**พระปัจเจกพุทธเจ้าทำไมจึงไม่นิพพานทันที**
#1
โพสต์เมื่อ 14 May 2007 - 07:21 PM
#2
โพสต์เมื่อ 14 May 2007 - 08:10 PM
มหาเศรษฐีหลายๆ ท่านก็ร่ำรวย มีชีวิตที่ดีขึ้น จากที่เคยจนสุดขีด เนื่องจากได้ถวายทานแด่พระปัจเจกฯ จนหลายๆ ท่านได้โอกาศปฏิบัติธรรม แล้วก็บรรลุธรรมเลยก็มี ตัวอย่างคือ เมณฑกเศรษฐี
เนื่องจากถวายทานแก่พระปัจเจกฯ แล้วอธิษฐานว่า ขอให้ได้บรรลุธรรมในธรรมที่พระคุณเจ้า (พระปัจเจก) ได้บรรลุ
ลองสังเกตจากเรื่องราวในพระไตรปิฎกว่าพระปัจเจกฯ มักจะรับบิณฑบาตรกับคนจนๆ แบบที่จนสุดๆ ...
แค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะไปปราบมารได้ไง
#3
โพสต์เมื่อ 15 May 2007 - 08:38 AM
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#4
โพสต์เมื่อ 15 May 2007 - 11:07 AM
#5
โพสต์เมื่อ 15 May 2007 - 12:27 PM
1. ตอนที่ท่านเมณฑกะเศรษฐี ชาติที่แล้ว กำลังอดอาหารเหลือเพียงมื้อสุดท้าย อยู่ๆ พระปัจเจกพุทธเจ้าก็เสด็จมา ทำให้ท่านเศรษฐี น้อมอาหารมื้อสุดท้ายไปถวายพระท่าน หากจะบอกว่า บังเอิญพระปัจเจกพุทธเจ้าเดินผ่านมาเอง มันก็จะแปลกๆ ว่า อะไรจะบังเอิญได้ขนาดนั้น นอกจากท่านจะตั้งใจเท่านั้นแหละ
2. ตอนที่นายภัตตะภัทกะ ชายผู้ทำงาน 3 ปี แลกกับอาหารมืออลังการ 1 มื้อ คือเรื่องนี้เกิดขึ้นเนื่องจาก ท่านเศรษฐีคนหนึ่ง ทุกๆ วัน จะตั้งโต๊ะ กินอาหารมิ้ออลังการ แล้วให้คนไปบอกชาวบ้านมาดูตนกินอาหาร (มีเงินแล้วไม่รู้จะเอาไปทำอะไร ที่จะเป็นประโยชน์กับตัวเองจริงๆ) ปรากฏว่า มีชาวบ้านคนหนึ่งเห็นแล้วอยากกินบ้าง จึงขอท่านเศรษฐีทำงาน 3 ปี แลกกับอาหารอลังการ 1 มื้อ
แต่ก่อนที่เขาจะได้กินนี่สิ พระปัจเจกพุทธเจ้าทรงเหาะมาหาเขาพอดี เขาจึงน้อมถวายอาหารนั้นแด่พระท่าน ประชาชนล้วนสาธุการ
นี่ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญอีกเช่นกัน เป็นไปได้อย่างเดียวเ่ท่านั้นว่า พระปัจเจกพุทธเจ้าท่านตั้งใจเสด็จมาโปรดเขาน่ะครับ
#6
โพสต์เมื่อ 15 May 2007 - 02:16 PM
ข้อสังเกตุคือในชาดก พระปัจเจกพุทธเจ้าจะประชุมกัน ณ เขาคันธมาส หิมวันต์ประเทศ
ดูก่อนคฤหบดี ท่านแลเป็นพระอริยสาวกผู้โสดาบัน มีศรัทธาไม่หวั่นไหว มีทัสสนะอันหมดจด ความที่ท่านถูกเทวดา ผู้มีศักดิ์น้อยนี้ห้ามอยู่ ก็ห้ามไม่ได้ ไม่น่าอัศจรรย์ ก็ข้อที่บัณฑิตทั้งหลายในปางก่อน เมื่อพระพุทธเจ้ายังไม่อุบัติขึ้น ดำรงอยู่ในญาณอันยังไม่แก่กล้า ถูกมารผู้เป็นใหญ่ในกามาวจรภพยืนอยู่ในอากาศ แสดงหลุมถ่านเพลิงลึก ๘๐ ศอก โดยกล่าวว่า ถ้าท่านจักให้ทานไซร้ ท่านจักไหม้ในนรกนี้ แล้วห้ามว่า ท่านอย่าได้ให้ทาน ก็ได้ยืนอยู่ ในท่ามกลางฝักดอกปทุม ให้ทาน นี้น่าอัศจรรย์.
ขทิรังคารชาดกเป็นอีกเรื่องที่น่าอ่าน ว่าด้วย จิตมั่นคง
http://84000.org/tip...ka.php?i=270040
#8
โพสต์เมื่อ 15 May 2007 - 05:52 PM
2. เพื่อโปรดสัตว์
#9
โพสต์เมื่อ 15 May 2007 - 09:46 PM
#10
โพสต์เมื่อ 15 May 2007 - 10:45 PM
ดังเดิมนั้นนะ พระปัจเจกพุทธเจ้า ผมอยากใช้คำว่าเกือบทุกพระองค์นั้นล้วนเป็นหน่อเนื้อพุทธางกูงของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกือบทั้งนั้นครับ แต่ว่าในช่วงนี้เวียนว่ายตายเกิดในหลายๆชาติหลายๆกัปป์มานั้น อาจจะเกิดความเบื่อหน่ายในวงกลมวัฎฎะสงสารประกอบกับบางกัปป์ไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีแต่พระปัจเจกพุทธเจ้า ด้วยเหตุนี้เอง พระโพธิสัตว์บางพระองค์ได้ไปเจอผู้รู้ประเภทนี้เข้า ซึ่งก็คือผู้รู้ที่เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า พอพระโพธิสัตว์ได้เจอก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธา ก็ได้ตั้งผังขึ้นมาใหม่ ในขณะที่อธิษฐานทำทานกับพระปัจเจกพุทธเจ้า ซึ่งเป็นดวงจิตที่ประกอบด้วยบุญกุศลของพระโพธิสัตว์นี้ที่ได้ทำเอาไว้กับพระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์นั้น จึงทำให้ผังดั้งเดิมที่พระโพธิสัตว์ท่านนั้นได้เคยปรารถนาพุทธภูมิเอาไว้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นมา แบบนี้เป็นต้นครับ
แต่ทว่าด้วนจิตนิสัยดั้งเดิมเมื่อชาติที่ปรารถนาพุทธภูมิได้มีมหากรุณาและเมตตาต่อสัพสัตว์ยังคงอยู่เป็นผังเดิมเก่าก่อนอยู่แล้ว ผมว่าด้วยเหตุผลนี้ด้วยเช่นกันครับที่ทำให้พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์นั้นจึงมีจิตใจที่โปรดสัพสัตว์เช่นกันครับแต่ว่ายังอยู่ในละดับหนึ่งเท่านั้นครับ เพราะตัวท่านนั้นเป็นผู้รู้ ซึ่งท่านก็รู้ว่าถ้าใครได้ทำบุญกับท่านจะทำให้ชีวิตมีแต่ความสุขสมหวังไม่ว่าจะภพนี้หรือภพหน้า นี่แหละครับท่านถึงยังไม่เข้าปรินิพพานก็ด้วยเหตุผลนี้ด้วยเช่นกันครับ

#11
โพสต์เมื่อ 15 May 2007 - 11:27 PM
#12
โพสต์เมื่อ 16 May 2007 - 04:32 PM
#13
โพสต์เมื่อ 13 June 2007 - 09:55 PM
#14
โพสต์เมื่อ 23 February 2010 - 11:24 AM