ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

บาปไหม ?


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 15 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1209 โพสต์

โพสต์เมื่อ 07 April 2006 - 11:03 PM

มีญาติอยู่คนหนึ่งยืมเงินและไม่เคยใช้เลย ถ้าให้เขาก็แสดงว่าไม่ได้คืนแน่ ๆ
มักเอ่ยปากยืมเสมอ ๆ

ถ้าบอกว่ามีเงินต้องให้แน่(ญาติผู้ใหญ่) เพราะเกรงใจ แต่ถ้าบอกว่าไม่มี ?

"ไม่มี" ความหมายของเราคือ ไม่มีเครดิต มีแค่ใช้ แต่ไม่มีให้ยืม

เท่านั้นก็จบแต่บาปไหม ?

#2 มองอย่างแมว

มองอย่างแมว
  • Members
  • 722 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:NYC

โพสต์เมื่อ 07 April 2006 - 11:53 PM

ให้ก็ให้
ไม่ให้ก็ไม่ให้
ให้ไม่ให้ก็ต้องให้

ครับผม
"ฉุดมันเอาไว้ หยุดมันเอาไว้ ไม่ให้มันรวนเร ต้องหยุดนิ่งสุดใจ หยุดมันเอาไว้ ฉุดมันเอาไว้ ไม่ให้มันซวนเซ ต้องฉุดให้ใจหยุด"
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)

#3 บุญรักษา

บุญรักษา
  • Members
  • 189 โพสต์
  • Interests:ขอชีวิตงดงามตามที่ฝัน ขอทุกวันเป็นวันอันสดใส ขอทุกก้าวคือก้าวที่มั่นใจ ขอวันใหม่ก้าวไกลไปกว่าเดิม

โพสต์เมื่อ 08 April 2006 - 01:46 AM

แก้มันที่ต้นเหตุเลยไหม

ทำอย่างไรเขาจึงเกรงอกเกรงใจเรา ก็อยู่ที่การวางตัวให้น่านับถือแต่แรกอย่างเสมอต้นเสมอปลายครับ หากเป็นญาติกันคงปฏิเสธยากหน่อยครับ หนักไปก็ไม่ดีผ่อนหน่อยก็จะเคยชินซ่ะก่อน การสร้างและให้โอกาสคนเป็นสิ่งดีครับ แต่จะดีไม่น้อยเช่นกัน ถ้าการช่วยเหลือของเรา นั้นสามารถทำให้เขาสร้างตัวเองต่อไปได้ สงเคราะห์ญาติ เป็นมงคลชีวิตอย่างหนึ่ง แต่ก็เลือกนิดหน่อย อย่าให้คนพาลล่ะกัน หากยังไง ๆ ก็จะต้องยืมกันให้ได้ และเห็นนิสัยแล้วไม่ไหวแน่ มีสองทางเลือกครับ

1 คือหากไม่ให้ยืมทำอย่างไหรให้อลุ่มอล่วย แบบบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น หาสาเหตุใช้เงินก่อนเขายืมก็ดีครับ เอาไปทำบุญลงทุนอะไรแล้วก็ว่าไป แต่อย่ายอมผิดศีลมุสาเด็ดขาด
2 ในเมื่อเขาจะยืมให้ได้ เราก็ต้องเอาพยานที่เขานับถือมารับรู้กันแบบไม่ทางการหน่อย วิธีนี้อาจจะช่วยทำให้เขาละอายได้หากไม่ทำตามคำพูดตนเอง หากขึ้นชื่อว่าพาลก็ทำใจล่วงหน้าไว้ได้เลยครับ วิธีที่ดีสำหรับผม คงเป็นตัวเลือกที่ 1

#4 明 あきら

明 あきら
  • Members
  • 5 โพสต์

โพสต์เมื่อ 08 April 2006 - 07:41 AM

เป็นเรื่องที่กล่าวกันว่า ยากทีเดียวในการตอบ เมื่อให้เราก็ลำบากใจในการทวงคืน แต่เมื่อไม่ให้เขาก็จะไม่พอใจ ที่มีความเห็นว่าในกรณีนี้ เราควรเอาให้ชัดเจนไปเลยดีกว่า มีการทำสัญญาให้รู้แล้วรู้รอดไป ป้องกันการยืมแล้วลืม แค่นี้เราก็ไม่ต้องกล่าวว่า ไม่มี แล้วเลี่ยงในใจว่าไม่มีคือไม่มีอะไร เพราะว่าจริงๆแล้วเรามีเงิน มันก็จะทำให้เราสบายใจด้วย นี่เป็นความเห็นในแง่มุมหนึ่งนะครับ

#5 MiraclE...DrEaM

MiraclE...DrEaM
  • Members
  • 1368 โพสต์

โพสต์เมื่อ 08 April 2006 - 10:02 AM

QUOTE
ให้ก็ให้
ไม่ให้ก็ไม่ให้
ให้ไม่ให้ก็ต้องให้

ขยายความนะครับ เท่าที่พอจำได้
ให้ก็ให้ คือ ให้สำหรับผู้ที่ให้ตอบ
ไม่ให้ก็ไม่ให้ คือ ไม่ให้สำหรับผู้ที่ไม่ให้ตอบ
ให้ไม่ให้ก็ต้องให้ คือ ไม่ว่าคนผู้นั้นจะให้ตอบหรือไม่ เราก็ควรที่จะต้องให้ เช่น บิดา มารดา สามี ภรรยา ญาติพี่น้อง
สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มสามารถหาได้จากโอวาทของธนัญชัยเศรษฐีที่ให้ไว้แก่นางวิสาขาวันที่จะออกจากเรือนแต่งงานครับ
สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา

*********************

รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว

เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล


คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย

#6 ฟ้ายังฟ้าอยู่

ฟ้ายังฟ้าอยู่
  • Members
  • 2511 โพสต์

โพสต์เมื่อ 08 April 2006 - 10:06 AM

ให้แล้ว ไม่คืน ก็ถือซะว่า เป็นกงกรรมกงเกวียน เราก็คงเคยไปทำมาก่อนน่ะแหล่ะ ไม่งั้นไม่เจอคนแบบนี้หรอกค่ะ

ถ้าหากว่าไม่ได้คืน ก็ยกหนี้ให้เขาไปเถอะ จะได้ไม่เป็นหนี้บุญคุณกันข้ามภพชาติ จะได้สบายใจ
แต่ถ้าเขามาบอกว่ายืมอีก ก็บอกว่าให้ไม่ได้ เพราะให้ไปแล้วไม่เคยคืน ถ้าหากเขาจะโกรธ ก็ปล่อยเขาไปเถอะค่ะ เราไม่ได้เป็นคนผิดซักหน่อยนี่นา ทำไมต้องเกรงใจ คะ ก็คุยกับเขาตามปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้าหากเขาเป็นคนยืมเงินแล้วไม่คืนและยังมีหน้ามายืมอีก เขาเองยังไม่ละอายใจ แล้วเราผู้ให้ยืม แต่ไม่เคยได้เงินคืนจะต้องละอายใจด้วยเหรอ แปลกจัง

แล้วถ้าหากว่าจะตัดญาติขาดมิตรกัน เพราะว่าไม่ให้ยืมเงิน ก็ขาดไปเถอะค่ะ ญาติแบบนี้ เขาไม่เรียกว่าญาติหรอกค่ะ
"เกิดมาว่าจะมาหาแก้ว พบแล้วไม่กำจะเกิดมาทำไม
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)


#7 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 08 April 2006 - 10:56 AM

หลวงพ่อทัตตะ เคยเล่าเรื่องการยืมเงินในสมัยพระเดชพระคุณหลวงปู่สด

มีอุบาสกท่านหนึ่ง มายืมเงินหลวงปู่ 2หมื่นบาทเพื่อลงทุน
หลวงปู่ท่านเมตตาให้ 2พัน โดยให้ขาดไม่ให้ยืม

ท่านกล่าวว่าหากลงทุนแล้วกิจการรุ่งเรือง นึกถึงท่านได้ ก็มาคืนไม่ต้องให้ดอกเบี้ย
หากลงทุนแล้วไม่ประสบผลก้ไม่ต้องคืน เพราะการให้นี้ ไม่มีหนี้ ข้อผูกมัดต่อกัน ที่สำคัญหากเขาไม่มาคืน โอกาสที่เขาจะมาขออีกนั้นแทบจะไม่มี

อุบาสกถามต่อว่า เขาต้องการ 2หมื่น 2พัน นี่ไม่พอหรอกครับ
หลวงปู่ตอบว่า คุณก็ต้องไปหาแบบนี้(แบบหลวงปู่)อีก 9คน คุณก็จะได้ครบ 2หมื่น
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#8 VCO

VCO
  • Members
  • 322 โพสต์

โพสต์เมื่อ 08 April 2006 - 11:42 AM

แล้วตกลงตอนจบเป็นอย่างไรหละค่ะ เขานำมาคืนหลวงปู่รึเปล่า

#9 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 08 April 2006 - 03:21 PM

อีกวิธีหนึ่งครับ คือ เป็นเรื่องของผู้นำบุญท่านหนึ่ง มีคนมาขอยืมเงินไปใช้หนี้ ผู้นำบุญจึงบอกว่า เหตุที่คุณเป็นหนี้ เพราะบุญคุณกำลังจะหมดแล้วนะ ให้ลองไปปฏิบัติธรรมที่สวนพนาวัฒน์สิ คนคนนั้นเห็นว่า ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว เลยลองไปดู กลับมามีกำลังใจ ทำมาหากินไป อยู่ในบุญ แล้วก็สามารถเคลียรหนี้สินทั้งหมดได้เรียบร้อย

หรือ อีกท่านหนึ่งเขียนเรื่องราวของตัวเองไว้ในหนังสือ เข็มทิศชีวิต ชื่อคุณฐิตินารถ ณ พัทลุง (ออกสัมภาษณ์รายการเจาะใจด้วย) ตอนแรกเธอกับสามีรวยมาก ไม่ต้องทำอะไรมีความสุข วันที่เป็นจุดเปลี่ยนชีวิต คือ วันที่สามีเธอตายกระทันหัน พร้อมด้วยหนี้สิน 100 ล้าน เธอแทบจะฆ่าตัวตาย ติดว่า มีลูกอยู่ 1 คน ต่อมามีคนบอกเธอว่า "จะใช้หนี้ให้หมด ให้ไปปฏิบัติธรรม" เธอถามกลับว่า "อะไรนะ ให้ไปปฏิบัติธรรม" ผู้ชวนบอกว่า "ใช่แล้ว"
เธอเห็นว่า ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ลองดูก็ได้ แล้วก็ขึ้นไปปฏิบัติธรรมสายคุณแม่สิริ กรินชัย 7 วัน หลังจากนั้นเธอกลับมาด้วยสติ และกำลังใจ ในที่สุด ก็ค่อยๆ ทำมาหากินจนใช้หนี้ 100 ล้านได้ทั้งหมด ต่อมาเธอมาพบกัลยาณมิตรท่านหนึ่งซึ่งไปปฏิบัติธรรมที่วัดพระธรรมกาย และแล้วทั้งสองก็กลายเป็นเพื่อนกัน (แต่ยังคงปฏิบัติกันคนละสาย โดยไม่มีปัญหาใดๆ ระหว่างเพื่อน) ท้ายที่สุด เธอขายกิจการทั้งหมดให้เพื่อนกัลยาณมิตรท่านนี้ ส่วนตัวเธอ ไปซื้อบ้านอยู่ชายทะเล เลิกทำงานทั้งปวง อุทิศตนให้กับการสอนปฏิบัติธรรมสายคุณแม่สิริ กรินชัยให้กับคนทั้งหลาย ในขณะที่ยังคนคบหากับเพื่อนกัลยาณมิตรท่านนี้เป็นปรกติ ในหนังสือ เข็มทิศชีวิตของเธอ เพื่อนกัลยาณมิตรท่านนี้ ก็วาดรูปประกอบหนังสือให้ด้วย เธอบอกว่า เธอและลูกมีความสุขมากกับธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ดังนั้น ใครทุกคนที่เป็นหนี้ ผมแนะนำให้ไปปฏิบัติธรรมครับ หรือ ถ้าไม่มีเวลาให้ลองไปอ่านหนังสือ เข็มทิศชีวิตดูก่อนก็ได้


ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#10 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1209 โพสต์

โพสต์เมื่อ 08 April 2006 - 08:38 PM

ขอบคุณทุกคำตอบครับ

ถ้าให้เขาเพราะเป็นญาติ เรายังต้องไป ๆ มา ๆ บ้านเขาเรื่อย ๆ ทีละ 1000 ทีละ 500 ทวงยาก
เพราะมันไม่มาก ก็ถือว่าทำทานได้ครับ

แต่มันเสียดายผมนำเงินก้อนนี้มาทำบุญเสียดีกว่าให้เขาเอาเงินไปใช้ฟรี แต่ศีลข้อ 4 มัน
ไม่ค่อยบริสุทธิ์เอา

ปัจจุบันนี้หาผู้ที่ละอายมีความเกรงกลัวต่อบาปยากนัก


หยุดคือตัวสำเร็จ

#11 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 08 April 2006 - 11:09 PM

QUOTE
ถ้าให้เขาเพราะเป็นญาติ เรายังต้องไป ๆ มา ๆ บ้านเขาเรื่อย ๆ ทีละ 1000 ทีละ 500 ทวงยาก
เพราะมันไม่มาก ก็ถือว่าทำทานได้ครับ

แต่มันเสียดายผมนำเงินก้อนนี้มาทำบุญเสียดีกว่าให้เขาเอาเงินไปใช้ฟรี แต่ศีลข้อ 4 มัน
ไม่ค่อยบริสุทธิ์เอา

คุณก็นึกเสียว่า คุณได้ทำบุญสงเคราะห์ญาติไปก็แล้วกัน เอาเป็นว่าถ้าวันหลังจะไม่ให้ ก็ไม่ให้เสียตั้งแต่ต้นมือเลยจะดีกว่าครับ เพราะหากเราให้ไปแล้วเกิดความรู้สึกเสียดายในภายหลังนี่ ไม่ดีนะครับ แถมยังต้องพ่วงบาปอันเกิดจากการพูดปด (แบบจำเป็น) ไปด้วยอีกต่างหาก ยิ่งไม่ดีใหญ่เลยครับ


#12 น้ำฝน มัชฌิมหญิงรุ่น14

น้ำฝน มัชฌิมหญิงรุ่น14

    เราคือ นักรบกล้าอาสาสมัคร กองทัพธรรม

  • Members
  • 1961 โพสต์
  • Gender:Female
  • Interests:ช่วยงานบุญที่วัด ให้ถึงที่สุดกำลัง ตราบวันที่ชีวิตจะสิ้นลมหายใจ

โพสต์เมื่อ 09 April 2006 - 10:03 AM

ถ้าญาติคุณเขายืมเงินไปใช้ในทางที่ดีละก็ให้เขาไปเถอะค่ะแต่ถ้ายืมแล้วไม่ให้เนี๋ยเดี๋ยวเขาจะมีกรรมติดตัวไปในชาติหน้านะเขาคงจะได้รับผลกรรมเองค่ะ แต่ถ้าเขายืมจนเคยตัวก็พยายามหลีกเลี่ยงนะค่ะ เดี๋ยวเราจะหมดตัวซะก่อนอิอิ
"ด้วยใจกล้าอาสา พัฒนาไม่หยุดยั้ง"

น้ำฝนลูกพระธัมฯ

#13 สุ 03

สุ 03
  • Members
  • 2 โพสต์

โพสต์เมื่อ 09 April 2006 - 03:12 PM

เงินเป้นดาบสองคมเกื่อบจะทุกเรื่อง

#14 CEO

CEO
  • Members
  • 577 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:พระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกาย

โพสต์เมื่อ 10 April 2006 - 01:41 AM

เราต้องเลือกคนที่จะให้ยืมเงินนะครับ
ตามที่ในพระไตรปิฎกเขียนไว้ครับ
สร้างบารมีทุกวินาที
แม้ชีวิตนี้ก็ให้ได้

#15 wir

wir
  • Members
  • 290 โพสต์

โพสต์เมื่อ 10 April 2006 - 12:56 PM

มีญาติประเภทแบบนี้อยู่ค่ะ วิธีเลี่ยงก็บอกตรงๆว่ามีที่สามารถหยิบมาใช้ได้เท่านี้ และจะต้องใช้ในวันนี้เท่านี้ คงให้ยืมไม่ได้ตามต้องการในวันนี้ ถ้าจะเอาจะให้ได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งไม่ได้โกหก เรามีเท่านี้และต้องใช้เท่านี้จริงๆ เขาเลยไม่กล้าพูดยืมต่อค่ะ แต่ถ้าเขายังยืม แล้วไม่คืนทำใจว่าสงเคราะห์ญาติไม่เอาคืนค่ะ

#16 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 14 February 2007 - 09:05 AM

พอผมได้เงินมาผมก็แบ่งออกเป็นส่วน ๆ ส่วนนี้เก็บ ส่วนนี้ใช้จ่าย ส่วนนี้ทำบุญ ถ้าเราแบ่งออกมาแล้ว เราก็จะมี Limit ว่าจะให้เขาแค่ไหนเราไม่เดือดร้อน แล้วก็ไม่โกหกด้วย