
*********************************
คลื่นสึนามิ
พัดพาพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ข้ามทะเลออกไป ๑,๐๐๐ กิโลเมตร
แปลโดย Ning Yellow อาสาหนุ่มสาวชาวพุทธ
*********************************
เมืองทามิล นาดุ อินเดีย - กลางเดือนธันวาคม พระพุทธรูป ๕ นิ้วซึ่งเป็นลักษณะ ของพระพุทธรูปในพม่า ถูกนำไปวางบนชั้นที่ถูกประดับตกแต่ง และมัดกับแพไม้ไผ่ จากนั้นถูกนำไปลอยในแม่น้ำ อิระวดี เพื่อจะได้ลอยผ่านสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ขับไล่ความชั่วร้าย พระพุทธรูปได้ลอยจนถึงปากแม่น้ำ และหนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้นก็เกิดคลื่นยักษ์สึนามิ
ผ่านไป ๙ วัน พระพุทธรูปถูกพัดออกไป ๑,๐๐๐ กิโลเมตร ชาวประมงในทามิล นาดุ สังเกตเห็นแพลอยมาเกยฝั่ง กระดาษฟอยล์ที่ใช้ประดับตกแต่ง ทอแสงระยิบระยับกลางแสงอาทิตย์ ผู้ชาย ๙ คนลงเรือไปสำรวจและนำแพไม้ไผ่ซึ่งถูกมัดติดกันด้วยเชือกตากผ้าพลาสติก และมีกระดาษฟอยล์ที่ทำเป็นรูปดอกไม้ติดประดับอยู่ ผู้โดยสารเพียงหนึ่งเดียวบนแพนั้นคือรูปทรงทำด้วยโลหะนั่งขัดสมาธิบนแผ่นที่ดูเหมือนโลหะ และชั้นที่ดูเหมือนกระท่อมไม้ แจกัน ๓ ใบ เทียน ๑ เล่ม เหรียญจำนวนหนึ่ง และจีวรพระสีน้ำตาลแดงซึ่งมีคำว่า "พม่า" เขียนไว้ และติดไว้บนแผ่นป้าย ถูกติดไว้ข้างๆพระพุทธรูป
ชาวบ้านในหมู่บ้าน Meyyurkuppam ซี่งเป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆในทามิล นาดุ ทางตอนใต้ของอินเดีย ไม่มีใครรู้ว่ารูปปั้นที่มาจากต่างประเทศนั้นคือรูปอะไร แต่ชาวตะวันตก ๒ คนบอกชาวบ้านว่ารูปปั้นนั้นเหมือนพระพุทธเจ้า ที่จริงแล้วรูปปั้นนั้นคือรูปแกะสลักรูปร่างอวบที่เรียกว่า Jalagupta ซึ่งชาวพุทธในพม่าบูชา ทุกอย่างบนแพไม้ไผ่ไม่เสียหายแม้เพียงเล็กน้อย และพระพุทธรูปยังมาถึงเวลาเดียวกับที่เหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในหมู่บ้าน Meyyurkuppam นั่นคือทุกคนในหมู่บ้านรอดชีวิตจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ ดังนั้นชาวบ้านจึงยืนกรานให้นำสิ่งที่ชาวฮินดูเรียกว่า "บุดด้า สวามิ" หรือ "พระพุทธเจ้าผู้มีปัญญา" ไปไว้ที่ใต้ต้นไทรที่ใหญ่ที่สุด มีผู้เชื่อว่าพระพุทธรูปที่ลอยมานี้ได้ปกป้องผู้อยู่อาศัย ๙๙๐ คน ในหมู่บ้าน Meyyurkuppum ดังนั้นพิธีบูชาที่จัดหลังเหตุการณ์สึนามิจึงเกิดขึ้น
พระในยุคใหม่รูปหนึ่งอ้างว่า พลังต่อต้านความชั่วร้ายของพระพุทธรูปทำให้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่กำลังเป็นที่ขัดแย้งกันอยู่นั้น ไม่ปล่อยรังสีไปตามแนวชายฝั่ง ทำให้ผู้รอดชีวิตจากคลื่น สึนามิไม่ป่วยเป็นมะเร็ง พนักงานเทคนิคที่โรงงานนิวเคลียร์อย่างน้อย ๓๐ คนที่อาศัยอยู่ใกล้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ในเมือง Kalpakkam สูญหายไปกับคลื่นสึนามิ แต่เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ไม่เสียหายแม้เล็กน้อย ชาวอินเดียมากกว่า ๑๖,๐๐๐ คน เสียชีวิตและสูญหายหลังจากคลื่นยักษ์เปลี่ยนรูปทรงของอ่าวเบงกอล แต่ไม่มีผู้เสียชีวิตในหมู่บ้าน Meyyurkuppam
"มันคือปาฏิหาริย์" หัวหน้าหมู่บ้าน Meyyurkuppum กล่าว "เราวางน้ำ ๑ แก้ว และดอกไม้ ๑ ดอก ไว้ข้างหน้าพระพุทธรูปทุกวัน" เราจะบูชาพระองค์เหมือนที่เราบูชาพระพุทธเจ้าหลายๆองค์ของเรา ชาวบ้านยอมรับพระองค์เป็นพระเจ้าของพวกเขา"
สัปดาห์ที่แล้ว มีพิธีชำระล้างรูปปั้นและสัญลักษณ์มงคลของชาวพุทธในพม่า ไทย ลาว กัมพูชา ศรีลังกา และตอนใต้ของจีน ในช่วงการเฉลิมฉลองปีใหม่ของชาวพุทธเถรวาท ซึ่งจัดเป็นเวลา ๓ วัน พระพุทธรูปแห่ง Meyyurkuppam ได้รับการสรงน้ำและมีการถวายของหวาน มีการประดับไฟสวยงามรอบๆพระเจ้าองค์ใหม่นี้ "เราจะเก็บรักษาพระองค์ไว้ที่นี่" N Padavattam ชาวเรือท้องถิ่นกล่าว "เรามีความสุขมากกับการมาของพระเจ้าองค์นี้"
"นี่เป็นเรื่องมหัศจรรย์" พระวิเวกจากกรุงเทพฯ กล่าว "พระพุทธศาสนามาถึงปากแม่น้ำของแม่น้ำต่างๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในศตวรรษที่ ๓ เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราช จักพรรดิของอินเดียส่งมิชชันนารีไปยัง Golden Land ตอนนี้ ทะเลได้นำพระพุทธศาสนากลับสู่ดินแดนต้นกำเนิดแล้ว
ในเดือนกุมภาพันธ์ สถานทูตพม่าในนิวเดลีส่ง K Gurumurthy จากหอการค้าอินโดจีน-พม่า มาตรวจสอบรูปเคารพโลหะ ที่ในตอนแรกร่ำลือกันว่าเป็นทองสัมฤทธิ์จากศตวรรษที่ ๑๗ เขาบอกนักข่าวว่า พระพุทธรูปองค์นี้มีค่าทางจิตใจ แต่เป็นแค่รูปแกะสลักธรรมดา ที่ลอยไปตามกระแสน้ำของแม่น้ำอิระวดี ในฤดูฝน แต่ไม่มีองค์ใดที่ลอยไกลข้ามทะเล พระพุทธรูปองค์เล็กๆองค์นี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องมงคล
ชาวบ้านของหมู่บ้าน Meyyurkuppam เห็นพ้องที่จะย้ายพระพุทธรูปองค์นี้ไปไว้ที่เจดีย์บนที่สูง เพราะกฎที่ออกมาหลังจากเกิดเหตุการณ์สึนามิ ห้ามก่อสร้างทุกอย่างภายในระยะ ๕๐๐ เมตรจากชายฝั่ง เมื่อรัฐบาลบริจาคที่ดินสำหรับก่อสร้างวัดใหม่ จะมีการสร้างที่ประดิษฐานพระพุทธรูปจากการบริจาคของประชาชนชาวพม่า ในระหว่างนี้ครอบครัวของชาวประมงสวดมนต์ให้ "พระพุทธเจ้าผู้มีปัญญา" องค์ใหม่นี้ทุกวัน