
อบายมุขมีอะไรบ้างคะ
#1
โพสต์เมื่อ 26 October 2006 - 04:15 PM
#2
โพสต์เมื่อ 26 October 2006 - 04:22 PM
1. ดื่มน้ำเมา
2. เที่ยวกลางคืน
3. เที่ยวดูการละเล่น
4. เล่นการพนัน
5. คบคนชั่วเป็นมิตร
6. เกียจคร้านในการทำงาน
อบาย แปลว่า ความเสื่อม ความฉิบหาย
มุข แปลว่า ปาก, หน้า
อบายมุข จึงแปลว่า ปากทางแห่งความเสื่อมความฉิบหาย
การเกี่ยวข้องกับอบายมุข จึงเป็นหนทางไปสู่การประกอบอาชญากรรมได้อย่างง่ายดาย
อ่านรายละเอียดจากผู้รู้มากยิ่ง ๆ ขึ้นค่ะ (เพิ่งหาเจอ)
http://www.dmc.tv/fo....php/t5030.html
#3
โพสต์เมื่อ 26 October 2006 - 04:35 PM
แล้วคุณบุญโตล่ะคะ ผิดข้อไหนบ้างเอ่ย หรือไม่ผิดเลย
น้อมเศียรเกล้า...น่าจะผิดข้อ 6 เกียจคร้าน เป็นบางครั้ง
เรามาวิเคราะห์กันเถอะ คนละข้อก็ได้ (เชิญท่านอื่นด้วย) ว่าผิดข้อไหนมีผลเสียอย่างไร
น้อมเศียรเกล้ามีเพื่อนคนหนึ่งดีมากๆ เข้าวัดด้วย แต่ชอบเที่ยวกลางคืน ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่ติดหญิง ถามว่า..
เขาจะเสี่ยงอย่างไรบ้าง
#4
โพสต์เมื่อ 26 October 2006 - 04:41 PM
#5
โพสต์เมื่อ 26 October 2006 - 04:48 PM
ส่วนคบคนพาลนั่น น้อมเศียรเกล้าวิเคราะห์ว่า หนักสุดเลย สามารถพัฒนาความชั่วได้อีกหลายอย่าง
ไม่เอา ไม่เอา เราลูกหลวงพ่อ ต้องไม่ไปเสี่ยงกับอะไรแบบนั้น
#6
โพสต์เมื่อ 26 October 2006 - 05:05 PM
อบายมุข ช่องทางของความเสื่อม, เหตุเครื่องฉิบหาย, เหตุย่อยยับแห่งโภคทรัพย์, ทางแห่งความพินาศ
มี ๔ อย่าง คือ
๑. เป็นนักเลงหญิง
๒. เป็นนักเลงสุรา
๓. เป็นนักเลงการพนัน
๔. คบคนชั่วเป็นมิตร;
อีกหมวดหนึ่งมี ๖ คือ
๑. ติดสุราและของมึนเมา
๒. ชอบเที่ยวกลางคืน
๓. ชอบเที่ยวดูการเล่น
๔. เล่นการพนัน
๕. คบคนชั่วเป็นมิตร
๖. เกียจคร้านการงาน
อนุโมทนาครับ
#7
โพสต์เมื่อ 26 October 2006 - 05:17 PM
อันตรายที่สุดครับ
#8
โพสต์เมื่อ 26 October 2006 - 05:21 PM
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี
#9
โพสต์เมื่อ 26 October 2006 - 07:54 PM
#10
โพสต์เมื่อ 26 October 2006 - 08:03 PM
(๑๙๔) อบายมุข ๖
(ช่องทางของความเสื่อม, ทางแห่งความพินาศ, เหตุย่อยยับแห่งโภคทรัพย์
- causes of ruin; ways of squandering wealth)
๑. ติดสุราและของมึนเมา
(addiction to intoxicants)
มีโทษ ๖ คือ
๑) ทรัพย์หมดไปๆ เห็นชัดๆ
๒) ก่อการทะเลาะวิวาท
๓) เป็นบ่อเกิดแห่งโรค
๔) เสียเกียรติเสียชื่อเสียง
๕) ทำให้ไม่รู้อาย
๖) ทอนกำลังปัญญา
a) actual loss of wealth

d) liability to disease
e) indecent exposure
f) weakened intelligence.
๒. ชอบเที่ยวกลางคืน
(roaming the streets at unseemly hours)
มีโทษ ๖ คือ
๑) ชื่อว่าไม่รักษาตัว
๒) ชื่อว่าไม่รักษาลูกเมีย
๓) ชื่อว่าไม่รักษาทรัพย์สมบัติ
๔) เป็นที่ระแวงสงสัย
๕) เป็นเป้าให้เขาใส่ความหรือข่าวลือ
๖) เป็นทางมาของเรื่องเดือดร้อนเป็นอันมาก
a) He himself is without guard and protection.

c) So also is his property.
d) He is liable to be suspected of crimes.
e) He is the subject of false rumors.
f) He will meet a lot of troubles.
๓. ชอบเที่ยวดูการละเล่น
(frequenting shows)
มีโทษ โดยกายงานเสื่อมเสียเพราะใจกังวลคอยคิดจ้อง
กับเสียเวลาเมื่อไปดูสิ่งนั้นๆ ทั้ง ๖ กรณี คือ
๑) รำที่ไหนไปที่นั้น
๒-๖) ขับร้อง-ดนตรี-เสภา-เพลง-เถิดเทิงที่ไหน ไปที่นั่น
(He keeps looking about to see)
a) Where is there dancing ?
b-f) Where is there singing ?
-choral music?-story-telling?-cymbal playing?-tam-tams?
๔. ติดการพนัน
(indulgence in gambling)
มีโทษ ๖ คือ
๑) เมื่อชนะย่อมก่อเวร
๒) เมื่อแพ้ก็เสียดายทรัพย์ที่เสียไป
๓) ทรัพย์หมดไปๆ เห็นชัดๆ
๔) เข้าที่ประชุม เขาไม่เชื่อถือถ้อยคำ
๕) เป็นที่หมิ่นประมาทของเพื่อนฝูง
๖) ไม่เป็นที่พึงประสงค์ของผู้ที่จะหาคู่ครองให้ลูกของเขา
เพราะเห็นว่าจะเลี้ยงลูกเมียไม่ไหว
a) As winner he begets hatred.

c) There is actual loss of wealth.
d) His word has no weight in an assembly.
e) He is scorned by his friends and companions.
f) He is not sought after by those who want to marry their daughters,
for they would say that a gambler connot afford to keep a wife.
๕. คบคนชั่วเป็นมิตร
(association with bad companions)
มีโทษ โดยนำให้กลายไปเป็นคนชั่วอย่างคนที่ตนคบทั้ง ๖ ประเภท
คือ ได้เพื่อนที่จะนำให้กลายเป็น
๑) นักการพนัน (gamblers)
๒) นักเลงหญิง (rakes; seducers)
๓) นักเลงเหล้า (drunkards)
๔) นักลวงของปลอม (cheater with false things)
๕) นักหลอกลวง (swindlers)
๖) นักเลงหัวไม้ (men of violence)
๖. เกียจคร้านการงาน
(habit of idleness)
มีโทษ โดยทำให้ยกเหตุต่างๆ เป็นข้ออ้างผัดเพี้ยนไม่ทำการงาน
โภคะใหม่ก็ไม่เกิด โภคะที่มีอยู่ก็หมดสิ้นไป คือให้อ้างไปทั้ง ๖ กรณีว่า
๑-๖ หนาวนัก-ร้อนนัก-เย็นไปแล้ว-ยังเช้านัก-หิวนัก-อิ่มนัก แล้วไม่ทำการงาน
a-f) He always makes an excuse that it is too cold,
- too hot, - too late, - too early, he is too hungry,
- too full and does no work.
อบายมุขหมวดนี้ ตรัสแก่สิงคาลกมาณพ ก่อนตรัสเรื่องทิศ ๖
D.III.182-189. ที.ปา.๑๑/๑๗๘-๑๘๔/๑๙๖-๑๙๘.
ไฟล์แนบ
#11
โพสต์เมื่อ 26 October 2006 - 08:18 PM
#12
โพสต์เมื่อ 26 October 2006 - 09:13 PM
#13
โพสต์เมื่อ 26 October 2006 - 11:27 PM
พระอุทิศกายใจทำไมหนอ
เพียงลำพังพระเองก็สุขพอ
ใยต้องรอผองเราเข้าถึงธรรม
สุนทรพ่อ
I Love You หลายเด้อ
#14
โพสต์เมื่อ 28 October 2006 - 06:22 PM
-------------------------------
ภูเขาศิลาล้วนย่อมตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวเพราะแรงลมฉันใด
ผู้ที่ทำนิพพานให้แจ้งแล้ว ก็ย่อมมีจิตตั้งมั่น
ไม่หวั่นไหวในโลกธรรมทั้งหลายฉันนั้น
(พุทธพจน์)
ผู้ที่ทำนิพพานให้แจ้งแล้ว ก็ย่อมมีจิตตั้งมั่น
ไม่หวั่นไหวในโลกธรรมทั้งหลายฉันนั้น
(พุทธพจน์)