ขอให้เจ้าของกระทู้อย่าไปเสียใจเลยนะค่ะ ถือว่าท่านเปลี่ยนที่ทำงานก็แล้วกันนะค่ะ
และหมั่นสั่งสมบุญและอุทิศไปให้ท่านเยอะๆนะค่ะ
อะไรกันนี่...คุณหมอ...ใจร้ายจัง
เริ่มโดย บุญโต, May 16 2006 12:44 PM
มี 38 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#31
โพสต์เมื่อ 18 May 2006 - 09:31 PM
#32
โพสต์เมื่อ 21 May 2006 - 01:30 AM
เสียใจด้วยนะคะ
ขอให้คุณ virtue มีกำลังใจที่เข้มแข็งเพื่อให้ผ่านพ้นความทุกข์ใจนี้ได้โดยเร็ว
และเผื่อแผ่ให้กับญาติคนอื่นๆ ด้วยนะคะ
ที่สำคัญ อย่าลืมอุทิศบุญกุศลให้คุณยายบ่อยๆนะคะ
ขอให้คุณ virtue มีกำลังใจที่เข้มแข็งเพื่อให้ผ่านพ้นความทุกข์ใจนี้ได้โดยเร็ว
และเผื่อแผ่ให้กับญาติคนอื่นๆ ด้วยนะคะ
ที่สำคัญ อย่าลืมอุทิศบุญกุศลให้คุณยายบ่อยๆนะคะ
#33
โพสต์เมื่อ 22 May 2006 - 01:56 PM
QUOTE
เสียใจด้วยนะคะ
ขอให้คุณ virtue มีกำลังใจที่เข้มแข็งเพื่อให้ผ่านพ้นความทุกข์ใจนี้ได้โดยเร็ว
และเผื่อแผ่ให้กับญาติคนอื่นๆ ด้วยนะคะ
ที่สำคัญ อย่าลืมอุทิศบุญกุศลให้คุณยายบ่อยๆนะคะ
ขอให้คุณ virtue มีกำลังใจที่เข้มแข็งเพื่อให้ผ่านพ้นความทุกข์ใจนี้ได้โดยเร็ว
และเผื่อแผ่ให้กับญาติคนอื่นๆ ด้วยนะคะ
ที่สำคัญ อย่าลืมอุทิศบุญกุศลให้คุณยายบ่อยๆนะคะ
QUOTE
ขอให้เจ้าของกระทู้อย่าไปเสียใจเลยนะค่ะ ถือว่าท่านเปลี่ยนที่ทำงานก็แล้วกันนะค่ะ
และหมั่นสั่งสมบุญและอุทิศไปให้ท่านเยอะๆนะค่ะ
และหมั่นสั่งสมบุญและอุทิศไปให้ท่านเยอะๆนะค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ
งานศพคุณยายของน้องผ่านไปเรียบร้อยแล้วค่ะ...แต่ช่วงงานศพก็มีปัญหาเรื่องการชิงสมบัติที่มีอยู่น้อยนิดของคุณยายวุ่นวายน่าดูเหมือนกันค่ะ
...ได้สอบถามข้อมูลมาแล้ว ชาติปัจจุบันคุณยายก็ยังคงปล่อยเงินกู้จริง ๆ ด้วยค่ะ แต่ทราบว่าคุณยายคิดดอกน้อยนิดบ้าง ไม่คิดดอกบ้าง โดนโกงบ้าง...แต่คุณยายชอบช่วยเหลือคน เลี้ยงเด็กกำพร้าไว้ ด้วยเหตุนี้หรือปล่าวนะคะที่ทำให้คุณยายไม่ทรมานนานจากการเป็นโรคไต ...
#34
โพสต์เมื่อ 22 May 2006 - 04:11 PM
หมอที่ใจร้ายใจยักษ์จริงๆมักไม่ค่อยมีหรอกครับ หมอทุกคนอยากให้คนไข้มีความสุขและหายจากโรคทั้งนั้นแหละครับ เพียงแต่ต้องดูด้วยว่าโรคบางอย่างนอกจากรักษาไม่หายแล้วญาติยังต้องหมดเงินหมดทองโดยที่คนไข้ก็ไม่ได้มีความสุขซักเท่าไหร่ ถ้าคุณเป็นแพทย์จะแนะนำคนไข้อย่างไร
.........................................ผมขอแสดงความคิดเห็นส่วนตัวนะคร้าฟ(ในฐานะแพทย์คนหนึ่ง)ถ้าเกิดผิดเผลอพลาดประการใดขอกราบอภัยณ ที่นี้ด้วย
1. ยอมรับว่าแพทย์ก็คือมนุษย์ เหมือนกับทุกๆคน ดังนั้นผมคิดว่าคนที่เกิดมาเป็นมนุษย์จิตใจที่เป็น ฝ่ายกุศล มากกว่าอกุศลเป็นแน่ ดังนั้น อาจสรุปได้ว่าที่แน่ๆ แพทย์ทุกคน ควร มีจิตใจเหมือนมนุษย์นขั้นต่ำ
2. แต่ไม่ยอมรับว่า ความดีแค่ระดับ มนุษยธรรมจะพอสำหรับแพทย์ เพราะแพทย์ควรจะมีพรหมวิหาร 4 โดย ถือเมตตา และกรุณาเป็นหลักสำคัญที่สุด ต้องมากกว่าระดับ มนุษยธรรม เทวธรรม ด้วยซ้ำ เพราะควรจะมีถึงระดับ โพธิสัตธรรม ถึงจะเหมาะ ..............ดังนั้นขอสรุปว่าแม้แต่ตัวผมเอง และแพทย์อีกหลายๆท่านไม่เหมาะที่จะเป็นแพทย์เพราะคุณธรรมไม่เพียงพอ
3. แพทย์ในปัจจุบันถ้า ใครอยู่ในวงการ.............ต้องทราบดีว่า ....หลายต่อหลายท่านแม้แต่ มนุษยธรรมยังไม่มีพอเลยแล้วคู่ควรกับคำว่าแพทย์หรืออาทิ
มีอาจารย์แพทย์ บางจำพวก (จริงๆไม่ควรเรียกว่าอาจารย์) ภาควิชาที่เกี่ยวกับชีวิตแม่และเด็กจะขอยกตัวอย่างให้ฟังว่าอย่างนี้ควรเรีกว่าแพทย์หรือไม่.............และสมควรแก่การเป็นอาจารย์แพทย์ในการปลูกฝัง มนุษยธรรม กับ นักเรียนแพทย์หรือไม่ดังนี้
............เช้าขณะround ward ผู้ป่วยตั้งครรภ์ พร้อมกับนักเรียนแพทย์ จะมีห้องแยกระหว่างห้องพิเศษ กับห้องธรรมดา และยังมีการแยกเคส ระหว่าง service and private คือ เคสที่นักศึกษาแพทย์และหรือ เรสซิเดนท์ ดูแลกับอาจารย์แพทย์ดูแลซึ่ง condition ไม่แตกต่าง...........ตรงนี้ไม่ผิดเท่าไรเพราะเป็นวัฒนธรรมของวงการนี้อยู่แล้ว ??? แต่หลังจากวันหนึ่งที่ราวด์วอร์ดเสร็จ ผู้ป่วยคนที่ เป็นเคส private เมื่อวานนี้ ก็เอ่ยถามอาจารย์แพทย์เจ้าของไข้ว่า พอดีมีปัญหาเรื่องเงิน(คือตอนแรกมีพอจ่ายสำหรับจำนวนๆหนึ่งแต่จริงๆต้องใช้มากกว่านั้นและมีปัญหาเกี่ยวกับการเงินกระทันหัน)จึงแจ้งกับหมอเจ้าของไข้ว่าไม่สามรถจ่ายได้
ปรากฎว่า..........เจ้าของไข้ก็ตอบต่อหน้า นักเรียนและคนไข้ว่าไม่เป็นไรๆ แต่พอเดินออกจากห้องได้ไม่พ้น 2-3 ก้าวก็รีบตรงไปลบที่กระดานแจกแจงผู้ป่วยทันทีให้ นสพ เห็นกันหหลายๆคน จากนั้นก็เดินออกไปเลยด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก..............อันนี้ก็แค่ส่วนจิ๊บจ๊อยมากกว่านี้มีอีกมาก อาทิ ทำงานคลินิก มีฝากครรภ์และหรือ รักษาที่คลินิกแต่เอาคนไข้มาผ่า หรือทำหัตถการใน รพ. อันนี้สมควรแล้วเหรอโอยมีอีกเยอะมากมายยยยยบรรยายยไม่หมด
ดังนั้นขอบอกได้เลยว่า แพทย์จำนวน 99.99 % ไม่เหมาะสมกับคำว่าแพทย์
.........................................ผมขอแสดงความคิดเห็นส่วนตัวนะคร้าฟ(ในฐานะแพทย์คนหนึ่ง)ถ้าเกิดผิดเผลอพลาดประการใดขอกราบอภัยณ ที่นี้ด้วย
1. ยอมรับว่าแพทย์ก็คือมนุษย์ เหมือนกับทุกๆคน ดังนั้นผมคิดว่าคนที่เกิดมาเป็นมนุษย์จิตใจที่เป็น ฝ่ายกุศล มากกว่าอกุศลเป็นแน่ ดังนั้น อาจสรุปได้ว่าที่แน่ๆ แพทย์ทุกคน ควร มีจิตใจเหมือนมนุษย์นขั้นต่ำ
2. แต่ไม่ยอมรับว่า ความดีแค่ระดับ มนุษยธรรมจะพอสำหรับแพทย์ เพราะแพทย์ควรจะมีพรหมวิหาร 4 โดย ถือเมตตา และกรุณาเป็นหลักสำคัญที่สุด ต้องมากกว่าระดับ มนุษยธรรม เทวธรรม ด้วยซ้ำ เพราะควรจะมีถึงระดับ โพธิสัตธรรม ถึงจะเหมาะ ..............ดังนั้นขอสรุปว่าแม้แต่ตัวผมเอง และแพทย์อีกหลายๆท่านไม่เหมาะที่จะเป็นแพทย์เพราะคุณธรรมไม่เพียงพอ
3. แพทย์ในปัจจุบันถ้า ใครอยู่ในวงการ.............ต้องทราบดีว่า ....หลายต่อหลายท่านแม้แต่ มนุษยธรรมยังไม่มีพอเลยแล้วคู่ควรกับคำว่าแพทย์หรืออาทิ
มีอาจารย์แพทย์ บางจำพวก (จริงๆไม่ควรเรียกว่าอาจารย์) ภาควิชาที่เกี่ยวกับชีวิตแม่และเด็กจะขอยกตัวอย่างให้ฟังว่าอย่างนี้ควรเรีกว่าแพทย์หรือไม่.............และสมควรแก่การเป็นอาจารย์แพทย์ในการปลูกฝัง มนุษยธรรม กับ นักเรียนแพทย์หรือไม่ดังนี้
............เช้าขณะround ward ผู้ป่วยตั้งครรภ์ พร้อมกับนักเรียนแพทย์ จะมีห้องแยกระหว่างห้องพิเศษ กับห้องธรรมดา และยังมีการแยกเคส ระหว่าง service and private คือ เคสที่นักศึกษาแพทย์และหรือ เรสซิเดนท์ ดูแลกับอาจารย์แพทย์ดูแลซึ่ง condition ไม่แตกต่าง...........ตรงนี้ไม่ผิดเท่าไรเพราะเป็นวัฒนธรรมของวงการนี้อยู่แล้ว ??? แต่หลังจากวันหนึ่งที่ราวด์วอร์ดเสร็จ ผู้ป่วยคนที่ เป็นเคส private เมื่อวานนี้ ก็เอ่ยถามอาจารย์แพทย์เจ้าของไข้ว่า พอดีมีปัญหาเรื่องเงิน(คือตอนแรกมีพอจ่ายสำหรับจำนวนๆหนึ่งแต่จริงๆต้องใช้มากกว่านั้นและมีปัญหาเกี่ยวกับการเงินกระทันหัน)จึงแจ้งกับหมอเจ้าของไข้ว่าไม่สามรถจ่ายได้
ปรากฎว่า..........เจ้าของไข้ก็ตอบต่อหน้า นักเรียนและคนไข้ว่าไม่เป็นไรๆ แต่พอเดินออกจากห้องได้ไม่พ้น 2-3 ก้าวก็รีบตรงไปลบที่กระดานแจกแจงผู้ป่วยทันทีให้ นสพ เห็นกันหหลายๆคน จากนั้นก็เดินออกไปเลยด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก..............อันนี้ก็แค่ส่วนจิ๊บจ๊อยมากกว่านี้มีอีกมาก อาทิ ทำงานคลินิก มีฝากครรภ์และหรือ รักษาที่คลินิกแต่เอาคนไข้มาผ่า หรือทำหัตถการใน รพ. อันนี้สมควรแล้วเหรอโอยมีอีกเยอะมากมายยยยยบรรยายยไม่หมด
ดังนั้นขอบอกได้เลยว่า แพทย์จำนวน 99.99 % ไม่เหมาะสมกับคำว่าแพทย์
#35
โพสต์เมื่อ 22 May 2006 - 04:35 PM
พอคุณพฤติจิต....กล่าวถึงเรื่องนี้ก็ทำให้นึกถึงตอนคลอดลูกคนที่ 2 ค่ะ
ด้วยความที่อยากจะประหยัดเงินจึงเลือกโรงพยาบาลรัฐบาลแถวอนุสาวรีย์ชัยฯ เนื่องจากทราบอยู่แล้วว่าต้องผ่าคลอด...คุณหมอนัดให้ไปอยู่โรงพยาบาลวันที่ 26 กันยายน 2548 เนื่องจากจะนัดผ่าตอน 9.00 น. อดอาหารอดน้ำตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 26 กันยายน พอถึงเวลา 9.00 น. วันที่ 27 เตรียมพร้อมทุกอย่างแล้ว ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่มาขอแทรกบอกว่ามีคนปวดมากใกล้จะออกแล้วขอก่อน....เราก็ยังไม่รู้สึกอะไร ไม่เป็นไร จนใกล้เที่ยง...เจ้าหน้าทีเข็นไปรอที่ห้องก่อนเข้าห้องผ่า...ปรากฏว่าขอแทรกอีกให้เหตุผลว่าเพราะท้องแก่มาก เคยผ่ามาเดี๋ยวแผลแตก...แล้วก็มีแทรกอีก...เข็นเข้า เข็นออกอยู่อย่างนี้ (แต่หมอวางยากับเจ้าหน้าที่ผู้หญิงท่านหนึ่งมาคอยจับตัวให้กำลังใจตลอดเลยค่ะ...บอกว่ารออีกนิดนะครับ) จนที่สุดก็เหมือนจะเข็นเข้าห้องผ่าอีก ไปรออยู่หน้าห้อง...ปรากฏว่าไม่มีหมอ หมอติดธุระด่วน รีบกลับ...แล้วก็ได้ยินเจ้าหน้าที่ผู้หญิงท่านนั้นพูดดัง ๆ ว่า ไปลองบอกหมอซิขออีกสักคนไม่ได้เหรอ...ได้ยินแค่นั้น ก็คิดได้ทันทีเลยว่า นี่ไม่ใช่แล้วละ...ก็เลยถามเจ้าหน้าที่ผู้หญิงว่า "เพราะไม่ได้ฝากพิเศษใช่มั๊ยค่ะ"....เจ้าหน้าที่ผู้หญิงคนนั้นแค่พูดประมาณว่า "ก็อย่างนี้แหล๊ะ...พี่ก็เบื่อเหมือนกัน".....
ตกลงที่นัดไว้ 9.00 น. ได้ผ่าตอนเย็นเลยค่ะ...ตอนที่เข็นกลับมาห้อง พอฟื้นได้คุยกับเตียงข้าง ๆ บังเอิญเค้ามาทีหลังแต่ได้ผ่าก่อน ก็เลยถามเค้า "เค้าบอกว่าเค้าฝากพิเศษ" ก็ถามเค้าว่าต้องทำยังงัย เค้าก็บอกว่าต้องแจ้งไว้ตั้งแต่ฝากครรภ์ แล้วพอคลอดเอาเงินใส่ซองให้หมอ 6000 (ค่าฝากพิเศษ)...ก็เลยบอกกับแฟนว่ารู้อย่างนี้ฝากพิเศษตั้งแต่แรกแล้ว...แฟนบอกว่าช่างเถอะนะ อาจลืมไปเสีย อาจเป็นดวงเด็กที่ต้องออกมาเวลานั้น....แต่จำได้แม่นเลยค่ะว่าหิวน้ำมาก เพราะอดน้ำตั้งแต่คืน 26 หลังผ่าต้องอดอีกหลายชั่วโมง คอแห้งงงงงงงงงง จนสุดบรรยายเลยค่ะ
ทุกท่านมีความคิดเห็นอย่างไรกับที่เล่านี้ค่ะ
ด้วยความที่อยากจะประหยัดเงินจึงเลือกโรงพยาบาลรัฐบาลแถวอนุสาวรีย์ชัยฯ เนื่องจากทราบอยู่แล้วว่าต้องผ่าคลอด...คุณหมอนัดให้ไปอยู่โรงพยาบาลวันที่ 26 กันยายน 2548 เนื่องจากจะนัดผ่าตอน 9.00 น. อดอาหารอดน้ำตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 26 กันยายน พอถึงเวลา 9.00 น. วันที่ 27 เตรียมพร้อมทุกอย่างแล้ว ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่มาขอแทรกบอกว่ามีคนปวดมากใกล้จะออกแล้วขอก่อน....เราก็ยังไม่รู้สึกอะไร ไม่เป็นไร จนใกล้เที่ยง...เจ้าหน้าทีเข็นไปรอที่ห้องก่อนเข้าห้องผ่า...ปรากฏว่าขอแทรกอีกให้เหตุผลว่าเพราะท้องแก่มาก เคยผ่ามาเดี๋ยวแผลแตก...แล้วก็มีแทรกอีก...เข็นเข้า เข็นออกอยู่อย่างนี้ (แต่หมอวางยากับเจ้าหน้าที่ผู้หญิงท่านหนึ่งมาคอยจับตัวให้กำลังใจตลอดเลยค่ะ...บอกว่ารออีกนิดนะครับ) จนที่สุดก็เหมือนจะเข็นเข้าห้องผ่าอีก ไปรออยู่หน้าห้อง...ปรากฏว่าไม่มีหมอ หมอติดธุระด่วน รีบกลับ...แล้วก็ได้ยินเจ้าหน้าที่ผู้หญิงท่านนั้นพูดดัง ๆ ว่า ไปลองบอกหมอซิขออีกสักคนไม่ได้เหรอ...ได้ยินแค่นั้น ก็คิดได้ทันทีเลยว่า นี่ไม่ใช่แล้วละ...ก็เลยถามเจ้าหน้าที่ผู้หญิงว่า "เพราะไม่ได้ฝากพิเศษใช่มั๊ยค่ะ"....เจ้าหน้าที่ผู้หญิงคนนั้นแค่พูดประมาณว่า "ก็อย่างนี้แหล๊ะ...พี่ก็เบื่อเหมือนกัน".....
ตกลงที่นัดไว้ 9.00 น. ได้ผ่าตอนเย็นเลยค่ะ...ตอนที่เข็นกลับมาห้อง พอฟื้นได้คุยกับเตียงข้าง ๆ บังเอิญเค้ามาทีหลังแต่ได้ผ่าก่อน ก็เลยถามเค้า "เค้าบอกว่าเค้าฝากพิเศษ" ก็ถามเค้าว่าต้องทำยังงัย เค้าก็บอกว่าต้องแจ้งไว้ตั้งแต่ฝากครรภ์ แล้วพอคลอดเอาเงินใส่ซองให้หมอ 6000 (ค่าฝากพิเศษ)...ก็เลยบอกกับแฟนว่ารู้อย่างนี้ฝากพิเศษตั้งแต่แรกแล้ว...แฟนบอกว่าช่างเถอะนะ อาจลืมไปเสีย อาจเป็นดวงเด็กที่ต้องออกมาเวลานั้น....แต่จำได้แม่นเลยค่ะว่าหิวน้ำมาก เพราะอดน้ำตั้งแต่คืน 26 หลังผ่าต้องอดอีกหลายชั่วโมง คอแห้งงงงงงงงงง จนสุดบรรยายเลยค่ะ
ทุกท่านมีความคิดเห็นอย่างไรกับที่เล่านี้ค่ะ
#36
โพสต์เมื่อ 24 May 2006 - 11:46 PM
QUOTE
ดังนั้นขอบอกได้เลยว่า แพทย์จำนวน 99.99 % ไม่เหมาะสมกับคำว่าแพทย์
สงสัยต้องทำแบบสำรวจ เรื่องจริยธรรมในวงการแพทย์ซะแล้ว
แต่เรื่องเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมกับคำว่าแพทย์หรือไม่นั้น ตัวเองรู้ดีที่สุดนะค่ะ อย่าลืม
ส่วนการปฏิบัติงานของแต่ละคน ก็แตกต่างกันตามสาขาวิชา ไม่ขอออกความเห็นในเรื่องนี้ค่ะ และขึ้นกับสถานะ สถานที่ที่ทำงานด้วย ถ้าอยู่รัฐบาลก็ทำงานได้สบายใจหน่อย ไม่มีการแบ่งแยกอะไรมากมาย ถ้าอยู่เอกชน ก็หลายท่านคงทราบ ระบบของโรงพยาบาลก็จะกึ่งบีบให้แพทย์ ทำโน่นทำนี่เยอะแยะไปหมด แต่ที่ดีๆก็มีเหมือนกันนะค่ะ และที่สำคัญก็คือ คุณธรรมในตัวค่ะ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน สถาณการณ์อย่างไร ขออย่าให้กิเลสมารเข้าครอบ ทำให้จิตตกตำได้ก็แล้วกันค่ะ
ส่วนใครทำกรรมใดไว้ ตนก็ย่อมเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น
คุณ VirtuE ก็อย่าไปใส่ใจเลยนะค่ะ
#37
โพสต์เมื่อ 25 May 2006 - 01:16 PM
เรื่องที่ผมเล่า นี้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นขณะที่กำลังเรียนแพทย์ อยู่ เป็นนักศึกษาอยู่เห็นจนชินจนชา จนเป็นเรื่องปกติ ......ซึ่งอาจเหมือนกับแพทย์อีกหลายๆท่าน ที่มองข้ามว่าเรื่องนี้ ว่าเป็นเรื่องปกติ จริงๆ แล้วจะให้แพทย์ มี โพธิสัตธรรมคงยาก แต่อย่างน้อย มนุษยธรรม ก็ต้องมี เป็นอย่างต่ำ
#38
โพสต์เมื่อ 26 May 2006 - 12:03 PM
สงสัยต้องทำแบบสำรวจ เรื่องจริยธรรมในวงการแพทย์ซะแล้ว
แต่เรื่องเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมกับคำว่าแพทย์หรือไม่นั้น ตัวเองรู้ดีที่สุดนะค่ะ อย่าลืม[u]
เห็นด้วยอย่างยิ่งแต่การทำแบบสำรวจเนี่ย ยากมากนะครับเพราะ เป็น descriptive มากกกว่า และการจะตอบให้สวยหรูหรือตอบตามหลักจริยธรรมหนะง่ายมากๆๆเราควรทำเป็นpoll ให้คนนอกประเมินดีกว่า
แต่เรื่องเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมกับคำว่าแพทย์หรือไม่นั้น ตัวเองรู้ดีที่สุดนะค่ะ อย่าลืม[u]
เห็นด้วยอย่างยิ่งแต่การทำแบบสำรวจเนี่ย ยากมากนะครับเพราะ เป็น descriptive มากกกว่า และการจะตอบให้สวยหรูหรือตอบตามหลักจริยธรรมหนะง่ายมากๆๆเราควรทำเป็นpoll ให้คนนอกประเมินดีกว่า
#39
โพสต์เมื่อ 04 March 2007 - 03:54 PM
อามิตะพะ