ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ถ้าเรารู้ว่าตัวเราบาปหนา..


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 8 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 dhammada

dhammada
  • Members
  • 4 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 October 2007 - 09:51 AM

ในกรณีที่เราเป็นคนมักโกรธ และฝังใจ จนกลายเป็นความอาฆาตพยาบาท
เราจะมีวิธีทำอย่างไรที่ทำให้บาปนั้นเบาบางลงบ้างไหมคะ

เพราะการอาฆาตพยาบาทนั้น ทำให้เราผิดศีลข้อ

1.ปาณาติบาต ด้วยความเจตนา แต่เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์

เราจะทำอย่างไร ถึงจะทำให้เรารู้สึกดีขึ้นบ้างไหมคะ

ช่วงนี้ก็พยายามให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนาและแผ่เมตตา

โดยถือศีล 5 ให้บริสุทธิ์ (กรรมบถ10)

แต่ก็ยังรู้สึกไม่ดีต่อตัวเอง ทราบว่าบุญส่วนบุญ บาปส่วนบาป

แต่อยากให้เบาบางลงไป เพราะกลัวอุปนิสัยเก่า ๆ จะติดไปยังภพเบื้องหน้า

ควรจะทำอะไรเพิ่มเติม แก้ไขอย่างไรดีคะ

ไฟล์แนบ



#2 suppy001

suppy001
  • Members
  • 2210 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 October 2007 - 11:01 AM

รู้ตัวว่าตนเองบาปหนา ก็ถือว่าโชคดีที่ยังรู้ตัว เมื่อรู้แล้วก็ให้พยายามปรับปรุงแก้ไขสิ่งที่ไม่ดีตามหลักพุทธวิธี เช่น หมั่นแผ่เมตตาบ่อยๆ ให้อภัยกับทุกคน แต่ที่สำคัญที่สุดคือหมั่นนั่งสมาธิให้ใจใส ๆ ครับ แล้วอะไร ๆ ก็จะดีขึ้น เป็นกำลังใจให้นะครับ....สาธุ

#3 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 October 2007 - 11:20 AM

QUOTE
ในกรณีที่เราเป็นคนมักโกรธ และฝังใจ จนกลายเป็นความอาฆาตพยาบาท เราจะมีวิธีทำอย่างไรที่ทำให้บาปนั้นเบาบางลงบ้างไหมคะ
- กิเลส ตระกูล โทสะ ต้องสู้กันด้วย"ศีล"จึงจะเบาบาง
QUOTE
เพราะการอาฆาตพยาบาทนั้น ทำให้เราผิดศีลข้อ
1.ปาณาติบาต ด้วยความเจตนา แต่เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เราจะทำอย่างไร ถึงจะทำให้เรารู้สึกดีขึ้นบ้างไหมคะ
ช่วงนี้ก็พยายามให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนาและแผ่เมตตาโดยถือศีล 5 ให้บริสุทธิ์ (กรรมบถ10)
- ทำอย่างนี้ถูกดีแล้ว
QUOTE
แต่ก็ยังรู้สึกไม่ดีต่อตัวเอง ทราบว่าบุญส่วนบุญ บาปส่วนบาปแต่อยากให้เบาบางลงไป เพราะกลัวอุปนิสัยเก่า ๆ จะติดไปยังภพเบื้องหน้า ควรจะทำอะไรเพิ่มเติม แก้ไขอย่างไรดีคะ
- เมื่อทำถูกดี ถึง และพอดีแล้ว ความรู้สึกดีดีจะบังเกิด อดีตที่ผิดพลาดลืมให้หมด บาปอกุศลอย่าก่อเพิ่ม นึกถึงบุญนึกเรื่อยๆ ทับทวีบุญทุกขณะจิต เข้าถึงเส้นทางอริยมรรคแล้วถือว่าชนะเบื้องต้น
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#4 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 18 October 2007 - 11:23 AM

อนุโมทนา สาธุ ในความดีที่เจ้าของกระทู้ ขยันสั่งสม ทาน ศีล เจริญภาวนา , กุศลกรรมบถ 10 ด้วยครับ
สิ่งที่เจ้าของกระทู้ทำความดีนั้นถูกต้องแล้วครับ ซึ่งเป็นทั้งการแก้ไขและปรับปรุง พัฒนาตนเอง ไปในตัว
เพียงแต่ต้องทำบ่อย ๆ ทำสม่ำเสมอ เดี๋ยวความรู้สึกไม่ดีต่อตนเอง ก็จะค่อย ๆ บรรเทา เบางบาง ไปเองครับ

เชิญเข้าไปที่กระทู้นี้สิครับ อาจได้ความรู้เพิ่มเติม เยอะเลย

จะลืมอกุศลกรรม (หนัก ๆ ) ที่เคยก่อไว้ได้อย่างไร
http://www.dmc.tv/fo...?showtopi...

#5 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 18 October 2007 - 11:25 AM

เราจะต้องแก้ไขไปทั้งปัญญา ศรัทธา สติ สมาธิ ความเพียร ซึ่งเป็นกำลังแห่งใจทั้ง 5 ของเราเลยล่ะครับ แล้วจะแก้ไขได้ง่ายๆ

1. แก้ไขปัญญา หมายถึง เราต้องหาความรู้ โดยสอบถามผู้รู้ หรือ หาอ่านตำรับตำรา ทั้งจากทฤษฎี และชีิวิตจริงว่า การมักโกรธ มีผลเสียต่อเราทั้งตอนนี้ และในอนาคตอย่างไร และตัวอย่างของผู้แก้ไขความมักโกรธเขาทำกันอย่างไร ซึ่งสามารถหาอ่านได้ง่ายๆ โดยคลิ๊กไปที่ผลการปฏิบัติธรรมของชนชาติต่างๆ ซึ่งมีหลากหลาย เราจะพบตัวอย่างที่เข้ากับเราได้อย่างแน่นอนครับ

เมื่อเรามีความรู้(ปัญญา) ถึงผลเสีย และแนวทางแก้ไขแล้ว เราจะเริ่มมีกำลังใจที่จะแก้ไขขึ้นมาในเบื้องต้นแล้วล่ะครับ แต่ก็ยังไม่เพียงพอน่ะครับ เพราะบางครั้งรู้ว่าไม่ดี แต่ก็ยังทำ ดังนั้น เราจะต้องสร้างกำลังแห่งใจขั้นต่อไป

2. แก้ไขศรัทธา หมายถึง สร้างแรงบันดาลใจ ให้เกิดความมุ่นมั่นที่จะแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ไม่ท้อถอยง่ายๆ โดยอาจจะนึกถึงคนที่เราศรัทธา เช่น พระพุทธเจ้า หลวงพ่อ หลวงพี่ต่างๆ ในหลวง อาจารย์ หรือใครที่เราศรัทธา ว่าเขามีนิสัยมักโกรธหรือไม่ ทำไมเขาทำได้ เมื่อเขาทำได้ เราก็ต้องทำได้ เป็นต้น

มีความรู้แล้ว มีแรงบันดาลใจแล้ว ผลสำเร็จก็ยังไม่เกิดขึ้นนะครับ เพราะยังไม่ลงมือทำ ดังนั้น จึงต้องสร้างกำลังแห่งใจในขั้นต่อๆไป คือ สติ สมาิธิ และความเพียร

3. แก้ไขสติ เปรียบเสมือนยาม คอยเฝ้ัาระวังว่า ตอนนี้เราเผลอมักโกรธหรือไม่ ถ้ารู้สึกตัว ก็ลงมือระงับไว้ แต่ถ้าอารมณ์มักโกรธรุนแรงมากๆ เหมือนโจรกลุ่มใหญ่บุกเข้าปล้นบ้านเรา ลำพังยามคนสองคน ย่อมป้องกันไม่อยู่ ดังนั้น เราก็จะ้ต้องพึ่งกำลังตำรวจ คือ สมาธิ ต่อไป

4. แก้ไขสมาธิ สมาธิจะเป็นกำลังแห่งใจ ที่จะไปหนุนเนื่องสติ เปรียบเหมือน ตำรวจไปช่วยยามป้องกันโจรปล้นบ้านบ้าน เป็นต้น

สุดท้ายทั้งสติ และสมาธิ จะต้องทำต่อเนื่อง ไม่ใช่ทำวัน หยุด 5 วัน ดังนั้น กำลังตัวสุดท้ายต้องเข้ามาช่วย คือ 5. กำลังความเพียร หมั่นพากเพียรฝึกฝนไป เดี๋ยวก็ได้ครับ

กำลังทั้งหมดนี้ สติ สมาธิ ปัญญา ศรัทธา ความเพียร (พละ 5) สามารถเกิดขึ้นได้ง่ายๆ มาก เพียงแค่ เราพักงานทั้งหมดชั่วคราว แล้วขึ้นไปปฏิบัติธรรมที่พนาวัฒน์ หรือ ที่อื่นสัก 7 วัน ที่นั่น
พระอาจารย์จะช่วยสอนเรา ให้ความรู้เรา ให้รู้เท่าทัน โลภ โกรธ หลง เราก็ได้ปัญญา แล้ว
พระอาจารย์จะเป็นตัวอย่างให้เราดู เราก็ก่อศรัทธาแล้ว
เราจะได้ฝึกสติ และสมาธิจริงจัง วันละ 8 ชั่วโมง สติ สมาธิ เกิดแล้ว
อีกทั้งยังฝึกต่อเนื่อง 7 วัน อย่างนี้ ความเพียรจะไปไหน

ไปปฏิบัติธรรมสิครับ คำตอบของปัญหาทั้งปวง
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#6 หยุดถูกส่วน

หยุดถูกส่วน
  • Members
  • 15 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 October 2007 - 11:25 AM

เราควรรักษาฐานะของตนให้สูงยิ่งๆขึ้นไป ด้วยการรักษาใจให้สงบระงับเบิกบานกับภาพแห่งความดี ตรึกระลึกถึงบุญกุศลที่เราได้ประกอบมาด้วยความตั้งใจตลอดมา อาจจะนึกแล้วจดลงบันทึกแห่งความดีของเรา ให้ชื่นใจกับความสุข ความปิติ ที่เราประกอบกุศลด้วยกำลังทรัพย์ กำลังสติปัญญา ใจของเรามีค่าอย่างยิ่ง อย่าทำร้ายตนเอง ด้วยการปล่อยใจให้ขุ่น ฝึกเตือนตนเองให้ หยุดคิดเรื่องเศร้าหมอง สงสารตนเองบ้าง ปล่อยไว้นานไม่ดี ฝึกใจให้รู้เท่าทันกับสภาวะการณ์ ตนเองจะได้ไม่สะสมวิบาก หน้าตาเศร้าหมอง ถ้าอยากคิดว่าหยุดคิด หยุดเบาๆ สบายๆถูกส่วน

#7 เคยเข้าวัด

เคยเข้าวัด
  • Members
  • 1296 โพสต์
  • Interests:สร้างบุญบารมีอย่างยวดยิ่ง ตราบเท่าชีวีหมดอายุขัย

โพสต์เมื่อ 18 October 2007 - 11:43 AM

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านเคยสอนไว้ว่า มนุษย์เรานั้นเคยเกิดมาแล้วนับภพนับชาติไม่ถ้วน ที่ไม่เคยเกิดมาเป็นพ่อแม่กันนั้นไม่มี ที่ไม่เคยเกิดเป็นพี่น้องกันนั้นไม่มี ที่ไม่เคยเกิดมาเป็นญาติกันนั้นไม่มี ที่ไม่เคยเกิดเป็นมิตรสหายกันนั้นไม่มี

หากนำคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าข้อนี้มาเป็นตัวช่วยจะช่วยได้เยอะครับ ผมเองก็เคยเป็นอย่างคุณเจ้าของกระทู้มาก่อน แต่เพราะเอาธรรมะข้อนี้ของพระองค์มาคิด จึงช่วยได้เยอะ เวลามีใครมาหาเรื่องผม ผมจะนึกในใจ เอาน่ะ เมื่อชาติก่อน(ไม่รู้ว่าชาติไหนอ่ะนะ - -")เขาเคยเกิดเป็นพ่อแม่ผมมาก่อน อย่าไปโกรธแค้นเขาเลย นึกได้อย่างนี้ผมก็ยกมือไหว้เขา คิดเสียว่าเรายกมือไหว้พ่อแม่เราในอดีตชาติ เขาเองก็อึ้ง นึกว่าเราไหว้ขอโทษเขา เขาก็ให้อภัยเรา แค่นี้แหล่ะครับ จบอย่างแฮปปี้เอนดิ้ง

ธรรมะของพระองค์ กับที่คุณครูไม่ใหญ่ท่านสอนในโรงเรียนอนุบาลฝันในฝัน นั้น สอนให้เราคิดถึงสิ่งนี้อยู่แล้วครับ สังเกตุจากที่คุณครูไม่ใหญ่ท่านฝันในฝัน จะได้ยินเกือบทุกตอนว่า ลูกเคยเกิดเป็น...กับคนๆนี้มาก่อน ใช่ไหมล่ะครับ ซึ่งนั่นก็หมายความตามอย่างคำสอนของพระพุทธเจ้า แล้วเราจะมัวบ้ามานั่งโกรธพ่อแม่ญาติพี่น้องของเราในอดีตชาติอยู่ทำไมจริงไหมล่ะครับ หากคิดได้เช่นนี้การอโหสิให้แก่ผู้ที่เราโกรธก็ง่ายลงจริงไหมครับ ดังนั้นหัดไว้เถอะครับ หัดเสียตั้งแต่ตอนนี้ ยังไม่สายที่จะแก้ไขนะครับ หุหุ
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย

#8 dhammada

dhammada
  • Members
  • 4 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 October 2007 - 01:06 PM

ขอบคุณค่ะ จะปฏิบัติไปเรื่อย ๆ ค่ะ
ตอนนี้ก็ตั้งสัจจะต่อหน้าพระพุทธรูปที่บ้านค่ะ

"สิ่งใดที่ลูกผิดแล้ว ลูกจะไม่ขอทำผิดซ้ำสอง จะไม่เดินตามรอยเกวียนเดิมค่ะ ตอนนี้ก็ไม่ค่อยโกรธนะคะ จะมีหงุดหงิดบ้าง เวลาไม่ได้อย่างใจ แต่ไม่อาฆาต ไม่จองเวรใครค่ะ ก็เลยได้แต่อธิษฐานว่า นับจากนี้ไป ถ้ามีผู้ใดทำให้ลูกเดือดร้อน ทุกข์ใจ ด้วยกาย วาจา ใจ ลูกขอเป็นคนไม่จองเวร และอโหสิกรรมให้ ไม่ว่าจะหนักหนาสาหัสแค่ไหนก็ตาม เพราะเชื่อแล้วว่า ที่เราประสบทุกวันนี้ ก็เพราะกรรมแต่อดีต ถ้าเราไม่เคยทำร้ายเขา เขาหรือจะจองเวรเรา อย่างนี้คิดถูกไหมคะ"

อนุโมทนาในความเมตตาที่ตอบกระทู้นะคะ

สาธุ

#9 joey

joey
  • Members
  • 164 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 October 2007 - 08:36 AM

ให้หมั่นมาวัดทุกอาทิตย์ค่ะ มานั่งธรรมะกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่าย
เพื่อให้กาย วาจา ใจของเราสะอาดบริสุทธิ์ขึ้น การได้นั่งสมาธิกับครูบาอาจารย์จะดีกว่านั่งคนเดียวที่บ้านนะค่ะ

นั่งสมาธิช่วงบ่ายก็จะได้อุทิศส่วนกุศลให้แก่หมู่ญาติและคู่กรรมคู่เวรทั้งหลายด้วย
โดยมหาปูชนียาจารย์จะช่วยคุมบุญให้ค่ะ