คือสงสัยว่าทำไมถึงได้ตามราวีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราอยู่ตลอด ตั้งแต่ในชาติก่อน ๆ ที่ท่านยังไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้า ติดตามดูในทศชาติชาดกจะต้องมีเทวทัตเข้าไปเกี่ยวข้อง และคอยทำร้ายพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่เรื่อย ต้นเหตุของเรื่องเกิดจากอะไรครับ
ถามเกี่ยวกับพระเทวทัตครับ
เริ่มโดย cpj, Jan 24 2008 04:24 PM
มี 9 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 24 January 2008 - 04:24 PM
#2
โพสต์เมื่อ 24 January 2008 - 05:14 PM
เกิดจากการผูกเวรกับพระพุทธเจ้าสมัยที่ต่างฝ่ายต่างเป็นพ่อค้ารับซื้อทอง
#3
โพสต์เมื่อ 24 January 2008 - 05:15 PM
อ๋อ ก็เกิดจากชาติชาติหนึ่งในอดีตน่ะครับ
ที่พระพุทธเจ้า และพระเทวทัตเคยเกิดเป็นพ่อค้า ครั้งหนึ่ง ท่านสองเดินทางไปค้าขายยังต่างเมือง โดยพระเทวทัตเดินทางล่วงหน้าไปก่อน ส่วนพระพุทธเจ้า ขอเรียกพระโพธิสัตว์ก็แล้วกัน พระโพธิสัตว์เดินทางตามไปทีหลัง
ครั้งนั้น พระเทวทัตค้าขายผ่านไปยังบ้านผู้ดีตกยาก ลูกสาวพอเห็นพระเทวทัตก็นำจานโลหะเก่าๆ ใบหนึ่งมาให้พระเทวทัตตีราคา พระเทวทัตมีประสบการณ์สูง พอเห็นก็ทราบว่า จานนี้ทำโลหะหลอกไว้ แต่ภายในนี่สิ ทองคำทั้งแท่ง สินค้าของตนทั้งหมดยังไม่เทียบเท่าราคาจานทองคำใบนี้เลย พระเทวทัตเกิดโลภมากคิดหาวิธีจะได้จานมาฟรีๆ ซึ่งจะทำให้เขารวยไม่รู้เรื่องทันที เขาจึงแกล้งเหวี่ยงจานทิ้งกับพื้น พร้อมกับบอกว่า จานเก่าๆ ใบนี้จะมีราคาอันใด ว่าแล้วก็เดินจากไป กะว่า เีดี๋ยวจะแกล้งย้อนมา ทำทีเป็นสงสารแล้วซื้อในราคาถูกๆ ตนจะรวยเร็ว รวยแรง ทีเดียว
ต่อมา พระโพธิสัตว์เดินทางผ่านมาบ้าง ลูกสาวผู้ดีตกยาก ก็เอาจานใบนั้นไปให้พระโพธิสัตว์ตีราคา พระโพธิสัตว์ลองใช้เข็มโลหะกรีดดู ก็กรีดกระเทาะเนื้อโลหะที่หุ้มจานออก แล้วบอกว่า จานนี้ราคาสูงกว่าสินค้าทั้งหมดของข้าพเจ้ามาก ข้าพเจ้าไม่อาจซื้อได้หรอก
ผู้ดีตกยาก เห็นพระโพธิสัตว์พูดความจริง จึงยอมแลกจานทองคำ กับสินค้าทั้งหมดของพระโพธิสัตว์ แล้วพระโพธิสัตว์ก็เดินทางกลับเมือง
ส่วนพระเทวทัต กะเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ๆ ก็ย้อนมา ตามอุบายเดิมของตน ทำทีจะัซื้อจานราคาถูก จึงถูกผู้ีดีตกยาก ชี้หน้าด่าว่า เจ้าคนลวงโลก เมื่อกี้พ่อค้าอีกคน เขาบอกว่า จานของเราเป็นจานทองคำ ข้าเลยขายเขาไปแล้ว
พระเทวทัตได้ฟังก็โกรธมาก ทั้งอายทั้งเสียของ ทั้งเสียดายใหญ่หลวง จึงรีบวิ่งตามพระโพธิสัตว์ไป ปรากฏว่าไปถึงที่ท่าน้ำ พระโพธิสัตว์ขึ้นเรือกลับไปแล้ว ตนก็ยิ่งเสียดายอย่างยิ่ง
ด้วยแรงอามาตจึงกำทรายแถวนั้นขึ้นมา แล้วอธิษฐานว่า ถ้าจำนวนภพชาติที่จะเกิดต่อไป เปรียบได้กับจำนวนเม็ดทรายนี้ ข้าจะขอจองล้างจองผลาญเจ้าไปทุกภพทุกชาติจนกว่าจะเข้านิพพานกันไปข้างหนึ่งทีเดียว
ว่าแล้วพระเทวทัตก็อกแตกตาย หรือ ภาษาแพทย์สมัยใหม่บอกว่า หัวใจล้มเหลว
หลังจากชาตินั้น พระเทวทัตก็ลงนรกไป พ้นนรกขึ้นมา หากไม่เจอพระโพธิสัตว์ก็แล้วไป แต่หากเจอเมื่อไหร่ เป็นจองเวรไปทุกชาติ กระทั่งชาติสุดท้ายของพระโพธิสัตว์ทีเดียวล่ะครับ จะบอกให้
ที่พระพุทธเจ้า และพระเทวทัตเคยเกิดเป็นพ่อค้า ครั้งหนึ่ง ท่านสองเดินทางไปค้าขายยังต่างเมือง โดยพระเทวทัตเดินทางล่วงหน้าไปก่อน ส่วนพระพุทธเจ้า ขอเรียกพระโพธิสัตว์ก็แล้วกัน พระโพธิสัตว์เดินทางตามไปทีหลัง
ครั้งนั้น พระเทวทัตค้าขายผ่านไปยังบ้านผู้ดีตกยาก ลูกสาวพอเห็นพระเทวทัตก็นำจานโลหะเก่าๆ ใบหนึ่งมาให้พระเทวทัตตีราคา พระเทวทัตมีประสบการณ์สูง พอเห็นก็ทราบว่า จานนี้ทำโลหะหลอกไว้ แต่ภายในนี่สิ ทองคำทั้งแท่ง สินค้าของตนทั้งหมดยังไม่เทียบเท่าราคาจานทองคำใบนี้เลย พระเทวทัตเกิดโลภมากคิดหาวิธีจะได้จานมาฟรีๆ ซึ่งจะทำให้เขารวยไม่รู้เรื่องทันที เขาจึงแกล้งเหวี่ยงจานทิ้งกับพื้น พร้อมกับบอกว่า จานเก่าๆ ใบนี้จะมีราคาอันใด ว่าแล้วก็เดินจากไป กะว่า เีดี๋ยวจะแกล้งย้อนมา ทำทีเป็นสงสารแล้วซื้อในราคาถูกๆ ตนจะรวยเร็ว รวยแรง ทีเดียว
ต่อมา พระโพธิสัตว์เดินทางผ่านมาบ้าง ลูกสาวผู้ดีตกยาก ก็เอาจานใบนั้นไปให้พระโพธิสัตว์ตีราคา พระโพธิสัตว์ลองใช้เข็มโลหะกรีดดู ก็กรีดกระเทาะเนื้อโลหะที่หุ้มจานออก แล้วบอกว่า จานนี้ราคาสูงกว่าสินค้าทั้งหมดของข้าพเจ้ามาก ข้าพเจ้าไม่อาจซื้อได้หรอก
ผู้ดีตกยาก เห็นพระโพธิสัตว์พูดความจริง จึงยอมแลกจานทองคำ กับสินค้าทั้งหมดของพระโพธิสัตว์ แล้วพระโพธิสัตว์ก็เดินทางกลับเมือง
ส่วนพระเทวทัต กะเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ๆ ก็ย้อนมา ตามอุบายเดิมของตน ทำทีจะัซื้อจานราคาถูก จึงถูกผู้ีดีตกยาก ชี้หน้าด่าว่า เจ้าคนลวงโลก เมื่อกี้พ่อค้าอีกคน เขาบอกว่า จานของเราเป็นจานทองคำ ข้าเลยขายเขาไปแล้ว
พระเทวทัตได้ฟังก็โกรธมาก ทั้งอายทั้งเสียของ ทั้งเสียดายใหญ่หลวง จึงรีบวิ่งตามพระโพธิสัตว์ไป ปรากฏว่าไปถึงที่ท่าน้ำ พระโพธิสัตว์ขึ้นเรือกลับไปแล้ว ตนก็ยิ่งเสียดายอย่างยิ่ง
ด้วยแรงอามาตจึงกำทรายแถวนั้นขึ้นมา แล้วอธิษฐานว่า ถ้าจำนวนภพชาติที่จะเกิดต่อไป เปรียบได้กับจำนวนเม็ดทรายนี้ ข้าจะขอจองล้างจองผลาญเจ้าไปทุกภพทุกชาติจนกว่าจะเข้านิพพานกันไปข้างหนึ่งทีเดียว
ว่าแล้วพระเทวทัตก็อกแตกตาย หรือ ภาษาแพทย์สมัยใหม่บอกว่า หัวใจล้มเหลว
หลังจากชาตินั้น พระเทวทัตก็ลงนรกไป พ้นนรกขึ้นมา หากไม่เจอพระโพธิสัตว์ก็แล้วไป แต่หากเจอเมื่อไหร่ เป็นจองเวรไปทุกชาติ กระทั่งชาติสุดท้ายของพระโพธิสัตว์ทีเดียวล่ะครับ จะบอกให้
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร
#4
โพสต์เมื่อ 24 January 2008 - 05:52 PM
ขอบคุณครับ ที่มาช่วยไขข้อสงสัย อ่านแล้วถึงกับอึ้งเล็กน้อย นี่ขนาดพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะเนี่ย ยังเจอคนพาลผูกเวรตามจองล้างจองผลาญกันไปทุกชาติเลย ยังงี้ผมต้องรีบทำบุญอธิษฐานกำกับแล้วล่ะ เพราะในอดีตชาติก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เคยไปผูกเวรกับใครหรือเปล่า
#5
โพสต์เมื่อ 24 January 2008 - 07:43 PM
อาฆาตพยายาทผูกเวรกันมา ศึกษาได้จากเสรีววาณิชชาดก
http://84000.org/tip...ka.php?i=270003
ในทางกลับกันชาติที่พระเทวทัตไม่ได้เกิดร่วมกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านก็สร้างบุญไว้มาก เพราะหลังใช้กรรมจากอเวจีมหานรก ท่านจะมาแล้วตรัสรู้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า
http://84000.org/tip...ka.php?i=270003
ในทางกลับกันชาติที่พระเทวทัตไม่ได้เกิดร่วมกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านก็สร้างบุญไว้มาก เพราะหลังใช้กรรมจากอเวจีมหานรก ท่านจะมาแล้วตรัสรู้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC
#6
โพสต์เมื่อ 25 January 2008 - 12:51 AM
สาธุ
พระพุทธเจ้ารู้
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์
#7
โพสต์เมื่อ 25 January 2008 - 11:33 AM
เคยได้ฟังว่า ในตอนที่พระเทวทัตกลิ้งหินลงจากเขาเพื่อต้องการฆ่าพระพุทธเจ้า กรรมนั้นหนักมาก ต่อมาพระเทวทัตโดนทรณีสูบตาย พระพุทธเจ้าตรัสกับพระสาวกว่าพระเทวทัตจะตกนรกอยู่นาน หลังจากนั้นพระเทวทัตจะได้ตรัสรู้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า แสดงว่าถึงท่านจะมีบาปมากแต่ท่านก็มีบุญมากเหมือนกัน ผมสงสัยว่าพอท่านตรัสรู้เป็นพระปัจเจกแล้วท่านจะคิดเสียใจกับกรรมในอดีตชาติที่ได้ทำไว้กับพระพุทธเจ้ามั๊ย
#8
โพสต์เมื่อ 25 January 2008 - 12:56 PM
ตอบคือ ไม่เสียใจครับ เพราะพระปัจเจกพุทธเจ้าผู้หมดกิเลสแล้ว ย่อมพ้นจากความรู้สึกดีใจ เสียใจ ถ้าจะคิดถึงเรื่องนี้จริงๆ ผมว่า ท่านจะคิดในแง่ของการปลงธรรมสังเวช คือ ในอดีตไม่น่าเรื่องนี้เลย มิฉะนั้น ก็จะหลุดพ้นได้เร็วกว่านี้ (คิดในแง่เหตุผล ไม่ได้นำความรู้สึกของอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ครับ)
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร
#9
โพสต์เมื่อ 25 January 2008 - 06:43 PM
นักเรียนอนุบาลหัดฝันตอบได้ดี
#10
โพสต์เมื่อ 26 January 2008 - 12:06 AM
อนุโมทนา พี่หัดฝัน เช่นกันครับ สาธุ
ข้อคิดที่ผมได้ คือ
1 ) บุคคลทำความดี แม้กระทำด้วยใจสุจริต
ไม่ใช่ว่าจะมีแต่คนสรรเสริญ คนนินทาก็มี ขัดขวางก็มี คนเกลียดข้ามภพข้ามชาติก็มี
ขนาดพระบรมนิยตโพธิสัตว์ , พระบรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้า
ทำแต่ความดี ก็ยังมีมนุษย์และเทวดา ( ท้าวปรนิมวัสสวัตตี - เทวบุตรมาร ) ตามล้างผลาญ เลยครับ
2 ) เราไม่ควร อิสสา ริษยา ในการทำความดี บำเพ็ญบุญบารมีของผู้อื่น
3 ) แม้เราทำความดี ด้วยใจสุจริต ก็อย่าประมาทในเรื่องมนุษยสัมพันธ์กับผู้อื่น
คือ อย่าประมาทในการต้อนรับ ปฏิสันถาร
เพราะ ถ้าเรามีมนุษยสัมพันธ์ที่แย่กับผู้อื่น หรือไม่สำรวมปาก ไปว่าร้ายใคร
อาจเป็นการสร้างศรัตรู คู่แค้น
มาคอยขัดขวางการสั่งสมความดี บุญบารมีข้ามภพข้ามชาติได้
ข้อคิดที่ผมได้ คือ
1 ) บุคคลทำความดี แม้กระทำด้วยใจสุจริต
ไม่ใช่ว่าจะมีแต่คนสรรเสริญ คนนินทาก็มี ขัดขวางก็มี คนเกลียดข้ามภพข้ามชาติก็มี
ขนาดพระบรมนิยตโพธิสัตว์ , พระบรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้า
ทำแต่ความดี ก็ยังมีมนุษย์และเทวดา ( ท้าวปรนิมวัสสวัตตี - เทวบุตรมาร ) ตามล้างผลาญ เลยครับ
2 ) เราไม่ควร อิสสา ริษยา ในการทำความดี บำเพ็ญบุญบารมีของผู้อื่น
3 ) แม้เราทำความดี ด้วยใจสุจริต ก็อย่าประมาทในเรื่องมนุษยสัมพันธ์กับผู้อื่น
คือ อย่าประมาทในการต้อนรับ ปฏิสันถาร
เพราะ ถ้าเรามีมนุษยสัมพันธ์ที่แย่กับผู้อื่น หรือไม่สำรวมปาก ไปว่าร้ายใคร
อาจเป็นการสร้างศรัตรู คู่แค้น
มาคอยขัดขวางการสั่งสมความดี บุญบารมีข้ามภพข้ามชาติได้