ผศ.นายสัตวแพทย์พงศ์ศักดิ์ ศรีธเนศชัย
ท่านสาธุชนทั้งหลาย ขอให้ท่านกระทำแต่ความดี ละเว้นความชั่ว ก่อนตายจะได้ระลึกแต่สิ่งดีๆ จากไปแล้วจะได้ไปสู่สุขคติ
ผมเกือบจะเสียชีวิตแล้วในวันที่ 12 ธันวาคม 2547 เวลา 09.00 น.ผมมีอาการแน่นหน้าอกอย่างรุนแรงทีลานจอดรถมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผมกำลังจะเดินทางไปจังหวัดราชบุรีเพื่อเยี่ยมนักศึกษาที่วัดพระศรีอาร์ย ผมมีอาการหน้ามืดทรุดลงกับพื้น ผมพยายานเดินมาที่รถ ของในมือผมหล่นลงกับพื้น หายใจไม่ออก ผมรู้แล้วว่าผมเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ผมพยายามมองหาคนเพื่อช่วยเหลือผม แต่บริเวณนั้นไม่มีใครอยู่เลย ทางเดียวที่จะรอดตายผมต้องช่วยตัวเอง ผมพยายามขึ้นรถแขนช้ายปวดร้าว มีอาการวูบอยากจะหลับ ต่อมาแขนขวาเริ่มมีอาการปวดร้าว
ผมคิดในใจว่าต้องไม่หลับและไปพบหมอให้เร็วที่สุด ผมพยายามขับรถออกจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ด้วยความยากลำบาก แขนยกไม่ขึ้น หน้ามืดอยากจะหลับ
ใจหวิวๆ ขับรถออกมาถนนพหลโยธินหวังว่าจะพบตำรวจ แต่วันนั้นไม่มีตำรวจอยู่เลย
ผมต้องพยายามไปโรงพยาบาลพญาไท 2 โดยเร็วที่สุด ผมอาจเสียชีวิตระหว่างทาง
โรคนี้ตายเร็วมาก ใจหายคิดว่าตัวเองต้องตายแน่ ไม่รู้ว่าจะตายตอนไหน
ใจเริ่มติดถึงเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมา คิดถึงลูกว่าลูกจะอยู่อย่างไร
ตอนนั้นลูกผมได้รับทุน AFS อยู่ที่ประเทศเยอรมัน
จิตเริ่มคิดถึงอดีตผ่านมาทบทวนเหตุการณิต่างๆในอดีต
เห็นภาพในอตีตย้อนไปเรื่อยว่าเราได้เคยทำอะไรลงไปบ้าง
แต่ผมเห็นภาพต่างๆว่าผมไม่ได้ทำชั่ว ผมทำแต่ความดี
ช่วยเหลือคนอยู่เสมอสิ่งใดที่เราคิดว่าสร้างบุญกุศลผมจะทำทันที
ผมพยายามขับรถจนถึงโรงพยาบาล หมอได้ทำบัลลูนและใส่สปริงที่เส้นเลือด
ผมจึงรอดตายมาทุกว้นนี้ ผมคิดเสมอว่าแต่ละวันที่ผ่านไปคือกำไรชีวิต
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมลีมไปแต่น้องสาวได้บอกผมว่าจำได้ไหมก่อนผมเข้าโรงพยาบาล 3 เดือน
ผมได้ช่วยชีวิตนกตัวหนึ่งบาดเจ็บอยู่ที่ชั้น 3 ที่บ้านแม่
ผมนำนกตัวนั้นส่งโรงพยาบาลสัตว์ที่เขาดิน ผลบุญครั้งนั้นทำให้ผมรอดชีวิต
สาธุชนทั้งหลายจงทำแต่ความดีเวลาเราเหลือน้อยแล้ว
ทุกวันนี้หากผมมีโอกาสทำบุญกุศลแล้วผมจะรีบทำทันทีเพราะผมไม่รู้จะจากโลกนี้ไปเมื่อไร
หวังว่าบทความนี้คงจะเป็นอุทาหรณ์ที่ดีแก่คนที่คิดจะทำชั่ว
ที่มา : ประสบการณ์จริง