
สงสัยเรื่อง พระธรรมกายครับ
#1
โพสต์เมื่อ 13 November 2007 - 09:25 PM
ได้ยินว่า พระธรรมกายมีอยู่ในตัวของมนุษย์ทุก ๆ คนในโลกไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ ศาสนา หรือเผ่าพันธุ์ใด จะเป็นใครก็แล้วแต่ ขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์ มีหมด จะมีความเชื่ออย่างไร นับถือศาสนาอะไรก็ตาม ล้วนมีธรรมกายทั้งสิ้น อยากรู้ว่าทำไมเป็นอย่างนั้น ช่วยตอบหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ
#2
โพสต์เมื่อ 13 November 2007 - 09:50 PM
อยากรู้ก็ต้อง ลงมือ ปฏิบัติเลย !!! ไม่ต้องไปค้นหาที่ไหน ค้นหาภายใน ตัวคุณเอง !!! ของมีจริงอยู่ในตัวจะต้องไปหาที่ไหนอีก หาจากใครอีกล่ะ ฟังไปก็ไม่หายสงสัย ถ้าไม่ลงมือหาด้วยตนเอง !!!
วิธีการ ท่านผู้รู้ท่านค้นพบ และนำมาบอกแล้ว เหลือแต่คุณเอง หาด้วยตัวของคุณเอง ในตัวคุณเองเลย !!! จะเข้าใจได้เองเมื่อถึงแล้ว !!! ตอบคำถามคุณเอง ด้วยตัวของคุณเอง กับวิธีการ ที่มีมาให้แล้ว แค่หยุดใจ ให้ถูกวิธี วิธีที่ลัดที่สุด เข้าถึงได้ง่ายที่สุดแล้ว !!!
#3
โพสต์เมื่อ 13 November 2007 - 11:08 PM
ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นท่าน พระอานนท์นั่งเรียบร้อยแล้ว
ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เห็นความอดทน ของพระผู้มี
พระภาคแล้ว ก็แต่ว่า เพราะการประชวรของพระผู้มีพระภาค กายของ ข้าพระองค์ประหนึ่งจะงอม
ระงมไป แม้ทิศทั้งหลายก็ไม่ปรากฏแก่ข้าพระองค์ แม้ ธรรมทั้งหลายก็ไม่แจ่มแจ้งแก่ข้าพระองค์
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็แต่ว่า ข้าพระองค์มามีความเบาใจอยู่หน่อยหนึ่งว่า พระผู้มีพระภาคจักยังไม่
เสด็จ ปรินิพพาน จนกว่าจะได้ทรงปรารภภิกษุสงฆ์ แล้วตรัสพระพุทธพจน์อย่างใด อย่างหนึ่ง ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอานนท์ ภิกษุสงฆ์ยังจะหวังอะไรในเราเล่า ธรรมอันเรา
ได้แสดงแล้ว กระทำไม่ให้มีในมีนอก กำมืออาจารย์ในธรรมทั้งหลาย มิได้มีแก่ตถาคต ผู้ใดจะพึง
คิดอย่างนี้ว่า เราจักบริหารภิกษุสงฆ์ หรือว่าภิกษุสงฆ์ จะเชิดชูเราดังนี้ ผู้นั้นจะพึงปรารภภิกษุสงฆ์
แล้วกล่าวคำอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นแน่ ดูกรอานนท์ ตถาคตมิได้มีความดำริอย่างนี้ว่า เราจัก
บริหารภิกษุสงฆ์ หรือว่า ภิกษุสงฆ์จักเชิดชูเรา ตถาคตจักปรารภภิกษุสงฆ์แล้ว กล่าวคำอย่างใด
อย่างหนึ่ง ในคราวหนึ่ง ดูกรอานนท์ บัดนี้ เราแก่เฒ่าเป็นผู้ใหญ่ล่วงกาลผ่านวัยมาโดย ลำดับแล้ว
วัยของเราเป็นมาถึง ๘๐ ปีแล้ว เกวียนเก่ายังจะใช้ไปได้ เพราะการ ซ่อมแซมด้วยไม้ไผ่ แม้ฉันใด
กายของตถาคต ฉันนั้นเหมือนกัน ยังเป็นไปได้ ก็คล้ายกับเกวียนเก่าที่ซ่อมแซมด้วยไม้ไผ่ ฯ
ดูกรอานนท์ สมัยใด ตถาคตเข้าถึงเจโตสมาธิ อันไม่มีนิมิต เพราะ ไม่ทำไว้ในใจ
ซึ่งนิมิตทั้งปวง เพราะดับเวทนาบางเหล่าแล้วอยู่ สมัยนั้น กายของ ตถาคตย่อมผาสุก เพราะ
ฉะนั้น พวกเธอจงมีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง มิใช่ มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง คือจงมีธรรมเป็นเกาะ
มีธรรมเป็นที่พึ่ง มิใช่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง อยู่เถิด ฯ
ทรงแสดงเรื่องพึ่งตน พึ่งธรรม
ดูกรอานนท์ อย่างไรเล่า ภิกษุจึงจะชื่อว่า มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง มิใช่มีสิ่ง
อื่นเป็นที่พึ่ง คือจงมีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง มิใช่มีสิ่งอื่นเป็น ที่พึ่งอยู่ ภิกษุในธรรมวินัยนี้
ย่อมพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ พิจารณาเห็นเวทนา ในเวทนาอยู่ พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่
พิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ เป็นผู้มี เพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัส
ในโลก อย่างนี้แล อานนท์ ภิกษุจึงจะชื่อว่า มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง มิใช่มีสิ่งอื่นเป็น
ที่พึ่ง คือมีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง มิใช่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งอยู่ ดูกรอานนท์ ผู้ใดผู้หนึ่ง
ในบัดนี้ก็ดี โดยที่เราล่วงไปแล้วก็ดี จักเป็นผู้มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็น ที่พึ่ง มิใช่มีสิ่งอื่นเป็นที่
พึ่ง คือ มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง มิใช่มีสิ่ง อื่นเป็นที่พึ่งอยู่ ภิกษุของเราที่เป็นผู้ใคร่
ต่อการศึกษาจักปรากฏอยู่ในความเป็น ยอดยิ่ง ฯ
จบคามกัณฑ์ในมหาปรินิพพานสูตร ฯ
จบภาณวารที่สอง ฯ
#4
โพสต์เมื่อ 14 November 2007 - 12:50 PM
#5
โพสต์เมื่อ 14 November 2007 - 01:04 PM
#6
โพสต์เมื่อ 14 November 2007 - 02:04 PM
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์
#7
โพสต์เมื่อ 14 November 2007 - 02:15 PM
#8
โพสต์เมื่อ 14 November 2007 - 02:31 PM
#9
โพสต์เมื่อ 14 November 2007 - 02:53 PM

#10
โพสต์เมื่อ 14 November 2007 - 03:28 PM

#11
โพสต์เมื่อ 14 November 2007 - 04:20 PM
รู้เพราะมีผู้รู้ ผู้มีธรรมะ ได้ไปรู้ไปเห็นและนำมาบอกให้รู้ตาม....
แต่จะเชื่อหรือไม่ ต้องลองทำดู นะคะ
"รักษา อารมณ์ดี + อารมณ์เดียว + อารมณ์สบาย ทั้งวัน "
#12
โพสต์เมื่อ 14 November 2007 - 04:46 PM
แต่กายธรรมกายคือกายที่แท้จริง....เป็นอัตตา
สิ่งนี้คือความจริงของสรรพชีวิต
#13
โพสต์เมื่อ 14 November 2007 - 05:29 PM
#14
โพสต์เมื่อ 14 November 2007 - 08:28 PM
๕๕๕๕ ฉันใด ก็ฉันนั้น
ก็ของมันมีอยู่แล้ว ไม่รู้จะถามไปทำไม
#15
โพสต์เมื่อ 14 November 2007 - 08:56 PM
#16
โพสต์เมื่อ 14 November 2007 - 09:26 PM
ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ
สาธุ..
#17
โพสต์เมื่อ 15 November 2007 - 10:09 AM
การเกิดขึ้นของโลกมนุษย์
1.ช่วงแรก-สังวัฏอสงไขยกัป-ช่วงที่ โลกถูกทำลายด้วยน้ำบรรลัยกัล ลมบรรลัยกัล ไฟบรรลัยกัล
2.ช่วงสอง-สังวัฏถายีอสงไขยกัป-ช่วงที่ไฟมอดดับลง คือช่วงที่ยังกรุ่นๆ ระอุๆ
3.ช่วงสาม-วิวัฏฏอสงไขยกัป-เป็นช่วงที่โลกกำลังเริ่มเย็นตัวเข้าสู่ภาวะปกติ
4.ช่วงสี-วิวัฏฏถายีอสงไขยกัป-อภัสราพรหม(มีแสงสว่าง)ได้กลิ่นหอมฟุ้งจากดิน แล้วมีแภสราพรหมพวกหนึ่งที่แตกต่างลองกินดินจากนั้นก็เกิดเครื่องในคือยุคเจริญเป็นยุคเรานั่นเองจากที่ว่างเปล่าเลยมีเครื่องใน หลวงพ่อยังบอกว่าแท้จริงแล้วเราจึงเป็นพี่น้องกันทั้งนั้นอันเกิดจากอภัสราพรหม
ปล.ไม่รู้ว่าพิมพ์ชื่อแต่ละช่วงถูกรึเปล่านะครับฟังๆแล้วก็จดๆ เลยออกมาเป็นเช่นนี้
#18
โพสต์เมื่อ 15 November 2007 - 11:22 AM
จริงๆ แล้ว หลวงพ่อ ท่านถามทุกวัน นะครับ ว่า ใครบ้างที่ไม่เห็นพระธรรมกายภายในตัว ... ฯ
ก็แปลว่า ... ทุกคนมี ถ้าได้ทำจริงๆ ทุกคน
ผมก็ไม่ได้แปลว่า คนที่ยังไม่พบไม่เห็น จะเป็น คนตาย คนบ้า หรือคนที่ไม่ได้ทำ ...
แต่กลับ เป็นคนที่ไม่เชื่อมั่นในพระรัตนตรัย ไม่เชื่อมั่นในครูบาอาจารย์ และไม่เชื่อมั่นตัวในตัวเอง นะครับ ...
ผมคิดว่า ทุกถ้อยคำ คำพูด คำสอน ของหลวงพ่อ มีคุณค่า และเกิดขึ้นได้จริง โดยไม่ต้องสงสัย ถ้าเวลาฟังให้วางใจ นิ่งๆ แล้วน้อมคำสอนของท่านไปไว้กลางกาย เราจะซึ้งและเข้าใจเองครับ
ขอกราบอนุโมทนาบุญด้วยนะครับ สาธุ ...
เ มื่ อ เ ร า ส ว่ า ง * * * โ ล ก * * * ก็ ส ว่ า ง ด้ ว ย ^^~*
ส า ธุ . . . ค รั บ ^^~*
#19
โพสต์เมื่อ 15 November 2007 - 11:27 AM
เลือกเอา ใจใสๆ
#20
โพสต์เมื่อ 15 November 2007 - 12:09 PM
#21
โพสต์เมื่อ 15 November 2007 - 12:47 PM
พระพุทธเจ้าจึงไม่อนุญาติให้ นาคบวช เพราะ ถึงบวชไปก็ไม่สามารถเข้าถึงพระธรรมกายได้
#22
โพสต์เมื่อ 15 November 2007 - 01:47 PM
#23
โพสต์เมื่อ 15 November 2007 - 02:42 PM
ในโลกใบนี้กว้างใหญ่กว่าบึงที่เจ้าอยู่นัก
มันคงไม่เชื่อ
เพราะมันไม่เคยเห็น ไม่เคยไป
ฉันใด ก็ฉันนั้นค่ะ
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
#24
โพสต์เมื่อ 15 November 2007 - 02:48 PM
คงไม่อาจตอบได้ด้วยปัญญาของมนุษย์ค่ะ
เพราะปัญญาที่เกิดจากการภาวนานั้น เป็น ความรู้แจ้ง เห็นแจ้ง
เป็น ภาวนามยปัญญา
จึงอยากแนะนำว่า ให้ลองปฏิบัติดูก่อนค่ะ
หลวงพ่อ สอนเสมอว่า แค่ หยุดนิ่งให้ได้เสียก่อน เรื่องอื่นค่อยมาว่ากัน
แรกๆ ดิฉันก็ไม่ได้เข้าใจทุกอย่าง แต่ตอนนี้ รู้แล้วว่า
จงหยุด กับนิ่ง ไปก่อนเถิดค่ะ
อ้อ ... แต่ต้องหยุดที่ 072 ด้วยนะคะ
ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นทุกวันค่ะ
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ