
เทวดากับผลบุญ
#1
โพสต์เมื่อ 24 October 2010 - 04:16 PM
#2
โพสต์เมื่อ 24 October 2010 - 05:51 PM
จากนั้นทรงตรัสว่า เมื่อเราให้ทาน รักษาศีลเป็นประจำแล้ว จะเป็นเหตุให้ไปสวรรค์ ซึ่งถ้ามีบุญมากก็เลือกเกิดได้ว่าจะไปอยู่สวรรค์ชั้นไหน ตั้งแต่ชั้นจาตุมหาราชิกา ดาวดึงส์ ยามา ดุสิตา นิมมานรดี ปรนิมมิตวสวัตตี เป็นสุขที่ยิ่งกว่าความสุขในโลกมนุษย์นี้มากมายหลายเท่านัก
ถึงกระนั้น พระองค์ยังชี้ให้เห็นว่า เหล่าเทวดาที่เสวยทิพยสมบัติในสวรรค์ ก็ยังตกอยู่ในอำนาจของกิเลส คือเบญจกามคุณเช่นกัน ยังพัวพันด้วยรูป-รส-กลิ่น-เสียง-สัมผัสต่างๆ มีโลภะ-โทสะ-โมหะ บีบบังคับอยู่ เมื่อถึงคราวหมดบุญก็ต้องจุติไปเกิดเป็นอย่างอื่นตามกำลังบุญ
เพราะ ฉะนั้นที่สรรพสัตว์พ้นทุกข์ไปไม่ได้ ก็เพราะมัวยึดติดอยู่กับเบญจกามคุณ ซึ่งเป็นธรรมเครื่องเนิ่นช้า ที่ทำให้สรรพสัตว์หลงใหลเพลิดเพลินและประมาทในการแสวงหาหนทางพระนิพพาน
โดย คณะสหายธรรม
๒. เทวดาตายเพราะหมดบุญใช่ไหม
ถาม เทวดาท่านตายเพราะหมดบุญใช่ไหม ถ้าไม่หมดบุญก็ไม่ตายใช่ไหม
ตอบ เทวดาท่านมิได้ตายเพราะหมดบุญเพียงอย่างเดียว แต่เทวดาตายด้วยเหตุ ๔ ประการด้วยกันคือ
๑. ตายเพราะสิ้นอายุ คืออายุในสวรรค์ชั้นนั้นมีกำหนดเท่าใด เช่น ๕๐ ปีทิพย์ ท่านก็อยู่ในสวรรค์ชั้นนั้นจนครบอายุแล้วจึงตาย ภาษาธรรมะเรียกการตายว่าจุติ ซึ่งหมายถึงการเคลื่อนจากภพ
๒. ตายเพราะสิ้นบุญ คือเทวดาบางองค์ทำบุญไว้น้อย เมื่อมาเกิดเป็นเทวดา ก็เกิดอยู่ได้ไม่นาน คืออยู่ไม่ครบอายุขัยของเทวดา ก็หมดบุญที่นำเกิด จึงต้องจุติคือตายลง เช่นขึ้นไปเกิดในสวรรค์ได้เพียง ๗ วันก็ตายเป็นต้น อย่างนี้เรียกว่าตายเพราะหมดบุญ
๓. ตายเพราะอดอาหาร ที่ ว่าอดอาหารนี้ไม่ใช่ว่าเทวดาไม่มีอาหารกิน ท่านมีอาหารทิพย์กินแต่เมื่อได้รับความสุขอันเป็นทิพย์ก็เพลิดเพลินยินดี เพราะเหตุที่ไม่เคยพบพานมาก่อนก็หลงไหลยินดีจนลืมบริโภคอาหารทิพย์ เพียงลืมบริโภคอาหารครั้งเดียวเท่านั้นร่างกายก็ทนไม่ได้ ทั้งนี้เพราะไฟธาตุที่ย่อยอาหารของเทวดามีกำลังเผาผลาญมาก เมื่อไม่มีอาหารให้ย่อย ก็เผาผลาญร่างกายให้ทำลายไป เทวดานั้นจึงต้องตายเพราะลืมบริโภคอาหาร
๔. เทวดาตายเพราะโกรธ ความ โกรธเผาผลาญใจเขาจนแตกสลายตายไป เทวดาพวกนี้มักมีความริษยาแรงกล้า ทั้งนี้เพราะทนเห็นเทวดาองค์อื่นมียศ มีรัศมี มีสมบัติยิ่งกว่าตนไม่ได้เป็นต้น แต่การตายของเทวดาต่างกับมนุษย์ตรงที่ตายแล้วไม่มีซากศพปรากฎแต่หายไปทั้ง ร่าง เพราะฉะนั้นเมื่อเทวดาจุติ เพื่อนเทวดาด้วยกันก็ไม่ทราบ
เทวดาก่อนที่จะจุติจะต้องมีนิมิต ๕ ประการปรากฏขึ้น คือ
๑. ดอกไม้ทิพย์เครื่องประดับเหี่ยวแห้ง
๒. ผ้าทรงเศร้าหมอง
๓. มีเหงื่อไหลออกจากรักแร้สองข้าง
๔. ทิพยอาสน์ คือที่นั่งที่นอนที่เคยสบาย กลับแข็งกระด้าง
๕. ร่างกายเศร้าหมอง รัศมีกายก็พลอยเศร้าหมองด้วย
________________________________________
ที่มา อ้างอิง และแนะนำ :-
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓
ปาฏิกสูตร
http://www.84000.org...B...p;A=1&Z=707
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
จวมานสูตร
http://www.84000.org...B...6074&Z=6109
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#3
โพสต์เมื่อ 24 October 2010 - 06:03 PM
#4
โพสต์เมื่อ 24 October 2010 - 07:03 PM
วงจรชีวิต การส่งผลของกรรม http://www.dmc.tv/pa...es/แก...3ม.html
casestydy กฏแห่งกรรม http://www.dmc.tv/in...e=a&action=case
กฏแห่งกรรม GL203 http://main.dou.us/v...s_id=112&page=4
กรรมให้ผลตามหน้าที่ http://main.dou.us/d...L203PDF/ch3.pdf
กรรมให้ผลตามลำดับ http://main.dou.us/d...L203PDF/ch4.pdf
กรรมให้ผลตามเวลา http://main.dou.us/d...L203PDF/ch5.pdf
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#5
โพสต์เมื่อ 24 October 2010 - 07:39 PM
#6
โพสต์เมื่อ 24 October 2010 - 08:27 PM
เพราะความเจ็บปวดในตอนคลอด เลยทำให้ลืมชาติในอดีต เวลาเกิดใหม่ก็จะกลายเป็นคนใหม่ แต่สิ่งที่ไม่ค่อยเปลี่ยนไปก็คือ นิสัย ที่ถูกต้องเรียกว่าสันดานมากกว่า(สันดาน ไม่ได้หยาบคายนะคะ) สันดาน เป็นความเคยชินที่ฝังลึกมากกว่านิสัย เมื่อเกิดใหม่ ก็มักจะมีสันดานเก่า เรื่องสันดานนี้แก้ไขยาก หลวงพ่อทัตตะจึงบอกว่า ในชาติหนึ่งถ้าสามารถแก้ไขนิสัยเสียๆได้สักอย่างหนึ่งก็ถือว่าคุ้มแล้ว
อาจมีกรณีที่จำชาติในอดีตได้ ในกรณีที่ตายปุ๊บจากมนุษย์ แล้วก็ไม่เกิดใหม่เป็นมนุษย์ในทันที คนเหล่านี้อาจจะยังจำชาติในอดีตได้
คนที่ลืมชาติในอดีตแล้ว ถ้าอยากรู้ว่าในอดีตเป็นเช่นไร ก็ต้องนั่งสมาธิ ให้ได้ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ เป็นญาณในการระลึกชาติของตนเอง
แต่ถ้าอยากไปดูอดีตชาติของผู้อื่น ก็ต้องนั่งสมาธิให้ได้ จุตูปปาตญาณ มีตาทิพย์ สามารถระลึกชาติคนอื่นได้
ปล. ขอออกตัวว่า ข้าน้อยไม่ได้ข้อมูลแน่นปึ๊ก(คห.ข้างล่าง) ข้าน้อยแค่ search and copy และรู้จักใช้ google ให้เป็นประโยชน์เท่านั้นเอง การค้นหาข้อมูลต้องรู้จักใช้คำ หรือ keyword และต้องรู้จักจับประเด็น ทิ้งสิ่งที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้อง focus ไปที่สิ่งที่น่าจะเกี่ยวข้อง
ข้าน้อยเคยได้ดูคนเก่งๆ ไปดูการค้นหาข้อมูลของเค้า ที่หาข้อมูลได้เร็ว ตรงประเด็น ก็ได้ความรู้ และเป็นการเปิดโลกทัศน์มากๆ ต่อๆ มาข้าน้อยก็พยายามศึกษาเอาจากคนเก่งๆ ดูว่าเค้าใช้ keyword กันยังไง ใช้ลูกเล่น(option) อย่างไร ประเภทครูพักลักจำ แล้วก็นำมาใช้บ้าง ก็ได้ประโยชน์
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#7
โพสต์เมื่อ 24 October 2010 - 08:41 PM
ผมตอบบางข้อนะครับ
เทวดาที่จุติแล้วตกนรกก็มีอยู่ครับ เรื่องก็มีอยู่ว่า พระโพธิสัตว์เคยเกิดเป็นธรรมเทวบุตร แล่นราชรถไปยังที่แห่งหนึ่ง แล้วไปสวนกับราชรถของ อธรรมเทวบุตร(พระเทวทัต) โดยบังเอิญ
ปรกติแล้ว กฏสวรรค์มีหลักว่า เวลาราชรถสวนกัน ใครที่มีศักดิ์น้อยกว่าต้องหลีกทางให้ แต่อธรรมเทวบุตรผู้มีศักดิ์น้อยกว่ากลับไม่ยอมหลีกทาง ทำให้ธรรมเทวบุตร ต้องหลีกทางแทน
ผลปรากฏว่า ราชรถของอธรรมเทวบุตรถูกดึงลงนรกในทันที
#8
โพสต์เมื่อ 24 October 2010 - 08:47 PM
ผมรู้สึกว่าเคยมีคนถามว่าแล้วถ้าผ่าคลอดจะจำอดึตชาติได้รึเปล่า?
แต่จำไม่ได้แล้วว่าคำตอบคืออะไร
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)
#9
โพสต์เมื่อ 24 October 2010 - 08:58 PM
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#10
โพสต์เมื่อ 24 October 2010 - 09:00 PM
#11
โพสต์เมื่อ 24 October 2010 - 09:55 PM
#12
โพสต์เมื่อ 24 October 2010 - 11:05 PM
#13
โพสต์เมื่อ 25 October 2010 - 09:46 AM
ท่านเรียกว่าลมกรรมเฉยๆ เห็นท่านว่าไม่ว่าจะเกิดด้วยวิธีไหน พอกายหยาบหลุดจากถุงนําคลำ
ปุ๊บจะมีลมชนิดหนึ่งเรียกว่าลมกรรมพัดเอาความทรงจำเกี่ยวกับอดีตชาติของเราหายไปทั้งหมด
แต่ถ้าหากคิดแบบเด็กๆเหมือนผมนะครับ เวลารับผลบุญผลกรรมของเทวดาและสัตว์นรกนั้นยาว
นานมากๆ ปกติมนุษย์แค่เอาแค่ตัวผมแค่30ปีผมยังจำเรื่องราวตอนผมเป็นเด็กยังไม่ค่อยจะได้เลย
แต่เวลาบนสวรรค์ เอาแค่สวรรค์ชั้นจาตุ 500ปีทิพย์=9ล้านปีโลกมนุษย์ แค่1ปีทิพย์ผมก็ลืมหมด
แล้วล่ะครับ ยิ่งถ้าเป็นนรกไม่ต้องพูดถึง คนธรรมดาบางคนโดนเข็มจิ้มแค่กระจึ๋งเดียว ยังเจ็บจน
ลืมว่าเมื่อกี๊ได้ทำอะไรไปบ้าง ถ้าต้องไปชดใช้กรรมในนรก แค่วินาทีเดียวของนรกผมก็คงลืมหมด
ทุกอย่างแล้วอ่ะ อ่าเหอๆ



#14
โพสต์เมื่อ 27 October 2010 - 08:12 PM
หมายถึง ทุกข์ที่มาพร้อมกับชีวิต คือ การเกิด แก่ เจ็บ และตาย ความทุกข์แบบนี้ไม่มีใคร หลีกหนีพ้นไปได้
หากพิจารณาให้ดีเราจะพบสภาพธรรมดาของสัตว์ซึ่ง เมื่อเกิดแล้วต้องมีทุกข์ตั้งแต่ต้องขด อยู่ในท้อง พอจะคลอดก็ถูกมดลูกบีบรีดดันออกมา ศีรษะถูกผนังช่องคลอดบีบจนกะโหลกเบียดซ้อนเข้าหากัน จากหัวกลมๆ กลายเป็นรูปยาวๆ เจ็บแทบขาดใจ เพราะฉะนั้นทันทีที่คลอดออกมาได้ สิ่งแรกที่เด็กทำ คือร้องจนสุดเสียง เพราะความเจ็บอย่างแสนสาหัสที่เกิดขึ้น และการเกิดนี่เองที่เป็นต้นเหตุ เป็นที่มาของความทุกข์อื่นๆ ทั้งปวง ถ้าเลิกเกิดได้เมื่อไรก็เลิกทุกข์เมื่อนั้น
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป