
เป็นภุมมเทวาลำบากไหมครับ
#1
โพสต์เมื่อ 14 September 2006 - 12:33 PM
#2
โพสต์เมื่อ 14 September 2006 - 12:49 PM
ขึ้นอยู่กับบุญที่ได้สั่งสมไว้ เหมือนกับมนุษย์นั่นแหล่ะครับ มีตั้งแต่ยาจก จนกระทั่งมหาเศรษฐี และภุมมเทวาเป็นภพที่อยู่ไกล้กับมนุษย์มากที่สุดจึงมีอะไรหลายๆที่คล้ายมนุษย์ เช่น การแต่งกาย ค่านิยมบางอย่าง ฯลฯ
ถ้าพอมีบุญติดตัว หรือ ญาติอุทิศให้บ่อยๆก็จะมีอาหารทิพย์ให้อยู่ได้สบายๆ แต่ถ้าบุญน้อยก็ลำบากหน่อย
ลำบากหรือเปล่า?บางครั้งก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนนะครับ ไปถามยาจก ว่าลำบากหรือเปล่า เขาอาจบอกว่าเฉยๆชินแล้ว แต่ไปถามมหาเศรษฐี เขาอาจบอกว่ากำลังลำบากอยู่ก็ได้...
แต่ในปรโลกนี่ถ้าลำบากก็ยาวนานครับ สั่งสมบุญไม่ได้ด้วย ต้องรอเขาอุทิศให้หรืออนุโมทนาบุญบ้างนิดๆหน่อยๆ ดังนั้นอย่าประมาท เร่งสั่งสมบุญทุกๆบุญให้ดีที่สุด จะปลอดภัยที่สุดครับ
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต้ อุกาสะ ขะมามิ ภันเตฯ
หากข้าพระพุทธเจ้า ได้เคยประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ในชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ด้วยกายก็ดี วาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ด้วยเจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี
ขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย และผู้มีพระคุณทุกท่าน ได้โปรดยกโทษให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ
#3
โพสต์เมื่อ 14 September 2006 - 12:50 PM

#4
โพสต์เมื่อ 14 September 2006 - 01:07 PM
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี
#5
โพสต์เมื่อ 14 September 2006 - 01:21 PM
ภุมมเทวา จะเปรียบเสมือนสลัมในโลกมนุษย์น่ะครับ ในสลัมจะมีทั้งจนและพอมีกิน อาจจะมีคนมีฐานะหลงเข้าไปอยู่บ้าง ขึ้นอยู่กับกำลังบุญที่ตัวเองทำไว้ตอนมีชีวิตอยู่ ใครทำน้อย พอเกิดเป็นภุมมเทวาได้ก็จะมีความเป็นอยู่อัตคัด ขัดสนเหมือนคนจนในสลัม บางทีต้องขอคนที่มีกำลังบุญมากกว่าอาศัยเป็นบริวารให้กับเขา
อากาศเทวาก็เหมือนกันภุมมเทวา แต่จะดีขึ้นมาหน่อยก็คงจะเทียบได้กับอยู่ในโซนรอบนอกของเขตสลัม
สวรรค์ชั้นสูงขึ้นไปก็เช่นเดียวกัน แต่ยกระดับจากสลัมมาเป็นชุมชนหรือหมู่บ้านเช่นชุมชนแฟตน่ะครับ
ชั้นสูงขึ้นมาก็อาจจะยกระดับขึ้นมาเป็นอพาร์ทเมนต์คือคอนโด สูงขึ้นมาอีกก็ยกระดับเหมือนชุมชนบ้านทาวเฮาส์ สูงขึ้นอีดก็อาจอยู่ในระดับผู้มีเงินอยู่บ้านเดี่ยวทำนองนี้น่ะครับ
อันนี้แค่ยกตัวอย่างเปรียบเทียบกับความเป็นอยู่ในโลกมนุษย์นะครับ หวังว่าคงเข้าใจ งิงิ
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#6
โพสต์เมื่อ 14 September 2006 - 01:49 PM
สวรรค์ ยิ่งสูงก็ยิ่งสบาย
ระดับภุมมเทวา ก็คล้ายโลกมนุษย์ มีรวยจนตามกำลังบุญ ระดับเศรษฐีก็สุขสบาย แต่ไม่เท่าพวกที่อยู่สวรรค์ชั้นสูงๆ ( ซึ่งก็สบายตามกำลังบุญเช่นกัน )ขึ้นไปหรอกค่ะ
#7
โพสต์เมื่อ 14 September 2006 - 02:03 PM
โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน
นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ . . . ฯ ๑๖๐ ฯ
เราต้องพึ่งตัวเราเอง
คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
บุคคลผู้ฝึกตนดีแล้ว
ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้แสนยาก
Oneself indeed is master of oneself,
Who else could other master be?
With oneself perfectly trained,
One obtains a refuge hard to gain
#8
โพสต์เมื่อ 14 September 2006 - 02:25 PM
ก่อนอื่นนะครับ ตามที่ได้ฟังหลวงพ่อท่านสอนมา ผมเข้าใจเอาเองนะครับว่า ภุมมเทวานั้นเปรียบเสมือนมนุษย์เรา เพราะอยู่ในภพภูมิเดียวกัน แตกต่างกันคือกายละเอียดกับหยาบเท่านั้น ดังนั้นในความคิดด้วยสติปัญญาอันน้อยนิดของผมเข้าใจว่าภุมมเทวาไม่ได้แตกต่างกับมนุษย์เท่าไหร่นัก นั่นคือมีทั้งพวกที่เชื่อในเรื่องบุญและบาป กับอีกพวกคือไม่เชื่อในเรื่องนี้ แบบว่าตายไปก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองตาย ยังไม่รู้ว่าตัวเองได้เปลี่ยนไปอยู่อีกภพแล้วจึงยังมีความคิดแบบมนุษย์อยู่ เพราะฉนั้นพวกที่ไม่เชื่อเรื่องบุญเรื่องบาปอันนี้คงไม่ต้องพูดถึงนะครับ
แต่สำหรับกลุ่มที่เชื่อเรื่องบุญเรื่องบาป จะมีวิธีเพิ่มบุญให้กับตัวเองเหมือนกับเทวดาชั้นสูง(ตามที่ได้เรียนมาจากคุณครูไม่ใหญ่นะครับ) คือคอยอนุโมทนา อารักขา และส่งเสริม ผู้ที่ตั้งใจประพฤติ ปฏิบัติธรรม หรือผู้ที่ชอบทำความดี เหมือนอย่างกรณีคุณแคแสดที่พนาวัฒน์น่ะครับ หรือรอให้ผู้ที่ไปประพฤติปฏิบัติธรรมทำความดีมาแล้วแบ่งบุญให้ หรือได้รับบุญจากการแผ่เมตตาของบุคคลเหล่านี้ ก็จะทำให้ชีวิตของภุมมะเทวาเหล่านี้มีความเป้นอยู่ที่ดีขึ้นครับ
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#9
โพสต์เมื่อ 14 September 2006 - 02:45 PM
ถ้ายากจนมากๆ ก็ลำบากทั้งกายและใจ น่ะครับ เพราะต้องอดอยากด้วย และทุกข์ใจด้วย
ถ้าร่ำรวย ก็อาจจะลำบากเฉพาะทางใจ ที่เมื่อเห็น รุกขเทวา และอากาศเทวา ที่เขามีความเป็นอยู่เลิศเลอกว่า
ส่วนอากาศเทวาขึ้นไป
เรื่องอดอยากลำบากทางกายจะไม่มีแล้ว จะมีก็เฉพาะลำบากทางใจน่ะครับ
#10
โพสต์เมื่อ 14 September 2006 - 05:03 PM
#11
โพสต์เมื่อ 14 September 2006 - 05:26 PM
1. กำลังบุญ ถึงขั้นที่จะได้ไปอยู่ภพภูมิใหม่ และมีความปรารถนาที่จะไปอยู่ภพภูมิใหม่ ยกตัวอย่าง ก็เช่น พญานาคคำโพธิราช เป็นถึงพระโพธิสัตว์ มีกำลังบุญมากมาย เจ้าของเคสก็ทำบุญส่งไปอีกมากมาย แต่เจ้าตัวยังอยากเป็นผู้ปกครองภพพญานาคต่อไป ดังนั้น จึงไม่ยอมเปลี่ยนภพ หรือ บางเคส ที่ภรรยามีกำลังบุญไปอยู่ดาวดึงส์ได้ แต่ไม่ขอเปลี่ยนภพ ยังคงยอมเป็นภูมิเทวา อยู่กับสามีต่อไป เป็นต้น
2. กำลังบุญ ถึงขั้น และนึกถึงบุญนั้นได้ ยกตัวอย่าง ก็เช่น พระนางมัลลิกา สร้างบุญใหญ่สุดยอดมากมาย เช่น อสทิสทาน ทานที่ไม่มีใครเสมอเหมือน แต่ก่อนตายนึกถึงกรรมที่ลอบเป็นชู้ ตกนรก อยู่ในนรกไม่กี่วัน นึกถึงบุญได้ จึงขึ้นสวรรค์ทันที
3. วิบากกรรมของภพนั้นเบาบางใกล้จะหมด ก็เช่น สัตว์นรกหมดกรรมจากนรก ไปเกิดเป็นเปรต เดรัจฉาน อสุรกาย มนุษย์ เป็นต้น
และกำลังบุญจะถึงขั้นได้ นั้น ก็ประกอบด้วย บุญในอดีตที่ทำมา รวมกับบุญอุทิศจนมีกำลังบุญมากพอ แล้วไม่ปรารถนาอยู่ที่เดิม ก็จะเปลี่ยนภพภูมิได้ครับ
#12
โพสต์เมื่อ 14 September 2006 - 06:21 PM
กับพระที่เพิ่งออกจากนิโรธสมาบัติ
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์
#13
โพสต์เมื่อ 15 September 2006 - 11:31 AM
อีกอย่าง บางท่านอาจถามอีกว่า งั้นก็ทำทานกับเทวดาด้วยกันก็ได้นี่ เช่น สมมุติเราเป็นเทพบุตรมีแหวน 100 วง เพื่อนเทวดา ไม่มีแหวน เลย ยกให้เขา 1 วง ถามว่า ทำงี้ได้บุญมั้ย
คำตอบ คือ ไม่ได้บุญครับ ทำไมล่ะ เพราะเมื่อยกแหวนให้ ทันทีที่แหวนหลุดจากมือไป แล้วเทพอีกฝ่ายรับไว้ พอรับไว้ปุ๊บแหวนนั้น จะหายจากมือเขา กลับมาอยู่ที่มือเราทันที เพราะเขาไม่มีบุญรองรับแหวนนั้นน่ะครับ ดังนั้น จึงไม่มีการให้เกิดขึ้น เราจึงไม่ได้บุญด้วยประการฉะนี้แล
#14
โพสต์เมื่อ 15 September 2006 - 02:41 PM
กับพระที่เพิ่งออกจากนิโรธสมาบัติ
- -ล พูดยังกับเป็นภุมมเทวาไปซะแล้วนะครับ งิงิ

2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#15
โพสต์เมื่อ 15 September 2006 - 04:34 PM
#16
*สัมมา*
โพสต์เมื่อ 28 February 2011 - 08:21 AM