กรรมจากการตกปลา
เกิดแก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมชาติ...ชาติหน้าเกิดใหม่ ค่อยสร้างกันใหม่ เลือกได้ทั้ง บุญและบาป...
" บุญ ก็เหมือนเรือไม้ ที่ลอยไปตามกระแสน้ำ บาปนั้นเหมือนเรือเหล็ก ถ้าล่มเมื่อไหร่ แล้วเรืออะไรที่มันจะลอย "
"เรือไม้ครับ" ข้าพเจ้าหนุนคำพูด
" แล้วเราจะเกาะเรือลำไหนเมื่อเรากำลังลอยท่ามกลางมหาสมุทรและก็มองไม่เห็นฝั่ง "
" เรือไม้ครับ " ข้าพเจ้ายันคำเดิมเพราะฟังท่านเทศน์ให้คนอื่นฟังจนชินหู
" ถ้างั้นเราต้องหมั่นสร้างบุญ ถ้าสร้างบาปก็เหมือนเกาะเรือเหล็กที่รั่ว ไม่ทันไรก็ต้องจมน้ำตาย....เกาะบุญไว้จะได้ถึงฝั่งสักวันหนึ่ง "
หลวงตาสอนย้ำข้าพเจ้าอีกเมื่อสมัยที่พ่อนำข้าเจ้าไปฝากไว้ที่วัดอินทาราม แต่สมัยนั้นอายุยังน้อยเพิ่งเรียนชั้นมัธยม ๒ โรงเรียนวัดแห่งหนึ่ง ข้าพเจ้าจึงได้แต่ฟังไปเท่านั้นไม่ค่อยได้ปฏิบัติเท่าไหร่
พอหลวงตาเผลอ ข้าพเจ้าก็ไปหย่อนเบ็ดตกปลาหลังกฏิ จนหลวงตาจับได้เลยโดนหวดด้วยไม่เรียวไปหลายป้าบ ถึงเจ็บก็ไม่เข็ดเพราะมันสนุกเพลิดเพลินกับการทำบาป เลยแอบไปตกปลกที่อื่นกับเพื่อนให้ไกลหูไกลตาท่านหน่อย สนุกเพลิดเพลินไปอีกแบบ
พอโตขึ้นเลยกลายเป็นเซียนเบ็ดไปโดยปริยาย จากเบ็ดคันไม้ไผ่กลายเป็นเบ็ดฝรั่งชั้นดีราคาเป็นพัน...จากคูน้ำลำคลอง กลายเป็นกลางทะเล เย่อกับปลาใหญ่ สร้างบาปใหญ่ขึ้นตามลำดับ ขอให้สนุกไว้ก่อนเถอะ เรื่องบาปกรรมค่อยว่ากันทีหลัง ... ลืมคำสั่งสอนของหลวงตาสมัยเป็นเด็กเสียจนสิ้น....
วันหนึ่งข้าพเจ้าคิดถึงท่านจึงขับรถไปหาท่านที่วัดอินทาราม คุยถามสารทุกข์สุขดิบ จนกระทั้งวกเข้าเรื่องสมัยเก่า ท่านจึงถามข้าพเจ้าว่า
" เดี๋ยวนี้ยังตกปลาอยู่หรือเปล่า "
ข้าพเจ้าไม่กล้าโกหกท่านเลยตอบตามความเป็นจริง
" เป็นบางครั้งครับ เป็นการพักผ่อนจากการทำงานครับ "
" ทำบาปสร้างกรรมนะซิ แล้วมาอ้างว่าเป็นการพักผ่อน "
" โธ..หลวงตา เพื่อนชวนไปเที่ยวสังสรรค์เลยต้องไปกัน มันเป็นเกมกีฬาน่ะครับ "
" เราสนุก แต่เขาได้รับความเจ็บปวด ระวังเถอะเวรกรรมจะตามสนอง "
ถึงท่านจะพูดอย่างไรข้าพเจ้าก็ไม่เชื่อ เพราะข้าพเจ้าชอบ จึงยังคงสนุกกับการตกปลาที่พวกเราเรียกกันว่าเกมกีฬาอยู่เรื่อยมา โดยไม่เฉลียวใจเลยว่าเวรกรรมมันกำลังตามสนองอย่างช้า ๆ มาโดยตลอด กล่าวคือ
วันนั้นพวกข้าพเจ้าไปเที่ยวสวนสนบางแสนแล้วเช่าเรือไปตกปลากัน ปลาที่ได้ส่วนมากเป็นปลาเก๋าชนาดเล็กไม่เกินฝ่ามือ
" จึงนำมาผิ้งจิ้มน้ำจิ้มเป็นส่วนใหญ่แกล้มเหล้า แล้วกรรมเล็ก ๆ ก็ตามสนองเมื่อโดนก้างตำเหงือก ตอนนั้นข้าพจ้ากำลังเมาเลยไม่รู้สึกเจ็บ
พอรุ่งเช้าปรากฏว่าเหงือกบวมเป่ง ปวดฟันกินอะไรไรก็ไม่ได้ ซื้อยามากินก็ไม่หายทรมาน ปวดอยู่ ๒ วันจนทุเลา แต่ไม่นานก็ปวดฟันขึ้นมาอีก คราวนี้เลยต้องให้หมอถอนฟันออกถึงได้หายปวด
ข้าพเจ้าสร้างบาปกับปลามาแยะสร้างกรรมไว้มาก จึงต้องใช้กรรมด้วยการปวดฟันมาตลอด ตอนแรกไม่ได้คิดว่าเป็นเพราะกรรมตามสนอง จนกระทั้งไปหาหลวงตาอีกครั้ง แล้วคุยกันถึงเรื่องนี้ท่านเลยถามว่า
" ปวดฟันทรมานมากไหม "
ข้าพเจ้าตอบว่า
" ทรมานยิ่งกว่าปวดอะไรทั้งหมดในตัวเลยครับ "
" นั้นแหละกรรมจากผลของการตกปลาล่ะ "
ข้าพเจ้าเริ่มคิดถึงเรื่องผลกรรมขึ้นมาได้ตอนนี้เอง เมื่อท่านพูดต่อไปว่า
" เราตกปลา เบ็ดมันก็เกี่ยวปากเกี่ยวเหงือก ฟันมัน ปลามันมีชีวิต มีความรู้สึกว่าเจ็บ เราทำกับมันเอาไว้กรรมก็ย้อนกลับมาหาเรา
" เหมือนกับการปลูกพืช เราปลูกอะไรย่อมได้ผลอย่างนั้น ...อีกอย่างเป็นเรื่องน่าสมเพช ที่เราไม่รู้ว่าวิญญาณที่กลับมาเกิดเป็นปลานั้นเป็นใคร อาจเป็นญาติผู้ใหญ่คนใดคนหนึ่งของเราก็ได้...เวร "
ท่านกล่าวเกินไปจนข้าพเจ้าสดุ้งใจ เพราะข้าพเจ้ามันคนใกล้วัด ฟังเทศน์ฟังธรรม จนทะลุปรูโปร่ง
" แล้วทำยังไงกรรมจะทะลุเลาเบาบางได้บ้างล่ะครับหลวงตา "
" ก็หมั่นทำบุญทำทาน ขออโหสิจากเจ้ากรรมนายเวร สร้างกุศลด้วยการให้อภัยทาน เลิกการทำร้ายสัตว์เดียรัจฉานที่ด้อยโอกาสกว่ามนุษย์
แต่กรรมนั้นลบล้างกันไม่ได้หรอก เพียงหยุดสะสม ชดใช้แค่ที่ทำมาก็พอเพียงแล้ว...แต่นั้นแหละนะ พระพุทธองค์ท่านตรัสว่าบัวมี ๔ เหล่า ไม่พ้นน้ำมีหรือจะพ้นการเป็นเหยื่อเต่า ปู ปลา " แล้วท่านก็ส่ายหน้าช้า ๆ
" ข้าพเจ้าเริ่มเข้าใจคำสอนอย่างถ่องแท้ และเริ่มทำตามอย่างที่ท่านสอน หักคันเบ็ดทิ้งเลิกตกปลาตั้งแต่นั้นมาเพราะถ้าเอาเบ็ดไปขายหรือให้คนอื่นต่อก็เหมือนหยิบยื่นทุกข์ให้กับปลาอีก
" แล้วหมั่นทำบุญใส่บาตรไปตลาดซื่อปลาตัวที่แข็งแรงมาปล่อยแทบทุกเช้า อาการปวดฟันก็ไม่ค่อยปวดเหมือนก่อน นาน ๆ จะปวดสักครั้ง ส่วนมากจะปวดหน้าหนาว อาการไม่รุนแรงเพียงแต่เจ็บจี๊ด ๆ นิดหน่อยเท่านั้น
นี่แหละเรื่องกรรมเล็ก ๆ ที่ข้าพเจ้าประสบอยู่ เป็นการกระทำที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ สัตว์โลกที่เกิดมาไม่ว่าจะเป็นสัตว์เล็กหรือสัตว์ใหญ่ ย่อมมีชีวิตจิตใจ มีความกลัวเจ็บ กลัวการตายด้วยกันทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นเราเป็นมนุษย์สุดประเสริฐ จึงไม่สมควรที่จะไปเบียดเบียนสัตว์เล็กที่ด้อยโอกาสกว่า
สัตว์นั้น เกิดมาเพื่อชดใช้กรรมอยู่แล้ว จงอย่าไปซ้ำเติมเขาอีกเลย เพราะกรรมต้องชดใช้ด้วยกรรมที่ก่อเท่านั้นถึงจะหมดหนี้กรรม ต่อใหมีเงินสักร้อยล้านพันล้านก็ไม่อาจใช้หนี้กรรมได้หรอก....
เชื่อคนที่กำลังทยอยชดใช้กรรมอย่างข้าพเจ้าเถอะ....
บทความดีๆ จากเว็บ www.thaiza.com

กรรมของการตกปลา
เริ่มโดย นักรบกองทัพธรรม, Sep 24 2007 05:56 PM
มี 2 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 24 September 2007 - 05:56 PM
#2
โพสต์เมื่อ 24 September 2007 - 09:38 PM
Sa Dhu
#3
โพสต์เมื่อ 03 December 2007 - 08:29 PM
สาธุ
พระพุทธเจ้ารู้
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์