ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

สวดมนต์ รักษาใจ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 14 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 27 February 2006 - 09:01 PM

คัดลอกมาจากคอลัมน์
: ลมหายใจสีเขียว
โดย กระวานกะกานพลู


"ทุกอย่างมีอยู่เดิม แต่เราไม่รู้"

อะไรเอ่ยที่ อาจารย์ศุภชัย จารุสมบูรณ์ กล่าว

กานพลูชวนเพื่อนๆ มาฟังกันต่อดีกว่า
"ต้องบอกก่อนว่า คนไทยเราห่างเหินจากการสวดมนต์ไหว้พระ
เด็กสมัยนี้ไม่รู้ว่าสวดมนต์แล้วได้อะไร เกิดอะไรขึ้น ใช้ประโยชน์อะไร
คือไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้
แต่แท้จริงแล้ว ศาสนาพุทธนำมาใช้ประโยชน์ได้มากมาย
โดยเฉพาะการสวดมนตรานั่นเอง แล้วคนสมัยก่อนเขาใช้เป็นการบำบัดรักษาตัวเองด้วย"

ก่อนอื่นอาจารย์ศุภชัยอธิบายให้เราเข้าใจก่อนว่า
อะไรเรียกว่ามนตรา
อะไรเรียกว่าคาถา
และอะไรเรียกว่าเวทมนตร์
เพื่อที่ว่าเราจะได้นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ถูกต้อง

เริ่มที่คาถา คุณสมบัติที่สำคัญคือต้องฟัง แล้วผู้ฟังต้องติดตั้งเสาอากาศรับคลื่นเสียงนี้
เราเรียกว่า ตีลัญจกร

"สมัยก่อนเวลาเราไม่สบาย ไม่มีโรงพยาบาล เราก็ไปวัด พระสวดคาถาให้ฟัง
เป็นโรคอะไรพระก็สวดคาถาให้ฟัง
สมมุติเป็นโรคหัวใจ พระก็จะสวดเลย แล้วเราก็ตีลัญจกรมือรับ"


การตีลัญจกร คือ
การติดตั้งเสาอากาศเพื่อให้เกิดวงจรไฟฟ้าในร่างกายสัมพันธ์กับสนามแม่เหล็กของจักรวาล

โดยมีคาถาเป็นตัวสตาร์ทเตอร์ ทำให้วงจรในร่างกายเราสัมพันธ์กับจักรวาล อันนี้คือความสำคัญของคาถา

"ในร่างกายเรานั้น แพทย์แผนจีนระบุไว้ว่า
กระเพาะกับม้ามมีแรงสั่นสะเทือนที่สัมพันธ์กับดาวเสาร์
ตับกับถุงน้ำดีได้รับอิทธิพลกับดาวพฤหัสบดี
ไตกับกระเพาะปัสสาวะได้รับอิทธิพลจากดาวพุธ
และปอดกับลำไส้ใหญ่ได้รับอิทธิพลจากดาวพระศุกร์
ส่วนหัวใจของเรานั้นกับลำไส้เล็กได้รับอิทธิพลจากดาวอังคาร"

อาจารย์ศุภชัย อธิบายต่อมาว่า
เพราะฉะนั้นโมเลกุลในร่างกายส่วนไหนของเราสั่นสะเทือนไม่เป็นระเบียบ
เราก็ใช้วิธีตีลัญจกรมือเพื่อปรับสนามแม่เหล็กให้สัมพันธ์กับจักรวาลนั่นเอง
โดยมีพระคาถาเป็นตัวสตาร์ทเตอร์

"เพราะฉะนั้นคาถาที่ถูกต้องจะต้องฟัง และตีลัญจกรมือรับจึงจะได้ผลในทางการรักษา"

ส่วนผู้สวดคาถานั้นอาจารย์ศุภชัย ระบุว่า
ผู้สวดต้องมีพลังที่ดี คือต้องมีวัตรปฏิบัติดี คนสวดต้องมีพลัง สวดเสร็จต้องแผ่เมตตา

"การสวดคาถาเป็นการช่วยผู้อื่น ไม่ได้ช่วยตัวเอง เป็นการช่วยทางอ้อม เป็นการอุทิศส่วนกุศลให้กับสัตว์โลกนั่นเอง หัวใจของคาถาคือฟังไม่ใช่สวด
ในพระไตรปิฎกบันทึกไว้อย่างชัดเจนว่า
คาถาไว้ฟังไม่ใช่สวด ถ้าสวดคือสวดเพื่อรักษาผู้อื่น"

ทั้งหมดนี้อาจารย์ศุภชัยไม่ได้คิดขึ้นเองค่ะ แต่มีอยู่ในพระไตรปิฎกจารึกไว้ว่า

ครั้งหนึ่งพระมหากัสสัปปะอาพาธ พระพุทธเจ้าก็เสด็จไปเยี่ยม
แต่พระมหากัสสัปปะไม่สามารถลุกขึ้นมาจากเตียงได้
พระพุทธเจ้าก็ทรงสวดมนต์บทหนึ่งให้ฟัง
พระมหากัสสัปปะก็สามารถลุกขึ้นมากราบพระพุทธเจ้าได้ทันที หายจากความเจ็บป่วยเป็นปลิดทิ้ง

ในพระไตรปิฎกจารึกไว้อีกครั้งหนึ่งว่า
พระโมคคัลลานะ อัครสาวกเบื้องซ้าย อาพาธอยู่ในถ้ำ พระพุทธเจ้าเสด็จไปเยี่ยม
พระโมคคัลลานะไม่สามารถลุกขึ้นมาจากเตียงได้เช่นกัน
พระพุทธเจ้าก็ทรงสวดมนต์บทหนึ่งให้ฟัง
หลังจากสวดเสร็จ พระโมคคัลลานะก็หายเป็นปลิดทิ้ง ลุกขึ้นมากราบพระพุทธเจ้าได้

พระไตรปิฎกจารึกไว้เป็นครั้งที่สามว่า
ครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าประชวรที่กรุงเวฬุวันวิหาร
ก็ให้พระอานนท์ไปตามพระจุนทะมาสวดมนต์คาถาบทเดียวกันนี้
พระองค์ก็สามารถหายจากการประชวรได้

บทสวดนั้นคือโพชฌงค์


ซึ่งเป็นบทสวดอันเป็นองค์ธรรมแห่งการตรัสรู้เลยทีเดียว

"หลักที่แท้จริงคือ คาถานั้นต้องฟัง ไม่ใช่สวด
ฟังเพื่อพิจารณาความจริงของสังขารในตัวเรา ว่ามีเกิด ก็มีดับเป็นธรรมดา
เมื่อปล่อยวางได้ ไม่ยึดไว้ ร่างกายเราก็จัดเรียงโมเลกุลในร่างกายเราเอง"


อาจารย์ศุภชัยอธิบายว่า

มนตราคือคำย่อ คือหัวใจของคาถาทุกชนิด เช่น
หัวใจของอริยสัจสี่ คือ ทุ สะ นิ มะ
ก็ย่อมาจากทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค

วิธีสวดก็จะสวดไล่คำ หรือสวดไล่เสียงไปเรื่อยๆ จนทำให้เกิดสมาธิ
เป็นกุศโลบายให้เกิดสมาธิ

เมื่อสวดมากๆ จะทำให้คลื่นสมองจะลดต่ำลงจากเบตาเป็นอัลฟา
สวดมนต์เสร็จก็ภาวนาต่อ การภาวนาคือการสั่งจิตใต้สำนึกนั่นเอง เช่น

สวดมนต์เสร็จขอให้สุขภาพแข็งแรง ขอให้น้ำตาลในเลือดลดลง ก็สามารถทำได้
ขอให้ความดันเลือดลดลง ก็ทำได้

การภาวนาของคนสมัยก่อนก็คือ การสั่งจิตใต้สำนึกให้ไปกำหนดร่างกาย
มนตราจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
และนั่นคือความลับของบทสวดมนต์ที่รักษาโรคได้---

****
ป.ล. 1 การสวดมนต์ เจริญพุทธมนต์นั้น
มีวัตถุประสงค์เพื่อ รำลึกถึงและสรรเสริญ คุณของพระรัตนตรัย เป็นหลัก
มีอานิสงส์ให้ ใจสงบและชำระใจให้ใสได้ดีมากๆ

ป.ล. 2 ส่วน เรื่อง ตีลัญจกรมือ และการรักษาโรคภัย
ก็เป็นเพียง ทัศนะของอาจารย์ศุภชัย จารุสมบูรณ์

ป.ล. 3 อย่างไรก็ตามการสวดมนต์ มีผลที่ดีต่อสุขภาพที่ดี แน่นอน
เพราะว่าใจที่เลื่อมใสและศรัทธาที่มีต่อพระรัตนตรัย เกิดบุญกุศลนัก

เมื่อใจมีบุญกุศลนัก
ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ ภายในก็ถูกบุญชำระให้สะอาดขึ้น
ดวงธรรมภายในก็ถูกบุญชำระให้สะอาดขึ้น

โรคภัยก็ทุเลาได้ เพราะ
1 ) ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ ภายในสะอาดขึ้น
และดวงธรรมภายในสะอาดขึ้น

2 ) ใจจะมีกำลังใจ มากขึ้น ความมั่นใจ แข็งแรงขึ้น

โบราณจึงสอนว่า ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว

แม้ปัจจุบัน แพทย์ก็ยอมรับว่า
การรักษาโรคภัย ส่วนมาก
ยา รักษาได้ น้อยกว่า 50 %
กำลังใจและทัศนะคติที่ดี ของผู้ป่วย ช่วยได้ มากกว่า 50 %


..........

ไฟล์แนบ


ใจหยุดที่สุดแห่งบุญ มุ่งสู่ที่สุดแห่งธรรม

#2 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 27 February 2006 - 10:17 PM

เคยฟังจาก case study มาเหมือนกันครับว่า มีอยู่เคสหนึ่งเป็นลูกพระธัมฯ ฝั่งลาว ซึ่งป่วยด้วยโรคผิวหนังอย่างรุนแรง แต่สุดท้ายก็กลับหายเป็นปลิดทิ้ง ด้วยอำนาจของพระปริตรพุทธมนต์อย่างเป็นอัศจรรย์ครับ

#3 potisut

potisut
  • Members
  • 33 โพสต์

โพสต์เมื่อ 01 March 2006 - 06:56 PM

การสวดมนตร์ทำให้ใจเราเป็นสมาธิ

#4 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 04 March 2006 - 08:26 AM

ตลกจังเลย
อิอิอิอิอิอิ

#5 LiL' Faery

LiL' Faery
  • Members
  • 1160 โพสต์
  • Location:@ Time : Europe
  • Interests:Basic and Advance Meditation;วิชชา ธรรมกาย<br />Birth Day : 19 January

โพสต์เมื่อ 10 March 2006 - 05:34 AM

Chanting is good for those who ฟุ้ง when meditate, it also help our ใจเราเป็นสมาธิ faster or be สมาธิ in the kindergarden level of meditation.
คุณครูไม่ใหญ่ บอกว่า :
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ ^_^ ด้วยรักจากใจ ด้วยห่วงใย จากใจจริง

#6 Omena

Omena
  • Members
  • 1409 โพสต์
  • Location:44/5 หมู่ 10 ตำบลหนองอ้อ ถนนเพชรเกษม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี 70110

โพสต์เมื่อ 14 March 2006 - 08:07 PM

แล้วถ้าสวดเพื่อฟังเองนี่ได้ผลไหมคะ happy.gif
เมื่อไหร่หนอจะได้พบทหารหาญ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที

สุนทรพ่อ




muralath2@hotmail

#7 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 14 March 2006 - 11:25 PM

การสวดพุทธมนต์เพื่อฟังเอง ควรจะเป็นวัตถุประสงค์หลัก นะครับ



เป็นการฟังเพื่อตรองตามตรึกนึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ
ให้เข้าใจจนถึงซึม ซาบซึ้งในคุณของพระรัตนตรัย ก็เป็นกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมที่สุจริต
เป็นการกลั่นกรองใจให้ สงบ หรือที่เรียกว่าเป็นสมาธิ

ใจที่สงบ ปราศจากนิวรณ์ ๕ เป็นใจที่มีความสว่าง มากกว่าใจที่ถูกครอบด้วยนิวรณ์ ๕

ใจที่สว่างมาก ทำให้เห็น หรือรู้ อะไรๆตรงไปตามความจริง
เหมือนอยู่ในห้องที่มีแสงสว่างย่อม เห็นสิ่งต่างๆในห้องได้ดีกว่าห้องที่ไร้แสงสว่าง

ใจยิ่งสว่างมากๆ ยิ่งเห็น หรือรู้ ( ญาณทัสสนะ ) อะไรๆตรงตามความเป็นจริง
ก็จะเห็นว่าอะไรเป็นประโยชน์ อะไรเป็นโทษ อะไรเป็นกลางๆ ธรรมชาติของบุญ
ธรรมชาติของปาป ธรรมชาติของไม่บุญไม่ปาป
สิ่งเหล่านี้มาจากไหนเกิดอย่างไร ...... ขจัด(อกุศล)ได้อย่างไร เจริญกุศลได้อย่างไร ...

สรุปว่า สวดมนต์เป็นประจำดีนักแล










#8 ลูกพระธัมฯ Merry Ma

ลูกพระธัมฯ Merry Ma

    The STRONGEST is the GENTLEST!!!

  • Members
  • 891 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:Bangkok, Thailand

โพสต์เมื่อ 30 March 2006 - 02:39 PM

เห็นด้วยค่ะว่าการสวดมนต์มีส่วนช่วยบำบัดเราได้มาก

(นี่เป็นความเห็นส่วนตัวนะคะ)
การฟังเสียงสวดของตนเอง ที่ออกมาจากศูนย์กลางกาย
(ไม่ใช่แค่สวดออกจากลมปาก แต่เป็นเสียงลมปราณที่ออกจากท้อง
ขอเน้นว่าเป็นเสียงที่ผ่านออกจากศูนย์กลางกาย ด้วยพุทธานุสติ)
ก็มีผลทำให้เราอยู่ในสมาธิได้ดีขึ้น และเป็นการรีไซเคิลของพลังด้วย

คือให้มีสติทั้งการสวด การระลึกถึงสิ่งที่เราสวด และฟังเสียงที่สวดด้วย
จะทำให้สมาธิ และบุญที่ได้รับแรงขึ้นทับทวีค่ะ

ขอคำแนะนำจากผู้รู้ด้วยนะคะ
The Strongest is The Gentlest!

ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุด ย่อมเป็นผู้ที่สุภาพนุ่มนวลที่สุด

#9 ป่าน072

ป่าน072
  • Members
  • 371 โพสต์
  • Location:โคราช
  • Interests:การศึกษาต่อในวิชา วิทยาศาสตร์<br />วิศวะปิโตรเคมี

โพสต์เมื่อ 22 August 2006 - 04:22 PM

ดีจริงๆค่ะ
สาธุ
เมื่อดวงตาปิดสนิมอย่างละมุน
ไม่มีลุ้นเร่งจองมองที่หมาย
ก็จะพบผู้รู้อยู่กลางกาย
ธาตุอ่อนแก่มากมายถึงปลายทาง

#10 นักท่องเที่ยว

นักท่องเที่ยว
  • Members
  • 2378 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:รู้สึกว่าจะไม่ค่อยได้อยู่กะที่อ่ะ มาดูอารายกานอ่ะ
  • Interests:มาสร้างบารมีตามติดหมู่คณะดีกว่า

โพสต์เมื่อ 17 October 2006 - 09:01 PM

หามาให้อ่านอีกนะครับชอบอ่ะ
กายธรรมควรเทิดไว้ ในใจ
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ


เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี

#11 usr32044

usr32044
  • Members
  • 1 โพสต์

โพสต์เมื่อ 25 November 2009 - 08:09 AM

อนุโมนทนาบุญด้วยนะค่ะ
ช่วงนี้จิตใจว้าวุ่น เจอเรื่องร้าย ๆ มาก็มาก แต่ดีที่มีพระอยู่ในใจ ถ้าไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจะผ่านช่วงเวลาร้าย ๆ นั้นมาได้อย่างไร


#12 ์Nee.Sansanee

์Nee.Sansanee
  • Members
  • 73 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 October 2010 - 04:50 AM

ใช่เลย ทั้งสวด ทั้งฟังอย่างตั้งใจดีจริง ๆ

#13 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 13 October 2010 - 09:26 AM

อานิสงส์การสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย

พระรัตนตรัยมีคุณไม่มีประมาณ
เข้าถึงได้จะมีความสุขทั้งในปัจจุบัน
ละโลกแล้วก็นำไปสู่สุคติโลกสวรรค์

ด้วยอานุภาพของการสวดสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัยที่มีคุณไม่มีประมาณ
จะช่วยขจัดทุกข์โศกโรคภัย สิ่งที่ไม่ดีต่าง ๆ ที่มาเกิดกับเราและมวลมนุษยชาติทั้งหลายให้ละลายหายสูญไป

ในการสวดสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัยนั้น เราต้องฝึกท่องบทสวดให้จำได้จนคล่องปากขึ้นใจ
ขณะสวดให้นั่งพับเพียบ พนมมือ หลับตา เอาใจจรดไปที่ศูนย์กลางกาย
นึกถึงองค์พระหรือดวงธรรมใส ๆ โตใหญ่ขนาดไหนก็ได้
แล้วแต่ใจเราชอบ หากยังนึกไม่เห็น ไม่เป็นไร ให้ทำความรู้สึกว่า มีองค์พระหรือดวงธรรมใส ๆ อยู่ในกลางท้องของเรา
แล้วทำความรู้สึกประหนึ่งว่า เรานั่งอยู่ในอายตนนิพพาน กำลังเข้าเฝ้าเฉพาะพระพักตร์ของพระพุทธองค์

เสียงที่เปล่งออกมา ไม่ใช่ว่าดังออกมาจากปาก หรือว่าแค่คอของเราเท่านั้น
แต่ให้เป็นเสียงแก้วที่กลั่นออกมาแล้วจากแหล่งแห่งความบริสุทธิ์ภายในลึก ๆ
จากองค์พระใส ๆ จากดวงธรรมใส ๆ ผ่านศูนย์กลางกาย
หรือจำง่าย ๆ ว่า เสียงสวดมนต์นั้นได้เปล่งออกมาจากกลางท้อง แล้วค่อยออกมาที่ปากของเรา
เสียงที่เปล่งออกมา ให้เป็นเสียงที่ดังพอดี ๆ ไม่ดังในระดับเสียงตะโกน หรือไม่ค่อยเหมือนเสียงกระซิบ
แต่ให้ดังในระดับที่เราได้ยินด้วยหูของเราเอง และคนข้าง ๆ ได้ยิน

เสียงที่สวดออกมาดี จะมีอานุภาพไปไกล ที่กายละเอียดทั้งหลาย หรือใครที่ได้ยินได้ฟัง
ก็จะชุ่มชื่น จิตใจเบิกบาน สว่างไสว และไม่ใช่ว่าสวดเฉพาะพวกเรา
แม้กายละเอียดที่มีความเลื่อมใสในพระรัตนตรัยก็จะร่วมสวดไปพร้อม ๆ กันด้วย
ทุกครั้งที่เราสวดมนต์ ใจเราก็จะถูกกลั่นให้สะอาดบริสุทธิ์ บุญก็เกิดขึ้นกับตัวเรา
ใจก็เป็นมงคล ปากเราก็เป็นมงคล หูเราก็เป็นมงคล ทั้งเนื้อทั้งตัวเราเป็นสิริมงคลทั้งหมด

วิบากกรรมที่ติดมาข้ามภพข้ามชาติ เพราะอกุศลเข้าสิงจิต ทำให้เราพลาดพลั้งคิดผิด พูดผิด ทำผิด
ก็จะถูกกลั่นแก้ไปด้วย หนักก็จะเป็นเบา เบาก็จะหาย จิตใจที่ขุ่นมัวก็จะใสสว่าง

ไม่เพียงเท่านั้น เสียงที่กระจายออกไปจากใจใส ๆ ที่เกิดจากความเลื่อมใสในพระรัตนตรัยนั้น
จะเชื่อมเป็นพลังใจซึ่งกันและกัน กระจายขยายเชื่อมกับบรรยากาศรอบตัว
แล้วแผ่ขยายไปทุกทิศทุกทาง ไปถึงดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว จักรวาลน้อยใหญ่ต่าง ๆ อันไม่มีประมาณ
จะเป็นกระแสคลื่นแห่งความบริสุทธิ์ที่ขยายไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ที่จะช่วยขจัดสิ่งที่เป็นมลทินที่อยู่ในบรรยากาศ ทุกข์ โศก โรคภัย
สิ่งที่ไม่ดีต่าง ๆ ก็จะละลายหายสูญไป ความขัดแย้ง ความไม่เข้าใจ ความคิดเบียดเบียนกันก็จะค่อย ๆ ละลายจางหายไปเรื่อย ๆ สิ่งที่เป็นมลทินต่าง ๆ จะค่อย ๆ ถูกกลั่นแก้กันไป

การสวดสรรเสริญบทพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ
ใช้เวลาสวดเพียงสั้น ๆ ไม่กี่นาที แต่อานิสงส์นั้นมีมากมาย
จะทำให้ใจเราผ่องใส
เมื่อจิตผ่องใสไม่เศร้าหมองสุคติเป็นที่ไป เราจะนำเงินทอง อัญมณี รัตนอันมีค่า
หรือนำเงินไปซื้อทองเท่าภูเขาเพื่อไปต่อรองกับพญายมราช ให้บุคคลผู้มีใจเศร้าหมองไม่ต้องไปอบายนั้นไม่ได้
แต่จิตใจอันผ่องใสเราได้มาด้วยอานุภาพแห่งการสวดสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัย อันมีคุณไม่มีประมาณ

เมื่อใจเราผูกพันกับพระรัตนตรัย จิตใจผ่องใส สุคติก็เป็นที่ไป

เพราะฉะนั้นต้องหมั่นสวดสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัยด้วยจิตอันเลื่อมใสกันทุก ๆ วัน
และเวลาสวดให้สวดด้วยใจที่ชุ่มชื่น เบิกบาน ให้มีความเคารพเลื่อมใสในพระรัตนตรัยอย่างแท้จริง
สวดมนต์อย่างถูกหลักวิชชาอย่างนี้จึงจะเรียกว่า สวดมนต์เห็นธรรม ที่มีอานิสงส์ไม่มีประมาณ

http://www.dmc.tv/fo...showtopic=14137
ใจหยุดที่สุดแห่งบุญ มุ่งสู่ที่สุดแห่งธรรม

#14 Nee-Sansanee 2

Nee-Sansanee 2
  • Members
  • 893 โพสต์
  • Gender:Female

โพสต์เมื่อ 13 October 2010 - 10:15 AM

จริง ๆ ค่ะ เห็นด้วย แต่ขอแถมไว้นิดหนึ่งสำหรับคนที่ยังปรับ โทนเสียงสูง ต่ำและ จังหวะในการสวด เวลาสวดพร้อม ๆกัน
หลาย ๆคนเช่นที่วัด ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรม ก็ดี ให้ระวังด้วยถ้ายังไม่คล่องดี ก็เก็บเสียงไว้ก่อนสังเกตุฟังกลุ่มเสียงก่อน

หากเราแตกต่างจากกลุ่ม ก็เป็นกลุ่มแตกเสียง เสียงสวดมนต์ปกติเป็นเสียงที่ฟังแล้วสงบ เย็นบางบทไพเราะมากด้วย
แต่การสวดต้องรู้จังหวะ และออกเสียงให้ถูกต้องก็จะดีอย่างที่คุณ Dd2683 กล่าวไว้จะให้คุณประโยชน์มากมาย

การกล่าวนำครั้งแรกสำคัญมาก ๆ เพราะจะมีผลต่อการรับต่ออาจทำให้เร็วเกินไป ต่ำเกินไป สูงเกินไปล้วนมีผลทั้งนั้น
ฉะนั้นต้นเสียงต้องฝึกหัดเอาพอดี ๆ แล้วพอสวดมนต์พร้อมกันก็จะเป็นเสียงสวรรค์ชวนฟัง ทีเดียว

วิธีที่ดีที่สุดคือใหม่ ๆสวดคลอเสียงเทปไปก่อน ก็จะได้มาตราฐานในการสวดสากลเข้ากันได้หมดไม่ว่าไปที่ไหน ๆ ตัวinnerpeace
เองเปิดฟังในรถ สวดตามไปด้วย ดีหลาย ๆ เด้อ

#15 ณ ๐๗๒

ณ ๐๗๒
  • Members
  • 1340 โพสต์
  • Location:Ladkrabang

โพสต์เมื่อ 14 October 2010 - 03:37 AM

ขอยืนยันอีกคนว่าดีจริงๆ ค่ะ ต้องสวดมนต์ทุกๆ วัน
และขออนุญาติบอกเพิ่มเติมว่า ถ้าเป็นเสียงที่ออกมาจากศูนย์กลางกาย ก็จะเป็นเสียงโทนเดียวกันค่ะ แถมพร้อมเพรียงกันด้วย สมัคสมานสามัคคีกันเป็นอย่างดีเชียวค่ะ

ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)

ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี  ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ  ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป