
การถวายปัจจัย
#1
โพสต์เมื่อ 09 October 2005 - 11:45 PM
#2
โพสต์เมื่อ 10 October 2005 - 01:00 PM
การมาถวายเป็นครอบครัว สามารถรวมเป็นซองเดียวกันได้ครับ หลักสำคัญคือ ต้องให้ทุกคนมีส่วนสละปัจจัยของตนเองออกมาครับ เพราะต่อให้ แยกเป็นซองๆ แต่แม่เป็นคนจัดซองทั้งหมด และแบ่งให้ลูกๆ ช่วยถือซองถวาย ก็เท่ากับว่า ลูกๆ ยังไม่สละความตระหนี่ออกจากใจตนเองเลยเช่นกัน
สมัยก่อน พระไม่จำเป็นต้องใช้ปัจจัยครับ แต่สมัยนี้ จะเดินทางไปไหนมาไหน จะหาคนใจบุญออกค่ารถให้นี่ไม่ง่ายนะครับ และค่าน้ำค่าไฟ เขาก็เก็บกับวัดครับ ไม่ได้ให้ใช้ฟรีๆ ดังนั้น พระท่านก็ต้องนำปัจจัยมาใช้จ่ายส่วนนี้ครับ เพียงแต่ว่า ในการถวายก็ให้ใส่ซองให้เรียบร้อย ไม่ควรส่งเป็นเงินไปให้ตรงๆ ครับ จะเป็นภาพที่ไม่งาม
#3
โพสต์เมื่อ 10 October 2005 - 04:49 PM
พี่หัดฝัน เด๋วนี้แจมในพันทิบห้องศาสนาเป็นขาประจำไปแล้วนะ
เจอเจ๊ดบัสเข้าไปเป็นไงบ้างครับพี่ อิอิ
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)
#4
โพสต์เมื่อ 10 October 2005 - 06:57 PM
#5
*Guest*
โพสต์เมื่อ 10 October 2005 - 09:31 PM
ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจ
*********
ที่เราถวายปัจจัยนั้นก็เป็นการถวายบูชาธรรมหลวงพ่อทั้งหมด การนำไปทำกับเจ้าหน้าที่เป็นเพียงวิธีการที่กำหนดขึ้นเพื่อแบ่งเบาภาระของพระเดชพระคุณหลวงพ่อเท่านั้น
ทำผ่านเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นตัวแทนของหลวงพ่อเพื่อสงวนเวลาให้ท่านจะได้เอาเวลาเหล่านั้นไปปฏิบัติธรรม ค้นธรรมะมาสอนพวกเราในรายการฝันในฝันได้มากขึ้น (โอ้โฮ....ได้บุญส่วนอื่นอีก)
สำหรับตัวเอง หากเป็นการทำบุญปกติในทุก ๆ บุญที่ทำสม่ำเสมออยู่แล้วจะทำกับเจ้าหน้าที่
กรณีพิเศษจริง ๆ เช่น เงินก้อนที่เก็บมากว่าจะได้ หรือ ปิดบัญชีทำบุญ เป็นเงินก้อนสุดท้ายในช่วงนั้น ๆ อย่างนี้แหละ อยากถวายกับหลวงพ่อ ปีติได้นานดี แต่ถ้าเป็นการทำบุญปกติ จะคิดว่า สงวนเวลาของท่านไว้ดีกว่า และอยากให้ท่านแข็งแรงมาก ๆ ด้วย
เป็นความรู้สึกส่วนตัว
อนุโมทนาบุญกับทุกท่าน
#6
*Guest*
โพสต์เมื่อ 10 October 2005 - 09:35 PM
กรณีที่ถวายเป็นครอบครัว ใช้ใส่ซองเดียวแล้วถวายพร้อมกันน่าจะดีกว่า สะดวก ประหยัดเวลาทั้งของหลวงพ่อและสะดวกกับเจ้าหน้าที่เวลาทำงานย้อนหลังด้วย
ส่วนเรื่องบุญนั้น แล้วแต่ความปีติ ก่อนทำ ขณะทำ หลังทำ และความบริสุทธิ์ของศีลของผู้ทำ ผู้รับ และความบริสุทธิ์ของทรัพย์ที่ทำ
อนุโมทนาบุญ
#7
โพสต์เมื่อ 11 October 2005 - 05:24 PM
#8
โพสต์เมื่อ 11 October 2005 - 05:39 PM
แค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะไปปราบมารได้ไง
#9
โพสต์เมื่อ 15 October 2005 - 11:27 PM
การถวายปัจจัยกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ หากเป็นวันธรรมดา ท่านจะนำพวกเรานั่งสมาธิและอธิษฐานจิตก่อนจะถวายซึ่งสามารถร่วมกันถวายได้ทั้งครอบครัวค่ะ ความพิเศษคือเราจะได้เตรียมใจให้ใสเป็นภาชนะรองรับบุญไม่หกหล่น และได้ใกล้ชิดกับท่านยังความปลาบปลื้มปีติใจไม่รู้ลืมค่ะ...
สำหรับวันอาทิตย์ หากท่านใดต้องการถวายปัจจัยอาจส่งผ่านเจ้าหน้าที่ แต่อย่าลืมอธิษฐานจิตก่อนทำนะคะ หรือ หากสะดวกถวายปัจจัยกับพระอาจารย์ประจำกลุ่ม/ภาคต่างๆ ก็จะดีค่ะเพราะเมื่อเราถวายเสร็จ ท่านจะให้พรเพื่อให้เราปลื้มยิ่งขึ้นค่ะ
อย่างไรก็ตาม...ปัจจัยที่ได้ร่วมทำบุญย่อมส่งผลเกินควรเกินคาด เมื่อเราทำเต็มที่ เต็มกำลัง ทุกๆบุญ และรักษากาย วาจา ใจ ให้ใสบริสุทธิ์ค่ะ...อนุโมทนาบุญนะคะ--สา--ธุค่ะ
#10
*Guest*
โพสต์เมื่อ 16 October 2005 - 03:17 PM
2. ไม่ค่อยตอบคำถาม บางครั้งก็ดุด้วย (ต้องทำตัวให้เล็กลง)
3. ทำท่ายุ่งซะ
4.ป้ายด้านหน้า ควรเขียนให้ชัดเจนว่า ช่องนี้ทำอะไร คนแก่อ่านไม่ค่อยเห็น ถ้าว่าเข้าผิดช่องต้องเดินไปอีกช่อง ต่อคิวอีกนานมาก
5.ควรเพิ่มเจ้าหน้าที่หรือน้องที่ต้อนรับ..คอยทำการแนะนำด้านนอกบ้างว่า ทำอะไร,เขียนอย่างไร,ช่องไหนบ้างฯ ไม่ใช่ว่าจะนั่งอยู่แต่ภายในห้องแอร์
...... บางครั้งพาคนใหม่มาทำบุญแล้วเจอแบบนี้ก้อ...???
เคยถามใครๆเค้าบอกว่าเจ้าหน้าที่ยุ่งมาก
#11
โพสต์เมื่อ 16 October 2005 - 08:20 PM
#12
โพสต์เมื่อ 17 October 2005 - 01:44 AM

ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#13
โพสต์เมื่อ 04 February 2007 - 04:59 PM