ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * * - 3 คะแนน

สุมนาเทวี"ผู้ถวายอาหารบิณฑบาตทานเป็นนิตย์"


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 6 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 Roytavan

Roytavan
  • Members
  • 166 โพสต์

โพสต์เมื่อ 02 January 2009 - 12:04 PM

สุมนาเทวี

ยามที่เหมันต์ฤดูมาเยือน มักเป็นช่วงเวลาแห่งการปลิดใบของต้นไม้ใหญ่นานาพรรณ บ่งบอกถึงกาลเวลาที่ผ่านเลย ยามที่ลมหนาวพัดโบยมาวูบใดผู้เขียนก็จะมองเห็นใบไม้ปลิดปลิวล่วงหล่นลงสู่พื้นดินที่ละใบ...ทีละใบ เปรียบเหมือนดั่งชีวิตของผู้ทรงคุณต่อวัดพระธรรมกายทั้งสามท่าน ที่ล่วงหล่นไปตามกาลเวลาและอายุขัย คนหนึ่งคือคุณยายมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ผู้สร้างวัดพระธรรมกาย อีกคนหนึ่งคือคุณป้าอุบาสิกาถวิล (บุญทรง) วัติรางกูล ผู้บอกบุญที่ดินเพื่อการก่อสร้างวัดพระธรรมกายร่วมกับคุณยายอุบาสิกาจันทร์ทั้งยังเป็นกลุ่มคนรุ่นแรกที่ได้ร่วมก่อสร้างบุญสถานอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ และบุคคลสำคัญที่สุดสำหรับพวกเราและวัดพระธรรมกาย หากแม้นไม่มีท่านก็คงไม่มีพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) นั่นก็คือโยมแม่อุบาสิกาจุรี ผโลปการ ของหลวงพ่อธัมมชโย ซึ่งท่านได้ละสังขารในวันที่ผู้เขียนเดินทางกลับจากธุดงคสถานล้านนา จังหวัดเชียงใหม่ แม้ผู้เขียนจะได้รู้จักกับท่านหลังจากที่ท่านคงไว้เพียงลมหายใจแต่ไร้สติแล้วก็ตาม ผู้เขียนก็ขออนุโมทนบุญอันยิ่งใหญ่กับท่านด้วย เพราะหากไม่มีท่านก็คงไม่มีหลวงพ่อธัมมชโย ผู้ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ที่ผู้เขียนเคารพและศรัทธายิ่งเหนือสิ่งอื่นใดทั้งปวง หากจะกล่าวถึงการสร้างบุญสั่งสมบารมีแล้ว ในพระไตรปิฎกมีผู้หญิงที่เป็นต้นแบบแห่งการสร้างบารมีหลายท่าน เช่น สมเด็จพระนางพิมพาภิกษุณี มหาอุบาสิกาวิสาขา ฯลฯ แต่ในฉบับนี้ผู้เขียนขอคัดย่อเอาเรื่องของสุมนาเทวีผู้ซึ่งเป็นลูกสาวของท่านอนาถบิณฑิกมหาเศรษฐี มาให้ท่านผู้อ่านได้อ่านศึกษาโดยมีความย่อดังนี้

ณ เมืองสาวัตถี ซึ่งมีอนาถบิณฑิกเศรษฐีมหาอุบาสกและวิสาขามหาอุบาสิกา ซึ่งบุคคลทั้ง ๒ ท่านเป็นพระอริยบุคคลขั้นโสดาบัน ได้ทำการบริจาคมหาทานถวายอาหารบิณฑบาตแก่พระสงฆ์นับเป็นจำนวนพัน ๆ องค์มิได้ขาดเลย และด้วยเหตุนี้ท่านทั้งสองจึงจำเป็นต้องมีผู้ช่วยเหลือในกุศลกิจ ทำหน้าที่จัดแจงขวนขวายและดูแลแทนหูแทนตาเป็นธรรมดา ดังนั้นวิสาขามหาอุบาสิกาจึงแต่งตั้งให้หลานสาวสุดที่รัก ซึ่งเป็นธิดาของบุตรชายให้เป็นหัวหน้าในโรงทานแห่งตน มีหน้าที่ควบคุมดูแลข้าทาสบริวารเพื่อดำเนินการทานบริจาคให้เป็นไปด้วยดี ส่วนท่านอนาถบิณฑิกมหาเศรษฐีก็ได้แต่งตั้งธิดาคนโตของตนเป็นหัวหน้าโรงทาน ครั้นมหาสุภัททาเจริญชนม์เข้าสู่วิวาหมงคลไปอยู่กับภัสดาแล้ว ก็ตั้งธิดาคนรองมีนามว่าจุลสุภัททาทำหน้าที่แทน ครั้นนางแต่งงานไปอยู่กับสามี ท่านจึงได้แต่งตั้งธิดาคนเล็กซึ่งมีนามว่าสุมมนาเทวีให้เป็นใหญ่ในโรงทาน เมื่อเธอได้รับการไว้วางใจจากบิดาก็ตั้งใจบริหารงานถวายทานบิณฑบาตแก่พระภิกษุสงฆ์วันละจำนวนพัน ๆ องค์ ด้วยความเรียบร้อยเป็นอย่างดียิ่ง ทั้งนี้ก็เพราะเธอมีความเลื่อมใสในคุณแห่งพระรัตนตรัย ทั้งเป็นหญิงเฉลียวฉลาดกอปรด้วยปัญญาว่องไว จึงเอาใจใส่ถวายความสะดวกสบายแก่พระภิกษุทั้งหลายเป็นพิเศษ สุมนาเทวีถวายทานไปและสนทนาปราศรัยกับพระภิกษุสงฆ์ไปทุกวัน ในไม่ช้าก็เกิดความรู้ความเข้าใจในพระพุทธศาสนามากมาย ต่อมาเมื่อสดับพระธรรมเทศนาอันปฏิสังยุตด้วยมรรคผลนิพพาน เธอก็ตั้งใจจำเริญวิปัสสนากรรมฐานสามารถยังวิปัสสนาญาณให้บังเกิดขึ้นในขันธสันดานแห่งตน จนกระทั่งได้บรรลุพระสกิทาคามิผลญาณอันปฏิปัสสัทธิวิมุตติ สำเร็จเป็น พระสกิทาคามีอริยบุคคล ในพระพุทธศาสนา

สุมนาเทวีสกิทาคามีอริยบุคคล เธออุตส่าห์บำเพ็ญกุศลอันยิ่งใหญ่ด้วยการถวายอาหารบิณฑบาตทานแก่พระภถิกษุสงฆ์เป็นนิตย์เสมอมา วันหนึ่ง ให้รู้สึกไม่สบายปรารถนาที่จักพบท่านบิดา จึงสั่งคนใช้ไปตามท่านขึ้นมายังเรือนชั้นบนอันเป็นที่อยู่แห่งตน แล้วนอนกระสับกระส่ายอยู่ด้วยพิษแห่งความป่วยไข้ ฝ่ายว่าอนาถบิณฑิกเศรษฐี ซึ่งออกจากเคหาแต่เช้าเพื่อไปช่วสยงานการบำเพ็ญกุศลของอุบาสกคนหนึ่ง พอได้ทราบว่าธิดาสุดที่รักเจ็บป่วยขึ้นกะทันหันเช่นนั้น ก็รีบลาอุบาสกเจ้าภาพงาน ด่วนกลับมายังบ้านของตนแล้วก็ขึ้นไปบนเรือนชั้นบนที่อยู่ของธิดาน้อยด้วยความห่วงใย เห็นเจ้านอนกระสับกระส่ายอยู่ จึงเข้าไปนั่งใกล้ ๆ แล้วไต่ถามอาการ
“ดูกรลูกรัก ! เจ้าป่วยไข้ไม่สบายเป็นอะไรไปหรือ ?”
“ไม่เป็นอะไรดอก พ่อน้องชาย ! เรามีทุกขเวทนาแต่เพียงกาย แต่ใจเรานั้นไม่ค่อยจะมีทุกข์เท่าใด” สุมนาเทวีตอบบิดาด้วยความยากลำบาก เพราะอำนาจแห่งความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นปัจจุบันทันด่วน
“ตั้งสติไว้ให้ดี ๆ เถิดลูกรัก ! นี่บิดาของเจ้า อนาถบิณฑิกเศรษฐีบิดาของเจ้าอย่างไรเล่า ไม่ใช่น้องชายอะไรของเจ้าดอก จำไม่ได้หรือ”
“จำได้...พ่อน้องชาย! ขอขอบใจพ่อน้องชายที่มีน้ำใจห่วงใยและอุตส่าห์มาเยี่ยมเรา”
“อโห...ลูกรักเอ๋ย ! ทำไมเจ้าจึงเป็นอย่างนี้ เจ้าก็เป็นคนดี แสนประเสริฐบริสุทธิ์ทุกสิ่งทุกอย่าง เวรกรรมอะไร จึงบันดาลให้เจ้าเป็นอย่างนี้ แม้แต่บิดาเจ้าก็ยังจำไม่ได้ พร่ำเพ้อไปว่าเป็นน้องชาย ก็น้องชายของเจ้ามีที่ไหนเล่า หรือว่าเจ้ากลัวตายจนเกินไป จึงฟั่นเฟือนหลงใหลไป” ท่านเศรษฐีใหญ่รำพึงรำพันออกมาด้วยความสงสารธิดาน้อยอย่างสุดหัวใจ
“เราไม่กลัวตายดอกพ่อน้องชาย ! ต่อไปนี้ เราจักไม่ได้เห็นหน้ากันอีกแล้วพ่อน้องชาย ! ขอพ่อน้องชายจงค่อยอยู่สุขสบายต่อไปเถิด เราขอลาแล้ว” คนไข้สาวสกิทาคามีเจ้ากล่าวได้เพียงนี้ ก็สิ้นลมปราณถึงแก่ชีพิตักษัย แล้วไปอุบัติเกิดเป็นเทพนารีมีศักดิ์ยิ่งใหญ่ ได้รูปกายเป็นทิพย์บริสุทธิ์วิเศษโสภา สถิตเสวยทิพยสมบัติเป็นสุขอยู่บนปราสาทวิมานทอง แวดล้อมด้วยอัปสรกัญญาซึ่งเป็นเทพบริวาร ณ ดุสิตสวรรค์แดนสุขาวดีอันเป็นเทวโลกชั้นที่ ๔
ฝ่ายอนาถบิณฑิกเศรษฐี แม้ว่าจะเป็นมหาอุบาสกทรงคุณวิเศษในพระพุทธศาสนาชั้นโสดาบันอริยบุคคล แต่เมื่อเห็นธิดาน้อยหมดลมปราณสิ้นใจไปต่อหน้าก็ให้เศร้าโศกเสียใจนัก จัดการฌาปนกิจศพธิดาสุดที่รัก แล้วก็เดินทางไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก็นั่งนิ่งอยู่มิได้กล่าวคำใด สมเด็จพระชินสีห์ จึงทรงมีพุทธฎีกาตรัสถามว่า
“ดูกรอนาถบิณฑิกะ ! ท่านมาหาเราตถาคตวันนี้ มีหน้าตาหม่นหมองไม่ผ่องใส ด้วยความอาลัยรักในเจ้าสุมนาเทวีซึ่งตายจากเราไปใช่หรือไม่”
“ใช่ พระเจ้าข้า ความเศร้าโศกเสียใจอันเกิดจากสุมนาเทวี ปรากฏมีแก่ข้าพระบาทจนไม่สามารถที่จะสลัดหักทิ้งไปได้ในขณะนี้ พระเจ้าข้า”
“ดูกรอนาถบิณฑิกะ ! อันว่ามรณธรรมย่อมปรากฏมีแก่สรรพสัตว์ทุกถ้วนหน้า ความจริงข้อนี้ท่านย่อมทราบแก่ใจอยู่ดีแล้วมิใช่หรือ ?”
“ใช่ พระเจ้าข้า แต่ว่าข้าพระบาทไม่อาจตัดใจได้ ด้วยเวทนาสงสารเจ้าสุมนาเทวีนั้นมีมากมายเหลือเกิน ด้วยว่า เจ้าสุมนาเทวีซึ่งเป็นธิดาของข้าพระบาทนั้นเป็นคนดีมีศีลธรรม กอปรด้วยหิริโอตัปปะ ทุกขณะทุกเวลาก็มีแต่จะบำเพ็ญกุศลด้วยจิตอันบริสุทธิ์ผุดผ่องเหลือประมาณ แต่เมื่อถึงกาลจะเดินทางไปสู่ปรโลกเจ้ากลับหลงใหลไม่ได้สติ พร่ำเพ้อไปต่างๆ นานา เรียกข้าพระบาทซึ่งเป็นบิดาว่าเป็นน้องชายอยู่คำแล้วคำเล่า ข้าพระบาทนึกถึงลูกในข้อนี้ก็ให้เวทนาสงสารนัก ไม่สามารถที่จักหักห้ามความโศกได้ พระเจ้าข้า”
“ดูกรอนาถบิณฑิกเศรษฐี กราบบังคมทูลดั่งนี้แล้ว สมเด็จประทีปแก้วบรมศาสดา ซึ่งทรงอาวัชนาการ(รำลึก)ทราบความเป็นไปโดยตลอดแล้ว จึงทรงมีพุทธฎีกาตรัสว่า
“ดูกรอนาถบิณฑิกะ ! ขอท่านอย่าได้โศกเศร้าเสียใจเลย เราตถาคตจักบอกความจริงให้ท่านได้ทราบ คือว่า สุมนาธิดาน้อยของท่านนั้นหาได้เป็นปุถุชนคนธรรมดาสามัญ แต่เธอเป็นพระอริยบุคคลขั้นสกิทาคามีอริยผล ได้บรรลุมรรคผลเบื้องสูงกว่าตัวท่านซึ่งเป็นเพียงโสดาบัน เจ้าสุมนาเทวีนั้นต้องการบอกความจริงข้อนี้แก่ท่านมานาน แต่ก็ไม่กล้าที่จะบอกได้ด้วยความละอายใจ ในกาลสุดท้ายแห่งชีวิตเธอตัดสินใจเรียกท่านว่าน้องชาย ด้วยหมายจะบอกให้รู้ว่า เธอเป็นผู้แก่กว่าท่านโดยคุณธรรม แต่ก็ไม่มีโอกาสที่จักอธิบายความให้ชัดเจนก็ถึงแก่กาลกิริยาตายไปเสียก่อน และบัดนี้เธอไปเกิดเป็นเทพนารีมีศักดิ์ใหญ่อยู่ในวิมานทอง ณ ดุสิตเทวโลก ด้วยอำนาจแห่งกุศลกรรมที่เจ้าทำไว้ชักนำไป ขอท่านจงอย่าได้เศร้าโศกเสียใจไปเลย”
ได้สดับพระพุทธฎีกาอันเฉลยความจริงออกมาเช่นนี้ อนาถบิณฑิกมหาเศรษฐีก็มีความดีใจหายโศกเศร้า ถวายบังคมแทบพระยุคลบาทแห่งองค์สมเด็จพระจอมไตรโลกนาถแล้ว ออกจากที่เฝ้าเดินทางกลับมายังเคหสถานของตนด้วยอารมณ์ผ่องแผ้วสุดประมาณ

เรื่องของสุมนาเทวีสกิทาคามีอริยบุคคลนี้ ผู้เขียนคัดย่อมาจาก หนังสือวรรณกรรมไทย เรื่อง “วิมุตติรัตนมาลี” เขียนโดย พระพรหมโมลี (วิลาศ ญาณวโร ป.ธ.๙) กรรมการเถรสมาคมในปัจจุบัน ชีวิตมนุษย์ที่ปลิดปลิวเปรียบเสมือนใบไม้ร่วงตามกาลเวลาและอายุขัยนั้นช่างสั้นนัก ตราบใดที่เราทั้งหลายยังต้องเวียนว่ายอยู่ในวัฏสงสาร เราก็ควรสะสมบุญสร้างบารมีสร้างความดีเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมและเพื่อทุนเสบียงบุญสำหรับไว้ใช้ในภพหน้า หรืออย่างน้อยก็ให้คนรุ่นลูกรุ่นหลานได้กล่าวขานถึงคุณความดีของบรรพบุรุษในวันหน้า เช่นเดียวกับมหาอุบาสิกาผู้ทรงคุณแก่พระพุทธศาสนาในปัจจุบันทั้งสามท่าน ชื่อของท่านจะถูกจารึกไว้ในความทรงจำของสาธุชนคู่กับประวัติศาสตร์ของวัดพระธรรมกายอีกนานเท่านาน เหมือนดั่งคำสอนของพระพุทธองค์ที่ว่า

ยถา วาริวโห ปูโร คจฺฉํ น ปริวตฺตติ
เอวมายุ มนุสฺสานํ คจฺฉํ น ปริวตฺตติ

“น้ำเต็มฝั่ง ไม่ไหลทวนขึ้นที่สูงฉันใด
อายุของคน ก็ย่อมไม่เวียนไปสู่วัยเด็กอีก ฉันนั้น”



กาญจน์มุนี(ร้อยตะวัน)
[email protected]

ไฟล์แนบ



#2 สุรชัย (กัปตัน)

สุรชัย (กัปตัน)
  • Members
  • 407 โพสต์

โพสต์เมื่อ 03 January 2009 - 01:23 AM

ขออนุโมทนาบุญครับ

#3 Gig

Gig
  • Members
  • 29 โพสต์

โพสต์เมื่อ 03 January 2009 - 12:53 PM

ดีใจจัง ชื่อตัวเองบังเอิญพ้องกับท่าน เพิ่งรู้ประวัติท่านวันนี้ ขอบพระคุณมากนะคะ

#4 Tree

Tree
  • Members
  • 2076 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 January 2009 - 03:17 AM

สาธุ ครับ

#5 Boontomak

Boontomak
  • Members
  • 431 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 January 2009 - 07:39 AM

ขออนุโมทนาบุญครับ


ขออนุโมทนาบุญครับ
ทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย ยายทำ ยายก็ได้ คุณก็ไม่ได้ คุณทำคุณก็ได้ เพราะฉะนั้นก็ทำมากๆ ไว้ก่อน เราทำทุกๆ วัน "ขอให้ข้าพเจ้าได้เข้าวัดตลอดชีวิต"

#6 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 06 January 2009 - 04:01 PM

ขอสาธุการครับ
เผอิญชื่อไปตรงกับเจ้าหญิงสุมนา ผู้มีฝนดอกมะลิตกประมาณเข่าในครั้งประสูติกาล
http://www.84000.org...a.php?b=22&i=31
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#7 นักรบเผ่าพันธุ์ตะวัน

นักรบเผ่าพันธุ์ตะวัน
  • Members
  • 380 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 07 January 2009 - 11:12 AM

อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
เพราะเป้าหมายของพวกเราคือ "ที่สุดแห่งธรรม"