รายการน่าเบื่อ
#1
โพสต์เมื่อ 02 January 2006 - 10:35 PM
#2
โพสต์เมื่อ 02 January 2006 - 10:39 PM
ถ้าคุณเป็นพวกที่ติดละคร หรือชอบดูหนังเกินจริงก็อาจจะเห็นว่าเบื่อก็ได้
ก็ขอแนะนำให้คุณไปตั้งใจสั่สมบุญ ทำทั้งทาน ศีล ภาวนา แล้วถ้าคุณมีบุญพอ มีสายบุญ คุณก็จะสนใจในธรรมมากขึ้นค่ะ
แก้ไขโดย Muralath 03 January 2006 - 05:15 PM
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#3
*ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 02 January 2006 - 10:48 PM
dmc มีความหลากหลาย โดยส่วนตัวชอบพุทธประวัติ กับ Case study
บางท่านชอบ.....หลวงพ่อตอบปัญหา ข่าว 072
บางท่านชอบ.....รายการเด็กๆ หรือเพลง
บางท่าน...........อาจไม่ชอบ
ขณะนี้ dmc ตีตลาดได้ระดับหนึ่งแล้ว แต่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ เป็นการเผยแผ่ธรรมะให้กับผู้ไม่สะดวกในการเดินทางหรือผู้ไม่มีโอกาสฟังธรรมเพราะอยู่ต่างแดน
นอกจากนี้ยังเป็นทางเลือกหนึ่งให้กับผู้ชมทางบ้าน เพราะดีกว่าดูบางรายการซึ่งมีแต่ความเพลิดเพลิน ไม่มีสาระและแก่นสาร
หากต้องการติชม รบกวนบอกด้วยว่าน่าเบื่ออย่างไร เชื่อว่าทางผู้จัดรับฟังความเห็นและต้องการคำแนะนำ
#4
โพสต์เมื่อ 02 January 2006 - 10:52 PM
ถ้าเป็นเพราะเรายังไม่มีความรู้ในเรื่องที่รายการนั้นพูดถึงหรือเปล่า เลยทำให้รายการมันน่าเบื่อ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็เห็นด้วยกับความเห็นที่ 2 ที่เราอาจจะต้องขวนขวายหาความรู้ในเรื่องนั้น แล้วเราก็จะเข้าใจในรายการนั้นๆ มากขึ้น
ยังไงก็อนุโมทนาบุญด้วยครับที่อุตสาห็มาให้ความเห็น
#5
โพสต์เมื่อ 03 January 2006 - 02:01 AM
ถ้าจะให้ดีมากๆ ถ้านำนรกทุกขุมมาฉายยิ่งดีเลยครับ....สาธุ
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#6
โพสต์เมื่อ 03 January 2006 - 03:32 AM
ถ้าไม่มีรายการของหลวงพ่อธัมมะ ละก็ดับชัวร์ๆ
รายการของหัวหน้า
ยังถือว่า ok เพราะมันเกี่ยวเนื่องกับ case study แต่ขาดสีสันไปหน่อย
พลังมด
okเลย เพราะมีลูกเล่น เทคนิคการตัดต่อใส่มุข..(หลังๆนี่รู้สึกว่าจะหมดมุขนะครับ.. แฮะๆ)
บุญโต.
อันนี้รายการสนุกอยู่แล้วเพราะเป็นการ์ตูน... หลังฉายซ้ำบ่อยๆนี่ สงสัยทีมงานจะทำไม่ทัน
super kid
่อันนี้ดีมากเลยครับ ฝึกเด็กมาเป็นพิธีกร นำเที่ยวฯลฯ ถ้าอีกหน่อยเด็กพวกนี้...ระดับหัวกะทิเชี่ยวนะเนี่ย แถมยังเป็นกำลังหลักให้ DMC อีกด้วย
อาจจะเรียกได้ว่า เป็นสถานที่ฝึกบุคคลกรให้ช่อง DMC เลยละครับ ....ผมจะติละนะ
บทพูดบทรายการ...ดูไม่เป็นธรรมชาติ... ติดๆขัดๆ แข็งๆ ขาดสีสันยังไงไม่รู้อาจเป็นเพราะความเป็นเด็กก็ว่าได้เลยแข็งๆ...(เล่นมุขแป้กๆยังไงไม่รู้)
Yuwa Planet
...อืมอันนี้ส่วนตัวนะ...รายการมั่วๆยังไงๆไม่รู้ เลยไม่อยากจะดู
หลวงพ่อตอบปัญหา
อันนี้รายการดีอยู่แล้วครับ ... ถ้าคำถามอินเทรนๆหน่อยน่าจะเรียกใหคน้สนใจได้มากขึ้น
DMC NEW
ก็ ok ในฐานะสื่อสีขาวนะครับ เนื้อหายังน้อยไปหน่อย(สื่อสีขาวก็หาข่าวยากนี่เนอะ) ทุกอย่าง ok อยู่แล้ว (ฉากหลังมีรอยแปรงทาสีอยู่นิดๆนะครับ)
Smile World
...ทุกอย่าง ok แต่เหมือนกับเป็นรายการสำหรับชาววัดกันเอง..
แบบว่าเป็นรายการประมวลภาพของชาววัดในแต่แดน...ขยายออกข้างนอกยาก
นอกจากมีการพลิกแพลงรายการมีสาระสำหรับคนข้างนอกให้เค้าดูด้วยอ่ะครับ
ไปวัด ไปวา
....อืมรายการก็ดีแหละครับแต่ ผมดูแล้วง่วงนอน
เอาเท่านี้ก่อน
สรุป... หลายๆรายการเน้นทำรายการให้คนในวัดดูมากกว่าคนข้างนอกดู
เรื่องเนื้อหาของเราสุดยอดอยู่แล้ว แต่การนำเสนอมันจะต้องฉีกแนว เขย่าวงการ
ทำรายการให้ดูแล้วสนุกด้วยได้สาระด้วยและต้องมีเทคนิคการตัดต่อให้น่าสนใจมากขึ้น
เท่านี้(มั้ง) จะสามารถทำให้รายการไม่น่าเบื่อได้
ยกตัวอย่างรายการสนุกมีสาระ
กบนอกกะลา
คุยคุ้ยข่าว
ปล.ผมยังเด็กอาจจะวิจารผิดๆถูกๆก็ขออภัย ผมใช้ความเห็นส่วนตัวเป็นหลัก
#7
โพสต์เมื่อ 03 January 2006 - 12:17 PM
แต่เราต้องช่วยกัน เขียนหรือ ติชม ไปที่รายการด้วยครับ
หรือถ้าดี ต้องแนะนำ ว่า ควรจะออกมาแนวไหน ครับ
ติ เพื่อ ช่วยกัน ก่อ ปรับปรุง
#8
*ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 03 January 2006 - 01:30 PM
#9
*ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 03 January 2006 - 04:32 PM
#10
*ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 03 January 2006 - 04:39 PM
ถ้าจะให้ไปแข่งกับทีวีข้างนอก คงไม่ใช่ เพราะแค่เนื้อหา และวัตถุประสงค์ และกลุ่มเป้า
หมาย ก็ต่างกันแล้วล่ะ DMC ของเราคงไม่สามารถไปแข่งกับละคร หรือหนังได้ การที่
เราจะตอบโจทย์ข้อนี้ได้ เราต้องมีภาพในใจให้ชัดว่า ทำเพื่ออะไร ทำให้ใครดู ใครล่ะคือ
คนที่ใช่...แต่เชื่อมั๊ย..ในความเห็นเรานะ...ถ้าคนที่ไม่ใช่...ไม่มีสายบุญกับหมู่คณะ...
ทำดียังงั๊ย ยังงัย..เขาก็ไม่คิดจะเปิดดูหรอก..แต่สำหรับคนที่ใช่.. ขนาดรายการน่าเบื่อๆ
เขายังตามดูเล้ย...
#11
โพสต์เมื่อ 03 January 2006 - 05:33 PM
#12
โพสต์เมื่อ 04 January 2006 - 11:36 AM
สมัยก่อน วัดเรา ต่างก็เน้นการฝึกตัวแบบกัลยาณมิตร (ตามแบบพุทธันดรก่อนๆ) เป็นหลัก คือ เดินทางไปที่บ้านของผู้มีบุญ แล้วก็พูดคุยธรรมะ ปฏิบัติธรรม ทำสมาธิร่วมกัน จัดตั้งศูนย์กัลยาณมิตรใกล้ๆ บ้านผู้มีบุญทั้งหลาย เรื่องที่จะคิดทำรายการทีวีให้แผ่กระจายไปยังทุกๆ บ้าน แทบไม่มีในหัว เพราะมีอุปสรรคขัดขวางมาก
โรงเรียนอนุบาลฝันในฝัน นี่เกิดมาเหมือนกับไม่ได้ตั้งใจ คือ ช่วงก่อนหน้านั้น หลวงพ่อท่านอยากให้มีการสอนสมาธิทุกวัน จึงให้มีนั่งสมาธิอยู่ที่บ้านแก้วเรือนทองคุณยายทุกวัน
แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ตอนนั้นเอง คุณไม่ใหญ่จึงลงมาสอนแทน จากทำเล่นๆ เลยกลายเป็นทำจริงๆ ไป เพราะโรงเรียนได้รับความนิยมมากขึ้น และมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็น DMC ด้วยอำนาจของเทคโนโลยีดาวเทียมที่เกิดขึ้นมาทันเวลา ทำให้พบช่องทางที่ธรรมะจะไปยังบ้านคนทั้งหลายผ่านทาง DMC
ทำเอา หมู่คณะที่วัดกลับลำฝึกตัวแทบไม่ทัน คือ เมื่อก่อน ไม่มีใครคิดจะไปฝึกตัว โดยการทำบทละคร ทำการ์ตูน ถ่ายทำภาพยนต์ เกมโชว์ ทอล์คโชว์ต่างๆ ทำแอนนิเมชั่น คนในวัดไม่เคยคิด เลยไม่ได้เตรียมการฝึกด้านนี้มาก่อน
แต่พอ DMC เกิดขึ้นแล้ว ไม่เป็นก็ต้องเป็น ทุกคนก็เร่งฝึกฝีมือกัน ผมเองก็ชื่นชมในกำลังใจของทีมงานทุกๆ คน ผมเชื่อว่า ถ้าตั้งใจแล้ว ทำอะไรก็จะสำเร็จได้ดังปรารถนา ขอเป็นหนึ่งในกำลังใจ ให้ DMC ขยายครอบคลุมไปได้ทั่วทั้งโลกครับ
#13
*jeab072*
โพสต์เมื่อ 04 January 2006 - 12:57 PM
#14
โพสต์เมื่อ 04 January 2006 - 01:01 PM
#15
โพสต์เมื่อ 04 January 2006 - 09:54 PM
DMC ไม่น่าเบื่อน๊า
ย่อมมีแสงอรุณขึ้นก่อน
เป็นบุพนิมิตฉันใด
ความเป็นกัลยาณมิตรก็เป็นตัวนำ
เป็นบุพนิมิตแห่งการเกิดขึ้น
ของหนทางพระนิพพาน ฉันนั้น"

#16
โพสต์เมื่อ 04 January 2006 - 10:40 PM
dmc นี้สุดยอดมากที่สุดสามารถตีตลาดโลกได้แน่นอนครับ ถ้าเพิ่มความดึงดูดให้มากรายการเท่ากับครึ่งหนึ่งของรายการทั้งหมด(ยกเว้นฝันในฝันไว้เพราะขึ้นหิ้งชั้นเซียนอยู่แล้ว) สมมติมี20รายการ ผมว่าถ้าสัก10รายการน่าดึงดูดก็ตีตลาดได้นะครับ เด็กและวัยรุ่นคิดว่าชอบการตูน วัยรุ่นอาจชอบรายการสาระเชิงกราฟฟิคเช่นมหานรกเอนิเมชั่น สวรรค์3ดี แล้วดึงเข้าหาเคสสตัดดี้ก็ยังได้ ส่วยการ์ตูนไมเข้ทีมงานนี้ผมว่าสุดยอดมากครับทำการตูนดีมากน่าจะร่วมมือกันกับทีมนิทานชาดกและการ์ตูนบุญโตโดยขยายทีมทำก็ได้ไหมครับ ถ้าพุทธประวัติ3ดีออกเมือ่ไหร่ผมว่าตีตลาดทุกเพศวัยแน่เลยครับ
#17
โพสต์เมื่อ 05 January 2006 - 01:55 AM
ขอบคุณคุณหัดฝัีนที่ให้ข้อมูลเรื่องจุดกำเนิดของโรงเรียนค่ะ น่ารักดี อ่านแล้วอยากมีส่วนร่วมในงานขั้นต่อๆ ไปค่ะ เพื่อขยายโรงเรียนของเรา
#18
โพสต์เมื่อ 05 January 2006 - 09:53 AM
หลวงพ่อทัตตะท่านเคยเล่าให้ฟัง สมัยที่ยังเป็นวัยรุ่นนะครับ ท่านและครูไม่ใหญ่ ดังตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เพราะสมัยนั้นมีการจัดงานประจำปีที่เกษตร ตอนนั้น ทางเกษตรเชิญวงดนตรีชื่อดังของประเทศ คือ สุนทราภรณ์ มาเล่นดนตรีในงาน ซึ่งก็มีนิสิตไปร่วมฟังมากมาย
แต่แล้วจู่ๆ ก็มีอีกเวทีหนึ่งเปิดการแสดงขึ้น มี 2 หนุ่ม จากเกษตร คือ นายไชยบูลย์ และนายเผด็จ ขึ้นไปแสดง เล่นปาหี่ (ผมก็ไม่ทราบเล่นยังไง น่าจะคล้ายๆ เล่นกายกรรม) เท่านั้นแหละครับ ก็มีเสียง เฮ เฮ และแล้ว เหล่านิสิตทั้งหลาย ก็พากันเปลี่ยนเวที มาดูปาหี่จนหมด ไม่มีใครดูสุนทราภรณ์เลย
ต่อมา คณะจัดงานได้มากระซิบบอกนายไชยบูลย์ และนายเผด็จว่า "น้องๆ เลิกก่อนได้มั้ย ไม่มีใครดูสุนทราภรณ์แล้ว
นี่เห็นมั้ยครับ หลวงพ่อท่านครองใจคนตั้งแต่ยังไม่บวชแล้ว ส่วนลูกทีมงานๆ นั้น ทางผู้ชมก็ต้องให้เวลานิดนึง พอเขาเก่งมากขึ้นมากขึ้น ก็ครองใจคนได้เอง
#19
โพสต์เมื่อ 05 January 2006 - 11:48 AM
#20
โพสต์เมื่อ 05 January 2006 - 12:50 PM
#21
*สมชาย*
โพสต์เมื่อ 05 January 2006 - 03:58 PM
#22
*ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 05 January 2006 - 05:43 PM
#23
โพสต์เมื่อ 05 January 2006 - 05:51 PM
ก็ทุกคนมัวแต่คิดว่ารายการได้แค่นี้ก็พอแล้ว มันถึงจมปักอยู่แต่กับเรื่องเดิมๆ ขาดสีสัน
นั่นล่ะค่ะคำสอนของวัด พอแล้ว จะเอาลูกเล่นสีสันมากๆไปใส่ทำไมล่ะคะ
คุณต้องการสีสัน คุณจะหาเหาใส่หัวไปทำไม กิเลสแค่นี้ยังไม่พออีกหรือ รายการนี้เน้นธรรมะ ไม่ใช่สิสันลูกเล่น
ถ้าคุณต้องการลูเล่นก็ไปดูรายการทางโลกเถิด
#24
โพสต์เมื่อ 08 January 2006 - 04:25 PM
ผมว่าถ้าเทียบกับรายการธรรมะทั่วๆ ไปหรือรายการเด็กอื่นๆ เราทำได้ดีทีเดียว อย่าลืมปรับตัวปรับใจว่ากำลังดูรายการธรรมะนะครับ บุญบันเทิงครับ
อนุโมทนาบุญครับ













