ไปที่เนื้อหา


- - - - -

การกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลต่างกับการไม่กรวดน้ำแต่อธิฐานอุทิศส่วนกุศลอย่างไรบ้างครับ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 7 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 *อิทธิ์ศักดิ์*

*อิทธิ์ศักดิ์*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 04 November 2005 - 02:57 PM

สงสัยมานานแล้วบางทีทำบุญแล้วไม่ได้กรวดน้ำจะได้บุญต่างกันอย่างไรครับ

#2 *Guest*

*Guest*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 04 November 2005 - 05:46 PM

การกรวดน้ำเป็นกุสโลบายให้เราสามารถทำใจให้เป็นสมาธิขณะรับพรพระ โดยให้เรามองน้ำใสๆๆ และให้เราทำใจใสๆๆเหมือนน้ำ เมื่อเราทำใจใสๆๆ ใจเป็นสมาธิได้มากเท่าไหร่ใจเราก็จะสามารถรับบุญได้มากเท่านั้น เพราะฉะนั้นการกรวดน้ำคือ การให้เอาน้ำมาเป็นนิมิตนั้นเอง คนโบราณเห็นว่าการที่จู่ๆๆมานั่งรบพรนั้นจะทำใจให้เป็นสมาธิได้ยาก เลย มีประเพณีการกรวดน้ำนี้ขั้นมา เพราะขณะที่พระให้พรหลวงปู่เคยบอกฉะว่าเสียงให้พรจะดังก้องไปถึงพระนิพพานเลยทีเดียว ฉะนั้นบุญจะเกิดขึ้นมากมามหาศาล แต่เราต้องทำใจให้เป็นสมาธิรับให้ได้ ตอนพระให้พรต้องตั้งใจรับน่ะครับบุญใหญ่เลยทีเดียว

อนุโมทนาบุญน่ะครับ





















#3 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 04 November 2005 - 06:02 PM

nerd_smile.gif ไม่ต่างกันหรอกครับ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจิตและเจตนาของผู้อุทิศเป็นสำคัญ แต่ถ้าได้มหาปูชนียาจารย์ฯ เป็นผู้ควบคุม ขณะทำการอุทิศด้วย (ในกรณีที่เรายังเป็นผู้ไม่เข้าถึงธรรม) ก็ย่อมจะช่วยให้กุศลผลบุญที่อุทิศไปให้นั้น ถึงแก่ผู้รับในปรโลกได้โดยง่าย โดยสะดวกขึ้นครับ.
"ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน"
พระพุทธภาษิต


ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
พระอมตะวจนา แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


[/color]
"...พระพุทธศาสนา บริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระ และเป็นประโยชน์ในทุกระดับ
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒



"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"

"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"

[color="#990000"]ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

#4 สิริปโภ

สิริปโภ
  • Members
  • 1766 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:เรื่องลึกลับ

โพสต์เมื่อ 04 November 2005 - 07:17 PM

การกรวดน้ำ มีปรากฏมาในพระไตรปิฏก เมื่อตอน พระเจ้าพิมพิสาร ทำบุญกับพระพุทธเจ้า แล้ว อุทิศบุญนั้นไห้กับเหล่าญาติที่เป็นเปรต โดยการหลั่งน้ำ นั่นบ่งบอกว่าเป็นวิธีการ ซึ่งได้รับอิธิผล มาจากศาสนาพารห์ม ซึ่ง ประเพณี การไห้อะไรกับใคร ต้องมีการหลั่งน้ำอุทิศให้กัน แต่ในทางพุทธ หรือตามหลักความเป็นจริงแล้ว การที่เราไห้อะไรกับใคร ขึ้นอยู่กับเจตนาเป็นหลักครับ พิธีการเป็นเรื่องรอง เช่นเวลา เราถวาย สังฆทาน ตอนที่เราตั้งใจถวาย ใจเรานึกว่า อานิสงของทานนี้ ขออุทิศไห้กับ นายนาง......เขาก็จะได้รับบุญเช่นเดียวกัน ไม่ต้องมานั่งเทน้ำลงถ้วยก็ได้ครับ สำหรับการกรวดน้ำที่ใช้กันในพิธีการทุกวันนี้ เป็นประเพนีอันดีงาม ที่สืบต่อกันมาครับ




#5 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 05 November 2005 - 02:47 PM

สำหรับผู้ที่จิตไม่มีพื้นฐานสมาธิ หรือมีน้อย การอุทิศบุญ กับการกรวดน้ำ ต่างกันครับ การกรวดน้ำ จะทำให้ใจมีเจตนาตั้งมั่นมากกว่า เพราะเป็นสมาธิมากกว่า

สำหรับผู้ที่จิตเป็นสมาธิ ไม่ต่างกันครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#6 saowanee15

saowanee15
  • Members
  • 207 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 November 2005 - 05:22 PM

คนโบราณท่านคงคิดว่า การกรวดน้ำ เหมือนเอาแม่คงคาและแม่ธรณีเป็นพยาน เพราะคนจะกรวดน้ำที ต้องหาภาชนะมา ตั้งอกตั้งใจที่จะกรวดน้ำอุทิศผลบุญให้ พอเห็นสายน้ำหลั่งลงสู่แผ่นดิน ย่อมนำมาซึ่งความชุ่มชื่นหัวใจ ทำแล้วย่อมนำความสบายอกสบายใจมาให้
เหตุผลหลัก ๆ คิดว่า เพราะจิตคนเรามีความละเอียดแตกต่างกันไป บางคนที่ท่านมีจิตที่ละเอียด มีกำลังมาก ก็จะส่งผลบุญแก่บุคคลนั้นได้เลย แต่อย่างเรา(ตัวเราเอง) จะใช้ใจอุทิศบางทีมันไม่เห็นสายบุญไงค่ะ บางทีนึกได้แต่ใจมันจะลุ่ม ๆ ดอน ๆ ก็มี
ไม่เหมือนการอุทิศด้วยการกรวดน้ำ พอเราตั้งใจกรวด เปล่งเสียง(พอได้ยิน) นึกตามคำพูดนั่น ใจเราก็เหมือนได้ว่า ทำอะไรสักอย่างแล้ว สุขใจแล้ว สมบูรณ์แล้ว เหมือนคุณนัดฝันบอกนั่นแหละค่ะ เพราะฉะนั้น จึงต้องพึ่งพาน้ำ เสมือนเป็นพาหะนำความดีนั่นแหละค่ะ
แต่หลัก ๆ คือ อยู่ที่เจตนาที่ดีที่ได้กระทำลงไปแล้วนั่นแหละค่ะ

#7 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 07 November 2005 - 07:22 AM

nerd_smile.gif ขอบคุณพี่หัดฝันมากๆ นะครับ ที่ช่วยเสริมให้.
"ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน"
พระพุทธภาษิต


ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
พระอมตะวจนา แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


[/color]
"...พระพุทธศาสนา บริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระ และเป็นประโยชน์ในทุกระดับ
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒



"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"

"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"

[color="#990000"]ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

#8 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 05 February 2007 - 08:39 AM

กราบอนุโมทนาบุญครับ สาธุ