กาละครั้งหนึ่ง...........
สายลมแสงแดดมีที่ใกล้วัดแห่งหนึ่ง
เดิมเป็นที่สวน จึงจ้างคนเฝ้า นานกว่าสิบปี จ่ายเงินค่าจ้างทุกเดือน ทำสัญญาจ้างเรียบร้อย
ผู้รับจ้างยืนยันตลอดมาว่า ไม่มีปัญหาครับ อยากให้ผมออกจากที่ดินเมื่อไหร่ก็บอกเลย พร้อมจะไปทันที
ต่อมา ทางวัดแจ้งว่า ประสงค์จะได้ที่ดินไปทำประโยชน์ทางพุทธศาสนา
สายลมแสงแดด มีจิตศรัทธา จึงนำที่ดินถวายวัดไปแล้ว ด้วยจิตอันปิติเปี่ยมล้น
ที่ดินเดิมเป็นร่องสวน ได้ถมสูงขึ้นมาพร้อมสำหรับปลูกบ้านอยู่ข้างวัด ราคาแพงทีเดียวแหละ
แต่อยากได้บุญมากกว่า จึงตัดสินใจถวายกับมือท่านเจ้าอาวาส
ตอนนี้ทางวัดยังไม่ได้ไปโอนที่กรมที่ดิน
ต่อมาปรากฏว่า ผู้รับจ้างเฝ้าสวนไม่ยอมออก เพราะตรงนั้นเกิดเป็นแหล่งชุมชน จึงได้ถือโอกาสทำมาหากิน ขายข้าวปลาอาหารไปตามเรื่อง
ตามกฏหมายแล้ว ผู้รับจ้างต้องออกจากที่ดินสถานเดียว
ถึงผู้รับจ้างจะสู้ก็แพ้ค่ะ และถึงสู้ก็ต้องสู้กับสายลมแสงแดด เพราะทางวัดยังไมได้ไปโอน สายลมแสงแดดจะไม่ให้ทางวัดต้องระคายเคืองกับปัญหานี้
แต่เนื่องจากลูกสาวของผู้รับจ้าง ซึ่งทำงานก๊อกแก๊กอยูในวัด ได้ประกาศศักดาว่า ได้เข้าไปหาเจ้าอาวาส ท่านอนุญาตให้อยู่ต่อไปได้
และบอกให้ทางครอบครัวของตน ตื๊ออยู่ต่อไป
แต่จากการสอบถามจากทางวัด คำกล่าวอ้างของผู้เป็นลูกสาว ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
จึงอยากตั้งคำถามว่า
ในกรณีเช่นนี้ ผู้รับจ้างเฝ้าสวนและครอบครัว จะต้องรับวิบากกรรมหรือไม่ ถ้ารับ เป็นวิบากกรรมสถานใด?
และสำหรับลูกสาว ซึ่งอ้างโดยไม่จริง อ้างโดยโมเม แม้จะได้บุญที่เข้ามาช่วยงานวัด ในกรณีนี้จะได้รับวิบากกรรมยิ่งกว่าทุกคนหรือไม่????

ที่ดินถวายวัดแล้ว คนที่เราจ้างเฝ้าไม่ยอมออก
เริ่มโดย สายลมแสงแดด, Dec 07 2006 11:57 AM
มี 2 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 07 December 2006 - 11:57 AM
#2
โพสต์เมื่อ 07 December 2006 - 12:26 PM
ิวิบากกรรมเป็นอย่างไร เอา VCD เรื่องเปรต ตอนเปรตแบกแผ่นดิน ไปให้เธอดูได้ครับ ในอดีตกาลโกงที่วัด โดยทำมาหากินลุกล้ำที่วัดเข้ามา และไม่ยอมถอยกลับออกไป ตายแล้ว เศษกรรมมาทำให้เป็น เปรตแบกแผ่นดิน(ที่ลุกเป็นไฟ) ทุกข์ทรมาณมาก
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร
#3
โพสต์เมื่อ 07 December 2006 - 12:50 PM
บอกเขาให้เข้าใจคิดว่าอย่าไปสร้างเวรสร้างกรรมเลย
คุณสายลมและแสงแดดต้องคอยเป็นกัลยาณมิตรให้เขา
คือบอกเขาให้รู้ว่าเขามันเป็นบาป ให้พูดด้วยความหวังดี
ค่อยๆพูด ค่อยๆจา และแผ่เมตตาให้เขา ถ้าเขายังไม่ย้าย
ออกไปก็ควรที่จะพบกันสองทางนะครับคือ
1.คุณสายลมและแสงแดดจะได้ทำทานคือได้บริจาคที่ดินให้กับวัด
และได้บริจาคที่ดินให้กับคนที่เฝ้าที่ด้วย เพราะถ้าเราไปไล่เขาออกไป
เขาก็คงจะเดือดร้อน ถ้าเขาโกรธแล้วจองเวรก็จะต้องมีเวรต่อกันอีก
2.อาจจะเป็นวิบากกรรมเก่าซึ่งทุกคนล้วนแต่มีเป็นของตัวเองกันทั้งนั้น
นะครับ ลองไปคุยกับเจ้าอาวาสวัดดูนะครับว่าขอที่ส่วนหนึ่งให้กับเขาได้ไหม
ถ้าเจ้าอาวาสยอมยกให้ก็บอกกับคนที่เฝ้าที่ว่าให้ช่วยรับบุญช่วยดูแลที่ของวัดให้ด้วย
เพราะได้รับข้อมูลมาว่าเข้าก็ไปช่วยวัดเป็นทุนอยู่แล้ว
ซึ่งมันก็จะเกิดเป็นบุญขึ้นอีกหลายต่อแก่คุณสายลมและแสงแดดเองและคนที่
เฝ้าที่ให้ด้วย และก็จะไม่ได้มีเวรแก่กัน ผมว่าวิธีนี้น่าจะดีนะครับ
เพียงแค่เราหันหน้าเข้าหากัน ก็จะเข้าใจ เพราะว่าเราต้องชนะด้วยกัน
ไงครับ
ปล.ผมว่าคุณสายลมและแสงแดดจะต้องมีวิธีแก้ปัญหาแน่เลย
ยังไงก็ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ ที่สำคัญอย่าลืมรักษาใจให้ใสใสด้วยนะครับ
บางสิ่งที่เลวร้ายจะกลับกลายเป็นดีเอง
คุณสายลมและแสงแดดต้องคอยเป็นกัลยาณมิตรให้เขา
คือบอกเขาให้รู้ว่าเขามันเป็นบาป ให้พูดด้วยความหวังดี
ค่อยๆพูด ค่อยๆจา และแผ่เมตตาให้เขา ถ้าเขายังไม่ย้าย
ออกไปก็ควรที่จะพบกันสองทางนะครับคือ
1.คุณสายลมและแสงแดดจะได้ทำทานคือได้บริจาคที่ดินให้กับวัด
และได้บริจาคที่ดินให้กับคนที่เฝ้าที่ด้วย เพราะถ้าเราไปไล่เขาออกไป
เขาก็คงจะเดือดร้อน ถ้าเขาโกรธแล้วจองเวรก็จะต้องมีเวรต่อกันอีก
2.อาจจะเป็นวิบากกรรมเก่าซึ่งทุกคนล้วนแต่มีเป็นของตัวเองกันทั้งนั้น
นะครับ ลองไปคุยกับเจ้าอาวาสวัดดูนะครับว่าขอที่ส่วนหนึ่งให้กับเขาได้ไหม
ถ้าเจ้าอาวาสยอมยกให้ก็บอกกับคนที่เฝ้าที่ว่าให้ช่วยรับบุญช่วยดูแลที่ของวัดให้ด้วย
เพราะได้รับข้อมูลมาว่าเข้าก็ไปช่วยวัดเป็นทุนอยู่แล้ว
ซึ่งมันก็จะเกิดเป็นบุญขึ้นอีกหลายต่อแก่คุณสายลมและแสงแดดเองและคนที่
เฝ้าที่ให้ด้วย และก็จะไม่ได้มีเวรแก่กัน ผมว่าวิธีนี้น่าจะดีนะครับ
เพียงแค่เราหันหน้าเข้าหากัน ก็จะเข้าใจ เพราะว่าเราต้องชนะด้วยกัน
ไงครับ
ปล.ผมว่าคุณสายลมและแสงแดดจะต้องมีวิธีแก้ปัญหาแน่เลย
ยังไงก็ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ ที่สำคัญอย่าลืมรักษาใจให้ใสใสด้วยนะครับ
บางสิ่งที่เลวร้ายจะกลับกลายเป็นดีเอง