คันธกุฏีที่ทำให้เกิดข้อธรรมมากมาย สถานที่พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรม
และสุดท้ายพาชมมหาวิหารเชตวันสถานที่ที่พระพุทธองค์ทรงพำนักอยู่ และพำนักอยู่นานที่สุด และนึกถึงทศชาติชาดก ที่พระพุทธองค์คงทรงประทับถ่ายทอด ณ ที่มหาวิหาร ที่พวกเราก็เพิ่งได้ดูพระชาติสุดท้ายจบไป
และที่เขาคิชกูฏนี้ ก็เชื่อว่าเป็นภูเขาที่พระเทวทัตกลิ้งหินลงมาจากภูเขา และพระองค์โดนสะเก็ดหินจนพระบาทห้อพระโลหิต
นั่งดูไปก็ตื้นตันไป ยิ่งดูก็ยิ่งซึ้ง รู้สึกเหมือนยังกะได้เข้าเฝ้าใกล้ชิดพระพุทธองค์ ในครั้งพระพุทธกาล รู้สึกเหมือนพระองค์ยังไม่ได้จากเราไปไหน รู้สึกเหมือน 2500 ปี ไม่ห่างไกลอย่างที่เคยรู้สึกเหมือนที่ผ่านๆ มา รู้สึกเหมือนระยะเวลา 2500 ไปในสมัยพุทธกาล เหมือนเพิ่งผ่านมา จินตนาการต่างๆ พร่างพรู จิตนาการไปถึงชีวิตความเป็นอยู่ของพระพุทธองค์ พระอัครอรหันตสาวก พระอรหันตสาวก และพระภิกษุในสมัยนั้น รวมถึงอุปฐากคู่พระบารมี
นั่งๆ ดูไปก็น้ำตาไหล ซาบซึ้งตืนตันใจเหลือเกิน..พลางคิด...อืมม เราก็มีบุญเหมือนกันนะ มีบุญได้ไปดูสถานที่ที่พระพุทธองค์เคยประทับอยู่ในอดีต
และอีกใจนึงก็อดนึกสงสัยไม่ได้ ว่าทำไมเราไม่เคยเห็นภาพสถานที่แห่งนี้มาก่อน ทั้งที่ๆ สถานที่นั้นก็ยังคงอยู่ และต่างก็มีผู้คนรู้จักสถานที่เหล่านั้น แต่่น่าแปลก..ที่พวกเราถึงไ่ม่เคยได้รับรู้ถึงการมีอยู่ ในขนาดที่ว่ายังสามารถมองเห็นอิฐที่ก่อเป็นกำแพงรั้วมหาวิหารเชตวัน อิฐที่ก่อเป็นกำแพงกุฏิของพระอานน พระโมคคัลนะ และพระมหาเถระต่างๆ มีรายการต่างๆ มากมายพาเที่ยวชมทั่วโลก แต่กลับไม่เคยไปชมที่นี่ สถานที่แห่งนี้ที่ยังคงงดงาม
สุดท้ายคงต้องกราบขอบพระคุณในบารมีของหลวงพ่อธัมมะ พระอาจารย์และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ถ้าไม่มีท่าน คงไม่มีโอกาสได้เห็น ได้รับรู้ ได้ซึมซับบรรยากาศในครั้งอดีตกาล และขอชมว่ารายการทำได้ีดีมากๆ สื่อถึงอารมณ์และบรรยากาศ
สุดท้าย...ก็อยากเล่าสู่กันฟังอ่ะค่ะ และมาชวนผู้ที่พลาดชมรายการ ได้กลับไปดูรายการย้อนหลัง ....ไปเฝ้าพระพุทธองค์กันเถอะค่ะ
เป็นอะไรก็ไม่รู้... ช่วงนี้ซึ้งบ่อยจังเลย
รายการย้อนหลัง smileworld
http://www.dmc.tv/pr...mile_world.html
ไปดู link มาแล้วทำให้รู้ว่าตัวเองเชยมากๆ เพราะว่ามีช่วงตามรอยพระพุทธองค์มาหลายตอนแล้ว และเพราะว่าในวันอาทิตย์ไม่เคยเปิดดู DMC ช่วงค่ำเลย ใครที่ยังไม่ได้ดู ก็อย่ารอช้านะคะ เดี๋ยวจะเสียชาติที่ได้เกิดมา เสียดายว่าทำไมได้ดูช้าเสียจริงๆ
link ที่เกี่ยวข้อง
กรุงราชคฤห์ http://www.watthaibu...gir/Raj_01.html
พระวิหารที่ประทับ http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=6790
กรุงสาวัตถึ http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=3403
กรุงกบิลพัสดุ์ http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=2081
และจาก http://www.dmc.tv/fo...s...ost&p=67312
QUOTE
๒. คิชฌกูฏ ภูเขาคิชฌกูฏเป็นหนึ่งใน ๕ ของบรรดาภูเขาที่ล้อมรอบพระนครราชคฤห์ แคว้นมคธ ซึ่งเรียกกันว่า เบญจครี ภูเขาคิชฌกูฏเป็นสถานที่สำคัญที่มีความหมายเกี่ยวข้องกับพระพุทธ และพระพุทธประวัติดังนี้
พระคันธกุฏี คือเรือนที่ประทับของพระพุทธเจ้าบนภูเขาคิชฌกูฏ พระคันธกุฏีมีฝาเป็นไม้เนื้อหอม หลังคามุงด้วยใบไม้ใหญ่ ๆ พระพุทธเจ้าโปรดที่ประทับบนเขาคิชฌกูฏีมาก เพราะเป็นที่สงบมีอากาศเย็นสบาย พระองค์ทรงดำเนินขึ้นลงเขาเพื่อบิณฑบาตทุกวัน (คันธกุฏี แปลว่า กุฏีอบกลิ่นหอม เป็นชื่อเรียกพระกุฏีที่ประทับของพระพุทธเจ้า)
กุฏิของพระอานนท์ ที่ซึ่งพระเทวทัตกลิ้งหินทับพระพุทธเจ้าด้วยหวังจะประหารพระบรมศาสดาในเวลาเสด็จขึ้นบนภูเขาคิชฌกูฏก็ไม่อาจทำอันตรายพระพุทธเจ้าได้ เป็นเพียงสะเก็ดศิลาได้กระเด็นไปกระทบพระบาทจนห้อพระโลหิต นับเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่พระพุทธเจ้าต้องประสบอันตรายถึงเสียพระโลหิตจากพระกาย
ถ้ำสุกรขาตา ณ ที่นี้ พระสารีบุตรอัครสาวกเบื้องขวาได้สำเร็จพระอรหัต หลังจากอุปสมบทได้กึ่งเดือน พระสารีบุตรได้สดับพระธรรมเทศนาขณะนั่งถวายงานพัดอยู่ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ปริพาชก ชื่อ ฑีฆนขะผู้เป็นหลานของพระสารีบุตร ทีฆนขะได้ดวงตาเห็นธรรม แสดงตนเป็นอุบาสกในพุทธศาสนา
ที่ประทับของพระเจ้าพิมพิสาร ก่อนเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า
เหวทิ้งโจร ณ ที่นี้ ทรงแสดงนิมิตต์โอภาสแก่พระอานนท์
มาตะกุฉิ สถานที่ซึ่งพระนางโกศลเทวีพระอัครมเหสีของพระเจ้าพิมพิสาร จะทำการรีดพระครรภ์เพื่อกำจัดโอรสในพระครรภ์ทิ้งเนื่องจากเมื่อพระนางเสวย โหรทำนายว่า พระโอรสที่อยู่ในครรภ์เกิดมาจะทำปิตุฆาต พระนางโกศลเทวีพยายามทำลายด้วยการให้แท้งเสียแต่ไม่สำเร็จ ครั้นจะรีดพระครรภ์ ณ ที่นี้ พระเจ้าพิมพิสารก็ทรงห้ามไว้ ในที่สุดพระโอรสของพระเจ้าพิมพิสารคือ พระเจ้าอชาตศัตรูก็คบคิดกับพระเทวทัตฆ่าประราชบิดาตามที่โหรทำนายไว้
ที่คุมขังพระเจ้าพิมพิสาร อยู่ ณ ที่ราบเชิงเขาคิชฌกูฏ เมื่อพระเจ้าอชาติศัตรูจับพระราชบิดามาคุมขังไว้ไม่ให้อาหารเสวย แต่พระเจ้าพิมพิสารยังทรงมีชีวิตอยู่ได้ ณ ที่นี้ เพราะได้ทอดพระเนตรเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นลงเขาคิชฌกูฏทุกวัน เพื่อบิณฑบาตทำให้เกิดปีติเบิกบานพระทัยเสด็จเดินจงกรม เจริญกรรมฐาน เมื่อพระเจ้าอชาตศัตรูเห็นพระราชปิดายังคงมีพระชนม์ชีพอยู่ได้ จึงสั่งให้ช่างตัดผมเอามีดกรีดพระบาทแล้เอาเกลือกับน้ำมันทาแผลย่างไฟ ในที่สุดพระเจ้าพิมพิสารก็เสด็จสวรรคต ณ ที่นี้ ส่วนพระเจ้าอชาตศัตรูในภายหลังทรงสำนึกถึงความผิดทั้งปวงและกลับพระทัยได้ หันมาทรงอุปถัมภ์บำรุงพระพุทธศาสนาและได้เป็นพุทธศาสนูปถัมกในการสังคายนาครั้งที่ ๑
พระคันธกุฏี คือเรือนที่ประทับของพระพุทธเจ้าบนภูเขาคิชฌกูฏ พระคันธกุฏีมีฝาเป็นไม้เนื้อหอม หลังคามุงด้วยใบไม้ใหญ่ ๆ พระพุทธเจ้าโปรดที่ประทับบนเขาคิชฌกูฏีมาก เพราะเป็นที่สงบมีอากาศเย็นสบาย พระองค์ทรงดำเนินขึ้นลงเขาเพื่อบิณฑบาตทุกวัน (คันธกุฏี แปลว่า กุฏีอบกลิ่นหอม เป็นชื่อเรียกพระกุฏีที่ประทับของพระพุทธเจ้า)
กุฏิของพระอานนท์ ที่ซึ่งพระเทวทัตกลิ้งหินทับพระพุทธเจ้าด้วยหวังจะประหารพระบรมศาสดาในเวลาเสด็จขึ้นบนภูเขาคิชฌกูฏก็ไม่อาจทำอันตรายพระพุทธเจ้าได้ เป็นเพียงสะเก็ดศิลาได้กระเด็นไปกระทบพระบาทจนห้อพระโลหิต นับเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่พระพุทธเจ้าต้องประสบอันตรายถึงเสียพระโลหิตจากพระกาย
ถ้ำสุกรขาตา ณ ที่นี้ พระสารีบุตรอัครสาวกเบื้องขวาได้สำเร็จพระอรหัต หลังจากอุปสมบทได้กึ่งเดือน พระสารีบุตรได้สดับพระธรรมเทศนาขณะนั่งถวายงานพัดอยู่ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ปริพาชก ชื่อ ฑีฆนขะผู้เป็นหลานของพระสารีบุตร ทีฆนขะได้ดวงตาเห็นธรรม แสดงตนเป็นอุบาสกในพุทธศาสนา
ที่ประทับของพระเจ้าพิมพิสาร ก่อนเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า
เหวทิ้งโจร ณ ที่นี้ ทรงแสดงนิมิตต์โอภาสแก่พระอานนท์
มาตะกุฉิ สถานที่ซึ่งพระนางโกศลเทวีพระอัครมเหสีของพระเจ้าพิมพิสาร จะทำการรีดพระครรภ์เพื่อกำจัดโอรสในพระครรภ์ทิ้งเนื่องจากเมื่อพระนางเสวย โหรทำนายว่า พระโอรสที่อยู่ในครรภ์เกิดมาจะทำปิตุฆาต พระนางโกศลเทวีพยายามทำลายด้วยการให้แท้งเสียแต่ไม่สำเร็จ ครั้นจะรีดพระครรภ์ ณ ที่นี้ พระเจ้าพิมพิสารก็ทรงห้ามไว้ ในที่สุดพระโอรสของพระเจ้าพิมพิสารคือ พระเจ้าอชาตศัตรูก็คบคิดกับพระเทวทัตฆ่าประราชบิดาตามที่โหรทำนายไว้
ที่คุมขังพระเจ้าพิมพิสาร อยู่ ณ ที่ราบเชิงเขาคิชฌกูฏ เมื่อพระเจ้าอชาติศัตรูจับพระราชบิดามาคุมขังไว้ไม่ให้อาหารเสวย แต่พระเจ้าพิมพิสารยังทรงมีชีวิตอยู่ได้ ณ ที่นี้ เพราะได้ทอดพระเนตรเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นลงเขาคิชฌกูฏทุกวัน เพื่อบิณฑบาตทำให้เกิดปีติเบิกบานพระทัยเสด็จเดินจงกรม เจริญกรรมฐาน เมื่อพระเจ้าอชาตศัตรูเห็นพระราชปิดายังคงมีพระชนม์ชีพอยู่ได้ จึงสั่งให้ช่างตัดผมเอามีดกรีดพระบาทแล้เอาเกลือกับน้ำมันทาแผลย่างไฟ ในที่สุดพระเจ้าพิมพิสารก็เสด็จสวรรคต ณ ที่นี้ ส่วนพระเจ้าอชาตศัตรูในภายหลังทรงสำนึกถึงความผิดทั้งปวงและกลับพระทัยได้ หันมาทรงอุปถัมภ์บำรุงพระพุทธศาสนาและได้เป็นพุทธศาสนูปถัมกในการสังคายนาครั้งที่ ๑
