพลาดบกพร่องของกันและได้ แต่เชื่อเถอะ
ข้อผิดพลาดบกพร่องของคู่ของเราก็เป็นสิ่งที่เราไม่ชอบอยู่นั่นแหละ
แต่รักบังตาทำให้เรามองข้ามความบกพร่องของเขาเก็บความไม่พอใจไว้ในใจลึก)
คุณตำรวจรักบุญ ความอดทนของมนุษย์ มีขีดจำกัน การเก็บความบกพร่องใว้ในใจนั่นแหละ คือจุดที่จะหมดความดอทนเร็วขึ้น ตัวอย่างเช่นเรามีแก้วน้ำอยู่ 1 ใบตอนแรกเราเติมน้ำหวานลงในแก้วไปทุกๆวัน คนละนิดคนละหน่อย น้ำหวานมันก็จะเต็มแก้ว แต่ในขณะเดียวกัน คน 2 คนมีความหนักเบาของมือไม่เท่ากัน อาจเติมมากบ้าง น้อยบ้าง แล้วแต่ความต้องการของแต่ละวัน ต่างคน ต่างเก็บความรู้สึกที่เราเห็นทุกวัน จนเกิดเป็นปัญหาเล็กๆขึ้นมาในใจ และในวันต่อๆมาการเติมน้ำในแก้วอาจเปลี่ยนไป จากการที่เคยเติมแต่น้ำหวาน อาจเป็นการเติมน้ำที่หวานน้อยลงไปวันละนิด จริงอยู่ตนหนึ่งอาจเติมน้ำหวานที่เหมือนเดิม แต่อีกคนหนึ่งกลับเติมน้ำที่หวานน้อยลงไป และการที่เราปฏิบัติอย่างนี้นานวันขึ้น น้ำในแก้วที่เคยหวานก็ล้นแก้วออกมา และในที่สุด ความหวานในแก้วนั้นๆ ก็จะหมดหวานในที่สุด ถ้าเราไม่มีวิบากกรรม ที่กรรมจัดให้เราต้องเกิดมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ถ้าต่างคน ต่างหมดกรรม ก็ต้แยกทางกันไป หรือไม่ก็ไม่สู่วิบากกรรม กรรมอื่นที่เราเคยทำไว้ ความอดทนก็เป็นสิ่งดี ที่เกิดขึ้นในครอบครัว แต่ถ้าจะให้ดีที่สุด ต้องพากันเข้าวัดทั้งสองคน นั้งสมาธิ ปฏิบัตธรรม และพร้อมใจกันทำบุญโดยไม่มีใครขัดใคร นั้นและถึงจะเป็นผลบุญให้เราได้อยู่ด้วยกันอย่างสมบูรณ์คะ....
#18
โพสต์เมื่อ 19 October 2010 - 01:46 PM
อีกปัจจัยคือเกิดจากกรรมปัจจุบัน มาเป็นตัวหล่อเลี้ยง ให้เกิดผล ตามที่เราทำไว้
"สุดท้ายแล้ว ก็ต้องพลัดพราก และการพลัดพรากจากของรักของชอบใจนั้นก็เป็นทุกข์"