ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ปัจเจกพุทธาปทาน


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 4 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 11 February 2006 - 01:25 PM

[๒] ลำดับนี้ ขอฟังปัจเจกพุทธาปทาน พระอานนท์เวเทหมุนี ผู้มีอินทรีย์อันสำรวมแล้ว
ได้ทูลถามพระตถาคต ผู้ประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันว่า

ทราบด้วยเกล้าฯ ว่า พระปัจเจกพุทธเจ้ามีจริงหรือ เพราะเหตุไรท่านเหล่านั้นจึงได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ผู้เป็นนักปราชญ์?

ในกาลครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคสัพพัญญูผู้ประเสริฐ แสวงหาคุณใหญ่ ตรัสตอบท่านพระอานนท์ผู้เจริญ
ด้วยพระสุรเสียงไพเราะว่า

พระปัจเจกพุทธเจ้าสร้างบุญในพระพุทธเจ้าทั้งปวง ยังไม่ได้โมกขธรรมในศาสนาของพระชินเจ้า ด้วยมุข
คือ ความสังเวชนั้นแล
ท่านเหล่านั้นเป็นนักปราชญ์มีปัญญาแก่กล้า
ถึงจะเว้นพระพุทธเจ้าก็ย่อมบรรลุปัจเจกโพธิญาณได้แม้ด้วยอารมณ์นิดหน่อย

ในโลกทั้งปวง เว้นเราแล้ว ไม่มีใครเสมอพระปัจเจกพุทธเจ้าเลย
เราจักบอกคุณเพียงสังเขปนี้ ของท่านเหล่านั้น

ท่านทั้งหลาย จงฟังคุณของพระมหามุนีให้ดี
ท่านทั้งปวงปรารถนานิพพานอันเป็นโอสถวิเศษ จงมีจิตผ่องใส ฟังถ้อยคำดี
อันอ่อนหวานไพเราะของพระปัจเจกพุทธเจ้าผู้แสวงหาคุณใหญ่ ตรัสรู้เอง

คำพยากรณ์โดยสืบๆกันมาเหล่าใด ของพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายผู้มาประชุมกัน
โทษ เหตุปราศจากราคะ และพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย บรรลุโพธิญาณด้วยประการใด

พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย มีสัญญาในวัตถุอันมีราคะว่าปราศจากราคะ
มีจิตปราศจากกำหนัดในโลกอันกำหนัด ละธรรมเครื่องเนิ่นช้า
ละการแพ้และความดิ้นรน แล้ว จึงบรรลุปัจเจกโพธิญาณ ณ สถานที่เกิดนั้นเอง

ท่านวางอาญาในสรรพสัตว์ ไม่เบียดเบียนแม้ผู้หนึ่งในสัตว์เหล่านั้น
มีจิตประกอบด้วยเมตตา หวังประโยชน์เกื้อกูล เที่ยวไปผู้เดียวเปรียบเหมือนนอแรด ฉะนั้น

ท่านวางอาญาในปวงสัตว์ ไม่เบียดเบียนแม้ผู้หนึ่งในสัตว์เหล่านั้น ไม่ปรารถนาบุตร
ที่ไหนจะปรารถนาสหายเที่ยวไปผู้เดียว เช่นกับนอแรด ฉะนั้น

ความเสน่หาย่อมมีแก่บุคคลผู้เกิดความเกี่ยวข้อง ทุกข์ที่อาศัยความเสน่หานี้มีมากมาย
ท่านเล็งเห็นโทษอันเกิดแต่ความเสน่หา จึงเที่ยวไปผู้เดียว เช่นกับนอแรด ฉะนั้น

ผู้มีจิตพัวพัน ช่วยอนุเคราะห์มิตรสหาย ย่อมทำตนให้เสื่อมประโยชน์
ท่านมองเห็นภัยนี้ ในความสนิทสนม จึงเที่ยวไปแต่ผู้เดียว เช่นกับนอแรดฉะนั้น

ความเสน่หาในบุตรและภรรยา เปรียบเหมือนไม้ไผ่กอใหญ่เกี่ยวกันอยู่
ท่านไม่ข้องในบุตรและภริยา ดังหน่อไม้ไผ่ เที่ยวไปผู้เดียวเช่นกับนอแรด ฉะนั้น

ท่านเป็นวิญญูชนหวังความเสรี จึงเที่ยวไปผู้เดียว เช่นกับนอแรด ฉะนั้น

เหมือนเนื้อที่ไม่ถูกผูกมัด เที่ยวหาเหยื่อในป่าตามความปรารถนา ฉะนั้น

ต้องมีการปรึกษากันในท่ามกลางสหายทั้งในที่อยู่ ที่บำรุง ที่ไป ที่เที่ยว
ท่านเล็งเห็นความไม่โลภ ความเสรีจึงเที่ยวไปผู้เดียว เช่นกับนอแรด ฉะนั้น

การเล่น ความยินดีมีอยู่ในท่ามกลางสหาย ส่วนความรักในบุตรเป็นกิเลสใหญ่
ท่านเกลียดความวิปโยคเพราะของที่รัก จึงเที่ยวไปผู้เดียว เช่นกับนอแรด ฉะนั้น

ท่านเป็นผู้แผ่เมตตาไปในสี่ทิศ และไม่โกรธเคือง ยินดีด้วยปัจจัยตามมีตามได้
เป็นผู้อดทนต่อมวลอันตรายได้ ไม่หวาดเสียว เที่ยวไปผู้เดียวเช่นกับนอแรด ฉะนั้น

แม้บรรพชิตบางพวก และพวกคฤหัสถ์ผู้ครองเรือนสงเคราะห์ได้ยาก
ท่านเป็นผู้มีความขวนขวายน้อยในบุตรคนอื่น จึงเที่ยวไปผู้เดียว เช่นกับนอแรด ฉะนั้น

ท่านปลงเครื่องปรากฏแห่งคฤหัสถ์ กล้าหาญ ตัดกามอันเป็นเครื่องผูกของคฤหัสถ์
เปรียบเหมือนไม้ทองหลางมีใบขาดหมด เที่ยวไปผู้เดียว เช่นกับนอแรด ฉะนั้น

ถ้าจะพึงได้สหายผู้มีปัญญารักษาตน ประพฤติเช่นเดียวกัน อยู่ด้วยกรรมดีเป็นนักปราชญ์
พึงครอบงำอันตรายทั้งสิ้นเสียแล้ว พึงดีใจ มีสติเที่ยวไปกับสหายนั้น
ถ้าจะไม่ได้สหายผู้มีปัญญารักษาตน ประพฤติเช่นเดียวกัน อยู่ด้วยกรรมดี เป็นนักปราชญ์ พึงเที่ยวไปผู้เดียว

เหมือนพระราชาทรงละแว่นแคว้นที่ทรงชนะแล้ว เที่ยวไปผู้เดียว

ดังช้างมาตังคะ ละโขลงอยู่ในป่า

ความจริง เราย่อมสรรเสริญสหายสมบัติ พึงส้องเสพสหายที่ประเสริฐกว่า หรือ ที่เสมอกัน
เมื่อไม่ได้สหายเหล่านี้ ก็พึงคบหากับกรรมอันไม่มีโทษ เที่ยวไปผู้เดียว เช่นกับนอแรด ฉะนั้น

ท่านเห็นกำไลมือทองคำอันผุดผ่องที่นายช่างทองทำสำเร็จสวยงาม
กระทบกันอยู่ที่แขนทั้งสอง จึงเที่ยวไปผู้เดียว เช่นกับนอแรด ฉะนั้น

การเปล่งวาจา หรือวาจาเครื่องข้องของเรานั้น พึงมีกับเพื่อนอย่างนี้
ท่านเล็งเห็นภัยนี้ต่อไป จึงเที่ยวไปผู้เดียว เช่นกับนอแรด ฉะนั้น

ก็กามทั้งหลายอันวิจิตร หวาน อร่อย เป็นที่รื่นรมย์ใจ ย่อมย่ำยีจิตด้วยสภาพต่างๆ
ท่านเห็นโทษในกามคุณทั้งหลาย จึงเที่ยวไปผู้เดียว เช่นกับนอแรด ฉะนั้น

ความจัญไร หัวฝี อุบาทว์ โรค กิเลสดุจลูกศร และภัยนี้
ท่านเห็น ภัยนี้ในกามคุณทั้งหลาย จึงเที่ยวไปผู้เดียว เช่นกับนอแรด ฉะนั้น

ท่านครอบงำอันตรายแม้ทั้งหมดนี้ คือ หนาว ร้อน ความหิว ความกระหาย ลม
แดด เหลือบ ยุง และสัตว์เลื้อยคลาน แล้วเที่ยวไปผู้เดียว เช่นกับนอแรด ฉะนั้น

ท่านเที่ยวไปผู้เดียว เช่นนอแรด เปรียบเหมือนช้างละโขลงไว้แล้ว มีขันธ์เกิดพร้อมแล้ว มีสีกายดังดอกปทุมใหญ่โตอยู่ในป่านานเท่าที่ต้องการฉะนั้น

ท่านใคร่ครวญถ้อยคำของพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าพันธุ์พระอาทิตย์ว่า บุคคลพึงถูกต้องวิมุติอันเกิดเองนี้
มิใช่ฐานะของผู้ทำความคลุกคลีด้วยหมู่ จึงเที่ยวไปผู้เดียว เช่นกับนอแรดฉะนั้น

ท่านเป็นไปล่วงทิฏฐิอันเป็นข้าศึก ถึงความแน่นอน มีมรรคอันได้แล้ว เป็นผู้มีญาณเกิดขึ้นแล้ว
อันบุคคลอื่นไม่ต้องแนะนำเที่ยวไปผู้เดียว เช่นกับนอแรด ฉะนั้น

ท่านไม่มีความโลภ ไม่โกง ไม่กระหาย ไม่ลบหลู่คุณท่าน มีโมโหดุจน้ำฝาดอันกำกัดแล้ว
เป็นผู้ไม่มีตัณหาในโลกทั้งปวงเที่ยวไปผู้เดียว เช่นกับนอแรด ฉะนั้น

กุลบุตรพึงเว้นสหายผู้ลามก ผู้มักชี้อนัตถะ ตั้งมั่นอยู่ในฐานะผิดธรรมดา ไม่พึงเสพสหาย
ผู้ขวนขวาย ผู้ประมาทด้วยตนพึงเที่ยวไปผู้เดียว เช่นกับนอแรด ฉะนั้น

กุลบุตรพึงคบมิตรผู้เป็นพหูสูต ทรงธรรม มีคุณยิ่ง มีปฏิภาณ ท่านรู้ประโยชน์ทั้งหลาย
บรรเทาความสงสัยแล้ว เที่ยวไปผู้เดียว เช่นกับนอแรด ฉะนั้น

ท่านไม่พอใจในการเล่น ความยินดี และกามสุขในโลกไม่เพ็งเล็งอยู่
คลายยินดีจากฐานะที่ตกแต่ง มีปกติกล่าวคำสัตย์เที่ยวไปผู้เดียว เช่นกับนอแรด ฉะนั้น

ท่านละบุตร ภริยา บิดา มารดา ทรัพย์ ข้าวเปลือก เผ่าพันธ์ และกามทั้งหลายตามที่ตั้งลง
เที่ยวไปผู้เดียว เช่นกับนอแรด ฉะนั้น

ในความเกี่ยวข้องนี้มีความสุขนิดหน่อย มีความพอใจน้อย มีทุกข์มากยิ่ง บุรุษผู้มีความรู้ทราบว่า
ความเกี่ยวข้องนี้ ดุจลูกธนู พึงเที่ยวไปผู้เดียว เช่นกับนอแรด ฉะนั้น

กุลบุตรพึงทำลายสังโยชน์ทั้งหลาย เปรียบเหมือนปลาทำลายข่าย แล้วไม่กลับมา
ดังไฟไหม้เชื้อลามไปแล้วไม่กลับมา พึงเที่ยวไปผู้เดียว เช่นกับนอแรด ฉะนั้น

พึงทอดจักษุลง ไม่คะนองเท้า มีอินทรีย์อันคุ้มครองแล้ว รักษามนัส อันราคะไม่ชุ่มแล้ว
อันไฟกิเลสไม่เผาลน พึงเที่ยวไปผู้เดียว เช่นกับนอแรดฉะนั้น

พึงละเครื่องเพศคฤหัสถ์แล้ว ถึงความตัดถอน เหมือนไม้ทองกวาวที่มีใบขาดแล้ว
นุ่งห่มผ้ากาสายะ ออกบวชแล้ว เที่ยวไปผู้เดียวเช่นกับนอแรด ฉะนั้น

ไม่พึงทำความกำหนัดในรส ไม่โลเล ไม่ต้องเลี้ยงผู้อื่น เที่ยวบิณฑบาตตามลำดับตรอก
มีจิตไม่ข้องเกี่ยวในสกุล เที่ยวไปผู้เดียว เช่นกับนอแรด ฉะนั้น

พึงละนิวรณ์เครื่องกั้นจิต ๕ประการ พึงบรรเทาอุปกิเลสเสียทั้งสิ้น ไม่อาศัยตัณหาและทิฏฐิ
ตัดโทษอันเกิดแต่สิเนหาแล้ว เที่ยวไปผู้เดียว เช่นกับนอแรด ฉะนั้น

พึงทำสุข ทุกข์ โทมนัสและโสมนัสก่อนๆ ไว้เบื้องหลัง ได้อุเบกขา สมถะ ความหมดจดแล้ว
เที่ยวไปผู้เดียว เช่นกับนอแรด ฉะนั้น

พึงปรารภความเพียรเพื่อบรรลุนิพพาน มีจิตไม่หดหู่ ไม่ประพฤติเกียจคร้าน
มีความเพียรมั่น (ก้าวออก) เข้าถึงด้วยกำลัง เรี่ยวแรงเที่ยวไปผู้เดียวเช่นกับนอแรด ฉะนั้น

ไม่พึงละการหลีกเร้นและฌาน มีปกติประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรมเป็นนิตย์
พิจารณาเห็นโทษในภพทั้งหลาย เที่ยวไปผู้เดียว เช่นกับนอแรด ฉะนั้น

พึงปรารถนาความสิ้นตัณหา ไม่ประมาท เป็นผู้ฉลาดเฉียบแหลม มีการสดับ
มีสติ มีธรรมอันพิจารณาแล้ว เป็นผู้เที่ยง มีความเพียร เที่ยวไปผู้เดียว เช่นกับนอแรด ฉะนั้น

ไม่พึงสะดุ้งในเพราะเสียง ดังสีหะ ไม่ขัดข้อง อยู่ในตัณหาและทิฏฐิ เหมือนลมไม่ติดตาข่าย
ไม่ติดอยู่ในโลก ดุจดอกปทุม ไม่ติดน้ำ พึงเที่ยวไปผู้เดียว เช่นกับนอแรด ฉะนั้น

พึงเสพเสนาสนะอันสงัด เหมือนราชสีห์มีเขี้ยวเป็นกำลัง เป็นราชาของเนื้อ มีปกติประพฤติข่มขี่
ครอบงำ พึงเที่ยวไปผู้เดียว เช่นกับนอแรด ฉะนั้น

พึงเจริญเมตตาวิมุติ กรุณาวิมุติ มุทิตาวิมุติ และอุเบกขาวิมุติทุกเวลา
ไม่พิโรธด้วยสัตว์โลกทั้งปวง เที่ยวไปผู้เดียว เช่นกับนอแรด ฉะนั้น

พึงละราคะโทสะและโมหะ พึงทำลายสังโยชน์ทั้งหลายเสีย ไม่สะดุ้งในเวลาสิ้นชีวิต
พึงเที่ยวไปแต่ผู้เดียว เช่นกับนอแรด ฉะนั้น

ชนทั้งหลายมีเหตุเป็นประโยชน์ จึงคบหาสมาคมกัน มิตรทั้งหลายไม่มีเหตุ หาได้ยากในวันนี้
มนุษย์ทั้งหลายมีปัญญามองประโยชน์ตน ไม่สะอาด พึงเที่ยวไปผู้เดียว เช่นกับนอแรด ฉะนั้น

พึงมีศีลบริสุทธิ์ มีปัญญาหมดจดดี มีจิตตั้งมั่น ประกอบความเพียร เจริญวิปัสสนา
มีปกติเห็นธรรมวิเศษ พึงรู้แจ้งธรรมอันสัมปยุตด้วยองค์มรรค
และโพชฌงค์ นักปราชญ์เหล่าใดเจริญสุญญตวิโมกข์ อนิมิตตวิโมกข์
และอัปปณิหิตวิโมกข์ ไม่บรรลุความเป็นพระสาวกในศาสนาพระชินเจ้า

นักปราชญ์เหล่านั้นย่อมเป็นพระสยัมภูปัจเจกพุทธเจ้า

มีธรรมใหญ่ มีธรรมกายมาก มีจิตเป็นอิสระ ข้ามห้วงทุกข์ ทั้งมวลได้

มีจิตโสมนัส มีปกติเห็นประโยชน์อย่างยิ่ง เปรียบดังราชสีห์ เช่นกับนอแรด
พระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านี้ มีอินทรีย์ระงับ มีใจสงบ มีจิตมั่นคง
มีปกติ ประพฤติด้วยความกรุณาในสัตว์เหล่าอื่น เกื้อกูลแก่สัตว์ รุ่งเรืองในโลกนี้
และโลกหน้า เช่นกับประทีป ปฏิบัติเป็นประโยชน์แก่สัตว์

พระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านี้ ละกิเลสเครื่องกั้นทั้งปวงหมดแล้ว เป็นจอมแห่งชน
เป็นประทีปส่องโลกให้สว่าง เช่นกับรัศมีแห่งทองชมพูนุท
เป็นทักขิไณยบุคคลชั้นดีของโลก โดยไม่ต้องสงสัย บริบูรณ์อยู่เนืองนิตย์

คำสุภาษิตของพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย ย่อมเป็นไปในโลกทั้งเทวโลก
ชนเหล่าใดผู้เป็นพาลได้ฟังแล้ว ไม่ทำเหมือนดังนั้น
ชนเหล่านั้นต้องเที่ยวไปในสังขารทุกข์บ่อยๆ
คำสุภาษิตของพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย
เป็นคำไพเราะ ดังน้ำผึ้งรวงอันหลั่งออกอยู่

ชนเหล่าใดได้ฟังแล้ว ประกอบการปฏิบัติตามนั้น
ชนเหล่านั้น ย่อมเป็นผู้มีปัญญา เห็นสัจจะ คาถาอันโอฬารอันพระปัจเจกพุทธชินเจ้าออกบวช

กล่าวแล้ว คาถาเหล่านั้น พระตถาคตผู้สีหวงศ์ศากยราชผู้สูงสุดกว่านรชน
ทรงประกาศแล้วเพื่อให้รู้แจ้งธรรม

คาถาเหล่านี้ พระปัจเจกเจ้าเหล่านั้นรจนาไว้อย่างวิเศษ
เพื่อความอนุเคราะห์โลก อันพระสยัมภูผู้สีหะทรงประกาศแล้ว เ
พื่อยังความสังเวช การไม่คลุกคลีและปัญญาให้เจริญ ฉะนี้แล.

จบ ปัจเจกพุทธาปทาน


#2 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 February 2006 - 08:47 PM

QUOTE
ท่านเที่ยวไปผู้เดียว เช่นนอแรด เปรียบเหมือนช้างละโขลงไว้แล้ว มีขันธ์เกิดพร้อมแล้ว มีสีกายดังดอกปทุมใหญ่โตอยู่ในป่านานเท่าที่ต้องการฉะนั้น

อนุโมทนาบุญด้วยครับสาธุๆๆๆๆๆ
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#3 JOYSA

JOYSA
  • Members
  • 234 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 February 2006 - 06:27 AM

๑. พุทธาปทาน

(ข้ออ้างหรือประวัติของพระพุทธเจ้า )


ใจความว่า พระผู้มีพระภาคประทับ ณ เชตวนาราม พระอานนทเถระได้กราบทูลถาม ถึงเหตุ ให้บุคคลทั้งหลายได้เป็นพระพุทธเจ้าผู้รู้สิ่งทั้งปวง ตรัสตอบว่า ต้องเป็นผู้ได้ทำอธิการ ( คุณความดี ) ไว้ในพระพุทธเจ้าทุก พระองค์ แต่ยังมิได้บรรลุความหลุดพ้นในศาสนาของพระพุทธเจ้า ( นั้น ๆ ). ด้วยปัญญาที่ได้ตรัสรู้ออกหน้า ผู้มีปัญญาย่อมบรรลุ ความเป็นสัพพัญญูได้โดยลำดับ ด้วยอัธยศัย ด้วยธรรมะเป็นกำลังอันใหญ่ ด้วยปัญญาด้วยเดช. ครั้นแล้วตรัสเล่าว่า พระองค์เอง ได้ทรงปรารถนาความเป็นพระพุทธเจ้าในพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อน ๆ ผู้เป็นธรรมราชา ผู้สมบูรณ์ด้วยบารมี ๓๐ นับจำนวนไม่ ได้, ได้ปรารถนาการตรัสรู้ต่อพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐทั้งหลาย ได้นมัสการ ๑๐ นิ้ว ซึ่งพระผู้เป็นนายกของโลกทั้งหลายพร้อม ด้วยภิกษุสงฆ์ได้อภิวาทด้วยเศียรเกล้า. นอกจากนั้นยังแสดงถึงการที่มีพระหฤทัยนึกน้อมถวายทาน มีความเลื่อมใสบูชาพระ พุทธเจ้าและพระปัจเจกพุทธเจ้า แล้วแสดงการบำเพ็ญบารมีต่าง ๆ มีศีล เป็นต้น แล้วลงสุดท้ายเป็นคำสอนว่า " ท่านทั้งหลาย เห็นความเกียจคร้านเป็นภัย เห็นความเพียรเป็นความเกษม ( ปลอดโปร่งจากภัย ) แล้ว ก็จงปรารภความเพียรเถิด. นี้เป็นคำ สอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย. เห็นการวิวาทกันเป็นภัย เห็นความไม่วิวาทกันเป็นความปลอดโปร่งจากภัยแล้ว ก็จงสมัครสมาน เป็นมิตรกันเถิด. นี่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย. เห็นความประมาทเป็นภัย เห็นความไม่ประมาทเป็นความปลอดโปร่งจากภัยแล้ว ก็จงเจริญมรรคาอันมีองค์ ๘ เถิด. นี่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย " ดังนี้เป็นต้น.

( หมายเหตุ : ข้อความที่พรรณนาในพุทธาปทานนี้ หนักไปในทางแสดงการบำเพ็ญ บารมีทางใจมากกว่าอย่างอื่น และมีหลักสำคัญที่แสดงว่า ได้แสดงความปรารถนาที่จะเป็นพระพุทธเจ้ามาแล้วในพระพุทธเจ้า พระองค์ก่อน ๆ ส่วนรายการบำเพ็ญบารมีอื่นอีก จะมีแจ้งข้างหน้าในการย่อเล่มที่ ๓๓ อันว่าด้วยจริยาปิฎก ).

๒. ปัจเจกพุทธาปทาน

(ข้ออ้างของพระปัจเจกพุทธเจ้า )


ใจความในคำฉันท์แสดงว่า พระอานนท์ได้กราบทูลถามพระผู้มีพระภาค ถึงเหตุที่บุคคลจะได้ เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า, ตรัสตอบว่า ต้องเป็นผู้ได้ทำอธิการ ( คุณความดี ) ไว้ในพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ แต่ยังมิได้บรรลุความ หลุดพ้นในศาสนาของพระพุทธเจ้า ( นั้น ๆ ). ด้วยความสังเวชออกหน้า ผู้มีปัญญากล้าแม้เว้นจากพระพุทธเจ้าทั้งหลายก็ได้บรรลุ ปัจเจกโพธิ ( การตรัสรู้เฉพาะตน ) ด้วยอารมณ์อันเล็กน้อย ( กว่าของพระพุทธเจ้า ). บุคคลที่จะเสมอพระปัจเจกพุทธเจ้า เว้น พระพุทธเจ้าเสียแล้ว ก็ไม่มีในโลกทั้งปวง. ครั้นแล้วตรัสแสดงคุณงามความดีต่าง ๆ ตามทำนองแห่งขัคควิสาณสูตร ( ที่กล่าวมา แล้วในหน้าพระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๗ ) ในอุรควรรคที่ ๑ มี ๑๒ สูตร ที่หมายเลข ๓.

แหล่งที่มา พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๒๔


#4 pp_072

pp_072
  • Members
  • 209 โพสต์
  • Interests:ดีครับ

โพสต์เมื่อ 15 February 2006 - 07:53 PM

อนุโมทนาบุญด้วยครับ
พุทธบุตรต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว

พุทธบริษัท 4 ต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนตะวันที่มีดวงเดียว

#5 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 18 March 2007 - 02:57 PM

กราบอนุโมทนาบุญครับ สาธุ