
ที่สุดแห่งธรรมกับพระศรีอารย์
#1
โพสต์เมื่อ 30 November 2006 - 09:57 AM
1.แล้วที่สุดแห่งธรรมนั้นอยู่ตรงช่วงเวลาไหน ถ้าถึงก่อนที่จะมีพระศรีอารย์ ก็หมายความว่าจะต้องไม่มีการเกิดอีกต่อไปซึ่งก็ต้องไม่มีใครมาเกิดอีกไม่มียุคพระศรีอารยด้วยใช่ไหม
2.ถ้าที่สุดแห่งธรรมนั้นอยู่หลังยุคของพระศรีอารย์ แล้วอยู่ก่อนหรือหลังสิ้นกัป ถ้าหลังสิ้นกัป พวกเราที่ไปอยู่ที่ดุสิต ก็ต้องแตกสลายไปก่อนที่จะถึงที่สุดแห่งธรรมใช่ไหม
ใครรู้จริงช่วยตอบให้กระจ่างด้วยค่ะ สงสัยมานาน
#2
โพสต์เมื่อ 30 November 2006 - 10:06 AM
ไฟล์แนบ
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์
#3
โพสต์เมื่อ 30 November 2006 - 10:50 AM
และสิ้นสุดคือระยะเวลาที่จบสิ้นวัฏะนั้น ยังไม่ได้
พระพุทธเจ้ามาบังเกิดแต่ละพระองค์ ได้มาโปรดสัตว์โลก เอาไปขึ้นฝั่งพระนิพพานครั้งละเป็นจำนวนมาก
แต่ถ้าเปรียบเทียบกับหมู่สัตว์ ที่เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏะนั้น เปรียบเป็นจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น
ถึงแม้เอาคนทั้งโลกไปสู่พระนิพพาน ก็ยังถือว่านิดเดียว เพราะพระพุทธองค์ทรงเทียบทำนองว่า จำนวนมนุษย์
ทั้งโลกรวมกันแล้ว มีปริมาณเปรียบดังกับ เมล็ดถั่วเขียว 1 เมล็ด เมื่อเทียบชีวิตที่อยู่ในภพภูมิต่างๆ ในจักรวาลนี้
ซึ่งเปรียบปริมาณดังเมล็ดถั่วเขียวที่อยู่เต็มยุ้งฉานที่ใหญ่โต
ดังนั้น ที่สุดแห่งธรรม คงยังยาวไกล แต่เป็นหนทางที่มีจุดหมายชัดเจน
#4
โพสต์เมื่อ 30 November 2006 - 10:51 AM
คือกับป์ที่เราอยู่นี่แหล่ะ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในกับป์ที่เราอยู่จะมี 5 พระองค์
ซึ่งผ่านไปแล้ว 4 พระองค์ พระองค์ต่อไป คือพระศรีอาริย์ ก็จะเป็นช่วงที่มนุษย์
ไขขึ้น คือเมื่อมนุษย์อายุไขเฉลี่ย 8หมื่นปี พระองค์ถึงจะเสด็จมาโปรดมนุษยชาติ
ซึ่งยังไม่ถึงที่สุดแห่งธรรมค่ะ หมู่คณะเราจะลงมาสร้างบารมีเป็นหมู่คณะ ก็คือตอนที่
เป็นรอยต่อของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ และตอนนี้ก็คือตอนอายุ ไขลงต่อแต่นี้
ไปมนุษย์ก็จะเสื่อมทรามศีลธรรม ลงไปเรื่อยๆ จนมนุษย์อายุ 10ขวบ ยุคสอยมะเขือ
กิน และหมู่คณะของเราก็จะไม่มาสร้างบารมี ในช่วงมนุษย์อายุ 10ขวบแน่ๆค่ะ
เพราะกิเลสหนา ขณาดนี้ สร้างบารมีเผยแผ่ธรรมะไม่ได้แน่ๆ เอาความรู้มาจาก
DOU และจากการวิเคราะห์จากความคิดของตัวเองด้วย ใครมีข้อคิดดีๆ ช่วย นักเรียน
อนุบาลจะว่าง่าย ให้รู้แจ้งด้วยค่ะ
#5
โพสต์เมื่อ 30 November 2006 - 11:28 AM
ก่อนอื่นต้องขอทำความเข้าใจกับคุณเจ้าของกระทู้ก่อนนะครับ การจะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้นั้น ต้องผ่านการสั่งสมบารมีอย่างตําที่สุดก็20อสงไขยแสนมหากัป กัปนึงก็เท่ากับระยะเวลาที่โลกเย็นตัวลง เริ่มมีชีวิต เริ่มร้อนและแตกดับ จนกระทั่งเย็นตัวลงใหม่ และการจะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแบบพระศรีอารย์นั้นต้องบำเพ็ญบารมีธรรมนานถึง80อสงขัยแสนมหากัปเลยทีเดียว ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงเลยครับว่าที่สุดแห่งธรรมนั้นจะต้องใช้เวลายาวนานแค่ไหนกว่าจะไปถึง ต้องสั่งสมบารมีมากแค่ไหนถึงจะปราบมารประหารกิเลสให้หมดไปจากภพ3ได้ คงไม่แค่ก่อนหรือหลังพระศรีอารย์หรอกนะครับ นี่เพราะเหตุนี้ไงครับ ที่ทำให้พวกเราลูกๆหลวงพ่อ หลานหลวงปู่ นับถือท่านทั้ง2เป็นอย่างมาก เพราะท่านมีมโนปฏิภาณที่ไม่มีใครกล้าคิด กล้าประกาศออกมาแบบนี้ไงครับ
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#6
โพสต์เมื่อ 30 November 2006 - 12:37 PM
2.ถ้าที่สุดแห่งธรรมนั้นอยู่หลังยุคของพระศรีอารย์ แล้วอยู่ก่อนหรือหลังสิ้นกัป ถ้าหลังสิ้นกัป พวกเราที่ไปอยู่ที่ดุสิต ก็ต้องแตกสลายไปก่อนที่จะถึงที่สุดแห่งธรรมใช่ไหม
หากจะเปรียบเวลาเป็นระยะทาง
- ยุคพระศรีอาริยะเมตไตย หรือ การสิ้นภัทรกัปนี้ อาจเป็นเพียงแค่เอื้อม
- ที่สุดแห่งธรรม นั้นไกลเกินกว่าจะเห็นฝั่ง แต่ว่าแม้จะยาวไกลเพียงใด ยังมีกลุ่มบุคคลที่จรรโลงมโนปณิธานอันยิ่งใหญ่ ปรารถนาไปสู่ที่สุดแห่งธรรมนี้
#7
โพสต์เมื่อ 30 November 2006 - 01:15 PM
การได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว ย่อมเที่ยงแท้แน่นอน นั่นหมายถึงที่สุดแห่งธรรมย่อมเกิดหลังจากการเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ที่ได้รับพุทธพยากรณ์ ครับ
#8
โพสต์เมื่อ 30 November 2006 - 03:37 PM
#9
โพสต์เมื่อ 30 November 2006 - 04:18 PM
แล้วถ้าหากกัปสิ้นสูญ แล้วสรรพสัตว์ต่างๆ ที่อยู่ต่ำกว่า ชั้นพรหมล่ะจะไปอยู่ที่ไหน
จากที่มีกล่าวในพระไตรปิฎก ประกอบกับการฟังผู้รู้มานะครับ เมื่อถึงเวลาที่กัปสิ้นสูญ ชีวิตที่อยู่ต่ำกว่าชั้นพรหม (บางชั้น) จะถูกทำลายจนตายทั้งหมด อ้าว แล้วตายแล้วไปไหนล่ะ อ๋อ ลมกรรม ก็จะหอบเอาสัตว์พวกนี้ ทั้งเทวดา สัตว์นรก ไปเกิดในจักรวาลที่กำลังเริ่มตั้งขึ้นใหม่ไงล่ะครับ เพราะภพสามมี อนันตจักรวาล ขณะที่เรากำลังอ่านอยู่นี้ ก็มีจักรวาลที่ดับไป และจักรวาลที่เกิดขึ้นใหม่ตลอดเวลา
และเมื่อจักรวาลนี้ถูกทำลายแล้ว ก็จะใช้เวลาช่วงหนึ่ง ก่อกำเนิดจักรวาลขึ้นมาใหม่ นานถึง 64 อันตรกัป เชียวนะครับ แล้วพอก่อกำเนิดจักรวาลขึ้นใหม่ล่ะ ลมกรรม ก็จะหอบเทวดา สัตว์นรกจากจักรวาวอื่นที่กำลังถูกทำลาย มาอยู่ในจักรวาลนี้ที่ตั้งใหม่ไงล่ะครับ
อ้าวแล้ว ผู้มีบารมีเช่น พระบรมโพธิสัตว์บนสวรรค์ชั้นดุสิตล่ะ กับพวกวงบุญพิเศษอีกล่ะ จะเป็นอย่างไร
ตอบ ผมก็ไม่ทราบแท้จริงเหมือนกันครับ เพราะคุณครูยังไม่เฉลย แต่คิดว่ามันต้องมีวิธี สำหรับผู้มีบารมีเพียงพอสิครับ เช่น อาจไปอยู่ชั้นพรหมชั่วคราว เป็นไปได้มั้ย เป็นต้น
#10
โพสต์เมื่อ 30 November 2006 - 04:20 PM
ที่สุดแห่งธรรมเคยได้ยินมาว่า อาจจะเป็นวันนี้ พรุ่งนี้ หรืออีกนานแสนนานก็ได้ อยู่ที่ว่าเราชนะเมื่อไร แต่เมื่อถึงที่สุดแห่งธรรมแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะถึงจุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มอีกจุดหนึ่ง มนุษย์จะไม่ต้องเกิดแก่เจ็บตาย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีมนุษย์ แต่มนุษย์จะมีความสุขอย่างกับสวรรค์ อย่างกับนิพพาน ไม่ต้องทำมาหากิน มีผู้เลี้ยงเสร็จสรรพ พระโพธิสัตว์ก็ยังต้องสั่งสมบารมีเพื่อบรรลุเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ เพียงแต่ไม่ต้องลำบากสร้างบารมีเหมือนแต่ก่อน ถึงเวลาก็บรรลุได้เอง เมื่อถึงเวลานั้นจะมีแต่งานที่แท้จริง คือเป้าหมายที่ทุกชีวิตเกิดมา ไม่ต้องมัวไปหลงอยู่กับเรื่องไม่เป็นเรื่องที่เขาเอามาล่อ
อันนี้ก็ฟังต่อมานะครับ แต่ลองเปรียบเทียบดูสิครับ ว่าเหมือนที่เราจินตนาการไปเองหรือเปล่า ฟังแล้วก็จินตนาการต่อ มันก็มีแต่แพะกับแกะเหมือนเดิมล่ะครับ เรื่องพวกนี้อย่าไปจินตนาการเลยครับ ทำใจหยุดนิ่งดีกว่า จะเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้มากขึ้น ยิ่งหยุดยิ่งรู้ครับ
#11
โพสต์เมื่อ 30 November 2006 - 04:28 PM
#12
โพสต์เมื่อ 01 December 2006 - 02:26 AM
ถูกต้องเลยค่ะพี่หัดฝัน บุญบารมีของหมู่คณะ และทีมผู้นำในวงบุญพิเศษ ต้องมหาศาลแห่งมหาศาล
ล้น 30 ทัศกันเลยทีเดียวค่ะ แต่ว่าไม่ไปขอพุทธพยากรณ์กัน ยังคงอดทนที่จะทำงานกันต่อไป
แต่มีอยู่สิ่งนึงที่แมรี่ยอมรับคือ วิชชาธรรมกาย
ที่พระเดชพระคุณหลวงปู่สดท่านค้นพบ ถือเป็นแกนนำของโปรแจ็คนี้
เพราะวิชชานี้จะช่วยประคองผู้ที่ฝึกไว้ดีแล้วเอาไว้ให้ปลอดภัยทุกชาติ
แม้นทุกข์ก็เข้าใจความจริงได้เพราะคุ้นเคยกับหลุมหลบภัยภายใน
เมื่อสุขก็รับรู้เข้าใจ แล้วก็พอใจ ตัดจบได้อย่างรวดเร็ว
เพราะว่าความสุขภายในยิ่งลึกยิ่งละเอียดกว่าสุขภายนอก
ทำให้ไม่ไปยึดกับสุขภายนอก ประคองใจได้นิ่งสงบ
ส่วนเรื่องที่ว่าเมื่อถึงคราโลกถึงกัปพินาศแล้ว
พวกเราจะไปไหนยังไงกัน ไม่ขอคิดอะไรทั้งสิ้นค่ะ
เพราะว่าเป็นเรื่องที่เหนือกว่าความคิดอ่านตนเอง
ยังไงมีวิชชา ถ้าเราเข้าถึงองค์พระได้
วิญญาณเรา ไม่ตาย ไม่ตกสวรรค์แน่
เพราะว่าจิตสูงกว่าขั้นพรหมแล้วค่ะ
แต่ไปไหนยังไง อันนี้ไม่ทราบ ไม่กล้าเดาเอาเองค่ะ
และเชื่อว่า ท่านพระมหาปูชนียาจารย์ทั้งหลายในวงบุญ
น่าจะมีวิธีป้องกันภัย คลุมบุญให้พวกเราอยู่ค่ะ
ถึงเวลาก็เรียกมานั่งสมาธิกันให้หมดดุสิตบุรีกันเลยละมั้งคะ 555+
ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุด ย่อมเป็นผู้ที่สุภาพนุ่มนวลที่สุด
#13
โพสต์เมื่อ 01 December 2006 - 04:31 PM
ส่วนคำถามที่สองของของเจ้าของกระทู้นั้น ก็ยังไม่มีการเฉลยจริง ๆ นั้นแหละครับว่า จะเป็นอย่างไร แต่ตอนที่ผมบวชเป็นพระนวกะนั้นผมได้ยินหลวงพี่ท่านเล่าให้ฟังว่า เมื่อโลกแตกดับทุกอย่างก็จะสูญสิ้นครับ จะเสียหายมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับว่า ภพสามโดนอะไรทำลายล้างในขณะนั้น อาจเป็นไฟ ลม หรือ น้ำ ก็ได้ครับ เมื่อก่อนที่โลกจะถูกทำลายก็จะมีเทวดามาป่าวประกาศให้มนุษย์เร่งสร้างความดีเพื่อไปสวรรค์กัน ส่วนเหล่าเทวดาก็จะทำหยุดทำนิ่งเพื่อสั่งสมบุญเพื่อจะไปสวรรค์ชั้นที่สูงกว่ากันน่ะครับ ไม่เว้นแม้แต่ดุสิตบุรีก็จะต้องถูกทำลายด้วยครับ แต่สำหรับวงบุญพิเศษของเรานั้น เค้าเล่ากันมาว่ามีวิธีพิเศษครับ ซึ่งผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ามันคืออะไรครับ อิอิ
และก็เป็นไปตามที่คุณหัดฝันบอกนั้นแหละครับ สำหรับสัตว์นรกและเทวดาที่ยังอยู่ในส่วนที่ต้องถูกทำลายก็จะโดนลมกรรมพัดไปจักรวาลอื่นครับ
#14
โพสต์เมื่อ 04 May 2008 - 02:49 PM