ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ช่วยขยายความ 2 คำนี้ครับ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 5 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 บุญเพิ่มทุกวัน

บุญเพิ่มทุกวัน
  • Members
  • 49 โพสต์

โพสต์เมื่อ 26 February 2007 - 07:10 PM

คือคำว่า "อรรถกถาจารย์" และ "อรรถกโถจารย์" เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร คำหลังนี้เป็นการฝันในฝันของคุณครูไม่ใหญ่ใช่หรือเปล่า ถ้าเราไปพูดข้างนอกต้องเรียกแบบคำแรกจึงจะถูกต้องใช่หรือไม่ คำหลังเรียกกันเฉพาะในวัดเราหรือเปล่า คำถามเชยไปหน่อย อย่าว่ากันนะครับ

#2 มองอย่างแมว

มองอย่างแมว
  • Members
  • 722 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:NYC

โพสต์เมื่อ 27 February 2007 - 03:46 AM

"อรรถกโถจารย์" ใช้กันเฉพาะในโรงเรียนอนุบาลฯครับ
ไปใช้ข้างนอกเดี๋ยวได้งงกันไปตามๆกัน laugh.gif อิอิอิ
"ฉุดมันเอาไว้ หยุดมันเอาไว้ ไม่ให้มันรวนเร ต้องหยุดนิ่งสุดใจ หยุดมันเอาไว้ ฉุดมันเอาไว้ ไม่ให้มันซวนเซ ต้องฉุดให้ใจหยุด"
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)

#3 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 27 February 2007 - 07:32 AM

ประมาณว่า เป็นอรรถกถาจารย์ ในแบบฉบับโรงเรียนอนุบาลฝันในฝัน เลยเรียกว่า อรรถกโถจารย์ ใช่ไหมครัึบ

#4 เคยเข้าวัด

เคยเข้าวัด
  • Members
  • 1296 โพสต์
  • Interests:สร้างบุญบารมีอย่างยวดยิ่ง ตราบเท่าชีวีหมดอายุขัย

โพสต์เมื่อ 27 February 2007 - 09:25 AM

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง _\_____ ถูกต้องนะคร้าบ

อรรถกถาจารย์ เป็นศัพท์ที่ใช้เรียนพระภิกษุหรือพระอาจารย์ที่แต่งพระคาถา เพื่อใช้ในการประกอบการเทศนาให้แก่พุทธศาสนิกชน เพื่อให้เกิดความเข้าใจง่าย และสนใจฟังยิ่งขึ้น ยกตัวอย่าง พระภิกษุที่ออกหนังสือเกี่ยวกับธรรมะในแง่มุมต่างๆ ไม่ว่าการนำไปประกอบการดำเนินชีวิต หรือแต่งแปลธรรมบทจากในพระไตรปิฎกออกมาเผยแพร่เป็นความรู้กับคนทั่วไป เรียกอรรถกถาจารย์ทั้งหมดครับ เปรียบเทียบในทางโลกก็คือ ครูหรืออาจารย์ นั่นเองครับ

ส่วนอรรถกโถจารย์นั้น เป็นคำที่ใช้เฉพาะในวัดเราเท่านั้น โดยที่คุณครูไม่ใหญ่ท่านใช้เรียกตัวท่านเอง สาเหตุเพราะไม่ต้องการยกตัวท่านเองไปเทียบเคียงท่านเหล่านั้นนั่นเองครับ และที่สำคัญไม่ยกตัวท่านเองไปเทียบเคียงคุณครูอุปชาอาจารย์ของท่านครับ เป็นคุณธรรมประจำตัวในเรื่องการประมาณตนขอรับกระผม happy.gif
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย

#5 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 27 February 2007 - 10:52 AM

QUOTE
"อรรถกถาจารย์" และ "อรรถกโถจารย์" เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
หากอรรถกถาจารย์ คือ อาหารเมนูหลัก แล้ว
อรรถกโถ เปรียบเสมือน การคัดสรรธัญญาหารที่มีคุณภาพ การเพิ่มเติมธาตุอาหารเสริมแก่อาหารเมนูหลักนั้น ให้สมบูรณ์ไปด้วยอรรถรสและอุดมไปด้วยคุณค่าและคุณประโยชน์
QUOTE
คำหลังนี้เป็นการฝันในฝันของคุณครูไม่ใหญ่ใช่หรือเปล่า ถ้าเราไปพูดข้างนอกต้องเรียกแบบคำแรกจึงจะถูกต้องใช่หรือไม่ คำหลังเรียกกันเฉพาะในวัดเราหรือเปล่า
- ถูกต้องคร้าบบบบ
- การอ้างอิงอรรถและธรรม ให้ถือ อรรถกถาจารย์เป็นหลัก
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#6 Tanay007

Tanay007
  • Members
  • 616 โพสต์

โพสต์เมื่อ 27 February 2007 - 07:17 PM

อรรถกถาจารย์
เป็นการอรรถาธิบายพระพุทธพจน์ ของเหล่าอาจารย์ที่ว่ากันว่ามีภูมิรู้ภูมิธรรมสูงครับ ขอย้ำครับ อรรถกถา ใช้อธิบายพระพุทธพจน์เท่านั้นครับ แล้วท่านไม่ได้ต่างคนต่างอธิบาย แต่เป็นการประชุมสังคายนาขึ้นมาชำระข้อสงสัยในพระไตรปิฎก เนื่องจากว่าเมื่อภาษาผ่านกาลผ่านเวลาไประยะหนึ่ง ก็อาจจะมีการเข้าใจคลาดเคลื่อนได้ เมื่อได้ข้อสรุปหรือข้อยุติแล้ว ถึงเป็นอรรถกาน่ะครับ พระอาจารย์ผู้ร่วมรจนาอรรถกถา เราเรียกว่า "พระอรรถกถาจารย์"
ส่วนคำภีร์ที่อธิบายอรรถกถาอีกที เราเรียกว่า ฎีกาครับ พระอาจารย์ผู้รจนาฎีกา เราเรียกว่า "พระฎีกาจารย์"

อรรถกโถจารย์
เป็นภาษาที่ใช้ในโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันน่ะครับ ความหมายโดยรวมก็คือ หลับตา ฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมา.....