ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * * * 1 คะแนน

มีข้อสงสัยครับเกี่ยวกับเวปลานธรรมครับ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 14 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 อีวาน

อีวาน
  • Members
  • 6 โพสต์

โพสต์เมื่อ 06 July 2007 - 02:44 PM

พอดีดูรายการธรรมมะทางช่อง 3 เห็นมีข่าวเกี่ยวกับเวปลานธรรม

ใครเคยเข้าไปศึกษาบ้างครับ เห็นว่าเป็นแนวสติปัตฐาน 4
ทำไมทางเวปลานธรรมที่มีผู้เข้าไปศึกษามากมายติดอันดับต้นๆของประเทศ
จึงไม่ยอมรับแนวทางของวัดพระธรรมกายเล่าครับ ทั้งที่เป็นพุทธเหมือนกันไม่ใช่หรือ

วอนผู้รู้ช่วยมาเปรียบเทียบให้ฟังด้วยครับว่าข้อขัดแย้งที่เห็นต่างกันของ ลานธรรม กับ วัดพระธรรมกายคืออะไร
ทำไม ร้ายแรงจนต้อง "แบน" เลยหรือครับ

อนึ่งไม่ทราบว่า ถามได้หรือไม่ครับ
ถ้าผู้ดูแลเวปเห็นว่ากระทู้นี้ไม่เหมาะสม ก็ลบได้นะครับ





#2 suppy001

suppy001
  • Members
  • 2210 โพสต์

โพสต์เมื่อ 06 July 2007 - 03:32 PM

ขอให้เชื่อมั่นในครูบาอาจารย์...หลวงปู่ หลวงพ่อ คุณยายอาจารย์ ล้านเปอร์เซนต์...สาธุครับ...

#3 อีวาน

อีวาน
  • Members
  • 6 โพสต์

โพสต์เมื่อ 06 July 2007 - 04:45 PM

คุณความเห็นที่ #2

แต่พระพุทธเจ้าสอนให้ใช้หลักกาลามสูตร10 ซึ่งมีข้อที่ว่า อย่าเชื่อเพียงเพราะครูบาอาจารย์บอกด้วยนี่ครับ

ผมเองเข้าไปศึกษาทุกๆเวปที่เกี่ยวกับพุทธศาสตร์รวมทั้งของวัดพระธรรมกายด้วย

เห็นว่าล้วนแล้วแต่ก็เป็นแหล่งของผู้รู้ธรรมที่ลึกซึ้ง แล้วทำไมจึงขัดแย้งจนคุยกันไม่ได้เล่าครับ



ถ้าสิ่งที่ผมถามจะไม่เป็นไปในทางสร้างสรรค์ ก็ขออภัยไว้ ณ ทีนี้


#4 สิงโตเกเร

สิงโตเกเร
  • Members
  • 164 โพสต์

โพสต์เมื่อ 06 July 2007 - 05:30 PM

ผู้ศึกษาธรรมก็มีทิฐิในใจเพราะยังไม่หมดกิเลส
คิดอยู่ว่าต่างคนต่างเข้าใจลึกซึ้งดีแล้วมาสอนผู้อื่น
ให้เชื่ออย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้หรอกครับ
ต้องลองศึกษาและต้องลองปฏิบัติจริงๆด้วย



อย่ามัวเถียงกันเลยครับ แค่หันมาถือศีล5กันจริงๆจังๆ
ก็ถือว่าเป็นชาวพุทธที่แท้แล้วดีกว่ามาบ้าตำราครับ

#5 Bosheng

Bosheng
  • Members
  • 1 โพสต์

โพสต์เมื่อ 06 July 2007 - 05:51 PM

สวัสดีครับ คุณอีวาน

จริงๆเรื่องนี้ในสมัยของหลวงพ่อสดวัดปากน้ำ ท่านยังมีชีวิตอยู่ก็น่ามีคนไปถามปัญหาทำนองนี้เช่นกันแหละครับ แต่ผมยังไม่มีเวลาไปหาข้อมูลที่ชัดเจนในเรื่องนี้ เอาเป็นว่าจากความรู้เบื้องต้นเท่าที่ผมมีอยู่ (ซึ่งก็ไม่เเน่ว่าจะถูกต้องนะครับ) คือธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ พระองค์ทรงเทศนาไว้นั้นมีหลายนัยครับ เช่น มรรคมีองค์แปด ที่เราชาวพุทธมักจะได้ยินกันบ่อยๆ แต่จริงๆ มรรคมีองค์แปด ยังแบ่งได้เป็นสองนัย คือ โลกียะ กับ โลกุตตระ มรรคมีองค์แปด
ตามความใน มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ ๗. มหาจัตตารีสกสูตร (๑๑๗) เป็นต้นครับ

http://www.84000.org...amp;pagebreak=0

อีกตัวอย่างครับคือโพธิปักขิยธรรม ในพระวินัยที่มีบันทึกไว้ก็น่าสนใจครับ
พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑ สุทธิกะ มรรคภาวนา

http://www.84000.org.../...9190&Z=9365

ซึ่งก็น่าคิดครับว่าหมายความว่าอย่างไร

คำศัพท์ธรรมะที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกอาจจะไม่เหมือนกันไปหมดทุกที หรือพูดอีกอย่างคืออาจมีหลายนัยยะครับ ซึ่งต้องตีความกันอีกทีครับ

การศึกษาพระพุทธศาสนาจำเป็นต้องศึกษาภาษาบาลีด้วยครับ อีกอย่างครับคอนเซ็ปบางอย่างของคนในยุคนี้กับยุคพุทธกาล ก็อาจจะไม่เหมือนกันครับ ซึ่งถ้าจะให้ดีต้องศึกษาวัฒนธรรมของคนในยุคนั้นด้วยครับ ก็อาจจะทำให้เข้าใจความหมายของคำพูดของคนในยุคนั้นได้ดีขึ้นครับ

หรืออีกทางเลือกหนึ่งก็ปฏิบัติให้เข้าถึงครับ ตามวิธีการที่หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านเเนะนำมาแล้วลองมาเปรียบเทียบกันดูครับ

อย่าคิดมากนะครับ happy.gif


#6 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 06 July 2007 - 10:01 PM

ขอตอบตามความเข้าใจส่วนตัวสักนิด

ขอพูดเฉพาะเกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย นะครับ

1 ) สิ่งที่เหมือนกัน คือ เป็นพุทธเถรวาท ศึกษาพระธรรมวินัย ผ่านพระไตรปิฎก 45 เล่ม

2 ) สิ่งที่ต่างกัน คือ

2.1 วิธีการปฏิบัติธรรม โดยย่อ คือ

วัดพระธรรมกาย สอนปฏิบัติ สมถะ-วิปัสสนากรรมฐาน ตามพระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี ( สด จนฺทสโร )

โดยกำหนดใจไว้ในตัว มีที่ตั้งของใจหรือจุดที่วางใจ คือ กึ่งกลางกาย เหนือสะดือ สองนิ้วมือ
หรือที่เรียกกันว่า ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
หรือ ที่นักเรียนอนุบาลฝันในฝัน เรียกย่อๆว่า 072

ด้วยวิธี หยุดใจไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗

เบื้องต้นอาจกำหนดบริกรรมนิมิตร คือ นึกภาพดวงแก้วขาวใส หรือ พุทธปฏิมากรแก้วขาวใส ไว้ที่กึ่งกลางกาย

อาจกำหนดบริกรรมภาวนา ว่า สัมมา อะระหัง

ซึ่งการกำหนดนิมิตรและคำภาวนา นั้น เป็นเพียงกุศโลบาย เพื่อประคองใจให้อยู่ในตัว ให้ใจหยุดหลุดนิวรณ์ ๕
อันเป็น สมถะกรรมฐาน ที่จะเป็นอุปการะในการ เจริญวิปัสสนากรรมฐานต่อๆไป

บางท่านเรียกวิธีนี้ว่า อาโลกกสิณ ( กสิณที่กำหนดแสงสว่าง )
ตามที่พระธรรมโฆษาจารย์ รจนาวิธีปฏิบัติธรรม 40 วิธีใน คัมภีร์ วิสุทธิมรรค

และมีนักปฏิบัติจำนวนหนึ่ง ที่เข้าใจว่า
การปฏิบัติธรรมแบบ ธรรมกาย เป็นการติดนิมิต
เป็นวิปัสสนูกิเลส ไม่ใช่หนทางบรรลุนิพพาน

ทั้งนี้เพราะ ระดับการเข้าถึงปฏิเวธ ในการปฏิบัติธรรม ที่ลุ่มลึก หยาบ - ละเอียด ยังไม่เท่ากัน ... ก็ว่ากันไปครับ dont_tell_anyone_smile.gif

2.2 ความเข้าใจความหมาย กรณี นิพพานเป็น อนัตตา หรือ อัตตา ต่างกัน
ตามแต่การตีความพุทธวจนะ / ระดับความเข้าใจถูก
และการปฏิบัติธรรมเข้าถึงสภาวะธรรมที่หยาบ-ละเอียด ต่างกัน ครับ

2.3 ระดับเป้าหมายชีวิต ต่างกัน คือ ปรารถนาบรรลุ มรรค ผลนิพพาน เหมือนกัน
ต่างที่ชาวพุทธจำนวนหนึ่ง ปรารถนาบรรลุนิพพานให้ไวที่สุด
ยิ่งภายในชาตินี้ยิ่งดี ซึ่งก็น่าโมทนา สาธุ อย่างยิ่งครับ

ส่วนเป้าหมายพุทธศาสนิกชน วัดพระธรรมกาย คือ
ไหนๆก็จะไปนิพพานแล้ว ก็ไม่ขอไปลำพังคนเดียว แต่จะชวนหรือ พาผู้อื่นไปด้วย
เมื่อระดับของเป้าหมายชีวิต ต่างกัน

ดังนั้นความทุ่มเท ความขยันหมั่นสั่งสมบุญบารมี เช่น การบำเพ็ญทาน ฯลฯ
เพื่อเป็นเสบียงในการเดินทางในสังสารวัฎฎ์ ทั้งสั่งสมไว้เลี้ยงตนเอง และมีไว้เอื้อเฟื้อ เกื้อกูลผู้อื่น
จึงต้องต่างกับหมู่คณะอื่น ที่มุ่งบรรลุนิพพาน ตามลำพังไปด้วย

ซึ่งประเด็นนี้ทำให้ มีหลายท่าน
ไม่มองว่า พุทธศาสนิกชน วัดพระธรรมกายได้ดำเนินรอยตามพระบรมโพธิสัตว์ในกาลก่อน
แต่กลับเลือกที่จะมองว่า
คำสอนจากวัดพระธรรมกาย ที่แม้กลัวการเกิด แต่ต้องเกิดเพื่อย่ำธรรมเภรี รื้อขนสรรพสัตว์นั้น
นำมาจาก พุทธมหายานหรือวัชรยาน ไม่ใช่พุทธเถรวาทดั้งเดิม... dont_tell_anyone_smile.gif ก็ว่ากันไปครับ

2.4 เป้าหมายการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ของวัดพระธรรมกาย เน้นเชิงรุก

คือ ไหนๆการเกิดเป็นมนุษย์เป็นของยากยิ่งแล้ว
ฉะนั้นเกิดมาทั้งที นอกจากเร่งสั่งสมบุญบารมี อันเป็นประโยชน์ตนแล้ว

ก็มุ่งทำประโยชน์ท่าน เพื่อส่วนรวม คือ
การเผยแผ่พระธรรมที่บังเกิดโดยยากยิ่ง ไปยังมวลมนุษย์ ทุกเชื้อชาติ ทั่วโลก

เมื่อ scale การทำงานใหญ่ก็ต้อง
สร้างศาสนทายาทมาก จึงต้องระดมธรรมมาก และจึงใช้ทุนมาก ตามไปด้วย

ตรงใช้ทุนหรือ ปัจจัย ( เงิน ) มากนี่แหละ ทำให้คนส่วนมากเข้าใจว่า
วัดพระธรรมกาย ต่างจากวัดอื่นๆในประเทศไทย
เพราะ
1 ) มีเขตพุทธาวาส ธรรมาวาส สังฆาวาส กว้างขวางใหญ่โตกว่าวัดทั่วไป

และจากการที่วัดพระธรรมกาย มีีศาสนสถานใหญ่โต มโฬาร
จึงเข้าใจว่า
วัดพระธรรมกาย เน้นสร้างวัตถุ มากกว่าอบรมศีลธรรมให้ประชาชน
ซึ่งแท้จริงแล้ว ก็ทำควบคู่กันไปตั้งแต่สร้างวัด กระทั่งปัจจุบันนี้ครับ

พอมีพุทธศาสนาิกชน มาบำเพ็ญกุศลกว่าแสนคน
กลับบอกว่า จ้างมาบ้าง หลอกมาบ้าง

แม้แต่พระมหาเถระ เจ้าคณะพระสังฆาธิการหลายหมื่นรูป เมตตามาเป็นเนื้อนาบุญให้สาธุชน
ก็กลับเลือกมองแต่ว่า ท่านมารับสินบนจากวัดพระธรรมกาย
glare.gif เฮ้อไม่ทราบว่า เขาเอาอะไรมาคิด ... dont_tell_anyone_smile.gif

2 ) ยุคบุกเบิกสร้างวัด เน้นสร้างคนดี ตั้งแต่ยังเป็น ยุวชน เยาวชน และคนวัยหนุ่ม สาว
คือ อิงนักศึกษา ให้เป็นอาสาสมัคร เป็นต้นแบบพุทธศาสนิกชนที่ดี
มากกว่าการ มุ่งแก้ไขนิสัยไม่ดีของคนที่เป็นผู้ใหญ่ คนชรา

เพราะยุวชน เยาวชน คือ ผู้ใหญ่ที่ดี พุทธศาสนิกชน ศาสนทายาทที่ดีในอนาคต

เข้าทำนองสุภาษิตโบราณว่า

QUOTE
ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก


แต่เดี่ยวนี้ DMC Channel ดัดนิสัย คนที่ติดนิสัยไม่ดีมากว่า 30- 80 ปี
ให้เข้าใจความเป็นจริงของชีวิต ก็ได้นะครับ

3 ) การเผยแผ่พระพุทธศาสนา อาศัยเทคโนโลยี สื่อมัลติ-มีเดีย และการสื่อสาร ไร้พรมแดน
ทันยุคสมัยมากกว่า วัดอื่นๆ

ทั้งนี้ส่วนหนึ่งมาจาก
วิสัยทัศน์ของคุณยายอาจารย์ อุบาสิกา จันทร์ ขนนกยูง
ที่ให้นโยบายว่า

QUOTE
" จะบวชพระ ให้ไปเรียน จบปริญญา ซะก่อน "


คือ เป็นบัณฑิตทางโลกให้ได้ก่อน แล้วค่อยมาเป็นบัณฑิตทางธรรม

และการที่ภิกษุ สงฆ์วัดพระธรรมกาย มีพื้นฐานความรู้ทางโลกมาพอสมควร
จึงทำให้วัดพระธรรมกายใช้เวลาพียง 20 - 30 ปี ก็สามารถพัฒนาวัด
และสร้างสรรค์การเผยแผ่พระพุทธศาสนา ได้กว้างไกลไปทั่วโลก

แบบเหมาะสมกับเทคโนโลยี สื่อมัลติ-มีเดีย และการสื่อสาร ไร้พรมแดน
และวิถีชีวิตของมนุษย์ในแต่ละยุคสมัย

4 ) และยังบอกบุญจำนวนมากและบ่อยเกินไป
ดูไม่สมถะ อย่างที่เคยคิดและที่คุ้นเคย

โดยส่วนตัวผมมองว่า
การที่เวปลานธรรม แบนทุกเรื่องเกี่ยวกับ คำว่า ธรรมกาย
ตั้งแต่ การปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย
กิจกรรม งานกุศลและการบอกบุญของวัดพระธรรมกาย

มีข้อดีโดยย่อ คือ

1 ) ลดภาระการบริหาร การจัดการ กระทู้และแสดงความคิดเห็น ในเวป ที่มีการแสดงความคิดเห็นขัดแย้งกัน

2 ) การต่อยอดความรู้ ในการปฏิบัติธรรม ให้สมาชิกเวปที่มีพื้นฐานความรู้และใช้แนวการปฏิบัติธรรมเหมือนกัน
ทำได้ง่าย กว่าการที่ยืดหยุ่นให้ มีแนวปฏิบัติธรรมที่หลากหลาย

3 ) บรรยากาศในเวป ดูสงบสุข กว่าในกระดานสนทนาธรรมอื่น ที่มีความหลากหลายในการปฏิบัติธรรม

4 ) ไม่เป็นแหล่งเผยแผ่ ความขัดแย้งทางความคิด ทิฎฐิ ของชาวพุทธ ที่มีระนาบความรู้ ความเข้าใจ
ในพระธรรมวินัยและการเข้าถึงปฏิเวธ ในการปฏิบัติธรรม ที่ลุ่มลึก หยาบ - ละเอียด ยังไม่เท่ากัน

#7 บุญเย็น

บุญเย็น
  • Members
  • 812 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:thailand

โพสต์เมื่อ 06 July 2007 - 11:44 PM

QUOTE
วอนผู้รู้ช่วยมาเปรียบเทียบให้ฟังด้วยครับว่าข้อขัดแย้งที่เห็นต่างกันของ ลานธรรม กับ วัดพระธรรมกายคืออะไร
ทำไม ร้ายแรงจนต้อง "แบน" เลยหรือครับ


ลานธรรมเขา แบน
แต่วันเรา กลม ใสๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

เฮอๆๆ ช่างเขาเถอะอย่าไปสนใจเลย
นำมอ ตี่ จ่าง อ้วง ผู่ สัก

#8 พักผ่อน

พักผ่อน
  • Members
  • 422 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 07 July 2007 - 01:47 AM

ถามว่าผู้คนสนใจมาก แล้วจะต้องเป็นสิ่งที่ดีหรือถูกต้องเสมอไปหรือไม่

- วงการแฟชั่น คนยอมรับกันทั่วโลก
- การดื่มสุรา ก็ยอมรับกันในสังคมชั้นสูง บางแห่งก็เป็นวัฒนธรรมไปเลย
- ดาราดัง ไปประเทศไหนก็มีแต่คนชื่นชมสนใจ หมายความว่าเขาคือความถูกต้องหรือไม่

ความถูกต้องนั้น ไม่ได้อยู่ที่ว่าจะมีใครยอมรับมากหรือน้อย แต่ต้องดูกันที่ความถูกต้องจริง ๆ ทนต่อการพิสูจน์ แม้บางครั้งผู้คนอาจจะรับไม่ได้เพราะขัดกับกิเลสในใจของเขา แต่กาลเวลาผ่านไปเมื่อใจเขาถูกขัดกิเลสออกด้วยวิธีการที่เหมาะสม ก็จะยอมรับได้ในที่สุด แม้ว่าจะเคยต่อต้านมาแค่ไหนก็ตาม

สังคมบางแห่ง พยายามรักษาภาพของความสงบเรียบร้อยเอาไว้โดยเฉพาะถ้าเป็นที่ส่วนตัว แต่บางครั้งการตัดปัญหาก็ไม่ใช่จะหมายความว่าสงบ เพราะปัญหายังไม่ได้ถูกแก้ ตรงกันข้าม แม้เราจะเห็นว่ามีปัญหา แต่พอมีปัญหาแล้วมันคลี่คลายไป โดยไม่ใช่เป็นการหนีปัญหา อย่างนี้ย่อมเกิดความสงบที่แท้จริง เพราะปัญหามันยังไม่หมด แต่การสร้างภาพว่าไม่มีปัญหาก็ไม่ใช่ว่าปัญหาจะไม่มี

ใครจะทำอะไรด้วยวิจารณญาณของเขาเอง ก็ย่อมทำได้ เพราะก็ยังดีกว่าผู้ที่คอยกล่าวหาว่าร้าย บางประเทศเขาห้ามพระภิกษุเข้าประเทศ ก็คงเห็นว่าเป็นปัญหากับความสงบเรียบร้อยมั่นคงในประเทศของเขา แต่การห้ามอย่างนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าประเทศนั้นจะมีความเห็นถูกต้องตรงไปตามความเป็นจริง เป็นแต่เพียงว่าเขามีสิทธิที่จะทำเช่นนั้นได้

ในสมัยพุทธกาลก็มีเจ้าลัทธิมากมายที่ได้รับการนับถือจากผู้คนจำนวนมาก แต่ก็นั่นแหละ ใช่จะหมายความว่าเจ้าลัทธิเหล่านั้นมีความเห็นที่ถูกต้องตรงไปตามความเป็นจริง การที่ชาวบ้านหลายแห่งนิยมกราบไหว้นับถือผีมากกว่านับถือพระ ก็ไม่ได้หมายความว่าผีดีกว่าพระแต่อย่างใด

ตรงนี้ควรแยกให้ออกระหว่างความนิยมชมชอบ กับความเป็นจริงของสัจธรรม เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่ผู้คนมักชอบอะไรที่ดูสงบเรียบร้อยมั่นคง เหมือนอย่างประเทศเผด็จการหลาย ๆ ประเทศก็เรียบร้อยมั่นคงเพราะว่าพอมีอะไรที่ดูจะผิดหลักการ เขาก็กำจัดเสียทันที เขาก็เรียบร้อยได้ในระดับความเข้าใจของเขา เพราะประชาชนไม่มีสิทธิสงสัย ไม่มีสิทธิคิดออกนอกทาง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทางที่เขาทำอยู่จะถูกต้องตรงเป๊ะเสมอไป เพราะไม่มีใครได้โอกาสในการพิสูจน์นั่นเอง มีแต่จะต้องยอมรับทางของเขาเท่านั้น เขาจึงจะยอมคุยด้วย ซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไร แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะถูกต้องเสมอไป

แต่น่าแปลกที่วัดพระธรรมกาย ไม่ได้ปิดกั้นอะไรใครเลย ใครไม่เข้าใจก็ปล่อยให้ไม่เข้าใจไปก่อน เปิดโอกาสให้ศึกษา ค้นคว้า และพิสูจน์ความจริง ไม่ใช่กลัวคนจะด่าเลยสอนเอาใจผู้คน แต่สอนขัดใจผู้คน ขัดกิเลสให้ออกไปจากใจผู้คน นับวันจึงมีผู้คนมาศรัทธาเพิ่มขึ้นมากมาย บางคนก็เคยต่อต้านวัดมาก่อน ทั้ง ๆ ที่เคยไม่เข้าใจอย่างรุนแรงนั่นแหละ เพราะว่าปัญหาที่แท้จริงคือตัณหาในใจของผู้คนมันลดถอยลงไปแล้ว ไม่ใช่พยายามสร้างภาพว่าจะต้องสงบเรียบร้อย ทั้ง ๆ ที่ปัญหามันยังมีอยู่ คือใจของคนในโลกยังไม่มีศีลธรรมกันเป็นส่วนมาก เขาจึงไม่เข้าใจ แต่เมื่อพร่ำสอนอบรมชี้แจงไปเรื่อย ๆ เมื่อแสงสว่างเกิดขึ้นในใจ ความมืดมลายหายไป ปัญหาก็ถูกแก้ และเขาก็เข้าใจได้เอง เมื่อเป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ สุดท้ายจะเกิดสันติสุขที่แท้จริงที่ไม่ใช่การสร้างภาพ เพราะว่าหากต้องการแก้ปัญหา ก็ต้องไม่กลัวที่จะเห็นปัญหาและพยายามแก้ไข

#9 suppy001

suppy001
  • Members
  • 2210 โพสต์

โพสต์เมื่อ 07 July 2007 - 07:01 AM

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะครับที่ช่วยให้เพื่อนมนุษย์มีความคิดเห็นที่ตรง...อาจมีใครที่ยังไม่เข้าใจ แต่สักวันหนึ่งคงจะเข้าใจ เพราะของจริงย่อมทนต่อการพิสูจน์ ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ เราจะไม่สู้ ไม่หนี แต่จะตั้งใจทำความดีเรื่อยไป เพื่อสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นบนโลกใบนี้นะครับ...สาธุ

rolleyes.gif ใครจะ"แบน"ก็ช่างเขา แต่เรา"กลมๆ ใสๆ" ก็พอแล้ว cool.gif

#10 koonpatt

koonpatt
  • Members
  • 616 โพสต์
  • Gender:Female

โพสต์เมื่อ 07 July 2007 - 09:07 AM

อ่านเพื่อทำความเข้าใจในสิ่งที่ดีๆ ในความรู้เถอะค่ะ เมื่อก่อน DMC ก็เคยโพสต์ เวปวัดปากน้ำไม่ได้
(แต่เมื่อกี๊ลองโพสต์ดู ได้แล้วค่ะ) koonpatt ก็ยังงง งง ว่าทำไม เพราะก็เดินตามรอย ของหลวงปู่สดเหมือนกัน ก็ลองกลับไปอ่าน กระทู้เก่าๆ ของ DMC ดูนะคะ ว่า ทาง DMC ก็ แอนตี้บุคคลบางกลุ่ม ที่ บอกว่า เป็นลูกศิษย์ ของหลวงปู่สด เหมือนกัน koonpatt จึงได้คิดว่า คนทุกคนก็คงมีเหตุผลส่วนตัวกันทั้งนั้น

สำหรับ koonpatt เวปลานธรรมนี่ เวลาที่ต้องการหาความรู้ เกี่ยวกับพุทธศาสนา เป็น เวปแรกๆที่ koonpatt จะเข้าไปนะคะ เป็นเวปที่ให้ความรู้ในเรื่องคำสอนของพระพุทธเจ้า ได้อย่างดี อ่านแล้วเข้าใจง่าย ทุกท่านที่เข้ามาตอบ หรือ ถกกัน เป็นท่านที่มีความรู้ในเรื่องของพระธรรมเป็นอย่างดี

ก็อยู่ที่ว่า เราต้องการอะไรค่ะ ก็เหมือน การเล่นเน็ต บางคนอยากเข้าไปเล่นเกม บางคนอยากหาความรู้ บางคนอยากเข้าไปแสดงความเห็นทางด้านลบ บางคนอยากเข้าไปวิจารณ์เรื่องต่างๆ และบางคนก็มาเข้า DMC

ถ้าอยากหาความรู้ ก็มุ่งไปที่ความรู้เถอะค่ะ อย่าไปจับอย่างอื่นเอามาเป็นอารมณ์เลย

ถ้าเราเป็นลูกพระพุทธ เราเข้าไปในเวปอะไร ก็เก็บเกี่ยวแต่สิ่งที่ดีเข้าตัวเถอะค่ะ ใครจะไม่ชอบใคร แอนตี้ใคร ก็เรื่องของเขา ถ้าเรายึดมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้า เราก็เดินทางสายกลางไว้นะคะ

นึกถึงตอนพระพุทธเจ้า ตรัสกับองคุลีมาร ได้มั๊ยคะ "เราหยุดแล้ว แต่ท่านสิ ยังไม่หยุด"

แล้ว เราทั้งหลายเนี่ย "หยุด" กันได้หรือยัง

ขออนุญาตอัญเชิญพระพุทธวจนะมาเพื่อเตือนสติ และเป็นธรรมทาน...


[๘๐] ครั้งนั้นแล ท่านพระอุบาลีเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ
ถวายบังคมแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลว่า ข้าแต่-
*พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส ขอพระผู้มีพระภาคโปรดแสดงธรรม
โดยย่อแก่ข้าพระองค์ ที่ข้าพระองค์ได้สดับแล้ว จะพึงเป็นผู้หลีกออกจากหมู่
อยู่ผู้เดียว ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยวอยู่เถิด ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอุบาลี เธอพึงรู้ธรรมเหล่าใดแลว่า ธรรม
เหล่านี้ไม่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อความดับ เพื่อความ
สงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพาน โดยส่วนเดียว เธอพึงทรงธรรม
เหล่านั้นไว้โดยส่วนหนึ่งว่า นี้ไม่ใช่ธรรม นี้ไม่ใช่วินัย นี้ไม่เป็นคำสั่งสอนของ
ศาสดา อนึ่ง เธอพึงรู้ธรรมเหล่าใดแลว่า ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย
เพื่อคลายกำหนัด เพื่อความดับ เพื่อสงบระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ เพื่อ
นิพพาน โดยส่วนเดียว เธอพึงทรงจำธรรมเหล่านี้ไว้โดยส่วนหนึ่งว่า นี้เป็นธรรม
นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสั่งสอนของศาสดา ฯ


วินัยวรรค ส. อํ. (๘๐)
ตบ. ๒๓ : ๑๔๕-๑๔๖ ตท. ๒๓ : ๑๒๘-๑๒๙
ตอ. G.S. IV : ๙๖-๙๗

จึงยังคง เชื่อมั่นและศรัทธาใน "รัก" เหมือนอย่างที่เคย...เสมอมา...และจะตลอดไป
แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ

#11 suppy001

suppy001
  • Members
  • 2210 โพสต์

โพสต์เมื่อ 07 July 2007 - 03:51 PM

สาธุ..ครับ

#12 กลุ่มตะวันแก้ว

กลุ่มตะวันแก้ว
  • Members
  • 88 โพสต์

โพสต์เมื่อ 08 July 2007 - 01:35 AM

ปัญหานี้ตอบง่ายๆ ครับ ก็พวกแอนตี้ยังไงล่ะครับ พวกนั้นเห็นวัดเราทำอะไรก็ไม่ดีไปหมดแหละ

#13 อีวาน

อีวาน
  • Members
  • 6 โพสต์

โพสต์เมื่อ 09 July 2007 - 05:34 PM

ขอบคุณทุกท่านครับ

#14 somchet

somchet
  • Members
  • 900 โพสต์

โพสต์เมื่อ 09 July 2007 - 05:38 PM

ใช่ครับ ที่นั่นเป็นที่รวมของพวก แอน ครับ พวกโอไม่ค่อยมี

อีกอย่าง พวก แอนมักด่าทอวัดพระธรรมกายด้วยคำพูดหยาบๆคายๆ ทาง web Master เลยแบนคำว่าธรรมกายไปเลยครับ ดังเช่นที่เวบ สิบร้อยทิป ก็เคยถูกแบนด้วยเหตุผลนี้มาก่อน

#15 tep072

tep072
  • Members
  • 32 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 August 2007 - 01:06 PM

ผู้ใช้นามว่า พักผ่อน ตอบได้ดีมากๆ ขออนุโมทนา