
จับได้ว่าภรรยามีชู้
#1
โพสต์เมื่อ 01 September 2007 - 02:06 PM
#2
โพสต์เมื่อ 01 September 2007 - 02:40 PM
เข้าใจความรู้สึกของจขกท นะคะ คงต้องใช้เวลาค่ะ ตอนนี้ รีบหมั่นสั่งสมบุญทุกบุญนะคะ
รับเอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งอย่างแน่นเหนี่ยว สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำร้ายตัวเองให้แย่ไปกว่าที่รู้สึกอยู่ตอนนี้
ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ย่อมมีสาเหตุและปัจจัยค่ะ มีที่มาที่ไปแน่นอน เป็นด้วยวิบากกรรมของเราเอง ที่ทำให้เราต้องมา
ทุกข์ทรมานเช่นนี้ค่ะ ให้อภัยตัวเองนะคะ อาจจะงง ว่าทำไม ต้องให้อภัยตนเอง แต่ เราต้องให้อภัยตนเองที่เคยก่อทุกข์
ให้ผู้อื่นอย่างแสนสาหัสมาก่อน ถ้าเราให้อภัยตนเองได้เร็วแค่ไหน เราจะยิ่งให้อภัยผู้อื่นได้เร็วเท่านั้นค่ะ
จำไว้นะคะว่ากฏแห่งกรรมเที่ยงธรรมเสมอค่ะ ขอแนะนำให้จขกท ปลีกวิเวกนะคะ ไปหาที่สงบๆ เพื่อนทำใจและยอมรับ
ความจริงสักพักนึงคะ เป็นกำลังใจให้นะคะ อย่าท้อแท้ ฟ้าย่อมงดงามหลังฝนค่ะ ยังมีความสุขดีดี ในชีวิตรอ จขกท อีก
มากมายนักค่ะ
#3
โพสต์เมื่อ 01 September 2007 - 04:13 PM
วิธีการแก้ไขนั้น ผมเห็นด้วยกับผู้ตอบท่านแรกนะครับ ว่า สิ่งสำคัญเร่งด่วนที่สุดที่ต้องแก้ไขก่อนเป็นอันดับแรก คือ ใจของเราเอง เพราะใจของเราเอง สูญเสีย พลังใจ ไปหลายช่วงตัวแล้ว หากปล่อยไว้ พลังใจ อาจเหือดแห้งไปได้
และสิ่งที่จะมาเสริมสร้างกำลังใจเราให้ดีที่สุด ไม่มีอะไรเกิน ธรรมโอสถ รักษาใจ ครับ
ผมว่า ลองปล่อยวาง เรื่องอื่นๆ ไว้ชั่วครู่ แล้วขึ้นไปปฏิบัติธรรมที่พนาวัตน์ หรือ ที่สวนป่าหิมวันต์ สัก 7 วัน ให้ใจของคุณ กลับเข้าสู่สภาวะพักใจ เสริมสร้างพลังใหม่สู้ชีวิตต่อไป เมื่อลงมาแล้ว ให้ลองชวนภรรยาขึ้นไปปฏิบัติธรรมบ้าง เดี๋ยวอะไรดีๆ ที่คาดไม่ถึง จะกลับคืนมา
#4
โพสต์เมื่อ 01 September 2007 - 05:46 PM
#5
โพสต์เมื่อ 01 September 2007 - 06:26 PM
ผู้หญิงคนนั้นเขาไมค่าพอสำหรับคุณหรอกครับ คนที่ทำแบบนี้ได้คือคนที่ไม่มีปัญญาคนที่มีปัญญาไม่ทำแบบนี้หรอกแสดงว่าเขาเม่ได้คิดถึงใครเลยนอกจากตัวเขาเอง ถ้าเขาอยู่คูณก็คงไม่สบายใจหรอกมันเหมือนมีอะไรคาใจเราอยู่ตลอดเวลา สู้เราปล่อยให้เขาไปกระทำในสิ่งที่เขาต้องการดีกว่าแต่ก็เป็นเรื่องยากมากที่จะยอมรับความสูญเสียที่เกิดขึ้นในครั้งนี้มันเหมือนกับว่าสิ่งที่คุณได้ทำมาทั้งชีวิตมันหายไปกับตาและอนาคตสำหรับคุณมันก็มืดสนิทมันเหมือนกับคุณอยู่ตัวคนเดียวในโลก ผมอยากไห้คุณมองกว้างๆเข้าไว้อย่ามองไนวงจำกัดแค่คุณ เมียและลูกคุณต้องมองภาพรวมเข้าไว้โลกเรากว้างและตัวคุณเองต้องทำอะไรอีกตั้งมากมายรับผิดชอบอะไรอีกเยอะแยะมีคนที่ประสบเคราะห์กรรมแบบคุณเป้นล้านคนผมก็หนึ่งไนนั้นผมเหมือนจะตายไห้ได้แต่ผมก็ยังอยู่มาได้ถึงวันนี้ อดทนครับเดี๋ยวอะไรๆมันก็ดีขึ้นเอง ตัดสินใจตอนนี้ดีกว่าเสียใจตลอดชีวิตเดี๋ยวเขาก็ไปรับกรรมของเขาเองแหละครับหนีไม่พ้นหรอก
#6
โพสต์เมื่อ 01 September 2007 - 08:54 PM
I was so lucky that my best friend pushed me to the meditation retreat at Panawat 5 years ago. My paradigm started to shift since that day September 22, 2002.
I was so ardent that I commuted everyday to attend Dream-In-Dream Kindergarten. From then on, a light hit me! As our beloved luangpor Dhammachaiyo asks us to recite everyday, we were born to "ทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญ สร้างบารมี"
Forgive her and her lover, and forget the old paradigm. Set up the new paradigm through Dhamma.
If you think I can be of more help, you may call me.
DMC makes the shift---the paradigm shift.
#7
โพสต์เมื่อ 01 September 2007 - 09:06 PM
#8
โพสต์เมื่อ 01 September 2007 - 11:04 PM
ตอนนี้คุณทุกข์อยู่กับผลของเหตุนั้นๆ เหตุอาจเกิดจากที่คุณว่าไว้...ไว้วางใจจนเกินไป ทำให้มีเหตุอันไม่บังควรตามมา
หรือเหตุเกิดจากผลแห่งกรรม....ที่เราเองได้ประกอบไว้ เราอาจเคยประกอบเหตุที่ทำให้คู่ครองของเราต้องเศร้า ผิดหวังเช่นนี้มารึเปล่า ทั้งเมื่ืื่อชาตินี้ และชาติก่อนๆ มา
กรรม...และผลของกรรมเป็นสิ่งที่หนีไม่พ้น กรรมที่ได้กระทำจะเป็นบุญรึบาป...ไม่หายไปไหน ยังเป็นดวงที่ติดฝังอยู่กลางกายของเรา...ตามไปเกิดตามมาเกิดส่งผลได้ข้ามภพข้ามชาติ และหลายภพหลายชาติ
ถ้าจะตัดรอน...ก็ต้องอโหสิกรรม ทำให้มันไม่มีผล
เท่าที่อ่าน...ผมว่าคุณควบคุมและฝึกฝนตนเองมาได้ถึงระดับหนึ่งทีเดียว การยอมรับ การกล้าที่จะเขียนโพสต์ลงบนบอร์ดนี้ เอาเป็นว่าผมเป็นกำลังใจให้คุณอีกคนหนึ่ง เอาชนะวิกฤติของชีวิตครั้งนี้
อยากแนะให้ใช้วิธี......อโหสิกรรม..... เพื่อมันจะได้จบไปเลย.....แล้วตั้งหน้า "ทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญ สร้างบารมี" อฐิษฐานให้แต่นี้ต่อไปได้พบเจอแต่สิ่งดีอันเป็นกุศล บาปกรรมทุกชนิดอย่าได้กล้ำกราย
ใจเย็นๆ แล้วมองหาสมดุลใหม่แห่งชีวิตนะครับ ...เป็นกำลังใจ โชคดีครับ
#9
โพสต์เมื่อ 01 September 2007 - 11:06 PM
Please be her Kalayanamitr by take her to Panawat for meditation. Your wife need to learn to meditate for her own good. Meditation is the only solution for your wife's problem.
Good luck Mr. User18971.
#10
โพสต์เมื่อ 02 September 2007 - 09:08 AM
เพราะชีวิตเราหากไม่เคยปฏิบัติธรรม
จิตก็จะไปผูกพัน กับสิ่งรอบตัว ครอบครัว การงาน คน สัตว์ สิ่งของ
และไม่รู้ว่าอะไรเป็นเป้าหมายแท้จริงของชีวิต
อะไร คือความสุขแท้จริงของชีวิต
เมื่อไม่รู้ ใจก็เลยไปเกาะเกี่ยวกับสิ่งนอกตัว
ผมว่าถ้าไปปฏิบัติธรรม
ให้รางวัลกับชีวิต
ให้โอกาสกับชีวิตตัวเอง
เราทำเพื่อคนอื่นมาตลอดชีวิต
ใจจะสบายขึ้น มีสมาธิในการเข้าใจ และแก้ไขปัญหาได้ดีขึ้นครับ
ทั้งสองที่คือสวนป่าหิมวัน กับสวนพนาวัฒน์ สามารถติดต่อได้ที่
www.dokmaiban.com
ขอเอาใจช่วยครับ
#11
โพสต์เมื่อ 02 September 2007 - 07:40 PM
#13
โพสต์เมื่อ 03 September 2007 - 09:29 AM
#14
โพสต์เมื่อ 03 September 2007 - 09:42 AM
พนาวัฒน์, สวนป่าหิมวันต์ค่ะ
http://www.dokmaiban...p...ge&Itemid=1
ส่วนลิ้งค์นี้เป็นหมู่บ้านปฏิบัติธรรมนะคะ ที่นี่ก็ดีมากเช่นกันค่ะ การันตี เมื่อก่อนตอนฟ้าร้างทำงานอยู่ ฟ้าร้างจะมาที่นี่ทุกศุกร์-อาทิตย์เลยค่ะ มีความสุขมาก ลืมโลกภายนอกไปเลย กลับไปก็มีกำลังใจใช้ชีวิตค่ะ
http://www.meditation-village.net/
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#15
โพสต์เมื่อ 03 September 2007 - 10:40 AM
นั่งธรรมมะ ดู DMC อ่านหนังสือธรรมมะเยอะๆ จะช่วยได้มากๆ เลยค่ะ เมื่อไรที่ใจจะฟุ้งไปคิดเรื่องนั้นอีกก็เอา MP3 file เสียงของหลวงปู่ คำสอนยาย หลวงพ่อ มาฟัง ใจจะได้ไม่ฟุ้งซ่านค่ะ (คิดอย่างไร ใจก็จะเป็นยังงั้น คิดเรื่องทุกข์ใจเราก็ทุกข์ไม่จบสิ้น คิดเรื่องบุญ ใจเราก็สบาย) อย่าอยู่เงียบๆ คนเดียวนะ อย่างน้อยให้มีธรรมมะเป็นเพื่อน แต่ก่อนเราจะฟังธรรมแบบ ผ่านๆ ไม่เข้าไอยู่ในใจ แต่พอเรามีทุกข์แล้วเอามานั่งฟังอย่างตั้งใจ เราจะเข้าใจอะไรมากขึ้น ยิ่งฟังซ้ำยิ่งแจ่มแจ้งว่า เป้าหมายชีวิตที่แท้จริงของเราคืออะไร งานที่แท้จริงคืออะไร ... เพราะงานการมีครอบครัวมันเป็นงานของพญามารทั้งสิ้น ... ต้องตัดใจให้ได้ค่ะ แรกๆ อาจจะยากหน่อย แต่ไม่นานเราก็จะทำได้ค่ะ ให้เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาสนะคะ คิดซะว่าเราจะได้มี่เวลาให้กับตัวเองมากขึ้น ไม่ต้องคอยห่วงใยดูแลใคร และจะค้นพบตัวตนที่แท้จริงของตนเองค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ ลองฟังไฟล์เสียงของหลวงปู่ เรื่อง ฝันในฝัน ดีมากๆ เลยค่ะ ฟังเพลง ชีวิตก็เป็นอย่างนี้ ของคุณเจินเจินด้วยนะคะ จะช่วยได้ดีทีเดียว
http://www.kalyanami...ing.asp?catid=1
#16
โพสต์เมื่อ 03 September 2007 - 06:36 PM
ถ้าเป็นผมนะคุณเจ้าของกระทู้ ถ้าผมมีแฟน แล้วแฟนผมมีคนอื่น ผมจะคิดเสียว่า(และทุกวันนี้ผมก็คิดเช่นนั้นหลังจากที่ผมสูญเสียแฟนผมไป) เรากับเขาไม่ใช่คู่กัน เขามาแค่ขอพึ่งพิงเราเท่านั้น แม้จะแต่งงานกัน เราก็ไม่ใช่เจ้าของเขา ตัวก็ยังเป็นของเขา ชีวิตก็ยังเป็นของเขา จิตใจก็ยังเป็นของเขา ไม่มีอะไรที่เป็นของเรา เราตายไปเขาก็ไม่ได้ตายไปกับเราด้วย หากเราเป็นเจ้าของเขาจริง เราคิดอยากให้เขาทำอะไรเขาก็ต้องทำตามที่ใจเราคิดใช่ป่ะ แต่นี้เราคิดอีกอย่างบางทีเขากลับทำอีกอย่าง แล้วแบบนี้จะเรียกว่าเราเป็นเจ้าของเขาได้ยังไงจริงไหมครับ เพราะฉนั้นในเมื่อเราไม่ใช่เจ้าของเขา เขาก็ไม่ใช่เจ้าของเรา เราก็อย่าไปโกรธไปเกลียดเขาเลย เขาอยากทำอะไรก็ปล่อยให้เขาทำไป แต่บอกกับเขาว่าอย่าให้เดือดร้อนมาถึงเราก็แล้วกัน
และที่สำคัญ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า มนุษย์เราทุกคน เกิดมานับชาติไม่ถ้วนแล้ว บางชาติเกิดเป็นผู้ชาย บางชาติเกิดเป็นผู้หญิง บางชาติเกิดเป็นเพื่อนเรา บางชาติเกิดเป็นศัตรูกับเรา บางชาติเกิดเป็นพ่อแม่เรา บางชาติเกิดเป็นพี่น้องเรา บางชาติเกิดเป็นสัตว์ เป็นหมาบ้างเป็นแมวบ้าง เป็นไส้เดือนเป็นกิ้งกือบ้าง ดังนั้นอย่าไปถือโทษหรือคิดมากกันเลยครับ หากลองเอาสิ่งที่พระองค์ตรัสไว้นี้ไปคิดจะช่วยรักษาแผลในใจของคุณเจ้าของกระทู้ได้เยอะนะครับ
รู้ป่ะว่าตอนผมอกหักผมคิดยังไง ผมจะใช้คำสอนข้อนี้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาพิจารณา คิดว่าต้องมีสักชาติที่เขาเกิดมาเป็นผู้ชายแล้วผมก็จะคิดได้ว่า อ้าว นี่ตูมาชอบคนที่เคยเกิดเป็นผู้ชายในอดีตชาติเหรอเนี่ย - -" บางทีถ้าเป็นหนักผมก็จะคิดว่าต้องมีสักชาติเขาคงเกิดมาเป็นพ่อหรือแม่เรา ก็จะทำให้ผมคิดได้อีกว่า อ้าว นี่ตูมารักพ่อแม่ตัวเองในอดีตชาติเหรอเนี่ย - -" ไม่ใช่แค่เรื่องความรักนะครับ แม้แต่ตอนทะเลาะกับใครสักคนหรือไม่พอใจใครสักคน ผมก็จะคิดเช่นนี้ เอานะ เราเคยอาศัยท้องเขามาเกิดในอดีตชาติ ยอมๆมันไปทดแทนพระคุณในชาติที่เราอาศัยเขาเกิด นี่ถ้าเจ้าของกระทู้คิดได้เช่นนี้ จะช่วยจิตใจเจ้าของกระทู้ได้เยอะเลยครับ เชื่อโผ๊มเต๊อะ ลองดูสิครับ
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#17
โพสต์เมื่อ 04 September 2007 - 09:21 AM
ก่อนอื่นเป็นกำลังใจ ให้ก่อนนะค่ะ
แต่ที่สำคัญที่สุด ตัดใจค่ะ ตัดให้ได้
อาจจะยากสักนิด แต่ไม่เกินความสามารถหรอกค่ะ
ปล่อยใจเบาๆ สบายๆ พอหายมึน ก็ปรับใจได้ แล้วเราจะพบหนทางสว่างค่ะ
เคยมีประสบการณ์แบบท่านเจ้าของกระทู้ หากแต่ฝ่ายตรงกันข้าม
มองย้อนกลับไป ก็คิดได้ว่า
ต้องรีบ นะค่ะ
ต้องรีบ ตัดใจ ใจเป็นของเรา
ทำได้ เมื่อเราได้ทำ
สิ่งที่เกื้อหนุนให้เราทำได้ ดียิ่งขึ้น ก็เหมือนกับที่ หลายๆ ท่านแสดงความคิดเห็นมาก่อนหน้านี้
เลือกวิธีได้ตามจริต อัธยาศัย เลยค่ะ
เราทำได้ คุณก็ทำได้........
#18
โพสต์เมื่อ 04 September 2007 - 04:00 PM
http://www.dmc.tv./f...showtopic=13575
- ถามใจเราว่า...พร้อมที่จะพลัดพรากจากของรักหรือยัง
- บางเรื่องเป็นเหตุปัจจุบัน บางอย่างเป็นเหตุจากความประมาทไว้เนื้อเชื่อใจ บางอย่างก็เป็นเหตุจากวิบากกรรมกาเม
- อาจต้องเปิดโอกาสพูดคุย...ในเชิงเสวนากับภรรยา...โดยพิจารณาตนเองว่าเราบกพร่อง"เรา"ตรงไหน...แล้วค่อยตัดสินใจ
- ประคองรักษาใจบุตร...จนกว่าเขาโตพอ ที่จะเข้าใจและพร้อมรับฟังในเหตุผล
#19
โพสต์เมื่อ 05 September 2007 - 12:15 AM
#20
โพสต์เมื่อ 05 September 2007 - 06:22 AM
ด้วยความปรารถนาดี...
#21
โพสต์เมื่อ 05 September 2007 - 04:12 PM
คิดดูให้ดื....แล้วจะปลงตก....วางอุเบกขาได้...
ให้อภัยได้เอง...สงสารเขาเถอะ.....ตกนรกทั้งเป็น.....
ทางแก้ปัญหาทางโลก..................
...เป็นเรื่องของครอบครัว....ต้องคุยก้น..ให้อภัยกัน...อย่าจองเวร...จะตามไปภพหน้า...
เขายอมรับว่าผิด..เขาต้องหยุด...และเลีอก....ต้องทำในสิ่งทื่ถูกต้อง......
จะอยู่ก้บเพี่อน...ก็จบ...
จะอยู่กับคุณ.....คุณอภัยให้ได้ไหม....คุยกันให้จบ..แล้วเลิกพูดถึงอีก...
หลายคนบอกทำยาก...แต่เพี่อลูก
ให้อภัย...อโหสิ
#22
*ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 16 February 2012 - 03:52 AM
