
คู่เราหรือป่าว
#1
โพสต์เมื่อ 06 May 2006 - 03:10 PM
และจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไปหรือไม่ ช้ำมาครั้ง1 แล้ว
2. กรรมอะไรให้เขายืมเงินแล้วไม่ได้คืนและยังไห้เขายืมอีก
ไม่เคยเข็ด ( เขาฝากถามอีกแล้วครับ ) ..
อีกข้อครับ ถาม . ทำไมคนเจ้าชู้ไม่ชอบคนเจ้าชู้ด้วยกันครับ..
อีกข้อครับ ถาม . ทำไมคนเจ้าชู้ไม่ชอบคนเจ้าชู้ด้วยกันครับ..
#2
โพสต์เมื่อ 06 May 2006 - 03:55 PM
และจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไปหรือไม่ ชำมาครั้ง1 แล้ว
ไม่จำเป็นเสมอไปครับ เพราะเราเกิดมานับภพนับชาติไม่ถ้วน ดังนั้น คู่ของเราที่ผ่านๆ มาก็มีไม่ถ้วนเหมือนกันครับ การจะอยู่ด้วยกันได้ยืดแล้วมีความสุขก็ต้องเคยร่วมบุญด้วยกันมาครับ แต่ถ้าบุญที่ทำร่วมกันมาหมด ก็ต้องมีเหตุแยกจากกันไป สรุปคือการจะอยู่ด้วยกันยืดหรือไม่ขึ้นอยู่กับเหตุแห่งการกระทำในปัจจุบันและบุญเก่าที่ได้เคยสั่งสมร่วมกันมามีมากน้อยแค่ไหน
ไม่เคยเข็ด ( เขาฝากถามอีกแล้วครับ ) ..
ก็คงจะมีวิบากเคยไปยืมเงินเค้ามาแล้วไม่ได้คืนแหละครับ หรือไม่ก็เคยปากพล่อยพูดเอาไว้ว่า แล้วจะใช้เงินให้ แต่ก็ไม่ได้ใช้คืน พอถึงเวลาวิบากกรรมส่งผล เค้าก็จะได้ของ ของเค้าคืน แล้วเราก็ต้องให้เพราะวิบากกรรมเก่าบีบคั้นครับ
ตอบง่ายๆ ครับ เพราะคนเจ้าชู้ก็รู้ตัวอยู่แล้วว่า คนเจ้าชู้ไม่เคยมีความจริงใจให้ คบไป ยังไงก็ไม่รอด ก็เลยไม่อยากคบไงครับ สรุปง่ายๆ คือ คนเจ้าชู้ย่อมรู้เห็นสันดานของคนเจ้าชู้ด้วยกัน แล้วอย่างงี้ใครจะอยากคบละครับ คบไปก็เสียแรง คบไปก็เสียเวลา คบไปก็ช้ำใจ คบไปก็ไปไม่รอด จริงไหมครับ
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#3
โพสต์เมื่อ 06 May 2006 - 05:23 PM
และจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไปหรือไม่ ชำมาครั้ง1 แล้ว
ตอบ เมื่อเจอกันได้ก็จากกันได้ เมื่อมีวันพบก็มีวันพรากเป็นของธรรมดา
ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดเที่ยงเป็นอนิจจัง แม้ว่าบางครั้งเราจะรู้สึกมีความสุขที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเขา
แต่ไม่นานความรักก็อาจจะเปลี่ยนไปเป็นความหึงหวง และห่างเหินได้ในที่สุด จากความสุขที่เคยมี
ก็อาจผันเปลี่ยนเป็นความทุกข์ใจ และแม้เราจะรักกันมากปานจะกลืนกินสุดท้ายความตายก็จะต้อง
มาพรากเราสองคนอยู่ดีแหละครับ
เมื่อวานฉันเห็นเธอคือคนรักของฉัน มาบัดนี้คนรักฉันจากไปไหน???
เดี๋ยวมีคู่เดี๋ยวไม่มี ไม่แน่นอนเอาซะเลย...นี่หรือคือรักแท้??
ชาติก่อนก็บอกว่ารักมากมายรักเธอคนเดียว...พอเกิดใหม่ก็เห็นหาใหม่กันทุกคนสิหนะ???
เออแปลกจิงหนอ
"ไอ้ที่อยากเขาก็หลอก ไอ้ที่หยอกเขาก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย
เลิกอยากลาหยอกรีบออกจากกาม เสร็จกิจ ๑๖ ไม่ตกกันดานหรือจะเรียก นิพพานก็ได้"
ตอบ ถ้าไม่เดือดร้อนถึงตนเองก็ให้ไปเถอะครับคิดซะว่าทำทาน หรือไม่ก็ใช้กรรมเก่าครับ
ถ้าอดีตชาติเราเคยหลอกลวงทรัพย์ผู้อื่นมา เราก็ต้องเจอคนนิสัยแบบเราในอดีตมาย้อนศรเอาคืนแน่นอนครับ
ปลงซะแล้วตั้งใจทำแต่ดีครับก่อนให้ตังส์เขาก็จบอธิษฐานจิตขอมรรค-ผลนิพพานไปเลยครับ 555+
ตอบ ธรรมชาติของคนเลวมีใครบ้างอยากได้คนเลวเหมือนกันมาเป็นคู่ครองหละครับ ขนาดคนเลวด้วยกันมันยังไม่อยากได้มาครอบครองเลยครับ แต่ถ้าหากเรารู้จักมองความเลวในสังขารของเราและของเขาบ่อยๆ ว่าเธอที่เรารักมันก็เลวแม้นิสัยของเธอจะดีแต่สังขารของเธอมันเลวที่สกปรกเต็มไปด้วยอุจจาระ ปัสสาวะ มีโรคภัยไข้เจ็บ แก่ได้ ตายได้ ไม่งดงามไม่ยั่งยืนไม่น่ารัก ไม่น่าใคร่
หัดมองหาความจริงในสังขารของเราและเขาบ่อยๆ ครับว่าสังขารมันดีจริงๆ หรือสังขารมันเลวบ่อยๆ ครับแล้วจิตจะไม่ร้อนใจไปวุ่นวายกับสังขารของคนอื่นเขาครับ
#4
โพสต์เมื่อ 06 May 2006 - 10:53 PM
อย่าว่าแต่คนเจ้าชู้ไม่ชอบคนเจ้าชู้ด้วยกันเลยครับ คนดี ๆ ก็ไม่ชอบครับ
#5
โพสต์เมื่อ 06 May 2006 - 11:00 PM
เลิกอยากลาหยอกรีบออกจากกาม เสร็จกิจ ๑๖ ไม่ตกกันดานหรือจะเรียก นิพพานก็ได้
คำพูดไม่กี่ประโยค ก็แสดงให้เห็น กลลวงของพญามารได้ และทางหนีให้พ้นบ่วงมาร
แต่ก็รู้ทั้งรู้เนอะ ตราบใดที่จิตยังผูกพันกับโลกียะ ไม่มีความเพียร ก็ไม่อาจหลุดพ้นได้
#6
โพสต์เมื่อ 06 May 2006 - 11:17 PM
เห็นด้วยกับคุณMiracle Dream ค่ะว่าในแต่ละชาติที่มาเกิดจะมีคนที่เคยเป็นคู่กันมาก่อน
ก็จะมาพบกันอีก แต่ก็เป็นคู่จรซะส่วนใหญ่ ให้ตั้งไว้เลยค่ะว่าคู่แท้คู่บุญบารมี มีโอกาสเป็นได้ 1%
คบกันสักพักก็จะมีบุพเพอาละวาดให้ต้องทะเลาะกัน ทิฐิไม่ตรงกัน นอกจากจะต้องทนและทนกันไป
ปรับแล้วปรับอีก แต่ยังไงก็ไม่เท่ากับปรับทั้งคู่ให้ถือศีล 5 ได้มั่นคง ทำทานด้วยกัน และนั่งสมาธิด้วยกัน
ในหมู่คณะเราก็มีตัวอย่างคู่บุญบารมีเยอะนะคะ แต่มีหลักการว่าทั้งคู่จะร่วมกันทำบุญ รักษาศีล นั่งสมาธิ
เป็นเพื่อนที่คอยพยุงกัน แข่งกันในเรื่องทางธรรมว่าใครทำบุญได้มากกว่ากัน ใครตื่นมานั่งสมาธิก่อนกัน
ถ้าเธอทำบุญ ฉันต้องรีบไปร่วมบุญบ้าง และอนุโมทนาบุญด้วย วันพระทีก็ถือศีล 8 ด้วยกันทั้งคู่
และฝ่ายผู้หญิงมักจะคิดว่าชาติหน้าฉันไม่เอาแล้ว ไม่เป็นผู้หญิงแล้ว จะไปเกิดเป็นผู้ชายซะที
พวกเค้าจะไม่ชอบให้ใครชำใจเล่น กลัวบาปกรรมกาเมมันจะมาส่งผลอีก มีแต่อยากเป็นผู้ให้แก่สังคม
เป้าหมายทั้งคู่คือเป็นเพื่อนพยุงกันสร้างบารมีมากกว่า ไม่ค่อยจุกจิกจู่จี้ ไม่ค่อยเซ็กซ์จัด ขี้เกียจหึงหวงกัน
ผู้ชายไม่ขี้ข่มใช้อำนาจโวยวาย ผู้หญิงก็ไม่ขี้น้อยใจมารยาสาไถ มีแต่เมตตากัน คุยกันด้วยปิยะวาจา
ถ้าอยากรู้ว่าเป็นคู่เราหรือป่าว ก็ต้องลองดูว่าเป็นแบบนี้ได้ไหม แม้นชะตามาเป็นคู่จรกันแต่ถ้าเข้าใจหลักการ
แล้วสร้างบุญกันแบบที่กล่าวข้างบนได้ ก็มีโอกาสปรับมาเป็นคู่บุญคู่บารมีได้ค่ะ
แต่จำไว้ว่าในสังสารวัฏ มันน่ากลัวตรงที่ชาตินี้ดีแล้ว แต่ชาติถัดไป วิบากมารส่งผล ไปดึงเอากรรมเก่าใส่ให้คู่เรา
มาตัดรอนเค้าให้อายุสั้น แม้นเป็นคู่ที่ดีต่อกัน รักกันดีแล้ว ก็ไม่วายทุกข์ระกำ เพราะพลัดพรากจากของรัก
มีCase Study แบบนี้ออกมาให้เห็นแล้วค่ะ
นิพพานัง ปรมัง สุขขัง ยิ่งรู้ยิ่งเห็นก็ยิ่งเข้าใจว่าที่แท้สังสารวัฎมันเป็นแบบนี้ ...
#7
โพสต์เมื่อ 07 May 2006 - 03:23 AM
ไฟล์แนบ
#8
โพสต์เมื่อ 07 May 2006 - 08:46 AM
1. เกื้อกูลกันในปัจจุบันชาติ
2. เคยเป็นคู่ครองกันมาในอดีต
การแต่งงานก็เหมือนกับการประคับประคองรถไฟ โดยฝ่ายชายหญิงก็จะเป็นรางเหล็กขนาบอยู่ซ้ายและขวา เพื่อให้รถไฟนี้ไปถึงจุดหมายปลายทาง. คู่บุญคู่บารมีก็ต้องช่วยกันประคับประคองกันคอยให้กำลังใจแก่กันเพื่อให้งานสร้างบารมีไปให้ถึงจุดหมาย....
"โกรธคนละเวลา เสน่หาเวลาเดียวกัน"
#9
โพสต์เมื่อ 07 May 2006 - 09:22 AM
และจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไปหรือไม่ ชำมาครั้ง1 แล้ว
2. กรรมอะไรให้เขายืมเงินแล้วไม่ได้คืนและยังไห้เขายืมอีก
ไม่เคยเข็ด ( เขาฝากถามอีกแล้วครับ ) ..
อีกข้อครับ ถาม . ทำไมคนเจ้าชู้ไม่ชอบคนเจ้าชู้ด้วยกันครับ
1.ไม่ใช่แก่นสารสาระสำคัญกับชีวิตเรา อย่าไปคิดเลยครับ
2.ชาติก่อนคูณเคยยืมเงินของคนอื่นแล้วก็เคยลืม ( ภาพในอดีต )
3.คนดีๆยังไม่ชอบ
คนเจ้าชู้มีหรือจะชอบ
แม้ชีวิตนี้ก็ให้ได้
#10
โพสต์เมื่อ 07 May 2006 - 10:24 AM
ชอบทุกคำตอบเลยครับ.
#11
โพสต์เมื่อ 07 May 2006 - 01:20 PM
เขา ตอบว่า เค้าทำอะไร เค้ารู้ตัวเองดี แต่ผมเห็นเค้าคบคนตั้งหลายคน ในเวลาเดียวกัน
#12
โพสต์เมื่อ 07 May 2006 - 08:36 PM
แต่การตอบนี่เราต้องอิงหลักการของพระพุทธเจ้าด้วยนะครับ ดังที่อนุโมทนากับ 3 ท่านเป็นพิเศษ ว่าในการสอนคนของพระพุทธเจ้านั้น ท่านไม่ได้ เริ่มต้นก็หลีกออกจากกามเลย ท่านเริ่มด้วย ทาน ศีล สวรรค์ โทษของกาม อานิสงส์การหลีกออกจากกาม และอริยสัจ
ผู้ใด ที่เป็นผู้เริ่มต้น พระพุทธเจ้าท่านจะจบแค่สวรรค์น่ะครับ ไม่ไปต่อ ถึงเรื่องหลีกออกจากกาม แต่ถ้าผู้ใดบารมีพร้อมแล้ว นั่นแหละครับ พระพุทธเจ้าท่านจะลุยเรื่องหลีกออกจากกามทันที
ดังนั้น ก่อนตอบให้น้องๆ สังเกตุก่อนว่า เป็นคนใหม่ หรือเก่าน่ะครับ ถ้าเป็นคนใหม่ ควรตอบให้เข้ากับชีวิตความเป็นอยู่ของเขาก่อน เช่นเรื่องครองเรือน เป็นเรื่องปรกติของชาวโลก ซึ่งเราสามารถนำมงคลชีวิต 38 ประการ หัวข้อสงเคราะห์ภรรยาสามีมาตอบได้ เมื่อเขาได้ฝักใจพอสมควรแล้ว ค่อยแนะนำธรมะในเรื่องการพ้นโลก ประพฤติพรหมจรรย์ต่อไป ดังที่พระพุทธเจ้า ทรงสอนให้ดูเป็นตัวอย่างมากว่า 2500 ปีแล้วครับ แม้คุณครูไม่ใหญ่ ก็สอนแนวเดียวกับพระพุทธเจ้าเช่นกัน
ซึ่งพี่เองก็มีบทเรียนอุทธาหรณ์ มาเล่าให้ฟังสมัยชมรมพุทธ มีเพื่อนคนหนึ่ง ไปปรึกษาประธานชมรมว่า เขาขอเรียนมงคลชีวิตแค่ 37 ประการได้มั้ย ประธานถามว่า ทำไมล่ะ เพื่อนคนนั้นบอกว่า เขาไม่อยากเรียนรู้มงคลชีวิตข้อ สงเคราะห์ภรรยา-สามี เพราะเขาตั้งใจประพฤติพรหมจรรย์เท่านั้น ประธานก็เลยตอบทำนองว่า พระสงฆ์ก็ประพฤติพรหมจรรย์ แต่ก็ยังต้องเรียนมงคลชีวิตข้อนี้เลย เพื่อเอาไว้สอนผู้ที่ครองเรือนอยู่ให้มีธรรมะประจำใจ ครอบครัวจะได้สงบสุข
น้องก็เรียนเอาไว้สอนเพื่อนๆ ก็ได้ ขึ้นชื่อว่า มงคลชีวิต ทุกๆ ข้อล้วนเป็นมงคลทั้งนั้นแหละ
#13
โพสต์เมื่อ 07 May 2006 - 09:05 PM
#14
โพสต์เมื่อ 29 May 2006 - 04:59 AM
ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุด ย่อมเป็นผู้ที่สุภาพนุ่มนวลที่สุด
#15
โพสต์เมื่อ 28 February 2007 - 12:57 PM
#16
โพสต์เมื่อ 12 June 2007 - 02:41 PM

มีแต่คนที่มี สัมมาทิฐิ
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
#17
โพสต์เมื่อ 12 June 2007 - 11:17 PM