ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * * * 1 คะแนน

ดร.ปฐมพงษ์ ไม่เห็นด้วยกับภาพ"ภิกษุสันดานกา"


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 11 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 ลูกพระพุทธ

ลูกพระพุทธ
  • Members
  • 136 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 October 2007 - 09:00 PM

อ่านทั้งหมด โดย ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ http://www.bodhinanda.com

คัดลอกมาบางส่วน

ความจริงแล้ว พระภิกษุเสพเมถุนกับสีกา, พระภิกษุที่มั่วสีกา, พระภิกษุที่ละเมิดธรรมวินัยเป็นอาจิณด้วยวิธีต่างๆ ฯลฯ เป็นปรากฏการณ์ที่พบเห็นตั้งแต่สมัยพุทธกาล มีบันทึกในพระไตรปิฎกด้วยซ้ำว่าบางรูปเสพเมถุนกับเดรัจฉาน, บางรูปเสพเมถุนแม้แต่กับแม่ตัวเอง, บางรูปเสพเมถุนกับซากศพ ฯลฯ ที่เป็นเช่นนี้ เพราะคนเข้ามาบวชในบวรพุทธศาสนาไม่ได้เน้นหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งหมด เรามีบวชเรียนตามประเพณี หลายคนที่บวชในประเทศไทย ก็พ่อแม่จับบวช บ้าง ไม่มีงานทำก็บวชบ้าง ฯลฯ เมื่อคนพวกนี้ บวชเข้าไปมากๆ ก็ทำให้สังฆมณฑลมัวหมอง

กระนั้นก็ดี เราต้องยอมรับว่าสังฆมณฑลนั้นส่วนมากยังบริสุทธ์อยู่ พระสงฆ์ส่วนใหญ่ยังน่าเคารพสักการะอยู่ คนเป็นพุทธมามกะแท้จริงต้องเข้าใจประเด็นนี้ อีกอย่างหนึ่ง พุทธบริษัทควรต้องตระหนักว่าพระสงฆ์หรือสมมติสงฆ์นั้นเป็นหนึ่งในพระรัตนตรัยที่ชาวพุทธกราบไว้อยู่ทุกวัน คนเป็นพุทธมามกะที่มีหิริโอตตัปปะอย่างแท้จริง จะไม่ลบหลู่หรือแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวต่อพระรัตนตรัยเด็ดขาด เพราะพระรัตนตรัยคือที่พึ่งที่ระลึกถึงของชาวพุทธ นายอนุพงษ์ จันทรก็คงไม่ปฏิเสธว่าตนเองรู้เรื่องพระพุทธศาสนามาจนทุกวันนี้ก็เพราะความสามารถของพระสงฆ์ที่เป็นสมมติสงฆ์ได้ช่วยกันเผยแผ่สั่งสอนมา คุณูปการที่พระสงฆ์ได้ทำต่อชาวโลกนั้นมากมายเหนือคณานับ สามารถที่จิตรกรหรือศิลปินจะรังสรรค์งานให้โลกเห็นได้มากมายหลายแง่มุม นอกจากวัด เป็นสถานที่อบรมบ่มนิสัยแล้ว ยังสร้างโรงเรียน ยังปลูกฝังจริยธรรม ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ ไม่ค่อยขึ้นปกหนังสือพิมพ์นัก แต่ถ้ามีข่าวพระภิกษุมีเรื่องเสื่อมเสียก็มักจะขึ้นปกเสมอ ทำให้ประชาชนเห็นภาพด้านลบต่อสงฆ์มากกว่าด้านดีการไปจับประเด็นภิกษุละเมิดพระวินัยมาทำเป็น ภิกษุสันดานกา ในทรรศนะผมเท่ากับไปเอาประเด็นเล็กๆ มาทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ถ้าคนเห็นภาพนายอนุพงษ์แล้วรู้สึกว่าสังคมสงฆ์ไทยมีแต่เรื่องฉาวโฉ่และลดศรัทธาที่มีต่อพระ สังฆรัตนะเพราะรู้สึกเบื่อ ก็จะเป็นบาปมหันต์ของนายอนุพงษ์ผู้ผลิตเอง เพราะศิลปะที่ตนเองสร้างสรรค์ขึ้นได้ผลักคนออกนอกพระพุทธศาสนาไป

ประเด็นที่เราพึงถกก็คือความจริงทุกเรื่องควรสะท้อนออกมาในรูปศิลปะหรือไม่? ศิลปินจำเป็นต้องผลิตศิลปะเพื่อถ่ายทอดทุกเรื่องที่จริงในสังคมกระนั้นหรือ? ศิลปินควรหลีกเลี่ยงผลิตศิลปะที่กระทบต่อความรู้สึกคนอื่นหมู่มาก โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับศาสนาที่คนอื่นเขานับถือหรือไม่? ศิลปินควรหลีกเลี่ยงไม่ไปวาดรูปหรือผลิตศิลปะที่กระทบความเชื่อของคนหมู่มากหรือไม่?

ตรงนี้ ผมเชื่อว่าในโลกแห่งศิลปะเองก็ไม่มีการกล่าวถึงชัดเจนนัก ความควรไม่ควรกลายเป็นจิตสำนึกของศิลปินเองมากกว่า ถ้ามีใครเขียนภาพลบหลู่ศาสนาอิสลาม บทลงโทษก็คือคนผู้นั้นจะถูกประณามและอาจไม่มีแผ่นดินจะอยู่ แต่คนที่เขียนภาพลบหลู่พระพุทธศาสนา มักไม่มีบทลงโทษเป็นกฎหมายชัดเจนนัก เพราะส่วนใหญ่ในสังคมไทยนั้น มีแต่ประเภทชาวพุทธในนาม ทั้งๆ ที่ประเทศไทยเป็นเมืองพระพุทธศาสนา แต่เราก็เห็นช่างภาพจำนวนมากใช้ความสามารถถ่ายภาพลามกอนาจาร (ซึ่งพวกเขาเองก็มักอ้างว่าเป็นงานศิลปะ) แล้ววางขายตามท้องตลาด, ผู้กำกับภาพยนตร์จำนวนมากหันไปสร้างหนังลามกอนาจาร (ซึ่งเขาก็อ้างกันว่าเพื่องานศิลปะเช่น เดียวกัน) หรือกระตุ้นราคะตัณหาเพื่อมอมเมาประชาชน, คนสร้างศิลปะประเภทอื่นๆ จำนวนมากกินเหล้าเที่ยวอาบ อบนวดอยู่ประจำ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้บ่งชี้ว่าศิลปินสมัยปัจจุบันที่ไม่เคารพในวัฒนธรรมพุทธเลย ละโมบโลภมาก เห็นแก่กระเพาะของตัวเอง ไม่เห็นแก่สังคม นับวันจะมากขึ้นทุกที

เมื่อพวกศิลปินสมัยทุนนิยมเสรีมีอิสระที่จะผลิตศิลปะอย่างไรก็ได้ตามความพึงพอใจ อยู่เรื่อยๆ ก็สมควรที่ชาวพุทธต้องประท้วง เพราะประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งพระพุทธศาสนา คนเป็นพุทธมามกะ เติบโตมาในครอบครัวที่พ่อแม่เป็นพุทธ มีหิริโอตตัปปะเพียงพอ คงไม่มีใครนำเอาเรื่องราวพระสงฆ์ที่ปฏิบัติผิดธรรมผิดวินัยไปประจานหรอกครับ มีแต่จะลุกขึ้นมาหาทางช่วยกันแก้ไขตามหน้าที่ชาวพุทธแท้ แต่ก็นั่นแหละครับ สมัยทุกวันนี้ คนเป็นพุทธแต่ในนาม แต่หากินโดยวิถีผิดหลักศีลธรรม เช่น เปิดผับ บาร์ ผลิตเหล้าและขายเหล้า เป็นเจ้าของอาบ อบ นวด ก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก ผมจึงสนับสนุนให้ชาวพุทธได้ประท้วงกันอย่างเต็มที่
เหมือนกรณีที่ดาราไฮโซถ่ายนู๊ดหวังช่วยเหลือเอดส์เข้ากองทุนอาทรประชานาถ ของพระอาจารย์อลงกต ติกฺขปญฺโญ วัดพระพุทธบาทน้ำพุ แต่โดนท่านปฏิเสธ เพราะเงินได้มาแบบวิธีผิดศีลธรรม ท่านทำถูกต้องที่ปฏิเสธเงินบริจาคจากดาราพวกนี้ เพราะถ้ารับเงินก็เท่ากับยอมรับศิลปะที่ผิดศีลธรรมโดยอัติโนมัติ อย่างน้อย ก็กระตุ้นต่อมจิตสำนึกให้คนพวกนี้เข้าใจว่าไม่ใช่ชาวพุทธทุกคน ที่ตกเป็นขี้ข้าวัฒนธรรมทุนนิยมเสรีแบบฝรั่งโดยไม่คำนึงถึงศีลธรรมของพระพุทธศาสนา

ผมดีใจที่กลุ่มชาวพุทธประท้วงภาพสันดานกา ผมเห็นด้วยว่าภาพทำนองนี้ไม่ควรได้รับการส่งเสริมในแผ่นดินที่พระพุทธศาสนา เจริญรุ่งเรืองอย่างในประเทศไทยเพราะผมถือว่าเป็นการลบหลู่พระรัตนตรัยที่ชาวพุทธทั้งปวงเคารพนับถือ ผมอยากให้ประท้วงจนถึงที่สุด ด้วยเหตุผลสองประการ 1.รัฐบาลไทยแต่ไหนแต่ไรมาไม่ได้มีนโยบายชัดเจนในการปกปักพิทักษ์พระพุทธศาสนา สส.ชาวพุทธส่วนใหญ่เล่นการเมืองเพื่อกระเพาะตัวเอง หรือเพื่อรักษาทรัพย์สินมรดกของตระกูลให้คงอยู่ มีน้อยรายจะดูแลเอาใจใส่พระพุทธศาสนาอย่างจริงจัง ถ้าพระสงฆ์ไม่ประท้วง ใครเล่าจะประท้วง 2.พระสงฆ์ที่ประพฤติผิดธรรมวินัยมีจำนวนน้อย ชาวพุทธแท้ควรมีหิริโอตตัปปะ ไม่ควรเอาเรื่องเสียๆ หายๆ ของสงฆ์มาประจาน ถ้าพระสงฆ์ในประเทศไทยพากันอยู่เฉยๆ ภาพทำนองเดียวกันนี้ก็จะเพิ่มมาอีกนับไม่ถ้วน

ด้วยเหตุนี้ ถ้าชาวพุทธไม่ร่วมกันประท้วงอย่างจริงจัง โอกาสที่จะรักษาเกียรติพระพุทธศาสนาไว้ในแผ่นดินไทยคงเป็นได้ยาก จะโดนชาวพุทธ(แต่ในนาม)ด้วยกันเขียนประจานอยู่เรื่อยๆ ถ้าเห็นพระภิกษุประพฤติย่อหย่อนหลักพระธรรมวินัย หน้าที่ของชาวพุทธที่ถูกต้องก็คือเราต้องช่วยกันท้วงติงเพื่อปรับปรุงแก้ไขอย่างถูกวิธีเท่าที่กำลังความสามารถจะพึงมี ไม่ใช่ฉวยโอกาสนำไปตีแผ่ในทำนองประจานให้เกิดความเสื่อมเสีย
ศิลปินที่สร้างวัดสร้างพระพุทธรูปเป็นพุทธบูชาอย่างอภัย นาคคง, เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ และอีกหลายท่านที่ผมไม่อาจระบุได้หมดต่างหากที่ควรได้รับรางวัลเกียรติยศเพื่อยกย่องเชิดชูให้เป็นที่ปรากฏ เพื่อเป็นแบบอย่างให้ศิลปินอื่นๆ เจริญรอยตาม.

laugh.gif

ปัจจุบัน อาจารย์ดร.ปฐมพงษ์ เป็นประธานคณะ กรรมการบริหารหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาพุทธศาสนศึกษา (หลักสูตรนานาชาติ) ซึ่งเป็นโครงการร่วมระหว่างคณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์และวิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล

เกียรติคุณ
- บวชเป็นสามเณรเมื่ออายุได้ 12 ปี สอบได้เปรียญ ๙ ขณะเป็นสามเณร เมื่ออายุ 20 ปี วัดบวรนิเวศวิหาร
(เรียนบาลีทั้งหมด 8 ปีซึ่งเป็นสถิติที่เร็วที่สุดในหมู่ภิกษุสามเณรผู้เรียนบาลีทั่วประเทศในปัจจุบัน) ได้รับ
พระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ เป็นนาคหลวง อุปสมบท ณ วัดพระศรีรัตนศาสดารามภายใต้พระบรม
ราชูปถัมภ์ โดยมีสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกทรงเป็นพระอุปัชฌาย์
หลังจากนั้น เจ้าประคุณสมเด็จฯ ทรงสนับสนุนทุนการศึกษาโดยตลอด

- รางวัลคะแนนดีเด่นสาขาสันสกฤตในนามนิสิตจุฬาฯ จากมูลนิธิคีตาศรมประเทศไทยระหว่างเป็นนิสิต
อักษรศาสตรมหาบัณฑิต คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ

- ทุนการศึกษาโบเดน (Boden scholarship) ระหว่างเป็นนักศึกษาปริญญาเอกเป็นเวลา 4 เทอมจาก
สถาบันตะวันออก มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด

- ทุนจากอ๊อกซฟอร์ดเพื่อไปทำวิจัยทางอินเดียศึกษาเพิ่มเติมที่ภาควิชาสันสกฤตและอินเดียศึกษา
(Department of Sanskrit and Indian Studies) มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา

- ทุนจากอ๊อกซฟอร์ดเพื่อไปทำวิจัยทางอินเดียศึกษาเพิ่มเติมที่มหาวิทยาลัยปารีส (Sorbone & College
de France) และสถาบันตะวันออกไกลของฝรั่งเศส (L'Ecole francaise d'Extreme Orient) กรุงปารีส
ประเทศฝรั่งเศส


happy.gif

#2 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 13 October 2007 - 10:12 PM

ชอบประโยคนี้ครับ
QUOTE
กระนั้นก็ดี เราต้องยอมรับว่าสังฆมณฑลนั้นส่วนมากยังบริสุทธ์อยู่ พระสงฆ์ส่วนใหญ่ยังน่าเคารพสักการะอยู่ คนเป็นพุทธมามกะแท้จริงต้องเข้าใจประเด็นนี้ อีกอย่างหนึ่ง พุทธบริษัทควรต้องตระหนักว่าพระสงฆ์หรือสมมติสงฆ์นั้นเป็นหนึ่งในพระรัตนตรัยที่ชาวพุทธกราบไว้อยู่ทุกวัน คนเป็นพุทธมามกะที่มีหิริโอตตัปปะอย่างแท้จริง จะไม่ลบหลู่หรือแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวต่อพระรัตนตรัยเด็ดขาด


QUOTE
ประเด็นที่เราพึงถกก็คือความจริงทุกเรื่องควรสะท้อนออกมาในรูปศิลปะหรือไม่? ศิลปินจำเป็นต้องผลิตศิลปะเพื่อถ่ายทอดทุกเรื่องที่จริงในสังคมกระนั้นหรือ?

ศิลปินควรหลีกเลี่ยงผลิตศิลปะที่กระทบต่อความรู้สึกคนอื่นหมู่มาก
โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับศาสนาที่คนอื่นเขานับถือหรือไม่?

ศิลปินควรหลีกเลี่ยงไม่ไปวาดรูปหรือผลิตศิลปะที่กระทบความเชื่อของคนหมู่มากหรือไม่?

QUOTE
ถ้าเห็นพระภิกษุประพฤติย่อหย่อนหลักพระธรรมวินัย หน้าที่ของชาวพุทธที่ถูกต้องก็คือ เราต้องช่วยกันท้วงติงเพื่อปรับปรุงแก้ไขอย่างถูกวิธีเท่าที่กำลังความสามารถจะพึงมี ไม่ใช่ฉวยโอกาสนำไปตีแผ่ในทำนองประจานให้เกิดความเสื่อมเสีย
ศิลปินที่สร้างวัดสร้างพระพุทธรูปเป็นพุทธบูชาอย่างอภัย นาคคง, เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ และอีกหลายท่านที่ผมไม่อาจระบุได้หมดต่างหาก ที่ควรได้รับรางวัลเกียรติยศเพื่อยกย่องเชิดชูให้เป็นที่ปรากฏ เพื่อเป็นแบบอย่างให้ศิลปินอื่นๆ เจริญรอยตาม.


ขอบคุณเจ้าของกระทู้
และอนุโมทนา ในการแสดงความคิดเห็นของดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
ที่ชี้ให้เห็นความเป็นจริง ในอีกมุมมองหนึ่งในเชิงสร้างสรรค์และจรรโลง สังฆมณฑล


ใจหยุดที่สุดแห่งบุญ มุ่งสู่ที่สุดแห่งธรรม

#3 เป็นหนึ่ง

เป็นหนึ่ง
  • Members
  • 354 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 October 2007 - 10:35 PM

สาธุ...กล่าวชอบแล้ว
I just gotta get out of this prison cell.
Someday I'm gonna be free.

#4 Astronaut072

Astronaut072
  • Members
  • 64 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 October 2007 - 11:12 PM

สรุปแล้วเขาจะดำเนินการอย่างไรต่อไปคะ
ใครทราบ ช่วยบอกด้วยนะคะ

อนุโมทนาบุญด้วยคะ

#5 suppy001

suppy001
  • Members
  • 2210 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 October 2007 - 06:52 AM

สาธุกับเจ้าของบทความและผู้ที่นำเสนอด้วยนะครับ ภาครัฐควรจะนำไปทบทวนให้ดีและน้อมรับฟังอย่างมีสติ โดยเฉพาะหน่วยงานที่จัดแสดง กรรมการที่ให้รางวัล ศิลปินผู้วาด เป็นต้น การที่เราเป็นชาวพุทธ เมื่อมีคนต่างชาติ ต่างศาสนามากระทำการลบหลู่ หรือกระทำการอันก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนาของเรา เรายังรู้สึกไม่พอใจและทำการประท้วงออกไป แต่นี่เป็นการกระทำจากคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นชาวพุทธมาย่ำยีพระศาสนาเสียเอง แล้วอ้างว่าเป็นเสรีภาพมุมมองทางศิลปะ เป็นสิ่งที่สมควรหรือไม่? จงตรองดูให้ดี การกระทำเยี่ยงนี้ของคนพุทธบางคน ล้วนจะทำให้คนต่างชาติหรือต่างศาสนาดูดูถูกหมิ่นในความด้อยปัญญาของคนกลุ่มนี้ และเป็นช่องทางให้เขามุ่งร้ายโจมตีพุทธศาสนาได้ง่ายขึ้น คิดผิดคิดใหม่ได้ และก็อย่าคิดผิดอีก ขอให้ชาวพุทธผู้มีปัญญาทุกท่านช่วยกันปกปักรักษาพระพุทธศาสนาอันเป็นมรดกธรรมอันทรงคุณค่าที่ปู่ย่าตายายของเราเอาชีวิตเป็นเดิมพันปกปักรักษาสืบทอดมาจนถึงพวกเราในวันนี้ให้ยั่งยืนสืบต่อไปตลอดกาลนานเทอญ....สาธุ

พุทธบริษัทสี่ต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว
เรื่องส่วนตัวให้วางอุเบกขา เรื่องพระศาสนาต้องเอาอุเบกขาวาง

#6 สิริปโภ

สิริปโภ
  • Members
  • 1766 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:เรื่องลึกลับ

โพสต์เมื่อ 14 October 2007 - 09:10 AM

จำได้ว่า ตอนที่มีข่าวว่าประเทศๆหนึ่งนำภาพของศาสนาอีกศาสนาหนึ่งมาวาดล้อเลียน จนเป็นเหตุเป็นเรื่องเป้นราวใหญ่โตทีเดียว แสดงว่าคนของเค้ารักศาสนามาก แล้วคนของเราล่ะ รักศาสนาของเราหรือป่าว นี่อะไร รักก็ไม่รักแถมยังมาวาดล้อเลียนอีก ขอเสนอให้ศิลปินเปลี่ยนแปลงภาพนี้ ด้วยการทำเป็นภาพบุคคลใส่สูทผูกไทร์ รุมจิกกินประเทศชาติ เป็นการสะท้อนความหมายของข้าราชการและนักการเมืองบางคนที่ทุจริตฉ้อราชบังหลวง จะน่าปลื้มกว่านี้




#7 jumnuan9

jumnuan9
  • Members
  • 46 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 October 2007 - 12:33 PM

จากสิ่งที่ไม่ค่อยมีใครรู้ กลายเป็นสิ่งที่รู้กันทั่ว วิพากษ์วิจารณ์กันสนุก แถมยังวิวาทกันอีก ตั้งสติกันให้ดีนะครับว่าเรามีส่วนกระพือเรื่องให้โด่งดังกันหรือเปล่า ผมเชื่อกฏแห่งกรรมนะ คนคิด พูด ทำ ไม่ดีย่อมได้รับผลกรรมนั้นๆ โทสะระงับได้ด้วยความเมตตา เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร

#8 jew072

jew072
  • Members
  • 27 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 October 2007 - 01:18 PM

เรื่องใดทำแล้วร้อนเรา ร้อนเขาอย่าทำ (คำสอนยาย)

#9 เทพ ดำเนินฯ

เทพ ดำเนินฯ
  • Members
  • 65 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 October 2007 - 03:48 PM

อย่าเล่นกับไฟ ขาดทุนสถานเดียว เห็นด้วยทุกประการและอนุโมทนากับท่านอาจารย์ ดร.ปฐมพงษ์

#10 สิงโตเกเร

สิงโตเกเร
  • Members
  • 164 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 October 2007 - 09:57 AM

คนวาด...แล้ว คนให้รางวัลยิ่ง...กว่าเพราะมีหลายคนยังไม่คิดมัน...จริงๆ

#11 light mint

light mint

    ขออนุโมทนาบุญค่ะ

  • Members
  • 1423 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:THAILAND
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 16 October 2007 - 04:17 PM

ไม่ควรนำศิลปะมาแสดงออกทุกสิ่งทุกอย่างที่คิด แล้วแสดงทุกสิ่งนี้สู่สาธารณชน
เพราะผู้รับสื่อ - สาธารณชน - มีทั้งเด็กเล็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ ซึ่งมีพื้นฐานการคิดที่ยังอ่อนไหวหรือไม่หนักแน่นก็มี
การแสดงอะไรออกสู่ภายนอก สู่สังคม ต้องมีความรับผิดชอบ ต้องคิดก่อนว่าทำออกไปแล้วสังคมจะเป็นอย่างไร
การที่มีคนจะให้รางวัลนี้ คงคิดในแง่ของศิลปะ ว่ามีความน่าดูในเรื่องของศิลป์
แต่ในเรื่องของสังคมแล้ว จะทำให้คนดูนึกถึงพระสงฆ์ในภาพลบ ทำให้ความเคารพและความเชื่อมั่นเกิดการสั่นคลอน

ซึ่งคนที่เป็นชาวพุทธต้องยกเทิดทูนพระรัตนตรัยไว้ ก็ต้องเคารพโดยฐานะของท่านที่ได้ยกระดับขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของพระรัตนตรัยแล้ว การที่พระสงฆ์ที่มาจากฆราวาสปุถุชน ก็ย่อมต้องมีระยะเวลาการฝึกตัว หากมีผิดพลาดบ้างอย่างไร ในคณะสงฆ์ก็มีระบบการปกครองดูแลกันอยู่แล้ว มิใช่ส่วนและหน้าที่ที่ฆราวาสจะไปก้าวก่ายวิจารณ์เชิงลบหลู่เช่นนี้

การบอกเล่าถึงพระเทียมที่มีพฤติกรรมไม่ควร ก็ควรทำในวิธีที่สร้างสรรค์ ไม่ทำให้ปนกับภาพสงฆ์ทั้งหมด
เพราะการทำอะไรเกี่ยวข้องกับพระรัตนตรัยนั้น ถ้าทำดี ทำถูก ทำอย่างที่ควร ก็จะได้บุญได้ผลานิสงส์มาก
แต่ถ้าใครไปทำอะไรที่ไม่ดี ทำไม่ถูก ทำไม่ควร กับพระรัตนตรัย ก็จะได้บาปมาก และอาจลงขุมฯได้ลึกมากเช่นกัน

การทำให้คนทั้งหลายเข้าใจว่า ควรปฏิบัติอย่างไรกับพระรัตนตรัยจึงจะถูกจึงจะควร นับว่าเป็นหน้าที่ของชาวพุทธทุกคน ตั้งแต่ให้ความรู้ความเข้าใจแก่ชาวพุทธกันเอง ไปจนถึงคนที่นับถือศาสนาอื่นให้เข้าใจวิถีพุทธจะได้ไม่ทำการลบหลู่กัน

ที่ทำบาปเพราะไม่รู้ ไม่เจตนานั้น ก็ได้บาปมามากแล้ว เรื่องแบบนี้อ้างว่าไม่รู้แล้วไม่ผิดไม่ได้ เพราะกฏแห่งกรรมไม่มียกเว้น


ขออนุโมทนาบุญนะคะ สาธุ


#12 ศรัทธาแห่งพุทธ

ศรัทธาแห่งพุทธ
  • Members
  • 8 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 October 2007 - 08:07 PM

ความคิดมุมต่าง ผมคิดว่าทั้ง 2 ฝ่ายมีเจตนาดีทั้งคู่แน่นอน