หลังการนั่งสมาธิ จะมีความรู้สึก สดชื่น เบิกบาน ในขณะนั้นเอง มีใครบางคนมาตะโกนคำด่า หยายคาย เสียงดัง อย่างแรงให้ได้ยืน ความรู้สึก ดีๆ หายไปหมดเลย กลายเป็นความโกรธ ยิ่งเป็นคนเรียบร้อย ก็ตอบโต้ ไม่ทันโดนอยู่ข้างเดียว
ในกรณีเจอเหตุการณ์ แบบนี้ เราจะมีกลวิธีอย่างไร เพื่อรักษาใจ ไว้ไม่ให้ โกรธ
จะจัดการคนแบบนี้อย่างไรดี

เราจะมีกลวิธีอย่างไร เพื่อรักษาใจ ไว้ไม่ให้ โกรธ
เริ่มโดย deethawan, Aug 14 2007 02:19 PM
มี 8 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 14 August 2007 - 02:19 PM
#2
โพสต์เมื่อ 14 August 2007 - 03:38 PM



หลับตาเบาๆ ผ่อนคลายสบาย ให้ใจหยุดนิ่ง ที่ศูนย์กลางกาย
นิ่งๆ นุ่มๆ นานๆ
#3
โพสต์เมื่อ 14 August 2007 - 04:02 PM
ธรรมดาครับ ตอนเลิกนั่งใหม่ๆ เป็นช่วงที่ใจละเอียดอ่อนเหมือนหยดน้ำใส เจอสิ่งหยาบๆเข้า ความรุนแรงของการกระทบดวงจิตเลยมาก จิตเราก็เลยไหวตามง่าย แต่ตอนที่ใจเราหยาบอยู่แล้ว ไปเจอเรื่องหยาบๆเราก็อาจจะไม่รู้สึกสั่นสะเทือนเหมือนตอนเลิกนั่งใหม่ๆ เพราะหินกับหินเจอกัน ก็เลยไม่มีอะไรตกแตก สมการมันเป็นแบบนี้ครับ โบราณท่านว่า มารมันทดสอบเราว่าเราปล่อยวางเรื่องต่างๆได้หรือไม่ ถ้าหัดปล่อยวางได้บ่อยๆ การปฏิบัติธรรมก็ก้าวหน้าเร็ว ปล่อยวางใจขณะหลับตาใด้ง่ายๆ ค่อยๆอดทนหัดไปครับ
#4
โพสต์เมื่อ 14 August 2007 - 04:58 PM
เอ๊ะ พี่สิริปโภคะ หนูว่ามันน่าจะตรงกันข้ามกันมากกว่านะคะ
ตอนนั่งสมาธิเสร็จใหม่ ใจมันจะนิ่งแต่มีพลัง แล้วจะไม่โน้มเอนไปกับอารมณ์ทางโลกส่วนใหญ่ที่คนเขาเอามาแทงเรา
แต่ตอนที่ไม่ได้นั่งแล้วใจมันจะหยาบและวูบวาบง่าย
ถ้าจะบอกว่าให้นิ่งๆไว้ อย่าไปสนใจ ก็จะเป็นเหมือนพูดง่าย ทำยาก
แต่จริงๆแล้วมันง่ายมากเลยค่ะ คือว่า มันเป็นวิธีเดียวที่รองลงมาจากหูหนวกแต่กำเนิด
ส่วนวิธีทำมันก็ต้องลึกลงไปอีก
หลวงพ่อท่านเคยย้ำนักย้ำหนาว่าให้ใจอยู่กลางกายให้ได้ตลอด
พอเลิกนั่งแล้ว นี่แสดงว่าพี่ไม่ได้รักษาใจให้อยู่กลางตลอด แม้เลิกนั่งแล้วใจก็ต้งออยู่กลางนะคะ
แค่แบ่งไว้ครึ่งหนึ่งล่ะค่ะ แล้วใจเราจะละเอียดตลอดเวลา แล้วที่บอกไปว่าให้ทำเฉยๆ ที่ยากตอนใจไม่อยู่กลางนั้นก็จะง่ายไปเลยค่ะ
ตอนนั่งสมาธิเสร็จใหม่ ใจมันจะนิ่งแต่มีพลัง แล้วจะไม่โน้มเอนไปกับอารมณ์ทางโลกส่วนใหญ่ที่คนเขาเอามาแทงเรา
แต่ตอนที่ไม่ได้นั่งแล้วใจมันจะหยาบและวูบวาบง่าย
QUOTE
ในกรณีเจอเหตุการณ์ แบบนี้ เราจะมีกลวิธีอย่างไร เพื่อรักษาใจ ไว้ไม่ให้ โกรธ
ถ้าจะบอกว่าให้นิ่งๆไว้ อย่าไปสนใจ ก็จะเป็นเหมือนพูดง่าย ทำยาก
แต่จริงๆแล้วมันง่ายมากเลยค่ะ คือว่า มันเป็นวิธีเดียวที่รองลงมาจากหูหนวกแต่กำเนิด
ส่วนวิธีทำมันก็ต้องลึกลงไปอีก
หลวงพ่อท่านเคยย้ำนักย้ำหนาว่าให้ใจอยู่กลางกายให้ได้ตลอด
พอเลิกนั่งแล้ว นี่แสดงว่าพี่ไม่ได้รักษาใจให้อยู่กลางตลอด แม้เลิกนั่งแล้วใจก็ต้งออยู่กลางนะคะ
แค่แบ่งไว้ครึ่งหนึ่งล่ะค่ะ แล้วใจเราจะละเอียดตลอดเวลา แล้วที่บอกไปว่าให้ทำเฉยๆ ที่ยากตอนใจไม่อยู่กลางนั้นก็จะง่ายไปเลยค่ะ
เมื่อไหร่หนอจะได้พบทหารหาญ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
สุนทรพ่อ
muralath2@hotmail
#5
โพสต์เมื่อ 14 August 2007 - 06:11 PM
ถูกทั้งนั้นแหละครับ Omena ลองสังเกตดูถ้าเลิกนั่งแล้วรักษาใจได้อย่างว่า ก็จะเข้มแข็งมีพลังแต่ถ้าไม่รักษาสติ อารมก็ถูกกระทบแตกเอาง่ายๆได้
แต่วิธีที่สำคัญที่สุด คือการ ฝึกฝนทำบ่อยๆครับ
แต่วิธีที่สำคัญที่สุด คือการ ฝึกฝนทำบ่อยๆครับ
#6
โพสต์เมื่อ 14 August 2007 - 06:14 PM
เรื่องแบบนี้หนูลองทำแล้วค่ะ ใครบอกว่า นิ่งเฉย ยากค่ะ หนูทำมาแล้วไม่ยากอย่างที่คิดค่ะ คือมีครั้ง1หนูได้ทะเลาะกับเพื่อนครั้งแรกในชีวิต เพื่อนคนนี้มันด่าเก่งมากค่ะด่าหยาบ แขวะตลอดเวลา สุดๆเลยถ้าใครใจไม่เย็นจริงคงสวนกลับไปแน่นอนค่ะ ก่อนหนูไม่ได้เข้าวัดแรกๆหนุเป็นคนใจร้อนมาก ไม่ยอมคนเลยละคะ แต่พอเข้าวัดรุ้หลักวิชชาแล้ว ทำใจได้เองโดยอัตดนมัติเลยคะ ยังงกับตนเองอยุเลยว่าทำได้ไง และสุดท้ายการนิ่งเฉยก็ชนะโดยไม่ได้ตอบโต้แม้แต่นิดเดียวเลยค่ะ เพื่อนคนที่ด่าแขวะ สุดท้ายเขาก็เหนื่อยจนวันหนึ่งเขาหยุดด่า และในที่สุดก็ดีกันค่ะ แค่หนูไม่ตอบกลับแค่นี้ก็ทำให้ความสัมพันธ์กลับมาเหมือนเดิมได้ เห็นไหมละคะ การนิ่งเฉยไม่ตอบไม่โต้ ทำดีเรื่อยไป มันเป้นยังงี้นี้เองลองไปใช้ดูนะคะ
"ด้วยใจกล้าอาสา พัฒนาไม่หยุดยั้ง"
น้ำฝนลูกพระธัมฯ
#7
โพสต์เมื่อ 15 August 2007 - 06:00 AM
ทุกความเห็นใช่เลยใช้ได้ครับแต่ต้องเพิ่มชั่วโมงบินไปอีกหน่อย แผ่เมตตาให้เขา เลี่ยงการพูดหรือโต้ตอบใดๆ ตอนที่เราอารมไม่ดี หายใจลึกๆยาวๆเลี่ยงไปดื่มน้ำหรือกาแฟซักแปป มนุษย์ทุกคนมีสิทธิ์ผิดพลาดครับ อยู่ที่ว่าเราเข้าใจเขาไหม
#8
โพสต์เมื่อ 15 August 2007 - 01:38 PM
- โกรธ เป็นกิเลสตระกูลหนึ่งที่ เกิดง่าย หายง่าย
- หลวงพ่อฯเคยแนะไว้ว่า โกรธได้ แต่อย่าให้ข้ามคืน เราเห็นด้วยอย่างยิ่งและเห็นว่า อย่าวู่วาม ครองสติให้ดี เดี๋ยวจะเป็นการผูกโกรธ ลามเป็นไฟแค้น นำไปสู่การอาฆาต ผูกพยาบาท
- ควรดำรงสติให้มั่น รักษาศีล แผ่เมตตา รู้จักให้อภัยทานเป็นพื้นฐาน
- กลับมาทบทวนความผิดพลาดของเราเอง อย่าเพ่งโทษผู้อื่น ก่อนจะไปโกรธใคร
- ถ้าบทบาทต้องโกรธ ต้องข่มใจ เพราะแสดงความโกรธออกไปแล้วภาพพจน์ที่สั่งสมมานาน จะถูกลบไปในพริบตาในสายตาผู้อื่น สีหน้าหมอง ตาแดงกล่ำ แสดงอาการอาละวาด ทำลาย นี่มันยักษ์ชัดๆนี่นา
- เห็นเขาท่องกันว่า"โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า"ก็น่าจะช่วยได้บ้างนะ
- หลวงพ่อฯเคยแนะไว้ว่า โกรธได้ แต่อย่าให้ข้ามคืน เราเห็นด้วยอย่างยิ่งและเห็นว่า อย่าวู่วาม ครองสติให้ดี เดี๋ยวจะเป็นการผูกโกรธ ลามเป็นไฟแค้น นำไปสู่การอาฆาต ผูกพยาบาท
- ควรดำรงสติให้มั่น รักษาศีล แผ่เมตตา รู้จักให้อภัยทานเป็นพื้นฐาน
- กลับมาทบทวนความผิดพลาดของเราเอง อย่าเพ่งโทษผู้อื่น ก่อนจะไปโกรธใคร
- ถ้าบทบาทต้องโกรธ ต้องข่มใจ เพราะแสดงความโกรธออกไปแล้วภาพพจน์ที่สั่งสมมานาน จะถูกลบไปในพริบตาในสายตาผู้อื่น สีหน้าหมอง ตาแดงกล่ำ แสดงอาการอาละวาด ทำลาย นี่มันยักษ์ชัดๆนี่นา
- เห็นเขาท่องกันว่า"โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า"ก็น่าจะช่วยได้บ้างนะ
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC
#9
โพสต์เมื่อ 15 August 2007 - 02:07 PM
^^~*
ครับ กราบอนุโมทนาบุญ กับ ทุกท่าน ด้วยครับ
ทุกความเห็น เป็นทางแก้ไข แต่สิ่งหนึ่ง ที่อยากจะขอแนะนำ คือว่า อารมณ์ร้อน คือสิ่งที่เราไม่อยากให้เกิด เพราะถ้าเกิดก็คือการตอบโต้ และก็นำไปสู่ การทะเลาะกัน...
การควบคุมอารมณ์ร้อน นั้น ก็มีหนทางอย่างที่ หลายๆ ท่านบอก คือนิ่งเฉย และ ก็อยู่ที่ศูนย์กลาง ...
แต่ยังไม่พอสำหรับ เรื่อง ที่อาจจะเป็นเรื่องสำคัญ ที่เราต้อง ตอบโต้เพื่อต้องการข้อยุติ ...
เพราะฉะนั้น การที่เรานิ่งเฉย ก็ต้องบวกกับ การตั้งสติ รับฟังเหตุผล แล้วพิจารณา เพื่อตอบโต้ในสิ่งที่ถูกต้อง และไม่สร้างความแตกแยกให้กับ บุคคลที่กำลังโกรธอยู่
เพราะเราอาจจะช่วยให้ เขาคลายความกังวล ลงไปได้บ้าง
การที่เราจำเป็นจะต้อง ตอบโต้ คนที่กำลังโกรธอยู่ ก็ง่าย ๆ
1. ยิ้ม ครับ แล้ว ก็ต้องเบิกบาน (นิ่ง+มีสติ อยู่ตลอดเวลา)
2. เวลาพูด ก็ยังคงยิ้ม และพูดจาด้วยปิยะวาจา มีเหตุผลในทางบวก ไม่ตอบโต้ด้วยความพยาบาท หรือต้องการที่จะเอาชนะ
3. เปิดโอกาส ให้ผู้ที่กำลังโกรธ พูดกลับบ้าง เพื่อที่เขาจะได้ระบาย ความทุกข์ใจ ออกมา
4. ให้กำลังใจ แทนที่จะตำหนิ เหมือน น้ำเย็นใส ดับกองไฟที่กำลังโหมให้สงบลงได้ในยามเช้า เหมือนจะมีบรรยากาศที่สดใสมาแทนที่ ความมืดมิด ...
5. ถ้าสิ่งที่กล่าวมาไม่เป็นผล ไม่มีผลต่อ คนที่กำลังโกรธเลย ก็ต้อง สัมมา อาระหัง ... แล้วก็นึกถึง หลวงปู่ คุณยาย หลวงพ่อ แล้วก็ตั้งหลักใหม่รอให้เขา สงบลงก่อน ... นะครับ
^^~*
อารมณ์ โกรธ ถือว่าเป็นหนึ่งอย่าง ที่ โรงงานดำ ผลิตมา เราต้องละทิ้ง หมั่นประพฤติปฏิบัติธรรมะ เยอะๆ หยุดนิ่ง ให้เข้าถึงความสว่างภายในให้ได้ เร็ว ๆ นะครับ
สาธุรับ ...
ครับ กราบอนุโมทนาบุญ กับ ทุกท่าน ด้วยครับ
ทุกความเห็น เป็นทางแก้ไข แต่สิ่งหนึ่ง ที่อยากจะขอแนะนำ คือว่า อารมณ์ร้อน คือสิ่งที่เราไม่อยากให้เกิด เพราะถ้าเกิดก็คือการตอบโต้ และก็นำไปสู่ การทะเลาะกัน...
การควบคุมอารมณ์ร้อน นั้น ก็มีหนทางอย่างที่ หลายๆ ท่านบอก คือนิ่งเฉย และ ก็อยู่ที่ศูนย์กลาง ...
แต่ยังไม่พอสำหรับ เรื่อง ที่อาจจะเป็นเรื่องสำคัญ ที่เราต้อง ตอบโต้เพื่อต้องการข้อยุติ ...
เพราะฉะนั้น การที่เรานิ่งเฉย ก็ต้องบวกกับ การตั้งสติ รับฟังเหตุผล แล้วพิจารณา เพื่อตอบโต้ในสิ่งที่ถูกต้อง และไม่สร้างความแตกแยกให้กับ บุคคลที่กำลังโกรธอยู่
เพราะเราอาจจะช่วยให้ เขาคลายความกังวล ลงไปได้บ้าง
การที่เราจำเป็นจะต้อง ตอบโต้ คนที่กำลังโกรธอยู่ ก็ง่าย ๆ
1. ยิ้ม ครับ แล้ว ก็ต้องเบิกบาน (นิ่ง+มีสติ อยู่ตลอดเวลา)
2. เวลาพูด ก็ยังคงยิ้ม และพูดจาด้วยปิยะวาจา มีเหตุผลในทางบวก ไม่ตอบโต้ด้วยความพยาบาท หรือต้องการที่จะเอาชนะ
3. เปิดโอกาส ให้ผู้ที่กำลังโกรธ พูดกลับบ้าง เพื่อที่เขาจะได้ระบาย ความทุกข์ใจ ออกมา
4. ให้กำลังใจ แทนที่จะตำหนิ เหมือน น้ำเย็นใส ดับกองไฟที่กำลังโหมให้สงบลงได้ในยามเช้า เหมือนจะมีบรรยากาศที่สดใสมาแทนที่ ความมืดมิด ...
5. ถ้าสิ่งที่กล่าวมาไม่เป็นผล ไม่มีผลต่อ คนที่กำลังโกรธเลย ก็ต้อง สัมมา อาระหัง ... แล้วก็นึกถึง หลวงปู่ คุณยาย หลวงพ่อ แล้วก็ตั้งหลักใหม่รอให้เขา สงบลงก่อน ... นะครับ
^^~*
อารมณ์ โกรธ ถือว่าเป็นหนึ่งอย่าง ที่ โรงงานดำ ผลิตมา เราต้องละทิ้ง หมั่นประพฤติปฏิบัติธรรมะ เยอะๆ หยุดนิ่ง ให้เข้าถึงความสว่างภายในให้ได้ เร็ว ๆ นะครับ
สาธุรับ ...
เ มื่ อ เ ร า ส ว่ า ง * * * โ ล ก * * * ก็ ส ว่ า ง ด้ ว ย ^^~*
ส า ธุ . . . ค รั บ ^^~*