ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * * * 2 คะแนน

เหตุที่ทำให้เทพยดาเป็นผู้มีรัศมีกายมาก


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 11 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 27 September 2005 - 02:38 AM

nerd_smile.gif นอกจากการประกอบเหตุด้วยการทำบุญถวายเปลวประทีป เมื่อครั้งสมัยที่เป็นมนุษย์ และการเป็นผู้ที่มีธรรมะภายในชัด ใส สว่างแล้ว มีปัจจัยอย่างอื่นอีกหรือไม่ครับ??? ที่ทำให้เทพยดาถึงฐานะแห่งความเป็นผู้มีรัศมีกายมาก
"ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน"
พระพุทธภาษิต


ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
พระอมตะวจนา แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


[/color]
"...พระพุทธศาสนา บริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระ และเป็นประโยชน์ในทุกระดับ
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒



"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"

"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"

[color="#990000"]ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

#2 *Pittaya 072*

*Pittaya 072*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 27 September 2005 - 04:52 PM

ผมคัดลอกบทสนทนาส่วนหนึ่งระหว่าง พระอนุรุทธะ กับพระกัจจานะ เรื่องรัศมีของเทวดา ที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกมาให้ลองได้อ่านกันดูนะครับ

รัศมีเล็กน้อย กับ รัศมีหาประมาณมิได้

อ. ดูกรท่านกัจจานะ ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน? ภิกษุรูปที่น้อมใจแผ่ไปสู่มหาอาณาจักรสองหรือสามมหาอาณาจักรว่า เป็นแดนมหัคคตะ อยู่ กับภิกษุรูปที่น้อมใจแผ่ไปตลอดปฐพีมีสมุทรเป็นขอบเขตว่า เป็นแดนมหัคคตะ อยู่ บรรดาจิตตภาวนาของภิกษุทั้งสองรูปดังนี้ จิตตภาวนาอย่างไหน เป็นมหัคคตะยิ่งกว่ากัน ฯ

อภิยะ. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ บรรดาจิตตภาวนาของภิกษุทั้งสองรูปดังนี้ จิตตภาวนาของภิกษุรูปที่น้อมใจแผ่ไปตลอดปฐพีมีสมุทรเป็นขอบเขตว่า เป็นแดนมหัคคตะ อยู่ นี้เป็นมหัคคตะยิ่ง ฯ

อ. ดูกรท่านกัจจานะ นี้แล เป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้บรรดาเทวดาที่เข้าถึงหมู่เทวดาหมู่เดียวกันแล้วเหล่านั้น บางพวกมีรัศมีเล็กน้อย แต่บางพวกมีรัศมีหาประมาณมิได้ ฯ

#3 *Pittaya 072*

*Pittaya 072*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 27 September 2005 - 04:56 PM

เพิ่มเติมรายละเอียดอีกเล็กน้อยในเรื่องรัศมีนะครับ มาจากบทสนทนาของพระอนุรุทธะในพระไตรปิฎกเช่นกันครับ

รัศมีที่เศร้าหมอง และรัศมีที่บริสุทธิ์ เกิดจากเหตุที่แตกต่างกันอย่างไร?

อภิยะ. ข้าแต่ท่านพระอนุรุทธผู้เจริญ อะไรหนอแล เป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้บรรดาเทวดา ที่เข้าถึงหมู่เทวดาหมู่เดียวกันแล้วเหล่านั้น บางพวกมีรัศมีเศร้าหมอง แต่บางพวกมีรัศมีบริสุทธิ์ ฯ

อ. ดูกรท่านกัจจานะ ถ้าอย่างนั้น เราจักเปรียบอุปมาแก่ท่าน เพราะวิญญูบุรุษบางพวกในโลกนี้ ย่อมทราบอรรถแห่งภาษิตได้ด้วยอุปมาก็มี ดูกรท่านกัจจานะ เปรียบเหมือนประทีปน้ำมันติดไฟอยู่ มีทั้งน้ำมันทั้งไส้ไม่บริสุทธิ์ ประทีปน้ำมันนั้นย่อมติดไฟอย่างริบหรี่ๆ เพราะทั้งน้ำมันทั้งไส้ไม่บริสุทธิ์ ฉันใด ดูกรท่านกัจจานะ ฉันนั้นเหมือนกันแล ภิกษุบางรูปในธรรมวินัยนี้ น้อมใจแผ่ไปสู่อารมณ์มีแสงสว่างเศร้าหมองอยู่ เธอไม่ระงับความชั่วหยาบทางกายให้ดี ไม่ถอนถีนมิทธะให้ดี ทั้งไม่กำจัดอุทธัจจกุกกุจจะให้ดีเธอย่อมรุ่งเรืองอย่างริบหรี่ๆ เพราะมิได้ระงับความชั่วหยาบทางกายให้ดี มิได้ถอนถีนมิทธะให้ดี ทั้งไม่กำจัดอุทธัจจกุกกุจจะให้ดี เธอตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาพวกมีรัศมีเศร้าหมอง ดูกรท่านกัจจานะ เปรียบ เหมือนประทีปน้ำมันติดไฟอยู่ มีทั้งน้ำมัน ทั้งไส้บริสุทธิ์ ประทีปน้ำมันนั้นย่อมติดไฟอย่างไม่ริบหรี่ เพราะทั้งน้ำมันทั้งไส้บริสุทธิ์ ฉันใด ดูกรท่านกัจจานะ ฉันนั้นเหมือนกันแล ภิกษุบางรูปในธรรมวินัยนี้ น้อมใจแผ่ไปสู่อารมณ์มีแสงสว่างบริสุทธิ์อยู่ เธอระงับความชั่วหยาบทางกายได้ดี ถอนถีนมิทธะได้ดีทั้งกำจัดอุทธัจจกุกกุจจะได้ดี เธอย่อมรุ่งเรืองอย่างไม่ริบหรี่ เพราะระงับความ
ชั่วหยาบทางกายได้ดี ถอนถีนมิทธะได้ดี ทั้งกำจัดอุทธัจจกุกกุจจะได้ดี เธอตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาพวกมีรัศมีบริสุทธิ์ ดูกรท่านกัจจานะนี้แล เป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้บรรดา เทวดาที่เข้าถึงหมู่เทวดาหมู่เดียวกันแล้วเหล่านั้น บางพวกมีรัศมีเศร้าหมอง บางพวกมีรัศมีบริสุทธิ์ ฯ


#4 *Wishes !*

*Wishes !*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 27 September 2005 - 11:42 PM

sick_smile.gif ขอร่วมตอบด้วยเกี่ยวกับรัศมีของเทวดา เอาบางส่วนเท่านั้น

ในสรวงสวรรค์ ย่อมมีรัศมีต่างๆ คือ รัศมีแห่งเครื่องประดับ รัศมีแห่งปราสาท และรัศมีกายของเทพยดา ส่องสว่างอยู่ทั่วไป สวยงามรุ่งเรืองส่องสว่างไปทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า เพราะฉะนั้น เทวดาบางองค์มีแสงสว่างมาก เวลาลงมาเฝ้าพระพุทธเจ้าทำเชตวันทั้งสิ้นสว่างไหวไปทั่ว

ที่กล่าวมานี้ เพื่อจะชี้ให้เห็นว่า การอุบัติเป็นเทวดานั้น เกิดขึ้นด้วยอำนาจบุญของตนที่ได้สั่งสมไว้ในโลกมนุษย์นี้แล้วไปเกิดบนสวรรค์ชั้นนั้น เพราะฉะนั้น ผู้ใดก็ตามที่ได้สั่งสมความดีเอาไว้ ก็มีโอกาสไปเกิดบนสวรรค์ชั้นต่างๆ ตามบุญบารมีของตน

เหตุที่ทำให้บุคคลเกิดในสวรรค์ชั้นนั้นๆ ว่าเขาทำบุญอะไรไว้ ทำด้วยวิธีการอย่างใด จึงสามารถไปเกิดในสวรรค์ชั้นนั้นๆได้ เพราะฉะนั้นต้องอ้างหลักฐานที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในพระสุตร 3 สูตรเข้ามาประกอบ เพื่อเป็นหลักฐานยืนยนและเพื่อความเข้าใจชัดยิ่งขึ้น พระสูตร 3 สูตรนั้นคือ

ทานสูตร
ปุญญกิริยาวัตถุสูตร(สุตรที่ว่าด้วยที่ตั้งแห่งการบำเพ็ญบุญ หรือหลักการทำบุญ)
และสังคีตสูตร (อยู่ที่ตั้งใจอธิษฐาน)

ถ้าเพื่อนๆกัลยาณมิตรอยากทราบรายละเอียดให้ไปหาอ่านได้จากหนังสือชื่อ "พรรณนาสวรรค์" ผู้เขียนคือ พระเทพสุทธิกวี แล้วเพื่อนๆกัลยาณมิตรจะเข้าใจอะไรอีกเยอะมากๆ เพราะปัจจุบันผู้ที่ปฏิบัติธรรมะ มีธรรมะในจิตใจ ในชีวิตประจำวัน ก็ได้ปฏิบัติอยู่แล้ว ไปหาซื้อมาอ่าน ขอกระซิบบอกว่า " ทำให้มีกำลังใจสร้างความดีเพื่อตัวเอง" อีกเยอะเลย ทั้งๆที่พวกเราก็ทำอยู่แล้ว เมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว ทำให้มีกำลังใจเป็นอย่างมากที่สุด รายละเอียดเยอะมากๆ ไปหาซื้ออ่านกันเองนะจ๊ะ ที่ข้าพเจ้าทราบเพราะมีเพื่อนบอกต่อๆกันไปจ้ะ เป็นหนังสือที่ดีมากๆ

ด้วยความปรารถนาดี

#5 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 28 September 2005 - 04:45 AM

nerd_smile.gif ขอเพิ่มเติมนะครับ การมีปีติ (ในบุญที่ตนได้กระทำทั้ง ๓ วาระ) มีปิยวาจา มีมหากรุณา อีกทั้งการทำความสะอาดศาสนาสถานและเสนาสนะอันเป็นของสงฆ์ ทั้งหมดนี้ ก็เป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้เทพยดาองค์นั้น เป็นผู้มีรัศมีกายมากเช่นเดียวกันครับ.
"ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน"
พระพุทธภาษิต


ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
พระอมตะวจนา แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


[/color]
"...พระพุทธศาสนา บริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระ และเป็นประโยชน์ในทุกระดับ
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒



"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"

"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"

[color="#990000"]ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

#6 *Wishes !*

*Wishes !*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 28 September 2005 - 09:27 PM

ข้อความเหล่านี้น่าสนใจดีมากๆ จากหนังสือพรรณนาสวรรค์ ก็เลยอยากขออนุญาตนำมาลงให้อ่านกันเพลินๆ อาจจะทำให้เพื่อนกัลยาณมิตรทุกท่านได้กำลังใจในสิ่งที่ปฏิบัติในชีวิตประจำวันอยู่แล้วนะจ๊ะ

ตามตำนานพระพุทธศาสนา มีพระเถระองค์หนึ่ง ชอบเที่ยวไปในสวรรค์ชั้นต่างๆ โดยเฉพาะสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ผู้นั้นคือ พระโมคคัลลานะ บางทีก็ไปยืนอยู่หน้าวิมานของเทพต่างๆ เมื่อท่านยืนอยู่หน้าวิมาน เทพบุตรเทพธิดาเจ้าของวิมานจะเข้ามากราบท่านไหว้ท่าน ท่านก็ถามว่าเมื่อเป็นมนุษย์ทำบุญอะไรไว้

บางองค์บอกว่าเคยถวายมะม่วงผลหนึ่ง
บางองค์บอกว่า เคยถวายมะพลับผลหนึ่ง
บางองค์บอกว่า ดิฉันไม่ได้ทำบุญทำทานอะไรเลย อยู่กับเจ้านาย ๆ สับโขกด่าว่าทุกอย่าง แต่อดทนเอาไว้ไม่ได้โต้ตอบ ด้วยอำนาจบุญอันนั้นทำให้ดิฉันมาเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ (แสดงว่าความอดทนอดกลั้น ก็เป็นบุญอย่างหนึ่ง สามารถทำให้ไปเสวยสุขบนสวรรค์ด้วยนะจ๊ะ เพื่อนๆกัลยาณมิตร)

และยังมีอีกมากมายที่พระเถระไปสอบถามว่าทำบุญอะไรไว้ จึงมาบังเกิดที่นี่ ผู้ใดต้องการรายละเอียดก็ให้ไปอ่านดูในพระไตรปิฏก วิมานวัตถุพร้อมทั้งในอรรถกถา และส่วนมากพระโมคคัลลานะจะไปถาม เทพบุตรเทพธิดาผู้ถูกถามก็เล่าอดีตประวัติของตัวเองว่าเคยทำอะไรไว้

ในสมัยนั้น พระโมคัลลานะก็เที่ยวสัญจรไปบนเทวโลกด้วยอำนาจฤทธิ์ ไปเห็นวิมานอันวิจิตรตระการตาของเทพบุตร อดีตคนเฝ้ายามอยู่ที่หน้าบ้านของอุบาสกนั้น เพิ่งตายไปเกิดใหม่ๆ องค์พระอรหันต์ไปยืนอยู่หน้าวิมานของเทพบุตรนั้น เมื่อเทพบุตรนั้นเห็นแล้วก็เข้ามาไหว้ท่าน ท่านก็ถามว่าวิมานนี้มีความสูงยิ่งนัก ประกอบไปด้วยเสาลาดไปด้วยแก้วมณี มีพื้นเรียบไปด้วยแผ่นกระดานทองอันรุ่งเรืองปรากฎอยู่ ตัวท่านเป็นเจ้าของวิมาน ปรารถนาจะได้อาหารทิพย์อันใด สิ่งทั้งหลายอันเป็นทิพย์ก็บังเกิดตามความปรารถนาของท่าน อีกประการหนึ่ง วิมานนี้ก็กึกก้องไปด้วยเสียงดุริยางค์ดนตรีทั้งหลายกามคุณทั้ง 5 มีอยู่มากมาย นางฟ้าทั้งหลายมีเครื่องประดับแล้วไปด้วยทอง บางนางฟ้อนรำยังน้ำจิตของท่านให้ยินดี สมบัติและรัศมีรุ่งเรืองทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะบุญอะไร

มีต่อ.... sick_smile.gif

#7 *Wishes !*

*Wishes !*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 28 September 2005 - 09:41 PM

sick_smile.gif ดูก่อนเทพบุตรผู้มีอานุภาพ ข้าพเจ้าขอถามว่า เมื่อเป็นมนุษย์ท่านได้ก่อสร้างบุญกุศลอันใดไว้ จะเป็นเพราะการให้ทานเป็นการใหญ่หรือตั้งใจรักษาเบญจศีลอุโบสถหรืออย่างไร สมบัติอันเป็นทิพย์จึงได้เกิดมีแก่ท่าน ท่านรุ่งเรืองไปด้วยยศ มีรัศมีมากมายเห็นปานนี้

sick_smile.gif เทพบุตรนั้นก็ตอบว่า ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้ประเสริฐ ข้าพเจ้านี้คือชายชรา ซึ่งเฝ้าประตูบ้านของอุบาสกในเมืองราชคฤห์ผู้เป็นนาย ตายแล้วก็บังเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นี้ มีอายุประมาณ 1 พันปีทิพย์ ถ้าจะนับปีมนุษย์แล้ว 100 ปีเป็นวันหนึ่งกับคืนหนึ่งของเทวดา ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นี้ ข้าพเจ้าดำรงอยู่ในที่นี้ตลอดพันปีทิพย์ การที่ข้าพเจ้ามีอายุนาน มีวิมานสมบัติรุ่งเรืองอย่างที่พระคุณเจ้าเห็นอยู่นี้ มิใช่ว่าข้าพเจ้าได้บริจาคทานแก่ภิกษุผู้ทรงศีล แท้ที่จริง ข้าพเจ้าเป็นคนเฝ้าประตูของอุบาสกผู้เป็นนาย ครั้งเมื่อพระผู้เป็นเจ้ามาถึงบ้านแล้ว ข้าพเจ้าก็ทักทายด้วยควมรักความเลื่อมใสว่าพระผู้เป็นเจ้ามาแล้วหรือ พระผู้เป็นเจ้าไม่มีโรคภัยไข้เจ็บละหรือ กล่าวปราศรัยอย่างนี้ด้วยน้ำใจที่เลื่อมใสต่อพระภิกษุสงฆ์ และช่วยขวนขวายในการทานของอุบาสก ในที่สุดได้ร่วมฟังธรรมเทศนา ได้ถึงพระไตรสรณคมน์ เมื่อถึงแก่กรรม ข้าพเจ้าจึงมาบังเกิดบนสวรรค์ชั้นนี้

nerd_smile.gif เมื่อพระโมคคัลลานะ ได้สดับดังนั้น แล้วก็ท่องเที่ยวไปตามสถานที่อื่นตามสมควรแล้ว จึงกลับมาสู่มนุษยโลกตามเดิม ถ้าพบญาติมิตรของเทพบุตรเทพธิดาที่ท่านไปพบ ท่านก็จะบอกว่าใครทำบุญอะไรไว้จึงไปเกิดบนสวรรค์ชั้นนั้นๆ

คงจะจำชายชราคนนี้ได้นะจ๊ะ เคยอ่านประวัติของเขา เขาตายไปแล้วไปอยู่สวรรค์ชั้นไหน

ขอมาลงแค่พอหอมปากหอมคอ ให้กระหายได้ทำบุญกุศลยิ่งๆขึ้นๆไป อยากจะเรียนให้ทราบว่า ไม่ว่าชีวิตของเราจะทำอะไร ดี ชั่ว ก็ตาม พวกเราได้ถูกบันทึกเอาไว้แล้วจริงๆ ดั่งที่หลวงพ่อได้สอนบอกเอาไว้แล้วจริงๆจ้ะ

#8 *Wishes !*

*Wishes !*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 05 October 2005 - 09:54 PM

คัดลอกมาจากหนังสือพรรณนาสวรรค์ เกี่ยวกับผู้ตายที่ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นนิมมานรดี นอกจากนางวิสาขาแล้วน่ะจ้ะ เพื่อนๆกัลยาณมิตรทุกวัย ลองอ่านดูนะคะ คุ้นๆว่าเคยเจอในเว็ปนี้ด้วยนะจ๊ะ จำไม่ได้จ้ะ ทบทวนกันอีกทีก็แล้วกันนะจ๊ะ จะได้ชื่นหัวใจมุ่งมั่นสร้างความดีจนกว่าจะละโลกนี้ไปจ้ะ

****** พระมหากัสสปะโปรดหญิงตกยาก ******

เกี่ยวกับผู้ตายแล้วไปเกิดบนสวรรค์ชั้นนี้ ในประวัติทางพระพุทธศาสนาบันทึกไว้ไม่มาก และมีบันทึกอยู่เรื่องหนึ่งเกี่ยวกับนางเทพธิดาคนหนึ่ง เป็นชาวกรุงราชคฤห์

กล่าวกันว่า ในสมัยพระพุทธเจ้าประทับอยู่ในเมืองราชคฤห์ มีสตรีผู้ตกยากอยู่ครอบครัวหนึ่งในเมืองนั้น ในสมัยนั้นเกิดอหิวาตกโรคขึ้น คนก็ตายเป็นจำนวนมาก สำหรับครอบครัวของนาง ลูกก็ตายสามีด็ตาย วิธีหนีอหิวาตกโรคของคนในสมัยนั้นก็คือพังฝาเรือนแล้วหนีไปทางด้านหลัง เขาถือว่าเป็นอุบายที่จะรอดได้ นางเมื่อหนีไปแล้วก็ไม่มีอาหารจะกิน ซัดเซพเนจรไปถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง จึงเข้าไปขออาศัยในบ้านหลังหนึ่ง ผู้คนในบ้านหลังนั้นก็ยากจนเหมือนกัน ตอนนั้นก็มีข้าวสวย ข้าวยาคู แล้วข้าวตัง เหลืออยู่ในหม้อ เมื่อพวกเขาเห็นนางหิวโหยมาก็สงสาร ได้เอาอาหารนั้นมอบให้นาง

ในวันนั้นเอง พระมหากัสสปะชอบเข้านิโรธสมาบัติ สมัยนั้นท่านเข้านิโรธสมาบัติอยู่เป็นเวลา 7 วัน เมื่อออกจากนิโรธสมาบัติแล้ว ท่านก็คิดว่าจะไปโปรดใครดี ท่านพิจารณาด้วยทิพยจักษุของท่าน ได้เห็นว่า ผู้หญิงตกยากคนนั้นใกล้จะตาย จำต้องช่วย เพราะนางเคยเป็นมารดาของท่าน ท่านก็ออกไปบิณฑบาตในเวลาไม่ช้า เดินไปยังบ้านที่ผู้หญิงตกยากนั้นอาศัยอยู่ ซึ่งนางเพิ่งได้รับอาหารมาใหม่ๆ ยังไม่ทันได้กินอาหาร ในระหว่างทาง ก่อนที่พระมหากัสสปะ จะมารับบิณฑบาตจากนางนั้น พระอินทร์ได้เสด็จมาดักใส่บิณฑบาตรเสียก่อน โดยแปลงเป็นคนแก่เดินงกๆ งันๆ ออกมาจากป่าเพื่อใส่บาตร พระเถระมองดูแล้วพิจารณาดูว่าผู้นี้เป็นใคร ก็รู้ทันทีว่าเป็นท้าวสักกเทวราช จึงได้ถวายพระพระว่า มหาบพิตร พระองค์ฉลาดในการทำบุญกุศล ทำไมมาแย่งชิงสมบัติของคนยากจนเสียเล่า

ท้าวสักกเทวราชได้ฟังอย่างนั้นก็รู้ว่าพระเถระรู้จักตน จึงแสดงตนเป็นสักกเทวราชตามเดิม ทรงนมัสการพระเถระ แล้วได้เสด็จไปยังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ตามเดิม

ต่อจากนั้น พระเถระมายืนอยุ่เฉพาะหน้าของหญิงเข็ญใจ นางเห็นพระเถระมายืนบิณฑบาตอยู่หน้าบ้านก็รู้สึกละอายใจ เพราะของที่จะใส่บาตรก็ไม่มี อาหารเหลืออยู่ก็มีน้ำข้าวและข้าวตังที่เขาให้ซึ่งเป็นของที่ไม่สมควรที่จะถวายพระ เพราะท่านเป็นพระเถระผู้ใหญ่ ใครๆก็รู้จักกันทั่วเมือง นางจึงพูดว่า ขอนิมนต์พระคุณเจ้าไป ไปโปรดข้างหน้าเถิดเจ้าค่ะ..................มีต่อ

#9 *Wishes !*

*Wishes !*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 06 October 2005 - 12:39 AM

ต่อจ้ะต่อ....

พระเถระก็ยังไม่ไป ยังยืนอยู่ที่นั้นเอง ฝ่ายคนอื่นๆ เห็นพระมหาเถระมายืนอยู่อย่างนั้น กำนำเอาอาหารของตนมาใส่บาตร พระเถระก็ไม่รับ ก็ยังยืนอยู่ตรงนั้น

ผู้หญิงตกยากคนนั้นจึงคิดว่า พระเถระคงจะโปรดตนเองแน่นอนแล้ว จึงได้น้อมข้าวตังนั้นเข้าไปถวายท่าน โดยเทลงในบาตรด้วยมืออันสั่นเทา ก็รู้สึกปิติยินดียิ่งนัก พระเถระพอรับแล้วก็ตั้งใจจะนั่งที่บ้านนั้นเพื่อจะฉันข้าวตังนั้น ทั้งๆที่ของไม่ค่อยสะอาดเลยของก็ไม่ดีด้วย เพื่อจะให้นางเกิดปิติยินดีมากยิ่งขึ้น คนทั้งหลายเห็นพระมหากัสสปเถระ แสดงอาการจะนั่งลงก็จัดอาสนะปูให้ท่าน ท่านก็นั่งลงฉันข้าวตังนั้นเสร็จแล้วอนุโมทนาแล้วก็จากไป

ฝ่ายหญิงคนนั้นดีใจมากที่ได้ถวายอาหารแด่พระเถระ แม้เป็นอาหารไม่ดี ตนก็รู้สึกดีใจที่พระเถระมาโปรด ช่วงตอนกลางคืนนั้นเอง เกิดลมชนิดหนึ่งขึ้นในร่างกายทำให้นางถึงแก่กรรม

ฝ่ายท้าวสักกเทวราช เมื่อทราบว่านางได้ถึงแก่กรรมแล้วก็ตรวจดูว่านางไปเกิดในสถานที่ใด เมื่อดูถี่ถ้วนแล้วก็มิได้เห็นในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ทรงมีความสงสัยอยู่ว่านางไปเกิดเสียที่ใด ดังนั้น พอล่วงมัชฌิมยามของคืนวันนั้น พระองค์ก็เสด็จเข้าไปพบพระมหากัสสปเถระตรัสถามว่า นางที่ถวายบิณฑบาตแก่ท่านถึงแก่กรรมแล้วไปเกิดที่ไหน พระมหากัสสปะก็ถวายพระพระว่า นางไปบังเกิดเป็นเทวดามีฤทธิ์มากอยู่ในสวรรค์ชั้นนิมมานรดี และบัดนี้กำลังเพลิดเพลินเสวยสุขอยู่ในสวรรค์นั้น

ท้าวสักกเทวราชได้ทรงสดับดังนั้นจึงตรัสว่า โอ น่าอัศจรรย์จริงทานของคนกำพร้าอนาถาและได้มาจากคนอื่น เป็นเพียงข้าวตังอันหารสมิได้ กลับเป็นทานที่ประเสริฐ ให้สำเร็จทิพยสมบัติในสวรรค์ชั้นสูงแดนนิมมานรดี การให้ทานแก่ทักขิไณยบุคคลเช่นพระคุณเจ้า มีอานิสงส์ดีกว่าการกระทำอย่างอื่นมากจริงๆ

จบเรื่องสตรีผู้ตกยากไปบังเกิดบนสวรรค์ชั้นนิมมานรดีเพียงเท่านี้......สาธุ !
happy.gif

#10 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 07 October 2005 - 05:50 AM

nerd_smile.gif แม้จะไม่ตรงประเด็นเสียทีเดียว แต่ตัวของกระผมผู้เป็นเจ้าของกระทู้นี้ ขอกราบขอบพระคุณและกราบอนุโมทนาบุญต่อความเพียรในการให้ธรรมทานของท่านมา ณ โอกาสนี้เป็นอย่างยิ่งด้วยนะครับ สาธุ...
"ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน"
พระพุทธภาษิต


ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
พระอมตะวจนา แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


[/color]
"...พระพุทธศาสนา บริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระ และเป็นประโยชน์ในทุกระดับ
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒



"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"

"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"

[color="#990000"]ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

#11 tnawut

tnawut
  • Moderators
  • 2398 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:Laksi
  • Interests:Internet, Computer, Electronic, Security, Merit, Meditation, อินเตอร์เน็ต, คอมพิวเตอร์, ทำบุญ, ปล่อยปลา, บูชาเจดีย์, ฝันในฝัน, DOU, หมู่บ้านปฏิบัติธรรม, บวช, บรรพชา, Web, CU, Chula

โพสต์เมื่อ 07 October 2005 - 08:48 AM

อ่านแล้วยังจิตให้เลื่อมใสดีครับ

กราบอนุโมทนาบุญครับ

#12 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 08 October 2005 - 01:05 PM

ส่วนที่ผมเคยฟังเคสคุณครูไม่ใหญ่ ท่านบอกอีกประการหนึ่งที่ช่วยให้มีรัศมีสว่างไสว คือ การหมั่นพูดให้กำลังใจคนน่ะครับ แล้วท่านก็ยกทีมงาน หัวหน้าชั้น ที่ร่วมเป็นพิธีกรในรายการสู้ต่อไป นั่นแหละครับ จะเป็นอีกทางหนึ่ง ที่ทำให้ทีมงานหัวหน้าชั้น มีรัศมีกายสว่างไสวมากๆ เพราะแต่ละเรื่องในรายการสู้ต่อไป ล้วนให้กำลังใจคนทั้งโลก อย่างล่าสุด ก็เรื่องราวของ น้าองุ่น สุขเจริญ หลานหลวงปู่ ที่พูดคุยเกี่ยวกับหลวงปู่ ผมฟังครั้งใด ก็ไม่อิ่มไม่เบื่อเลย
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร