ความหมาย ของ อสงไขย , กัป , มหากัป
( ๑ อันตรกัป เท่ากับระยะเวลาที่อายุของมนุษย์ ไขลงจากอสงไขยปีจนถึง ๑๐ ปี แล้ว
ไขขึ้นจาก ๑๐ ปี จนถึงอสงไขยปีอีก ครบ ๑ คู่ เรียกว่า ๑ อันตรกัป )
อสงไขยปีเท่ากับเลข ๑ ตามด้วยเลขศูนย์ ๑๔๐ ตัว
๑ มหากัปประกอบด้วย ๔ ช่วง ของจักรวาล
๑.๑ สังวัฏฏ (ช่วงที่กำลังถูกทำลาย ) เป็นเวลา ๖๔ อันตรกัป
๑.๒ สังวัฏฏฐายี ( เป็นช่วงเวลาที่มีแต่ความว่างเปล่า หลังจากจักรวาลถูกทำลาย ) เป็นเวลา ๖๔ อันตรกัป
๑.๓ วิวัฏฏ ( กำลังก่อตัวขึ้นของจักรวาล ) เป็นเวลา ๖๔ อันตรกัป
๑.๔ วิวัฏฏฐายี (จักรวาลที่ตั้งขึ้นใหม่เรียบร้อยเป็นปกติตามเดิม) เป็นเวลา ๖๔ อันตรกัป
..... ดังนั้น ๑ มหากัป จึงเท่ากับ ๒๕๖ อันตรกัป .....
เพราะฉะนั้น ๑ มหากัปจึงมีการทำลาย เพียง ๑ ครั้ง
นับตั้งแต่จักรวาลถูกทำลาย จนกระทั่งเกิดใหม่ และพินาศอีกครั้งจึงเป็น
เวลา ๔ อสงไขยกัป หรือ ๒๕๖ อันตรกัป นับเป็น ๑ มหากัป
สรุป
๑ รอบอสงไขยปี เป็น ๑ อันตรกัป
๖๔ อันตรกัป เป็น ๑ อสงไขยกัป
๔ อสงไขยกัป เป็น ๑ มหากัป
** ( อสงไขยปี กับ อสงไขยกัป จะต่างกันตามที่กล่าว ) **
...ส่วนคำว่า " กัป " หมายถึงเวลาที่ยาวนานนับประมาณไม่ได้ เปรียบเหมือน
มีภูเขาแท่งศิลาทึบ กว้าง ยาว สูง อย่างละ ๑ โยชน์ ( ประมาณ ๑๖ กิโลเมตร )
ครบร้อยทิพย์ปี มีเทวดาเอาผ้าทิพย์ที่บางเบาราวกับควันไฟมาลูบภูเขานี้ ๑ ครั้ง
เมื่อใดภูเขาสึกกร่อนจนเรียบเสมอพื้นดิน เรียกว่า ๑ กัป
คำว่า " กัป " กับ " มหากัป " ต่างกันดังที่กล่าว
ในมหากัปหนึ่งๆจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดขึ้น ๑ พระองค์
๒ พระองค์ ๓ พระองค์บ้าง แต่ไม่เกิน ๕ พระองค์ มหากัปที่ไม่
มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดขึ้นเลยก็มีเรียกว่า สุญกัป
มหากัปของเรานี้จะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดขึ้น ๕ พระองค์
เรียกว่า ภัทรกัป ซึ่งเป็นกัปที่เจริญที่สุด
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงอุบัติขึ้นแล้วคือ
๑. สมเด็จพระกกุสันธะพุทธเจ้า
๒. สมเด็จพระโกนาคมนะพุทธเจ้า
๓. สมเด็จพระกัสสปะพุทธเจ้า
๔. สมเด็จพระสมณโคดมพุทธเจ้า
และจักเสด็จอบัติตรัสเป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นองค์สุดท้าย
ในภัทรกัปนี้ ทรงพระนามว่า
๕.สมเด็จพระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า
ตอนนี้เราอยู่ในช่วงที่เรียกว่า กัปไขยลง คือทุก ๑๐๐ ปี อายุมนุษย์จะลด
ลง ๑ ปี อายุของพวกเราจะลดลงเรื่อยจนไปถึง ๑๐ ปี แล้วสูงขึ้นเรื่อยๆ
ใหม่ จนกระทั่งอายุมนุษย์มีกำหนด ๘ หมื่นปี สตรีมี่อายุ ๕๐๐ ปี จึงมี
ครอบครัว
เวลานั้นมีความทุกข์เรื่องโรคภัยไข้เจ็บอยู่เพียง ๓ อย่าง คือ ความหิว
ความง่วง และความแก่ ผู้คนยังทำความดีเพิ่มขึ้น อายุยิ่งทวีตาม จนกระ
ทั่งอายุอสงไขยปี
ในสมัยมนุษย์มีอายุอสงไขยปี มองเห็นความแก่ความตายได้ยาก ความ
เจ็บไม่มี เลยทำให้เกิดความประมาท ทิฎฐิมานะก็เกิดอีก เวียนเป็นวัฎฎ
จักรของมนุษย์ในยุคต้นกัปใหม่ เมื่อมีกิเลสเกิด อายุมนุษย์ก็เริ่มลดลงกระ
ทั่งเหลือ ๘ หมื่นปี เมื่อนั้นพระศรีอริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จ
มาอุบัติขึ้นในโลก อันเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ที่ ๕ องค์สุดท้ายใน
ภัทรกัปนี้
.......ช่วงระยะเวลาระหว่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งไปยัง
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกพระองค์หนึ่งเรียกว่า หนึ่งพุทธธันดร