
คุณเคยเห็นคนที่ได้ธรรมกายหรือป่าวครับ
#1
โพสต์เมื่อ 20 October 2010 - 10:01 PM
จุดประสงก็เพื่อเป็นการเสวนาธรรม แลกเปลี่ยนประสบการของแต่ละท่านที่คลุกคลีอยู่กับวงการนักปฏิบัติธรรมมาพอสมควร อาจจะต้องเคยพบเคยเจอกับฆารวาสท่านใดท่านหนึ่ง ที่เป็นผู้ที่มีผลการปฏิบัติธรรมดีเยี่ยม
ไม่ต้องเอ่ยชื่อก็ได้ครับ เอาแค่จริยาของคนๆนั้นมีจริตอย่างไร มีวิธีการในการปฏิบัติธรรมไปด้วยและดำเนินชีวิตไปด้วยอย่างไรก็พอครับ
หวังว่าท่านเหล่านั้นก็คงเป็นพยานในพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เป็นอย่างดี
สำหรับผมก็รู้จักอยู่หลายท่านที่เป็นฆารวาส แล้วสามารถปฏิบัติธรรมได้ดีเยี่ยม แต่ก็ครองเพศฆารวาสอยู่สร้างบารมีไปด้วย
เอาไว้ท่านอื่นๆมาตอบจะเล่ารายละเอียดให้ฟังครับ
#2
โพสต์เมื่อ 20 October 2010 - 11:03 PM
เคยเจอที่ POP house ครับ
เขาเป็นคนที่ขยันมากๆๆๆๆ ครับ ยอมรับเลย
ตอนที่ได้คุยครั้งสุดท้ายเขานิ่งมากเลยอ่ะครับ
ผมได้ข้อมูนที่ละเอียดๆจากเขามาเยอะเลยครับ ^^
สาธุครับ
#3
โพสต์เมื่อ 21 October 2010 - 12:14 AM
การใช้ชีวิตก็ปกติครับแต่ถือศีล8 มีอารมณ์เหนื่อยโมโหนิดๆ(เท่าที่สังเกตุ) แต่ใจจรดอยู่กับบุญเพราะพูดแต่เรื่องบุญ
เวลาสงสัยอะไรบางทีอี๊เค้าก้เดินมาบอกเองไม่ต้องถาม เหมือนรู้เลยว่าสงสัย -.-*
มี case เกี่ยวกับเรื่องชีวิตหลังความตายของคนในกลุ่มด้วยที่อี๊มาบอก ว่าเค้าตามมา ตอนนั่งในห้องปฏิบัติธรรมก็ลอยอยู่ในห้อง
อี๊เค้าบอกเรื่องนี้เพราะให้ญาติเค้าไปร่วมแจกก๋วยเตี๋ยวแทนพี่ที่เสียไป
เพราะก่อนพี่ในกลุ่มเสียชีวิตตั้งใจไปทำก๋วยเตี๋ยวแจกในงานตัดลูกนิมิตที่วัดบ้านขุน
(รายละเอียดเยอะผมก็จำไม่ได้ เป็นปีแล้ว ฟังแล้วอาจ งงๆ -*- )
อ่อ ตอนงานศพของพี่คนนี้ อี๊เค้าถามกับ อี๊อีกคนในกลุ่มว่า
ใส่ชุดแบบนี้ผมแบบนี้ใช่มั้ยมีลอยตรงนี้ด้วย ถูกหมดเลยทั้งๆที่พึ่งมา (สรุปว่าเห็นอยู่ในงาน)
แต่นอกเรื่องอี๊เค้าไม่เคยมาเล่าอะไรเลย มีแค่ตอนนั้นครั้งเดียว
#4
โพสต์เมื่อ 21 October 2010 - 12:15 AM
อ้อ.. ตอนแรกงง "เหนื่อยโมโห" เป็นยังไง
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#5
โพสต์เมื่อ 21 October 2010 - 12:17 AM
เป็นไงเหรอคะ
ก้เวลาอี๊เค้าคุมเวลาไปรับบุญที่ไหนกัน เวลามีอะไรผิดพลาด ก็มีโมโหบ้าง ไม่ใช่แบบ ยิ้มทัี้งวัน ประมาณนั้นอะครับ -..-*
ถ้าอยากทราบเป็นใคร PM มาก็ได้นะครับ คาดว่า คนวัดน่าจะรู้จักกันบ้างหละ o'o'o
#6
โพสต์เมื่อ 21 October 2010 - 08:19 AM
#7
โพสต์เมื่อ 21 October 2010 - 09:17 AM
#8
โพสต์เมื่อ 21 October 2010 - 10:16 AM
ที่เป็นฆารวาส คนแรกที่เคยเห็น ก็ คุณถาวร ที่ปั้นแบบพระธรรมกาย ได้ข่าวว่าตอนนี้บวชอุทิศชีวิตไปแล้ว
อีกคนก็ หลานชายของผมเองน่ะครับ และอีก2-3คนที่ต้องขอโทษเพราะผมจำชื่อท่านเหล่านั้นไม่ได้
เท่าที่ผมสังเกตุ ท่านที่ได้ธรรมกาย จริยาก็เหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป โดยเฉพาะเด็กก็ยังซนเหมือนเด็กยังไงยังงั้น
คนพูดเก่งก็พูดเก่งเหมือนปกติ คนที่เป็นนักธุรกิจก็จะสุขุมเหมือนทั่วไป แตกต่างกันที่วาจา คือ พูดจามีหลักการณ์
เป็นเหตุเป็นผล ฟังแล้วสามารถอ๋อได้ทันที ไม่พูดเพ้อเจ้อ และไม่ค่อยพูดจาด่าใครพรําเพรื่อ ถ้าจะด่า(เรียกว่าชี้แนะ
น่าจะดีกว่านะครับ ^ ^" )ก็จะไม่มีคำหยาบ ชี้แนะอย่างมีเหตุมีผล เหมือนกับต้องการจะให้ให้รู้สำนึกรู้ผิดรู้ถูกน่ะครับ
หลายคนคิดว่าผู้ที่ได้ธรรมกายแล้วจะนิสัย ความประพฤติจะเปลี่ยนไป อยู่ที่แต่ละคนน่ะครับ มีหลายคนที่ตอนบวช
ได้ธรรมกาย แต่พอลาสิกขาออกไปเจอโลกภายนอกแล้วหลุดไปก็มีเยอะนะครับ
#9
โพสต์เมื่อ 21 October 2010 - 11:28 AM
ลักษณะ >> ที่คล้ายๆ กันทุกท่านคือ หลวงพ่อสั่งแล้ว ว่าไงว่าตามกัน ไม่สงสัย ไม่ลังเล , ไม่ขี้โม้โอ้อวดว่าตัวเองได้
คำแนะนำ >> จะทำอะไรก็แล้วแต่ ให้เอาใจจรดไว้ที่ฐานที่ 7 ให้ได้ตลอดเวลา , เทคนิคเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม , ห้ามขาดการนั่งแม้แต่เพียงวัน
เดียว ฯลฯ
#10
โพสต์เมื่อ 21 October 2010 - 12:18 PM
คำแนะนำ >> จะทำอะไรก็แล้วแต่ ให้เอาใจจรดไว้ที่ฐานที่ 7 ให้ได้ตลอดเวลา , เทคนิคเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม , ห้ามขาดการนั่งแม้แต่เพียงวัน เดียว ฯลฯ
ผมก็รู้จักหลายท่านครับ มีหลายลักษณะไม่มีกฏตายตัว แล้วแต่จริตนิสัยต่างกันไปในแต่ละท่าน นอกจากจะเอาใจไว้ศูณกลางกายฐานที่7ตลอดเวลาแล้ว ยังมีวิธีการในการในการสร้างวินัยในการฝึกฝนให้กับตนเองที่ต่างๆกันอีกด้วย ควรที่จะศึกษากันและกัน แม้การไปปฏิบัติธรรมระยะสั้นยาว 3วัน7วัน เรายังต้องมีการประชุมกลุ่มแลกเปลี่ยนกันและกันเลยครับ
หลายๆท่านที่ผมเคยพบ ก็จะมีจริตคล้ายๆท่านที่คุณ NooF ประตูน้ำ ภาค 7 และพี่ tnawut เมื่อก่อนเจอคนเหล่านี้ ผมมักจะอยากเข้าไปคุยไปถามว่าที่เห็นที่ได้น่ะ มันเป็นยังไง ชอบซักถามละเอียดยิบ จนมาทีหลังจึงรู้ว่าไม่ควรถามให้รู้มากอย่างยิ่ง เพราะการ รู้มาก ก็ทำให้ผม ยากนาน มาจนถึงวันนี้ สื่งที่ได้พบกับท่านเหล่านั้นก็คือ ท่านนิ่ง พูดน้อย แต่ไม่ถึงกับไม่พูดเลย สบตา และจริงใจกับเรา จริงใจกับพระศาสนาและหน้าที่ ท่านเหล่านี้ มีระเบียบในความคิดตนเองมาก ใจเขาไม่ใช่ไม่คิดอะไรเลย แต่มันมีความคิดที่เป็นระเบียบไม่ฟุ้งซ่าน แล้วธรรมะมันสว่างโพลงอยู่ภายในตลอดเวลา และมีชีวิตที่เรียบง่ายสมถะ ไม่สนใจทรัพสินเงินทองของนอกกายเลย จะสนก็เป็นแต่เรื่องที่เป็นประโยชน์มีสาระเท่านั้น เมื่อก่อนผมเคยถามเขาว่า เวลาเขาเห็นจำคิดรู้ จุดเดียวอยู่ที่กลางท้องนี่มันเหมือนกับเราถอดหัวแล้วเอาเข้าไปอยู่ในท้องใช่มั้ย เขาบอกว่า มันไม่ใช่อะไรที่ซับซ้อนขนาดนั้นหรอก ธรรมะก็อยู่ส่วนธรรมะ กายหยาบทำอะไรก็ทำไปคนละส่วนกัน บางท่านเข้ากลางของกลางไปแต่กายหยาบขับรถได้ก็มี ของแบบนี้เขาถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ มันเป็นปัจตังจริงๆครับ
มีท่านหนึ่ง เป็นเพื่อนสมัยผมบวชเป็นพระ ธทย. นานมาแล้ว ท่านนั้นผลการปฏฺบัติธรรมดีมาก ผิวพรรณผ่องใสมากมาย เคยบวชธทย.ภาคฤดูร้อนมาหลายรอบ ซึ่งคนที่บวชธทย.ภาคฤดูร้อนมาแล้ว จะสามารถบวชรุ่นบูชาธรรมได้เลย แบบที่เข้าบวชปฏิบัติธรรมได้ ไม่ต้องมีบทฝึกตนมาก เหมือนรุ่นภาคฤดูร้อน ผมถามว่าทำไมไม่บวชรุ่นบูชาธรรมไปเลย เขาบอกว่า เขารักการฝึกตนรักระเบียบวินัยมาก ยิ่งฝึกหนักยิ่งชอบ นี่ก็เป็นจริตของอีกท่านหนึ่ง
เขียนไปก็ยาวคนอ่านตาลายครับ ที่ชอบถามท่านนั้นท่านนี้มา นานเข้ามารู้เองทีหลังว่า บางทีเราถามท่านที่ได้ธรรมะซอกแซกมาก ในบางครั้งก็เป็นการเสียมารยาทเหมือนกัน เพราะท่านเหล่านั้นบางเรื่องก็ไม่อยากจะพูดเหมือนกัน
ทั้งนี้ จากที่ได้พบการท่านผู้ปฏฺบัติธรรมได้ผลดีหลายๆคน สิ่งที่พบเหมือนกันก็คือ หลังจากที่ได้ธรรมะแล้ว ท่านเหล่านั้น คิดอย่างเดียวว่า อยากจะให้คนอื่นได้เข้าถึงแบบท่านด้วยเหลือเกิน เป็นคำพูดที่ออกจากปากของท่านผู้หนึ่ง แล้วทำให้ผมซึ้งในคำสอนของพระพุทธเจ้า และซึ้งในบุญคุณของพลวงพ่อ หลวงปู่ คุณยาย ที่ท่านก็คงอยากให้พวกเราได้เข้าถึงธรรมะแบบท่านบ้างจริงๆ จึงเกิดมีพระพุทธศาสนา มีวัดพระธรรมกายมาจวบจนวันนี้ครับ
ขออนุโมทนาสาธุ.....
#11
โพสต์เมื่อ 21 October 2010 - 01:21 PM
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#12
โพสต์เมื่อ 21 October 2010 - 02:53 PM
#13
โพสต์เมื่อ 21 October 2010 - 03:16 PM
#14
โพสต์เมื่อ 21 October 2010 - 05:28 PM
ทำให้ได้กำลังใจว่า "แม้มืดตื้อมืดมิดก็มีสิทธิ์เข้าถึงธรรม"
รออ่านอยู่เรื่อยๆ นะครับ สาธๆ



#15
โพสต์เมื่อ 21 October 2010 - 06:15 PM
#17
โพสต์เมื่อ 21 October 2010 - 09:03 PM
๒. รู้ประมาณในการบริโภคเป็นปกติ...ไม่ติดในเบญจกามคุณ
๓. ไม่กล่าววาจาเพื่อโอ้อวด...วาจาเมื่อกล่าวแล้วผู้ฟังมีความสุขสดชื่น ปรารถนาจะเป็นเช่นนั้น
๔. มีความเพียรเป็นเครื่องตื่น...ครองสติตลอดเวลา ทำงานต่างๆโดยปราณีต
๕. บริสุทธิ์กายวาจาใจ...สอนตนเอง ขวนขวาย อิ่มเอิบร่าเริงในธรรม ไม่เสื่อมจากพระนิพพาน
ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม
#18
โพสต์เมื่อ 22 October 2010 - 08:46 PM
- มีความเป็นธรรมชาติ ไม่โดดเด่นเหมือนดารา แต่ก็เหมือนมีบางอย่างที่ไม่ธรรมดา
- ไม่ถือตัว ไม่มีปัญหากับใคร มักทำอะไรที่เราคาดไม่ถึง (แต่อาจดูเป็นเรื่องธรรมดา)
- ปกติจะยิ้มแย้มแจ่มใส แต่ถ้าเป็นเรื่องสำคัญ จะเปลี่ยนเป็นขึงขัง น่าเกรงขาม
- รู้จักเหตุ รู้ัจักผล ไม่ค่อยทำอะไรตามอารมณ์
- ฯลฯ
#19
โพสต์เมื่อ 23 October 2010 - 07:55 PM
#20
โพสต์เมื่อ 23 October 2010 - 09:45 PM
สาธุค่ะ
ต้องเอาอย่าง ดี ๆ ทั้งนั้นเลย
#21
โพสต์เมื่อ 24 October 2010 - 03:46 AM
ไม่พูดว่าร้ายใคร ไม่พูดเพ้อเจ้อ
คนพวกนี้จะมีความสุขเวลานั่งหลับตาครับ

#22
โพสต์เมื่อ 24 October 2010 - 12:40 PM
#23
โพสต์เมื่อ 24 October 2010 - 08:49 PM
...ที่ขอเอ่ยถึงกัลฯ ท่านนี้ เป็นการขอบพระคุณและสรรเสริญในความพยายามของท่านที่เอาผมพ้นนรกได้ และแนะนำ พร้อมเฉลยทุกปัญหาด้วยรอยยิ้มได้อย่างชัดเจนทุกการอ้างอิงจากทุกที่ทุกวัด จนบัดนี้ผมหมดข้อสงสัยใดๆไปด้วยข้อมูลและหลักฐานที่แน่นชนิดที่จะหาจากที่อื่นคงยากได้แบบปลื้มใจและซึ้งใจมากมา ณ โอกาสนี้....(ขอสงวนนาม)
#24
โพสต์เมื่อ 26 October 2010 - 05:08 AM
เคยเห็นหลานคนหนึ่งได้มาแต่เด็ก ๆ แล้ว เป็นคนเรียบร้อยมรรยาทดี เป็นผู้นำเป็นหัวหน้าชั้นตลอดและร่าเริงเบิกบาน
เรียนเก่ง ตั้งใจเรียนในชั้นแต่มิได้ขยันเลยที่บ้าน ดูหนังฟังเพลงไปแบบตามวัยของเขา แต่งานเรียบร้อยเสมอมิต้องเตือน
ปกติไม่มีใครรู้เรื่องของเขานอกจากคนใกล้ชิดจริง ๆและท่านอาจารย์ที่สอนสมาธิเท่านั้นที่รู้
#25
โพสต์เมื่อ 27 October 2010 - 11:46 AM
แต่ชอบอ้างว่ามีความสุขเพราะหลอกตัวเองและคนอื่น พยายามทำตัวเป็นคนดีแต่ดีไม่จริง ด้วยความอยากเด่น-ดัง สุดท้าย....
ปิดมรรคผลนิพพาน ไปภพพิเศษอย่างเดียว
ตัวอย่างผู้ที่เข้าถึงธรรมกายไม่ได้ http://dmc.tv/forum/...showtopic=23940
ในชีวิตตอนนี้ อยากรู้อยากเห็นอยากรู้จัก ผู้ที่ได้ธรรมกายที่สุดก็คือ
"ตัวเอง"
#26
โพสต์เมื่อ 27 October 2010 - 07:24 PM
#27
โพสต์เมื่อ 29 October 2010 - 11:00 PM
การเห็นคนที่ได้ธรรมกาย ก็ไม่จำเป็นต้องได้ธรรมกายก่อนหรอกครับ ตัวอย่างเช่น การที่เราเห็นพระเดชพระคุณหลวงพ่อ หรือเห็นคุณยายเมื่อสมัยก่อนตอนท่านยังอยู่ แล้วก็ได้เห็นจริยวัตรของท่าน ตามหัวข้อกระทู้ครับ
บางครั้งการศึกษาธรรมะหัวข้อต่างๆ ก็ไม่จำเป็นต้องรอให้เข้าถึงธรรมก่อนทุกเรื่องหรอกครับ
พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเคยสอนว่า อย่าไปสนใจประสบการ แต่ให้สนใจวิธีการ ( How to )
#28
โพสต์เมื่อ 31 October 2010 - 09:03 PM
(เรื่องนี้ นรอ. ตะวันกลางกาย ช่วยยืนยันได้)
อะไรกันหรือครับ งงดี