เมื่อมีความผูกพันธ์ ความห่วงใย มักเป็นทุกข์ แต่อย่างไรใจก็อยากพ้นทุกข์นี้ควรทำอย่างไรดี

วิธีคลายความผูกพันธ์ความห่วงใยให้หมดทำอย่างไรดี
เริ่มโดย c'est bon la vie!, Oct 09 2007 09:34 PM
มี 8 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 09 October 2007 - 09:34 PM
#2
โพสต์เมื่อ 09 October 2007 - 09:54 PM
ไม่คิด ไม่นึกถึง ไม่หันหลังกลับไปมอง สลัดออกเหมือนสั่งน้ำมูก พ่นลมออกทางจมูกแรงๆ
ไม่นึก ไม่คิดถึงเด็ดขาดครับ หักดิบ เด็ดให้ขาดเลย
ไม่นึก ไม่คิดถึงเด็ดขาดครับ หักดิบ เด็ดให้ขาดเลย
#3
โพสต์เมื่อ 09 October 2007 - 10:39 PM

"ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน"
พระพุทธภาษิต
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
พระอมตะวจนา แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
[/color]
"...พระพุทธศาสนา บริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระ และเป็นประโยชน์ในทุกระดับ
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
[color="#990000"]ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี
#4
โพสต์เมื่อ 09 October 2007 - 11:25 PM
ธรรมเหล่าใด เกิดแต่เหตุ ฯ ครับ
ความทุกข์ทางจิต / ใจ / อารมณ์ จากสาเหตุใด ๆ ก็ตาม ล้วนมี อวิชชา เป็นรากเหง้า ทั้งนั้นครับ
มนุษย์จึงคิด / เข้าใจ ในสิ่งที่เกิดขึ้น สถานการณ์ที่เผชิญ สิ่งที่ได้ สิ่งที่มี สิ่งที่เป็น
และสาเหตุแท้จริงของแต่ละปัญหา ได้ไม่ตรงตามความเป็นจริง
จึงยังหลงและยึดมั่น ถือมั่น ในสิ่งที่ได้ สิ่งที่มี สิ่งที่เป็นกันอยู่
วีธีแก้ไข ก็มีหลายวิธี ได้ผลดีมาก ดีปานกลาง ดีน้อย และแก้ไขได้ชั่วคราวและแก้ไขแบบถาวร ยั่งยืน ครับ
วิธีที่ได้ผลดีที่สุดและยั่งยืน คือ ขจัด กำจัด อวิชชา ด้วย วิชชา / ความเห็นแจ้ง รู้แจ้ง ตรงไปตามความเป็นจริง
ส่วนวิธีอื่น ๆ ก็พอบรรเทาความทุกข์ทางจิต ใจ ได้ไปตามสมควร เช่น
อดและทน ( สิ่งที่อยากได้/มี/เป็น แต่ไม่ได้ คือ อด / สิ่งที่ไม่อยากได้ แต่ต้องได้/มี/เป็น คือ ต้องทน )
ใช้ปัญญาการพิจารณาคุณ และโทษของความผูกพันธ์ ความห่วงใย ว่า
มีประโยชน์หรือ โทษ อะไรให้ตนเองและคนรอบตัว/ส่วนรวม บ้าง
ใช้มนุษย์สมบัติ ที่บุพการีให้มา ไปทำคุณประโยชน์แก่ตนเอง คนรอบตัว ให้คุ้มค่า
ใช้เวลาที่มีเท่ากันกับมนุษย์คนอื่น ๆ ไปใช้ในทางสร้างสรรค์ พัฒนาความรู้ พัฒนาคุณธรรม
หรือใช้เวลาไปทำสิ่งที่ตนเองชอบ ทำแล้วใจสบาย แต่ต้องไม่ผิดศีล ไม่ผิดธรรม ไม่ผิดกฎหมาย นะครับ
ฯลฯ
หรือลองแวะไปที่ DMC music conner หน้าที่ 4 ฟัง mp3 / ชมmv เพลง ชีวิตก็เป็นอย่างนี้
http://www.dmc.tv/pr...s/mv/page4.html
อาจได้คิด และเข้าใจสิ่งที่ผ่านมาในชีวิต ในช่วงเวลานี้ ได้ดีขึ้นครับ
ขอให้บุญรักษา พระคุ้มครอง นะครับ
ความทุกข์ทางจิต / ใจ / อารมณ์ จากสาเหตุใด ๆ ก็ตาม ล้วนมี อวิชชา เป็นรากเหง้า ทั้งนั้นครับ
มนุษย์จึงคิด / เข้าใจ ในสิ่งที่เกิดขึ้น สถานการณ์ที่เผชิญ สิ่งที่ได้ สิ่งที่มี สิ่งที่เป็น
และสาเหตุแท้จริงของแต่ละปัญหา ได้ไม่ตรงตามความเป็นจริง
จึงยังหลงและยึดมั่น ถือมั่น ในสิ่งที่ได้ สิ่งที่มี สิ่งที่เป็นกันอยู่
วีธีแก้ไข ก็มีหลายวิธี ได้ผลดีมาก ดีปานกลาง ดีน้อย และแก้ไขได้ชั่วคราวและแก้ไขแบบถาวร ยั่งยืน ครับ
วิธีที่ได้ผลดีที่สุดและยั่งยืน คือ ขจัด กำจัด อวิชชา ด้วย วิชชา / ความเห็นแจ้ง รู้แจ้ง ตรงไปตามความเป็นจริง
ส่วนวิธีอื่น ๆ ก็พอบรรเทาความทุกข์ทางจิต ใจ ได้ไปตามสมควร เช่น
อดและทน ( สิ่งที่อยากได้/มี/เป็น แต่ไม่ได้ คือ อด / สิ่งที่ไม่อยากได้ แต่ต้องได้/มี/เป็น คือ ต้องทน )
ใช้ปัญญาการพิจารณาคุณ และโทษของความผูกพันธ์ ความห่วงใย ว่า
มีประโยชน์หรือ โทษ อะไรให้ตนเองและคนรอบตัว/ส่วนรวม บ้าง
ใช้มนุษย์สมบัติ ที่บุพการีให้มา ไปทำคุณประโยชน์แก่ตนเอง คนรอบตัว ให้คุ้มค่า
ใช้เวลาที่มีเท่ากันกับมนุษย์คนอื่น ๆ ไปใช้ในทางสร้างสรรค์ พัฒนาความรู้ พัฒนาคุณธรรม
หรือใช้เวลาไปทำสิ่งที่ตนเองชอบ ทำแล้วใจสบาย แต่ต้องไม่ผิดศีล ไม่ผิดธรรม ไม่ผิดกฎหมาย นะครับ
ฯลฯ
หรือลองแวะไปที่ DMC music conner หน้าที่ 4 ฟัง mp3 / ชมmv เพลง ชีวิตก็เป็นอย่างนี้
http://www.dmc.tv/pr...s/mv/page4.html
อาจได้คิด และเข้าใจสิ่งที่ผ่านมาในชีวิต ในช่วงเวลานี้ ได้ดีขึ้นครับ
ขอให้บุญรักษา พระคุ้มครอง นะครับ
ใจหยุดที่สุดแห่งบุญ มุ่งสู่ที่สุดแห่งธรรม
#5
โพสต์เมื่อ 11 October 2007 - 02:33 PM
นึกถึงความตายก็ได้ค่ะ
นึกว่าไม่รู้เราจะตายเมื่อไหร่ ความตายไม่มีนิมิตหมาย ถ้าเราตายตอนนี้เราจะทำอย่างไร เราจะไปไหน เวลาตายก็ไปคนเดียว ไม่มีใครไปกับเราด้วย ใครก็ช่วยเราไม่ได้ เราต้องช่วยตัวเราเอง
จะได้คลายความผูกพัน และเราจะได้เร่งสร้างความดีมากๆ หน่ะค่ะ
นึกว่าไม่รู้เราจะตายเมื่อไหร่ ความตายไม่มีนิมิตหมาย ถ้าเราตายตอนนี้เราจะทำอย่างไร เราจะไปไหน เวลาตายก็ไปคนเดียว ไม่มีใครไปกับเราด้วย ใครก็ช่วยเราไม่ได้ เราต้องช่วยตัวเราเอง
จะได้คลายความผูกพัน และเราจะได้เร่งสร้างความดีมากๆ หน่ะค่ะ
sleepless
#6
โพสต์เมื่อ 11 October 2007 - 05:29 PM
QUOTE
ใจก็อยากพ้นทุกข์นี้ควรทำอย่างไรดี
- แบบค่อยเป็นค่อยไป ก็ไม่ต้องไปนึกถึง ถอยจากสิ่งแวดล้อมนั้น ตรึกนึก สติสบายเป็นอารมณ์- แบบหักโหม ต้องบำเพ็ญตบะทรมานใจที่ผูกพันธ์ที่เหมือนปลาคุ้นน้ำ เด็ดให้ขาดเหมือนเก็บดอกบัวในฤดูสารท
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC
#7
โพสต์เมื่อ 11 October 2007 - 11:19 PM
ปัจจุบันก็เป็นเหมือนกันค่ะ ทั้ง ๆ ที่ นั่งสมาธิทุกวัน ทำงานก็ทั้งวันไม่ค่อยว่าง ออกพื้นที่ พบปะประชาชนก็แล้ว แต่พอว่างเมื่อไหร่ ใจคิดถึง เป้นทุกข็ ตลอดเวลา ห่วง พะวง นึกถึงตลอดเวลาที่จิตใจว่าง
#8
โพสต์เมื่อ 12 October 2007 - 08:39 PM
ต้องฝึกตัดอารมณ์บ่อยๆ โดยเริ่มจากสิ่งเล็กๆก่อน เช่นการบริจาคทรัพย์ ให้อภัยคนอื่น แม้เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆครับ
ใจมนุษย์ มันคุ้นกับกามเหมือนกับเสือคุ้นป่า ปลาคุ้นน้ำ
การสลัดตนออกจากกามจึงไม่ใช่เรื่องง่ายครับ
ใจมนุษย์ มันคุ้นกับกามเหมือนกับเสือคุ้นป่า ปลาคุ้นน้ำ
การสลัดตนออกจากกามจึงไม่ใช่เรื่องง่ายครับ
#9
โพสต์เมื่อ 13 October 2007 - 11:55 AM
เปลี่ยนบรรยากาศครับ หยุดภารกิจปัจจุบันทุกอย่าง แล้วลองไปปฏิบัติธรรมสัก 7 วัน ที่พนาวัฒน์ ภูเรือ ดูสิครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร