เพิ่มเติมนิดนึงว่า ผมผูกคำถามนี้ขึ้นมาเพราะวันหนึ่งข้างหน้า เราคงต้องเจอคำถามนี้บ้างล่ะ เพราะเมื่อก่อนที่จะเข้ามาที่วัดพระธรรมกาย ผมเคยบวชอยู่ที่อื่นมาแล้ว และหลวงน้าที่บวชด้วยกันที่วัดนั้น ท่านก็มาร่วมอยู่ธุดงค์มาฆบูชาแล้วกลับมาเล่าให้ฟัง แล้วก็ตั้งข้อสังเกตไว้ ดังปัญหาที่ผมได้ตั้งไว้ แต่เอาไว้ช่วงบ่ายๆ ผมจะมาเฉลยคำตอบในใจที่คิดว่า "เหมาะสม" ครับ
ทำไม..พระที่วัดพระธรรมกาย จึงไม่ลงอุโบสถวันมาฆบูชา?
#1
โพสต์เมื่อ 06 November 2006 - 06:27 PM
เพิ่มเติมนิดนึงว่า ผมผูกคำถามนี้ขึ้นมาเพราะวันหนึ่งข้างหน้า เราคงต้องเจอคำถามนี้บ้างล่ะ เพราะเมื่อก่อนที่จะเข้ามาที่วัดพระธรรมกาย ผมเคยบวชอยู่ที่อื่นมาแล้ว และหลวงน้าที่บวชด้วยกันที่วัดนั้น ท่านก็มาร่วมอยู่ธุดงค์มาฆบูชาแล้วกลับมาเล่าให้ฟัง แล้วก็ตั้งข้อสังเกตไว้ ดังปัญหาที่ผมได้ตั้งไว้ แต่เอาไว้ช่วงบ่ายๆ ผมจะมาเฉลยคำตอบในใจที่คิดว่า "เหมาะสม" ครับ
#2
โพสต์เมื่อ 06 November 2006 - 08:41 PM
#3
โพสต์เมื่อ 07 November 2006 - 02:50 AM
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย
ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ
#4
โพสต์เมื่อ 07 November 2006 - 08:12 AM
#5
โพสต์เมื่อ 07 November 2006 - 12:23 PM
ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุด ย่อมเป็นผู้ที่สุภาพนุ่มนวลที่สุด
#6
โพสต์เมื่อ 07 November 2006 - 02:18 PM
1. โอวาทปาฏิโมกข์ 2. อาณาปาฏิโมกข์
โอวาทปาฏิโมกข์
โอวาทปาฏิโมกข์ทรงแสดงครั้งแรกที่พระเวฬุวันเมื่อคราวมาฆบูชา เป็นการประกาศอุดมการณ์ หลักการ และวิธีการในพุทธศาสนา ซึ่งมีความอัศจรรย์ที่เราเรียกกันว่า จาตุรงคสันนิบาต หลังจากนั้น..ก็ยังทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์มาตลอดในช่วง ๒๐ พรรษาในยุคปฐมโพธิกาล (แต่ในยุคหลังๆ จะไม่มีจาตุรงคสันนิบาต) จนกระทั่งวันหนึ่ง เหตุเกิดที่วัดปุพพาราม มีภิกษุทุศีล (เข้าใจว่าต้องอาบัติปาราชิก) ปนเปอยู่ในบริษัทภิกษุ พระองค์แม้จะถูกอารธนาให้ทรงแสดงปาฏิโมกข์ ก็ไม่ทรงแสดง ในที่สุดพระมหาโมคคัลลานะใช้ญาณของท่านตรวจดูจึงรู้ว่า ภิกษุบริษัทไม่บริสุทธิ์จึงต้องไปฉุดภิกษุทุศีลนั้นออกจากที่ประชุมสงฆ์ พระองค์ก็เลยตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย ตั้งแต่บัดนี้ไป เราจักไม่ทำอุโบสถ จักไม่แสดงปาฏิโมกข์ ภิกษุทั้งหลาย ตั้งแต่บัดนี้ไป พวกเธอพึงทำอุโบสถ พึงแสดงปาฏิโมกข์กันเอง ไม่ใช่ฐานะ ไม่ใช่โอกาสที่พระตถาคตจะทำอุโบสถ แสดงปาฏิโมกข์ในบริษัทที่ไม่บริสุทธิ์” จากนั้นเป็นต้นมา ภิกษุสงฆ์จึงทำอุโบสถ และแสดงปาฏิโมกข์กันเอง
อาณาปาฏิโมกข์
อาณาปาฏิโมกข์ เป็นปาฏิโมกข์ที่พระพุทธเจ้ามีพุทธานุญาตให้ภิกษุบริษัทได้แสดงกันเอง ทุกๆ วันเต็มทั้งชุณหปักข์(วันเพ็ญ)และกาฬปักข์(เดือนมืด) โดยหลักก็คือ ทบทวนตรวจตราความบริสุทธิ์ของศีล 227 ข้อของตนๆ โดยมีภิกษุผู้มีความรู้ สามารถทรงพระปาฏิโมกข์ได้แสดง(สวด)ปาฏิโมกข์ทั้ง 227 ข้อให้ภิกษุบริษัทได้ทบทวนศีลวัตรของตน
ทีนี้ ในเรื่องของปาฏิโมกข์นั้น เฉพาะอาณาปาฏิโมกข์ ถ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในแต่ละยุค ไม่ได้บัญญัติสิกขาบทไว้ (เพราะภิกษุบริษัทยุคนั้นบริสุทธิ์มาก) ก็จะทรงแสดงแต่โอวาทปาฏิโมกข์เท่านั้น
ส่วนการฟังพระปาฏิโมกข์ของภิกษุนั้นมีบัญญัติว่า ในวิหารหนึ่ง ๆ จะมีการแสดงปาฏิโมกข์ได้ครั้งเดียวเท่านั้น ในวันมาฆบูชานั้นที่วัดเราจะมีมหาสันนิบาตที่ลานธรรมบ้าง และที่ธรรมกายเจดีย์ในระยะหลัง ในขณะที่เวียนปทักษิณรอบเจดีย์ นอกจากจะมีการสวดสรรเสริญคุณพระรัตนตรัยแล้ว คณะสงฆ์ส่วนหนึ่ง ยังมีการสวดบท “โอวาทปาฏิโมกข์”ด้วย เพื่อระลึกถึงความสำคัญของวันมาฆบูชานั่นเอง และการฟังได้ฟังบทสวดบทนี้เอง จึงถือเป็นการอนุโลมว่าฟังโอวาทปาฏิโมกข์ของพระบรมศาสดาโดยผ่านคณะสงฆ์นั่นเอง เพราะเหตุผลสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ ในยุคพุทธกาลก็คือ เมื่อมีการแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ ก็จะไม่มีการแสดงอาณาปาฏิโมกข์
สำหรับใครที่ค้นหาข้อมูลได้เพิ่มเชิญเลยนะครับ
#7
โพสต์เมื่อ 07 November 2006 - 04:56 PM
อนุโมทนา สาธุกับ คุณ Tanay007 ด้วยครับ
ขอเพิ่มความรู้และทัศนะอีกนิดครับ
หากมีเรื่องใด ยังไม่ถูกต้อง ขอความกรุณาทักท้วง ด้วยนะครับ สาธุ
เมื่อกล่าวถึงเรื่องการลงอุโบสถ เพื่อทบทวนตรวจตราความบริสุทธิ์ของศีล 227 ข้อของเหล่าภิกษุนั้น
( อาณาปาฏิโมกข์ )
ในปัจจุบัน เป็นที่ยอมรับและอนุโลมเรียกกันว่า ภิกษุลงปาฏิโมกข์ ได้เช่นกัน
โดยมีภิกษุ 1 รูปทรง( สวด ) ภิกขุปาฏิโมกข์ทั้ง 227 ข้อ และ
มีภิกษุอีก 1 รูป เปิดคัมภีร์เพื่อตรวจทาน ความถูกต้องอักขระ
หากภิกษุผู้ทรงปาฎิโมกข์ สวดข้ามบางคำ ลืมบางคำ หรือ ออกเสียงอักขระ ไม่ชัดเจน
ภิกษุผู้ตรวจทาน ก็จะแจ้งให้ทราบ คือ
พูดทักท้วงเดี๋ยวนั้น ว่า ตกหล่นบางคำ หรือออกเสียงยังไม่ถูกต้อง
วัดต่างๆ ก็มีการ ลงปาฏิโมกข์ กันทุกปักษ์ ( กึ่งเดือน ) หรือ ทุกเดือน
ตามแต่ความพร้อมของแต่ละวัด
เช่น
- บางวัดไม่มีภิกษุที่สามารถ ทรง ( สวด ) ปาฎิโมกข์ได้
ก็อาจต้องไปวัดใกล้เคียง ที่มีการลงปาฏิโมกข์
- ในถิ่นทุรกันดารมาก ๆ หรือสำหรับพระธุดงค์ อาจไม่สะดวกลงปาฏิโมกข์
กันทุกปักษ์ หรือ ทุกเดือน ก็ปรับกันตามความเหมาะสม
และหากภิกษุรูปใดติดศาสนกิจจริง ๆ หรือ อาพาธ ( ป่วย ) ก็จะไม่ได้ลงอุโบสถ
แต่ท่านก็จะใช้ วิธีมอบฉันทะ ฝากเพื่อนภิกษุ ไปแจ้งที่ประชุมสงฆ์ได้
คล้ายกับ การมอบฉันทะ ให้ผู้อื่นไปติดต่อทางราชการ แทนตัวเรา น่ะครับ
สำหรับวัดพระธรรมกาย มีภิกษุร่วม พันรูป
และภิกษุส่วนใหญ่มีศาสนกิจ ที่ต้องดูแลกันมากอยู่แล้ว
โดยเฉพาะวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เช่น วันมาฆะปุณมี วิสาขปุณมี
และวันงานบุญใหญ่ที่ ตรงกับวันที่ต้องลงปาฏิโมกข์
ก็จะมีการปรับเวลา ในการลงอุโบสถ หรือ ลงปาฏิโมกข์
เช่น
ในวันมาฆะบูชา มีพิธีภาคค่ำ ณ มหาธรรมกายเจดีย์
เหล่าภิกษุ ก็อาจลงอุโบสถ หรือ ลงปาฏิโมกข์ ในช่วงเช้า ( 8.30 – 10.30 น. )
และในวันวิสาขบูชา พิธีงานบุญเสร็จช่วงเย็น
แบบนี้ ก็ลงอุโบสถ หรือ ลงปาฏิโมกข์ ในช่วงก่อนค่ำได้
อ้อ ส่วนวันทอดกฐิน สามัคคี นั้นทุกปี หลังเสร็จพิธีทอดกฐินสามัคคีแล้ว
เหล่าภิกษุ ก็ต้องลงอุโบสถ เพื่อทำพิธีกรานกฐิน ตามพระบรมพุทธานุญาต
และปีนี้วันทอดกฐินสามัคคีของวัดพระธรรมกาย ตรงกับวันเพ็ญ พอดี
จึงพิเศษ คือ มีทั้งพิธีกรานกฐิน และ ลงปาฏิโมกข์ด้วย
( ตามความเข้าใจของผมนะครับ )
แต่เดิมเหล่าภิกษุวัดพระธรรมกาย ก็ลงอุโบสถ หรือ ลงปาฏิโมกข์ ช่วงค่ำ ตามประเพณีนิยม
ต่อมามีจำนวนภิกษุเพิ่มมากขึ้น จนพื้นที่ในอุโบสถ ไม่พอนั่ง
จนล้นออกมานั่งกันบริเวณระเบียงรอบนอก ( แต่ยังอยู่ในเขตพัทธสีมา )
เรื่องการกระจายเสียง นั้นไม่มีปัญหาครับ แต่
เรื่อง กองทัพยุง ตัวโตๆ นี่สิครับ
ทำให้ภิกษุที่นั่งนอกตัวโบสถ์ ถูกยุงกัดกันมาก
ช่วงไหนมีโรคเกี่ยวกับยุง ก็ต้องเสี่ยงได้รับเชื้อร้ายไปด้วย
และอีกอย่าง ลองนึกดูนะครับ
นั่งฟัง ภิกษุผู้ทรง พระปาฏิโมกข์ ไป ยุงกัดไป กัดทีละหลายๆตัว
แบบนี้ก็ไม่ค่อยมีสมาธิ ในการฟัง ภิกขุปาฏิโมกข์ หรอกครับ
นี่คือ ความจริง
ดีไม่ดีเผลอปัดยุงตาย อีก ก็ยิ่งไปกันใหญ่
เพราะฉะนั้น วัดพระธรรมกาย จึงต้องปรับเวลาลงปาฏิโมกข์ ในช่วงเช้าดังที่กล่าวมา
มีเรื่องที่น่าปีติยินดี ที่น่ารู้ครับ คือ
แม้การสวด ภิกขุปาฏิโมกข์ จะเป็นเรื่องยากและท้าทายความจำ ความสามารถอย่างมาก
ถ้าสวดอย่างเร็ว 30 – 40 นาที ก็สวดจบบท
แต่ถ้าสวดช้าแบบ ทำวัตรเช้า เย็น ผมว่า 2 ชั่วโมงคงสวดจบมั้งครับ
แต่เหล่าภิกษุวัดพระธรรมกาย โดยเฉพาะภิกษุบวชใหม่ จะมีทุกรุ่นและทุกปี
ที่ฝึกสวด ภิกขุปาฏิโมกข์กันตั้งแต่เป็น นาคธรรมทายาท
หรือแม้ภิกษุธรรมทายาท ที่บวชหลายพรรษา กำลังรอคิว ขึ้นสวด
หรือเคยขึ้นสวดแล้ว ท่านก็จะทบทวนกันเสมอ
หากร้างไปนาน ก็ลืมเลือนได้ เพราะเนื้อหายาวมาก
มีเวลาที่สะดวก ก็ฝึกสวดกัน ยิ่งตอนเดินบิณฑบาต
มีเวลาร่วมชั่วโมงให้ทบทวนบทสวดภิกขุปาฏิโมกข์
และเนื่องจากภิกษุของวัดพระธรรมกายมีจำนวนมาก
แต่ในรอบ 1 ปี มีการลงอุโบสถหรือ ลงปาฏิโมกข์ ทุกกึ่งเดือน คือ ราว 26 ครั้ง / ปี
นั่นคือ จะมีภิกษุเพียง 26 รูป/ปี เท่านั้น ที่รับบุญใหญ่ในการ ทรงพระปาฏิโมกข์
ดังนั้นจึงมีคิวจอง ขอทรงพระปาฏิโมกข์กันข้ามปี เลยนะครับ
แสดงถึงความเอาใจใส่ในเรื่อง พระธรรมวินัยของภิกษุวัดพระธรรมกาย
น่าแช่มชื่นใจนะครับ สาธุ ๆ ๆ
พระเดชพระคุณหลวงพ่อ เคยปรารภ เรื่องการขยายอุโบสถ ให้ใหญ่ขึ้น
ทั้งนี้ก็เพราะ จำนวนภิกษุเพิ่มขึ้นมากดังกล่าว
เมื่อใดที่ท่าน กำหนดขยายอุโบสถ
ที่อุปมาเหมือน ที่ประทับของพระบรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้า
และเป็นสถานที่ให้กำเนิด ภิกษุ ในวันอุปสมบท
ก็มาร่วมบุญกับพระเดชพระคุณท่าน กันนะครับ สาธุ
สุดท้าย มีบทกวี มาฝากไว้ครับ
รากแก้วพุทธศาสน์
ปาฏิโมกข์ ดุจรากแก้ว พุทธศาสน์
ให้องอาจ ปราศหม่นหมอง คลองวิถี
บริสุทธิ์ งดงาม กายวจี
ตัวเรานี้ เข้าสู่กลาง ทางนิพพาน
โปรดศึกษา รายละเอียด ให้ชัดแจ้ง
ช่วยขจัด สงสัย เมื่อใครขาน
เป็นต้นแบบ ไร้มลทิน สิ้นภัยพาล
เพื่อสืบสาน ธรรมวินัย สดใสเอย.
จากคู่มือ ภิกขุปาฏิโมกข์ ฉบับวัดพระธรรมกาย
จัดพิมพ์เนื่องในมงคลสมัย วันคล้ายวันเข้าถึงพระธรรมกาย
ของพระมงคลเทพมุนี ( สด จนฺทสโร )
เพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10
วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พุทธศักราช 2539
#8
โพสต์เมื่อ 07 November 2006 - 05:44 PM
#9
โพสต์เมื่อ 07 November 2006 - 09:08 PM
ชาตินี้ไม่ค่อยได้รู้เท่าไหร่ ความรู้ของเก่าลืมไปแล้วด้วยอะค่ะ อิอิ
อย่างนี้ต้องให้พี่ที่รู้ช่วยทบทวนความรู้ให้ค่ะ อนุโมทนาบุญนะคะ
ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุด ย่อมเป็นผู้ที่สุภาพนุ่มนวลที่สุด
#10
โพสต์เมื่อ 07 November 2006 - 10:50 PM
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี
#11
โพสต์เมื่อ 08 November 2006 - 12:03 AM
#12
โพสต์เมื่อ 08 November 2006 - 02:21 AM
เคยโพสเอาไว้ในกระทู้เก่า
http://www.dmc.tv/fo...a...ost&id=7117
(เป็นไฟล์ pdf ขนาด 436KB)
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)
#13
โพสต์เมื่อ 08 November 2006 - 11:35 AM
#14
โพสต์เมื่อ 08 November 2006 - 12:35 PM












