ไปที่เนื้อหา


เนื้อหาจาก usr20351

ค้นพบทั้งสิ้น 83 รายการโดย usr20351 (จำกัดการค้นหาจาก 29-April 23)



#106364 อัศจรรย์ บุญสร้างหลังคา

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 16 April 2008 - 11:42 AM ใน เว็บบอร์ด DMC

สาธุ ยินดีด้วยครับ
สุโข ปุญญสส อุจจโย การสั่งสมบุญนำสุขมาให้ happy.gif



#104751 พระพุทธเจ้าเป็นเลิศกว่าใคร

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 24 March 2008 - 02:06 PM ใน ธรรมกถึก

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๖
อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต


อัปปมาทสูตร


สัตว์ทั้งหลายมีประมาณเท่าใด ไม่มีเท้าก็ดี มี ๒ เท้าก็ดี มี ๔ เท้าก็ดี มีมากเท้าก็ดี
มีรูปก็ดี ไม่มีรูปก็ดี มีสัญญาก็ดี ไม่มีสัญญาก็ดี มีสัญญาหามิได้ และไม่มีสัญญาหามิได้ก้ดี
พระคถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ปรากฎว่าเลิศกว่าสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น
ชนเหล่าใดแลเลื่อมใสแล้วในพระพุทธเจ้า ชนเหล่านั้นชื่อว่าเลื่อมใสแล้วในท่านผู้เลิศ
ก็แลวิบากที่เลิศ ย่อมมีแก่ชนทั้งหลาย ผู้ที่เลื่อมใสในท่านผู้เลิศ

จากประโยคข้างต้น บ่งบอกว่าพระพุทธเจ้าเป็นเลิศกว่าใคร ถ้าแม้ว่าพระเจ้ามีจริง
พระพุทธเจ้าก็เป็นเลิศกว่าพระเจ้า ประเสริฐกว่าพระเจ้า

จริงไหมครับ biggrin.gif



#103392 พุทธศาสนา ‘บูม’ ในรัสเซีย ชี้คำสอนพิสูจน์ได้จริง

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 09 March 2008 - 11:15 AM ใน เว็บบอร์ด DMC

พุทธศาสนา ‘บูม’ ในรัสเซีย ชี้คำสอนพิสูจน์ได้จริง-เตรียมแปลพระไตรปิฎกรองรับ

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 7 มีนาคม 2551 18:05 น.

เปิดใจ “พระธรรมทูต” รูปแรกในรัสเซีย เผยเหตุเลือกดินแดนแห่งนี้เพราะรัสเซียเป็นดินแดนดั้งเดิมของบรรพบุรุษของพระพุทธเจ้า ระบุปัจจุบันชนชั้นนำ-คนมีการศึกษาของรัสเซียหันมาศึกษาพระพุทธศาสนาเพิ่มขึ้น เผยเหตุเพราะคำสอนในพระพุทธศาสนาสามารถพิสูจน์ได้จริง ล่าสุดเตรียมแปลพระไตรปิฎกเป็นภาษารัสเซียเพื่อดึงให้คนพื้นถิ่นหันมาศึกษาเพิ่มขึ้น

หากเอ่ยถึงอดีตมหาอำนาจแห่งโลกสังคมนิยมอย่างสหภาพรัสเซียกับพระพุทธศาสนาแล้ว ผู้อ่านหลายๆท่านคงจะนึกภาพไม่ออกว่ามันจะเกี่ยวข้องกันได้อย่างไร ในเมื่อ ประเทศสังคมนิยมไม่มีนโยบายให้ประชาชนนับถือศาสนา เพราะถือว่าเป็น ‘ยาพิษ’ ที่คอยบั่นทอนความเชื่อมั่นต่อการ ปกครองในระบอบสังคมนิยม และบ่อนทำลายความเจริญทางวัฒนธรรม

เมื่อประเทศรัสเซียถึงคราวล่มสลาย ทำให้เกิดประเทศใหม่ๆ มากมาย และในช่วงนี้เองที่รัฐบาลสหพันธรัฐรัสเซียเปิดโอกาสให้ชนในชาติสามารถนับถือศาสนาได้อย่างอิสระ ถึงขนาดประกาศในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ นั่นเท่ากับเป็นการทำให้ศาสนาต่างๆได้มีโอกาสเผยแผ่ศาสนาของตนเอง

• พระธรรมทูตไทยรูปแรกในรัสเซีย

หนึ่งในหลายๆศาสนาที่ถือโอกาสดีช่วงนี้นำศาสนาไปเผยแผ่ในประเทศรัสเซียคือศาสนาพุทธนิกายเถรวาท โดยประเทศไทยได้ส่ง ‘พระธรรมทูต’ รูปแรกไปประเทศรัสเซีย เมื่อประมาณปี พ.ศ.2540 โดยขั้นแรกรัฐบาลรัสเซียเป็นผู้สนับสนุนให้ทุนการศึกษากับพระไทยในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก และจากจุดนี้เองจึงเป็นการเริ่มต้นเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศรัสเซียครั้งแรกหลังสหภาพโซเวียตล่มสลาย

พระ รศ.ดร.ชาตรี เหมพนฺโธ เจ้าอาวาสวัดอภิธรรมพุทธวิหารเซนต์-ปีเตอร์สเบอร์ก สหพันธรัฐรัสเซีย เปิดเผยกับ ‘ธรรมลีลา’ ว่า

“อาตมาได้มีโอกาสเดินทางไปเผยแผ่ธรรมที่รัสเซีย เนื่องจากในช่วงปี 2539 สอบได้ทุนการศึกษาให้ไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทใน 3 ประเทศ คืออังกฤษ ออสเตรเลียและประเทศรัสเซีย จึงได้นำเรื่องไปปรึกษากับหลวงพ่อปัญญาว่า ควรจะเลือกไปเรียนต่อที่ไหน ซึ่งหลวงพ่อปัญญา ท่านได้ถามความสมัครใจก่อน และแนะนำว่า ควรจะไปศึกษาต่อที่ประเทศรัสเซีย เพราะเป็นประเทศที่ท่านปรารถนา ที่จะไปเผยแผ่ธรรมะ ในขณะเดียวกันประเทศรัสเซียก็เป็นประเทศเดียวที่ท่านไม่มีโอกาสได้ไปเผยแผ่ธรรมะเลย

คำแนะนำในครั้งนั้นทำให้อาตมาตัดสินใจไปศึกษาต่อที่ประเทศรัสเซีย แม้จะรู้ว่ามันยากลำบากมากกว่าประเทศไหนๆในโลก โดยในตอนแรกที่ไปลำบากมาก เพราะคนที่นั่นเขายังไม่เปิดรับศาสนาพุทธนิกายเถรวาทเท่าที่ควร

อย่างไรก็ตามเมื่ออาตมามีโอกาสได้เข้าไปศึกษาในมหาวิทยาลัยเซนต์-ปีเตอร์สเบอร์ก ก็ต้องใช้ความพยายามอย่างหนักเพราะเราต้องไปเรียนปริญญาตรีใหม่หมด ภาษาที่ใช้ก็ใช้ภาษารัสเซียซึ่งยากมาก ในระยะแรกๆยอมรับว่าท้อนะ แต่เรามีกำลังใจดี มีความตั้งใจที่จะไปเผยแผ่ธรรมะ มันทำให้อาตมามีแรงกระตุ้นที่ดี ในที่สุดก็จบการศึกษา”

• ทำไม!? ต้องที่รัสเซีย

การตัดสินใจเดินทางไปศึกษาต่อในประเทศรัสเซียเมื่อสิบกว่าปีก่อนนั้น ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ทำให้หลายๆคนเกิดอาการ “งง สงสัยและอึ้ง” ไปตามๆกัน แต่ถึงที่สุดแล้ว พระ รศ.ดร.ชาตรี ก็สามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ทั้งสภาพภูมิอากาศ ความไม่เข้าใจของคนพื้นถิ่น การใช้ภาษาและวัฒนธรรมที่แตกต่าง

พระ รศ.ดร.ชาตรี บอกว่า “หลายๆคนก็ถามอาตมา ว่าทำไมต้องเป็นรัสเซีย ทำไมไม่เป็นประเทศอื่นๆ ที่เขายอม รับศาสนาพุทธอยู่แล้ว หรือประเทศที่มีคนไทยไปอาศัยอยู่มากๆ เช่น ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกาและอังกฤษ อาตมามี เหตุผลอยู่หลายประการคือ

ประการแรก เนื่องจากรัสเซียเป็นประเทศที่เคยนับถือพระพุทธศาสนามาก่อน และยังเป็นประเทศในกลุ่มยุโรปประเทศเดียวที่เคยนับถือพระพุทธศาสนา รวมทั้งได้รับผลกระทบจากการรุกรานของศาสนาอื่นมากที่สุดและพระพุทธศาสนาได้สูญหายไปจากประเทศรัสเซียนานกว่าพันปี ทำให้เป็นเรื่องท้าทายที่จะทำการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในรัสเซีย

ประการที่สอง ประเทศรัสเซียนั้นเป็นดินแดนดั้งเดิมของชนชาติอริยกะซึ่งเป็นบรรพบุรุษของพระพุทธเจ้า อาตมาเลยคิดอยากจะศึกษาว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ที่เราจะเอาพระพุทธศาสนาไปสู่ดินแดนของบรรพบุรุษของพระพุทธเจ้า ที่สำคัญรัสเซียเป็นประเทศที่ถูกลืม โดยตั้งแต่สมัยก่อนการ ##### ศาสนาพุทธสายเถรวาทไม่เคยมีบทบาทในการเข้าไป เผยแผ่คำสอนในประเทศรัสเซียเลย คือตั้งแต่ปี 2441 จนถึงปี 2540

ประการที่สาม ประเทศรัสเซียยังคงเป็นประเทศเดียวที่คำสอนทางพระพุทธศาสนาที่มีอยู่ยังไม่ถูกบิดเบือน และคนรัสเซียเองก็ให้ความสนใจกับพระพุทธศาสนาสายเถรวาท ซึ่งเป็นพระพุทธศาสนาแบบดั้งเดิมและเป็นพระพุทธศาสนา ต้นแบบ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพระพุทธศาสนาจะโดนกีดกันเป็นระยะเวลากว่าพันปี แต่คนรัสเซียบางส่วนก็ยังนับถือพระพุทธศาสนาสายวัชรยาน ที่มาจากทิเบต ซึ่งได้เข้าไปมีบทบาทในการเผยแผ่ในประเทศรัสเซียตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะชาวรัสเซียที่มีเชื้อสายมองโกเลียในแถบไซบีเรียก็นับถือเป็นศาสนาของชนชาติ

ประการที่สี่ ณ ดินแดนแห่งนี้ยังมีอีก 4 ชนชาติที่นับถือศาสนาพุทธในประเทศรัสเซีย เช่น ชาวตูวา ที่อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของไซบีเรีย อยู่ระหว่างไซบีเรียกับมองโกเลีย ชนชาติชาติที่สองคือชาวบูเรียตเทีย ชาวคามึยเคีย และชาวจิต้า

นี่คือชนชาติใน 4 สาธารณรัฐที่นับถือพระพุทธศาสนามา เป็นเวลาร่วม 500 ปีแล้ว แต่พระพุทธศาสนาเข้าไปฟื้นฟูใน รัสเซียเมื่อประมาณ 250 ปีที่ผ่านมา ยิ่งสมัยก่อนการ#####ก็ได้มีการอนุญาตโดยเฉพาะสมัยของพระนางแคทเธอรีน มหาราชินี เมื่อประมาณ 150 ปีที่แล้วโดยเป็นการอนุญาตให้ชาวรัสเซียที่นับถือพระพุทธศาสนาสามารถสร้างวัดได้”

ความเลื่อมใสพระพุทธศาสนาของชาวรัสเซียนั้นมีไม่แพ้ประเทศอื่นๆทั่วโลก โดยมีหลักฐานปรากฎว่า ประเทศบูเรียตเทีย ก็ได้มีการสร้างวัดในขณะนั้นประมาณ 34 แห่ง นอกจากนี้ยังมีการสร้างโรงพิมพ์ทางพระพุทธศาสนา สร้างวิทยาลัยสงฆ์ รวมถึงสถาบันการศึกษาขึ้นมา 19 แห่ง หลังจากนั้นใน 4 สาธารณรัฐที่นับถือพระพุทธศาสนา พระนางแคทเธอรีนก็อนุญาตให้มีสมเด็จพระสังฆราชของตัวเอง ซึ่งไม่ได้ขึ้นกับมองโกเลีย และทิเบต

แต่ท้ายที่สุดเมื่อประมาณปี 2480 โดยการนำของโจเซฟ สตาลิน ผู้นำของพรรคคอมมิวนิสต์คนที่สองของรัสเซียก็ได้เข้าไปทำลายวัดวาอาราม 200 แห่ง ที่ตั้งอยู่กระจัดกระจายในสี่สาธารณรัฐ รวมทั้งมีการจับสึกพระสงฆ์หลายหมื่น รูป และบางส่วนก็ถูกฆ่า และห้ามไม่ให้คนนับถือศาสนา เพราะถือว่าศาสนาเป็นยาพิษ ศาสนาเป็นตัวบ่อนทำลายความเจริญทางวัฒนธรรม

• ศาสนาพุทธ ‘บูม’ ในรัสเซีย

การมีโอกาสเข้าไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาสายเถรวาท ในรัสเซีย ของ พระ รศ.ดร.ชาตรี ถือว่าเป็นการเปิดโอกาสทาง ‘ธรรม’ ให้กับประชาชนชาวรัสเซียอย่างมาก เพราะปัจจุบันมีชาวรัสเซียจำนวนมากเริ่มหันมาสนใจศึกษาพระพุทธศาสนาสายเถรวาทเพิ่มขึ้นในทุกๆปี

เจ้าอาวาสวัดอภิธรรมพุทธวิหารฯบอกว่า ปัจจุบันมีชาว รัสเซียจำนวนมากเริ่มหันมาสนใจศึกษาพระพุทธศาสนาอย่างจริงจัง สาเหตุส่วนหนึ่งเพราะชาวรัสเซียส่วนใหญ่จะมีการศึกษาสูงมาก และยังสนใจศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ การค้นคว้า แต่เมื่อการนับถือศาสนาคริสต์ซึ่งเป็นศาสนาดั้งเดิมไม่ได้ให้คำตอบในหลายๆคำถามที่เกิดขึ้นในจิตใจของเขา ทำให้เขาเปลี่ยนมาสนใจศึกษาพระพุทธศาสนา

“สำหรับชาวรัสเซียที่เข้ามาศึกษาพระพุทธศาสนาส่วนใหญ่จะต้องการหาคำตอบอันเนื่องมาจากการเกิดทุกข์ในการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะปัญหาครอบครัว ซึ่งไม่สามารถแก้ไขปัญหาด้วยความเชื่อ แม้จะอ้อนวอนพระเจ้า ท่านก็คง จะช่วยอะไรไม่ได้ ดังนั้นเขาก็หันมาศึกษาพระพุทธศาสนาในเชิงจิตวิทยาเพื่อนำไปใช้ในชีวิตได้จริง ทำให้คนรัสเซียที่มีการศึกษาจำนวนมากหันมาสนใจศึกษาพระพุทธศาสนามากขึ้น

ระยะแรกไม่ได้เปลี่ยนมานับถือ เพียงแต่สนใจที่จะเข้ามาศึกษา โดยแบ่งความสนใจออกเป็นสามกลุ่มคือ กลุ่มแรก เป็นชาวรัสเซียที่มีเชื้อสายกอร์เกเชียน สนใจพระพุทธศาสนา แบบปรัชญา แบบวิทยาศาสตร์ ก็คือคำสอนทางพระพุทธศาสนานั้นมีเหตุมีผลเข้าได้กับความคิด การค้นคว้าทางวิทยาศาตร์แบบตะวันตก อีกส่วนหนึ่งก็หันมาสนใจพระพุทธศาสนาโดยเฉพาะการปฏิบัติ เช่นการฝึกโยคะ การฝึกสมาธินั้นทำให้จิตใจสงบ และกลุ่มสุดท้ายก็คือกลุ่มที่สนใจทั้งปรัชญาและการปฏิบัติ ซึ่งทั้งสามกลุ่มนี้ประมาณ 60-70% ที่ได้มีการศึกษาและปฏิบัติอย่างลึกซึ้ง ก็จะเปลี่ยนมานับถือพระพุทธศาสนา”

พระ รศ.ดร.ชาตรี อธิบายต่อว่า ตอนนี้เฉพาะในกรุงเซนต์-ปีเตอร์สเบอร์ก กรุงมอสโคว์ มีคนรัสเซียที่สนใจพระพุทธศาสนาและปฏิบัติศึกษาพระพุทธศาสนา ไม่ต่ำ กว่า 1 ล้านคนจากประชากรที่มีอยู่ในทั้งสองเมือง 12 ล้านคน ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วคิดว่าพระพุทธศาสนาในรัสเซียได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงนั้นเป็นพระพุทธศาสนาในสายวัชรยาน แต่สายเถรวาทยังไม่เป็นที่ยอมรับ แต่ย้อนหลังไปสี่ปีกลับมีคนรัสเซียที่นับถือศาสนาพุทธสายวัชรยาน เปลี่ยนมาสนใจพระพุทธศาสนาสาย เถรวาทมากขึ้นปีละหลายหมื่นคน ซึ่งแต่ละปีก็จะมีคนเปลี่ยนมานับถือพระพุทธศาสนาสายเถรวาทประมาณ 70% ถือว่ามีจำนวนมากทีเดียว

“ตอนนี้ถ้าใครมีโอกาสเดินทางไปประเทศรัสเซีย จะเห็นหนังสือที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา หนังสือฝึกสมาธิ หนังสือพุทธปรัชญา หนังสือที่เป็นพระสูตรซึ่งแปลเป็นภาษา รัสเซีย วางขายอย่างมากมาย ซึ่งสิ่งนี้ก็ถือเป็นดัชนีชี้วัดได้อย่างดีว่า ปัจจุบันคนรัสเซียเขาสนใจพระพุทธศาสนามากน้อยแค่ไหน”

• แต่ขาดแคลนพระธรรมทูต

แม้ในปัจจุบันพระพุทธศาสนาจะเป็นที่ยอมรับมากขึ้นในรัสเซีย แต่พระธรรมทูตที่มีหน้าที่เผยแผ่คำสอนของพระพุทธองค์ ยังมีอยู่เพียงน้อยนิด

พระ รศ.ดร.ชาตรี อธิบายต่อไปว่า “ปัจจุบันวัดของอาตมาเป็นวัดเดียวและวัดแรกที่มีอยู่ในประเทศรัสเซีย มีพระธรรมทูตที่เป็นพระไทยอยู่ 4 รูป ซึ่งสาเหตุที่มีน้อย เพราะมีพระที่รู้ภาษารัสเซียน้อย เนื่องจากภาษารัสเซียเป็นภาษาที่ยากมาก ซึ่งถือเป็นจุดอ่อนที่สำคัญ ทำให้ต้องเพิ่มความอดทนในการทำหน้าที่เผยแผ่พระพุทธศาสนา ปัจจุบันเรามีศูนย์ปฏิบัติธรรม ตั้งอยู่ที่มหาวิทยาลัยเซนต์-ปีเตอร์สเบอร์ก เป็นศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนา และศูนย์ศึกษาค้นคว้าพระไตรปิฏก และปัจจุบันเรายังมีแนวคิดที่จะแปลพระไตรปิฎกจากภาษาไทย ภาษาบาลี เป็นภาษารัสเซียอีกด้วย”

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันทางวัดได้แก้ไขปัญหาเรื่องพระธรรมทูตโดยการติดต่อกับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เพื่อหาพระที่จะไปศึกษาต่อที่ประเทศรัสเซียโดย จะมีการประสานงานกับสถานทูตรัสเซีย เพื่อให้ทุนกับพระที่สนใจไปศึกษาต่อ ซึ่งในแต่ละปีรัฐบาลรัสเซียจะให้ทุนการ ศึกษากับนักศึกษาระดับปริญญาโท ปริญญาเอก ปีละ 3-4 ทุน

“หากมองตามความต้องการของตลาดแล้วถือว่าน้อยมาก แต่เราก็ดูกำลังทรัพย์ที่รัฐบาลรัสเซียจะสามารถให้เราได้ ด้วย ซึ่งการให้ทุนการศึกษา เราจะต้องได้รับการสนับสนุนจากเมืองไทยด้วยบางส่วนโดยการรับบริจาคทั่วไป แต่ในส่วนที่ได้รับสนับสนุนจากทางรัฐบาลนั้นยังไม่มี”

• วัดแรกกับภารกิจเผยแผ่ธรรม

เป็นเวลากว่าสามปีแล้วที่วัดอภิธรรมพุทธวิหารได้ก่อกำเนิดเป็นรูปร่างและผ่านการอนุญาตจากรัฐบาลรัสเซีย ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าพระพุทธศาสนาสายเถรวาทจะเบ่งบานอีกครั้งในดินแดนแห่งนี้

เจ้าอาวาสวัดอภิธรรมฯ เล่าว่าวัดอภิธรรมพุทธวิหาร เป็นวัดสายเถรวาทเพียงวัดเดียวและวัดแรกที่ได้รับการสร้างขึ้นในรัสเซีย โดยขึ้นทะเบียนเป็นวัดอย่างถูกต้องในเมืองไทย แต่ต้องจดทะเบียนเป็นพุทธสมาคมในรัสเซีย เพราะกฎหมายรัสเซียยังไม่อนุญาต ต้องมีกิจกรรมอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 15 ปีจึงจะสามารถจดทะเบียนเป็นวัดที่สมบูรณ์ในรัสเซียได้ ซึ่งคิดว่ามันเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ แต่ก็ยังคงมีอุปสรรคมากมายให้ฟันฝ่า ทั้งเรื่องสภาพภูมิอากาศที่หนาวจัด รวมทั้งค่าครองชีพที่แพงมาก ทำให้พระธรรมทูตไทย 4 รูป และพระรัสเซียอีก 1 รูปอยู่กันอย่างยาก ลำบากพอสมควร

“เราต้องอยู่กันอย่างประหยัด โดยปัจจัยที่นำมาใช้จ่ายส่วนหนึ่งได้มาจากเงินที่รัฐบาลรัสเซียให้อาตมาไปสอนหนังสือในมหาวิทยาลัย ถือเป็นเงินเดือน เงินสนับสนุน ส่วนพระทั้ง 4 รูปนั้นเป็นนักเรียนทุนของรัฐบาลรัสเซีย ปัจจัยอีก ส่วนหนึ่งซึ่งเป็นส่วนใหญ่มาจากญาติโยมจากเมืองไทย คือกลุ่มศึกษาธรรมของกระทรวงอุตสาหกรรม และมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งถือเป็นเจ้าภาพใหญ่ในการให้การสนับสนุน ที่นี่ไม่มีการบิณฑบาต เพราะเขาถือว่าเป็นการขอทาน ดังนั้น บางครั้งถ้าไม่มีฆารวาสมาช่วย พระจำต้องไปจ่ายตลาด และทำอาหารเอง”

พระ รศ.ดร.ชาตรี บอกถึงการวางแผนในการเผยแผ่ธรรมสำหรับปี 2551 ว่า ในปีนี้จะใช้เวลาส่วนใหญ่เดินทางไปแสดงธรรมตามเมืองต่างๆทั่วรัสเซียประมาณ 10 เมือง ซึ่งปัจจุบันก็มีเครือข่ายแล้ว แต่ต้องทำให้เข้มแข็งมากขึ้น โดยใช้การฝึกสมาธิและการเรียนธรรมะอย่างน้อยคอร์สละ 1 สัปดาห์เป็นกลยุทธ์หลัก ซึ่งเท่าที่ดำเนินการมาอย่างเป็นทางการก็ได้รับการสนับสนุนจากครูบาอาจารย์จากเมืองไทย จากอังกฤษ เช่นพระอาจารย์สุเมโธ วัดอมราวดี อังกฤษ ก็เดินทางไปเยี่ยมเยียนและเผยแผ่ธรรมะร่วมด้วย ซึ่งได้รับการต้อนรับและการสนับสนุนจากชาวรัสเซียพอสมควร

“ในอนาคต อาตมามีความเชื่อว่าพระพุทธศาสนาจะได้ รับความสนใจจากชาวรัสเซียเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกๆปี เพราะคำสอนของพระพุทธองค์นั้นเป็นวิทยาศาสตร์ สามารถตอบคำถามในทุกๆข้อที่คนสงสัยได้อย่างแจ่มแจ้ง ซึ่งหากอาตมาสามารถทำให้คนรัสเซียหันมาสนใจศึกษามาก ขึ้น ก็เท่ากับว่าอาตมาได้ทำหน้าที่พระธรรมทูตได้สมกับความตั้งใจแล้ว” พระ รศ.ดร.ชาตรีกล่าวในที่สุด

พระพุทธศาสนาในรัสเซีย

พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่เก่าแก่ที่สุด ประชาชนที่นับถือศาสนาพุทธส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในทวีปเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันออกไกล โดยเฉพาะประเทศศรีลังกา พม่า อินเดีย ภูฏาน เนปาล จีน เกาหลี เวียดนาม ญี่ปุ่น กัมพูชา ลาว และไทย ซึ่งรวมแล้วจะมีประชากรที่นับถือศาสนาพุทธประมาณ 500 ล้านคน ซึ่งยังไม่นับชาวพุทธในประเทศอื่นๆทั่วโลกอีกจำนวนมาก

สำหรับประเทศรัสเซีย มีหลักฐานว่า เริ่มมีการนับถือพระพุทธศาสนา ในราว พ.ศ.1451 โดยพุทธศาสนิกชนชาวรัสเซียส่วนใหญ่ที่นับถือพุทธศาสนาจะตั้งถิ่นฐานอยู่ในสาธารณรัฐบูเรียตียา หรือบูเรียตเทีย(Buryatia) แถบทะเลสาบไบคาล, สาธารณรัฐคาลมึยเคีย(Kalmykia) แถบทะเลสาบแคสเปียน และสาธารณรัฐตูวา(Tuva) แถบพรม แดนมองโกเลีย ซึ่งพระพุทธศาสนามหายานก็ได้เข้ามาแพร่หลายอยู่ในชนชาวบูเรียต, คาลมิค และอัลไตยัน ในดินแดนเหล่านี้ด้วย

ผู้คนต่างมีความเชื่อสืบต่อกันมาว่า ในคราวที่พระเจ้าอโศกมหาราช ส่งสมณทูตออกเผยแผ่พระพุทธศาสนานั้น พระพุทธศาสนาได้เข้ามาสู่ดินแดนไซบีเรียของรัสเซียด้วย

กลางศตวรรษที่ 17 พระมองโกลและลามะทิเบต ได้เดินทางเผยแผ่พระพุทธศาสนามายังฝั่งตะวันออกของทะเลสาบไบคาล มีการสร้างวัดแห่งแรกขึ้น ชื่อ วัดฮิลแกนตุส หลังจากนั้นวัดในพระพุทธศาสนา หรือที่เรียกว่า ดั๊ทซัน (Datsun) ก็ปรากฏขึ้นในบริเวณอื่นๆของบูเรียตเทียอีก ชาวบูเรียตที่อยู่ฝั่งตะวันออกของทะเลสาบไบคาล ก็หันมานับถือพระพุทธศาสนาเป็นจำนวนมาก มีนิกายเจลุกปะ เป็นนิกายที่แพร่หลายที่สุด ก่อตั้งโดย ท่านฌอนฮาวะ ชาวทิเบต

ปลายศตวรรษที่ 19 พระพุทธศาสนาในบูเรียตเทียรุ่งเรือง วัดได้รับการทำนุบำรุงอย่างดี เพื่อใช้เป็นที่พัก ที่ปฏิบัติธรรมของลามะ และไว้สำหรับสอนภาษาทิเบต, มองโกเลีย, สันสกฤต รวมถึงวิชาปรัชญา ทั้งยังมีการสร้างวัดแห่งใหม่อีก หลายวัด เช่น วัดอากินส์, วัดสึโกลิส และวัดอีกิตุสก์

พระอักวัน ดอร์จีพ(Agvan Dorjiev) ชาวบูเรียต เป็นภิกษุองค์แรกที่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาล ให้สร้างวัดพุทธในเมืองเซนต์-ปีเตอร์สเบิร์ก นับเป็นวัดทางพุทธศาสนาแห่ง แรกที่สร้างขึ้นในทวีปยุโรป

ในปี พ.ศ.2478 หลังจากรัสเซีย เปลี่ยนการปกครองเป็น ระบอบคอมมิวนิสต์ รัฐบาลรัสเซียไม่ให้การคุ้มครองแก่องค์กรศาสนา ไม่ว่าจะเป็นศาสนาใดก็ตาม บุคลากรทางศาสนาถูกทำลายกวาดล้าง วัดในพระพุทธศาสนา พระพุทธรูป และคัมภีร์ต่างๆ ก็เริ่มถูกทำลาย

ปี 2491 รัฐบาลรัสเซียได้สร้างความประหลาดใจให้กับชาวพุทธ เมื่อรัฐบาลแห่งสหภาพโซเวียตได้อนุมัติให้ มีการสร้างวัดขึ้นมาใหม่ในเขตอิโวลกา(Ivolga) โดยการ สร้างทั้งหมดรัฐบาลของพรรคคอมมิวนิสต์เป็นผู้สนับสนุนงบประมาณ ซึ่งสาเหตุที่รัฐบาลรัสเซียอนุญาตให้ก่อสร้าง วัดขึ้นมาใหม่ก็เพราะทราบดีว่า ชนชาวพุทธรัสเซียยังมีความศรัทธาหนักแน่นในพระพุทธศาสนา แม้ว่าจะถูกรัฐบาลควบคุมอย่างเข้มข้นก็ตาม

นอกจากนี้ยังมีนักประวัติศาสตร์ชาวรัสเซียได้ทำการ ศึกษาเรื่องราวของพระพุทธศาสนาในรัสเซียพบว่า บรรพบุรุษผู้สืบเชื้อสายชนชาติอริยกะหรืออารยัน ซึ่งเป็นเชื้อสายของบรรพบุรุษของพระพุทธองค์ได้อพยพมาจากแถบแม่น้ำโวลก้า ลงสู่เทือกเขาคอเคซัส ในประเทศรัสเซีย เข้าสู่ประเทศอิหร่าน อัฟกานิสถานและชมพูทวีป จากการค้นพบเรื่องนี้ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ชาวรัสเซียจำนวนหนึ่งมีความภูมิใจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพระพุทธองค์ จึงหันมาศึกษาและปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธศาสนาจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้มีการศึกษาชั้นสูง นักวิทยาศาสตร์ และนักศึกษาในสถาบันชั้นนำของรัสเซีย

พระ รศ.ดร.ชาตรี เหมพนฺโธ พระธรรมทูตไทยรูปแรกในรัสเซีย

ชาติภูมิและการศึกษา

ไม่น่าเชื่อเลยว่าพระหนุ่มรูปร่างล่ำสันใบหน้าอิ่มเอิบ เต็มไปด้วยความเมตตารูปนี้ จะมีตำแหน่งเป็นถึงเจ้าอาวาสวัดไทยแห่งแรกในประเทศรัสเซีย ประเทศซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นประเทศ ‘ปิด’ สำหรับทุกศาสนา แต่หลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ศาสนาต่างๆก็กลับมาเผยแผ่คำสอนอีกครั้งรวมทั้งพระพุทธศาสนา ซึ่งมีโอกาสเข้าไป ‘ปักธง’ เผยแผ่คำสอนในรัสเซียเมื่อ 15 ปีที่ผ่านมา โดยพระธรรมทูตไทยที่ชื่อ พระ รศ.ดร.ชาตรี เหมพนฺโธ ผู้เป็นศิษย์ของท่านพุทธทาสภิกขุและท่านปัญญานันทภิกขุ

พระรศ.ดร.ชาตรี เหมพนฺโธ เป็นชาวพัทลุงโดยกำเนิด เกิดเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ.2513 เมื่ออายุ 14 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดบ้านสวน จ.พัทลุง

พ.ศ.2533 ได้เข้ามาศึกษาต่อ ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จนกระทั่งจบปริญญาตรี พุทธศาสตรบัณฑิต(เกียรตินิยม)เอกภาษาอังกฤษ ในปี 2537 จากนั้นอีกสามปีก็เดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศสหพันธรัฐรัสเซีย ในคณะการทูต มหาวิทยาลัยเซนต์-ปีเตอร์สเบอร์ก ใช้เวลาศึกษาในระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ 2 ปีก่อนจะสำเร็จการศึกษาภาควิชายุโรปศึกษา

ในปี 2544 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท ภาควิชายุโรปศึกษา คณะการทูต จากมหาวิทยาลัยเซนต์-ปีเตอร์สเบอร์ก จากนั้นศึกษาต่อระดับปริญญาเอกในมหาวิทยาลัยเดียวกัน จนจบการศึกษาใน 2 ปีถัดมา

ปี 2548-ปัจจุบันได้เข้าศึกษาในระดับ Post Doctorate Program ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน

ประสบการณ์การทำงาน

เริ่มทำงานขณะที่ยังเป็นพระนักศึกษา ในปี 2530 โดยเป็นพระอาจารย์สอนในโรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ที่ลำพูน และหลังจากจบการศึกษาระดับปริญญาตรีแล้ว ได้ทำงานสอนในโรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ วัดชลประทานรังสฤษฏ์ รวมทั้งเป็นพระวิทยากรอบรมเด็กและเยาวชนตามสถานที่ต่างๆ

นอกจากนี้ยังเคยเป็นหัวหน้าเป็นผู้นำองค์กรนักศึกษาในมหาวิทยาลัย และทำงานกับองค์กรระหว่างประเทศ

พ.ศ.2549 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระธรรมทูตสายต่างประเทศประจำประเทศรัสเซีย และเป็นเจ้าอาวาสวัดอภิธรรมพุทธวิหาร

พ.ศ.2540-ปัจจุบัน เป็นอาจารย์สอนในคณะเอเชียศึกษา, คณะการทูต มหาวิทยาลัยเซนต์-ปีเตอร์สเบอร์ก และเป็นวิทยากรบรรยายธรรมประจำวัดพุทธนิกายวัชรยาน ในกรุงเซนต์-ปีเตอร์สเบอร์ก

สำหรับการทำงานนั้น พระ รศ.ดร.ชาตรี บอกว่าได้พยายามสานต่อแนวคิดของครูบาอาจารย์ที่ต้องการจะเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อว่าถ้ามีความรู้แล้วไม่ได้ใช้ประโยชน์ ความรู้ที่มีก็จะสูญเปล่า การที่คิดไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ เพื่อเป็นการเปิดโอกาสและเป็นช่องทางในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาต่อไป

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 88 มี.ค. 51 โดย พิมพ์ศุจี)










#103324 'บิล เกตส์'ตกอันดับรวยสุดแค่ที่3 แชมป์เศรษฐีโลก

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 08 March 2008 - 01:34 PM ใน บทความดี๊ดี ... จากสมาชิก


ถ้า วอร์เรน บัฟเฟต์ และ บิล เกตส์ มาสนใจธรรมะ วิชชาธรรมกาย ศาสนาพุทธจะเจริญรุ่งเรืองยิ่งใหญ่มากทีเดียว



#102596 พระพุทธเจ้ากับไอน์สไตน์

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 03 March 2008 - 12:05 PM ใน วิทยาศาสตร์ทางใจ

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักวิทยาศาสตร์ผู้ค้นพบทฤษฎีสัมพัทธ์อันยิ่งใหญ่ หลังจากที่ได้ศึกษาพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้งแล้วก็ออกมายอมรับว่า “การสัมผัสรับรู้ความจริงแท้ของจักรวาลทางศาสนา เป็นพื้นฐานที่แข็งแกร่งที่สุด ยิ่งใหญ่ที่สุดของการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์”

เรื่อง “จักรวาล” และเรื่อง “ปรมาณู” ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงค้นพบอธิบายมาก่อน ถ้านักวิทยาศาสตร์นำบทสรุปของพระองค์ไปค้นคว้าต่อยอด วันนี้ความใฝ่ฝันเรื่อง การเดินทางข้ามเวลา ข้ามดาราจักร ข้ามจักรวาล การหายตัวได้ แทบจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ไปเลย

เมื่อกาลิเลโอค้นพบ “ทางช้างเผือก” เมื่อ 395 ปีก่อน หลังจากที่มีการสร้างกล้องโทรทรรศน์ขึ้นมาแล้ว เห็นดาวนับล้านๆดวงในทางช้างเผือก นักวิทยาศาสตร์ก็ตื่นเต้นกันใหญ่ เมื่อส่องกล้องออกไปนอกจักรวาล ก็พบแต่ความว่างเปล่า กาลิเลโอจึงสรุปว่า ขอบจักรวาลก็คือขอบของทางช้างเผือกนั่นเอง

ทางช้างเผือกมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 100,000 ปีแสง หมายความว่า ยานที่แล่นด้วยความเร็วเท่าแสง คือ 300,000 กิโลเมตรต่อวินาที ต้องใช้เวลาวิ่งถึง 100,000 ปี ทางช้างเผือกใหญ่แค่ไหนไปหลับตานึกดูเอาเอง

แต่วันนี้นักดาราศาสตร์ได้ค้นพบจักรวาลใหม่ๆเพิ่มขึ้นอีกมากมาย นอกเหนือจากจักรวาลของเรา มีการคำนวณกันว่า จักรวาลเหล่านี้อาจมีมากถึง 10 ยกกำลัง 500 แห่ง คือ 1 ตามด้วยเลขศูนย์ 500 ตัว ไปลองเขียนนับกันดูเป็นเท่าไร แต่ละจักรวาลก็มีกฎเกณฑ์ทางฟิสิกส์ แตกต่างกันไป จักรวาลของเราเป็นเพียงอณูเล็กๆในหมู่จักรวาลทั้งหมดเท่านั้น

สิ่งเหล่านี้ “พระพุทธเจ้า” ทรงค้นพบเมื่อกว่าสองพันห้าร้อยปีก่อนแล้ว ทรงตรัสไว้ใน “จูฬนีสูตร” พระไตรปิฎก หน้า 215 เล่ม 20 ว่า

“ระบบสุริยะประกอบด้วยดวงจันทร์ โลก ดวงอาทิตย์ และดาวเคราะห์ทั้งหลาย โคจรไปร่วมกัน ดาราจักรมี 3 ขนาด คือ ดาราจักรอย่างเล็ก มีจำนวนนับพัน ดาราจักรอย่างกลาง มีจำนวนนับล้าน ดาราจักรอย่างใหญ่ มีจำนวนแสนโกฏิ และดาราจักรเหล่านี้ มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และแตกดับในที่สุด”

ฟริตจอฟ คาปรา ผู้เขียนหนังสือ “เต๋าแห่งฟิสิกส์” บอกว่า ทฤษฎีควอนตัม และทฤษฎีสัมพันธภาพ ทำให้ความเข้าใจเกี่ยวกับโลกของเราคล้ายคลึงกับความเข้าใจของชาวพุทธและเต๋า เมื่อเอาสองทฤษฎีนี้มาใช้อธิบายปรากฏการณ์ของอนุภาคที่เล็กกว่าอะตอม เราพบว่า “อนุภาคเหล่านี้มีความไม่เที่ยง แปรเปลี่ยนไปตลอดเวลาและไม่มีตัวตนที่แท้ คล้ายคลึงอย่างยิ่งกับหลักแห่ง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา”

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักวิทยาศาสตร์ผู้ค้นพบทฤษฎีสัมพัทธ์อันยิ่งใหญ่ หลังจากที่ได้ศึกษาพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้งแล้วก็ออกมายอมรับว่า “การสัมผัสรับรู้ความจริงแท้ของจักรวาลทางศาสนา เป็นพื้นฐานที่แข็งแกร่งที่สุด ยิ่งใหญ่ที่สุดของการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์”

ถามว่า แล้วทำไม “พระพุทธเจ้า” จึงไม่ให้ความสำคัญกับการค้นพบที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้ คำตอบก็คือ ทรงเห็นว่าสิ่งที่ค้นพบนั้นเป็นความจริงทางธรรมชาติ แต่ไม่ใช่หนทางแห่งการหลุดพ้น ทางเดียวที่จะหลุดพ้นได้ก็คือ “มรรค” ที่นำไปสู่การนิพพานนั่นเอง.



#101331 พลังจิตของคนเราทำอะไรได้บ้าง

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 19 February 2008 - 04:50 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

คนที่มีพลังจิตสูง มีญาณสมาบัติ เป็นต้น ทำอะไรได้บ้าง
เช่น สร้างภาพลวงตาได้เปล่าครับ



#101254 ขอเชิญร่วมบุญคิลานเภสัช

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 18 February 2008 - 09:46 PM ใน ข่าวประชาสัมพันธ์

สาธุครับ



#100299 โครงการตักบาตรพระกว่า 100 รูป อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 08 February 2008 - 03:03 PM ใน ข่าวประชาสัมพันธ์


สาธุครับ



#100053 คำสดุดีพระพุทธศาสนาของนักปราชญ์ชาวตะวันตก

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 05 February 2008 - 11:27 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

อาร์เธอร์ โชเพนเฮาว์ (ค.ศ.1788-1860) นักปรัชญาชาวเยอรมัน กล่าวว่า “ถ้าข้าพเจ้าจะถือเอาผลแห่งปรัชญาของข้าพเจ้าว่าเป็นมาตรฐานแห่งความ จริง ข้าพเจ้าก็ควรมีข้อผูกพันที่ต้องยอมรับพระพุทธศาสนาว่าเด่นเป็นพิเศษเหนือศาสนาที่เหลือ อย่างไรก็ตาม ก็จะต้องเป็นที่น่ายินดีสำหรับข้าพเจ้าที่ได้พบว่า คำสอนของข้าพเจ้าเข้ากันได้อย่างใกล้ชิดกับศาสนาซึ่งมนุษย์ส่วนมากนับถือ การเข้ากันได้นี้ต้องเป็นที่น่าพอใจมาก เพราะในการคิดปรัชญานั้น ข้าพเจ้ามิได้ตกอยู่ใต้อิทธิพลของศาสนานั้น (พระพุทธศาสนา) อย่างแน่นอน”

แมกซมึลเลอร์ (ค.ศ.1823-1900) ศาสตราจารย์ทางนิรุกติศาสตร์ชาวเยอรมัน ผู้นำในการศึกษาความรู้เกี่ยวกับตะวันออก กล่าวว่า “ประมวลศีลธรรมของพระพุทธเจ้า สมบูรณ์มาก ที่สุดที่โลกเคยรู้จักมา”

เอช. จี. เวลส์ (ค.ศ.1866-1946) นักประพันธ์ นักหนังสือพิมพ์ และนักประวัติศาสตร์ชาวอังกฤษ ผู้ริเริ่มการเขียนนวนิยายทางวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า “พระพุทธศาสนาได้กระทำไว้มาก ยิ่งกว่าอิทธิพลอื่นใดที่ปรากฏในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ เพื่อความก้าวหน้าแห่งอารยธรรมของโลก และวัฒนธรรมที่แท้จริง”

เบอร์ทรันด์ รัสเซล (ค.ศ.1872-1970) นักปรัชญา นักเขียน นักคณิตศาสตร์ และนักต่อสู้คัดค้านอาวุธนิวเคลียร์ ชาวอังกฤษ ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม ในปี 1950 กล่าวว่า “พระพุทธศาสนาเป็นการรวมกันของปรัชญาแบบพินิจความจริง กับวิทยาศาสตร์ ศาสนานั้นสนับสนุนวิธีการทางวิทยาศาสตร์ และติดตามวิธีการนั้นจนถึงที่สุด ซึ่งอาจเรียกได้ว่า เป็นศาสนาแห่งเหตุผล ในพระพุทธศาสนาเราจะได้พบคำตอบที่น่าสนใจ เช่น จิตใจกับวัตถุคืออะไร ? ระหว่างจิตใจกับวัตถุนั้นอย่างไหนสำคัญมากกว่ากัน ? เอกภพเคลื่อนไปหาจุดหมายปลายทางหรือไม่ ? พระพุทธศาสนาพูดถึงเรื่องที่วิทยาศาสตร์ยังหานำทางไปได้ไม่ เพราะความจำกัดแห่งเครื่องมือของวิทยาศาสตร์ ชัยชนะของพระพุทธศาสนาเป็นชัยชนะทางจิตใจ”

ศาสตราจารย์คาร์ล กุสตาฟ จุง (ค.ศ.1875-1961) นักจิตวิทยาชาวสวิสส์ กล่าวว่า “ในฐานะเป็นนักศึกษาศาสนาเปรียบเทียบ ข้าพเจ้าเชื่อว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่สมบูรณ์มากที่สุดที่โลกเคยพบเห็นมา ปรัชญาของพระพุทธเจ้า ทฤษฎีวิวัฒนาการและกฎแห่งกรรม (ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว) ยิ่งใหญ่เหนือลัทธิอื่นอย่างห่างไกล”

อัลแบร์ต ชไวเซอร์ (ค.ศ.1875-1965) แพทย์นักสอนศาสนาชาวฝรั่งเศส นักเทววิทยา และนักดนตรี ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ในปี 1952 (พ.ศ.2495) บอกว่า “พระองค์ (พระพุทธเจ้า) ได้ทรงแสดงออกซึ่งสัจธรรมอันมีคุณค่าเป็นนิรันดร และได้ทำให้จริยธรรมมิใช่ของอินเดียเท่านั้น แต่ของมนุษยชาติก้าวหน้าไป พระพุทธเจ้าเป็นผู้หนึ่งในบรรดาอัจฉริยมนุษย์ทางศีลธรรมที่โลกเคยได้มา”

อัลเบิร์ต ไอนสไตน์ (ค.ศ.1879-1955) นักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน ผู้เสนอทฤษฎีสัมพัทธภาพ กล่าวว่า “ศาสนาในอนาคต จะต้องเป็นศาสนาสากล ศาสนานั้นควรอยู่เหนือพระเจ้าที่มีตัวตน และควรจะเว้นคำสอนแบบสิทธันต์ (คือเป็นแบบสำเร็จรูปที่ให้เชื่อตามเพียงอย่างเดียว) และแบบเทววิทยา (คืออ้างเทวดา เป็นหลักใหญ่) ศาสนานั้นเมื่อครอบคลุมทั้งธรรมชาติและจิตใจ จึงควรมีรากฐานอยู่บนความสำนึกทางศาสนาที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ต่อสิ่งทั้งปวง คือ ทั้งธรรมชาติและจิตใจ อย่างเป็นหน่วยรวมที่มีความหมาย พระพุทธศาสนาตอบข้อกำหนดนี้ได้ ถ้าจะมีศาสนาใดที่รับมือได้กับความต้องการทางวิทยาศาสตร์สมัยปัจจุบัน ศาสนานั้นก็ควรเป็นพระพุทธศาสนา”

อัลดัส ฮักซลี่ย์ (ค.ศ.1894-1963) นักเขียนนวนิยายชาวอังกฤษ กล่าวว่า “ในบรรดาศาสนาที่ยิ่งใหญ่ของโลกทั้งหมด พระพุทธศาสนาเพียงศาสนาเดียวที่ดำเนินไปโดยปราศจากการเบียดเบียนทางศาสนา การตรวจควบคุม และการซักถามสอบสวน (ซึ่งมีลูกขุนหรือเจ้าหน้าที่ดำเนินการ เพื่อจะเอาผิด หรือควบคุมผู้ไม่นับถือ) ในแง่เหล่านี้ทั้งหมด ประวัติของพระพุทธศาสนายิ่งใหญ่มากเหนือศาสนาอื่นซึ่งดำเนินไปในระหว่างประชาชน ผู้ติดอยู่กับระบบทหาร”

เจ.โรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์ (ค.ศ.1904-1976) นักฟิสิกส์ชาวอเมริกัน ผู้นำในการพัฒนาระเบิดปรมาณู กล่าวว่า “ขอยกตัวอย่าง เช่นเราถามว่า ฐานะของอิเล็กตรอนเป็นอันเดียวกันใช่หรือไม่ ? เราจะต้องตอบว่าไม่ ถ้าเราถามว่า ฐานะของอิเล็กตรอนเปลี่ยนไปพร้อมกับกาลเวลาใช่หรือไม่ ? เราจะต้องตอบ ว่าไม่ ถ้าถามว่า อิเล็กตรอนหยุดพักใช่หรือไม่ ? เราจะต้องตอบว่าไม่ ถ้าเราถามว่ามันเคลื่อนไหวใช่หรือไม่ ? เราจะต้องตอบว่าไม่ พระพุทธเจ้าก็ได้ประทานคำตอบเช่นเดียวกัน เมื่อทรงได้รับคำถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของตัวตนของมนุษย์ภายหลังความตาย แต่คำตอบเหล่านั้นมิใช่คำตอบที่คุ้นกับจารีตประเพณีของวิทยาศาสตร์ สมัยศตวรรษที่ 17 และ 18”

สำหรับซุปเปอร์สตาร์ที่คนทั่วโลกชื่นชอบและคลั่งไคล้กันนั้น การที่เขาสนใจและบางรายถึงกับเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ พร้อมอุทิศตนทำงานเพื่อช่วยจรรโลงพุทธศาสนานั้น ย่อมแสดงให้เห็นว่าหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์เป็นที่พึ่งที่ระลึกของพวกเขาได้อย่างแท้จริง

ทอม ครูซ (Tom Cruise) ชาวอเมริกัน พระเอกหนุ่มเนื้อหอมผู้มีชื่อเสียงโด่งดังจากภาพยนต์เรื่อง “Misson Impossible” ได้กล่าวยกย่องพุทธศาสนา ในการแถลงข่าวงานเปิดรอบปฐมทัศน์ของหนังเรื่องใหม่ที่เขาแสดงนำคือ “The Last Samurai” ณ โรงแรมริซท์ กลางใจกรุงปารีส ว่า หลังจากที่ตนได้ศึกษาบทนำจากหนังเรื่องดังกล่าว ซึ่งจะต้องทำความเข้าใจในปรัชญาตะวันออก ทั้งพุทธศาสนาและศิลปะบูชิโดของญี่ปุ่น ทำให้ตนได้เรียนรู้หลักการดำเนินชีวิตที่เรียบง่าย และยืดหยุ่น ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

นอกจากนี้เขายังได้กล่าวยกย่องศาสนาพุทธว่าเป็นศาสนาที่เป็นรากฐานของวิทยาศาสตร์ทั้งหมด ซึ่งสอนให้คนรู้จักตนเองและมอบความรักเผื่อแผ่ให้ผู้อื่นได้ และถือว่าการได้สัมผัสกับพุทธศาสนาเป็นประสบการณ์ที่มีค่ายิ่งในชีวิตของเขา

ริชาร์ด เกียร์ (Richard Gere) ดาราชื่อก้องชาวอเมริกัน ได้ชื่อว่าเป็นดาราหนุ่มที่ประสบความสำเร็จที่สุดคนหนึ่งในปี 1980-1990 ภาพยนต์ที่สร้างชื่อเสียงให้กับเขามากก็คือ Pretty Woman (1990) และเมื่อปี 2546 ที่ผ่านมา เขาก็คว้ารางวัลลูกโลกทองคำ ครั้งที่ 60 ในฐานะดารานำชายยอดเยี่ยมจากภาพยนต์เรื่องชิคาโก

ริชาร์ด เกียร์ หันมาสนใจศึกษาพุทธศาสนาอย่างจริงจัง จนพบว่าศาสนาพุทธให้คำตอบกับชีวิตของเขาได้ ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ และใช้เวลานอกจอช่วยเหลืองานขององค์ทะไลลามะ ในการเผยแผ่ศาสนา และเมื่อครั้งที่มีการประกาศรางวัลออสการ์ปี 1993 ท่ามกลางสายตาของผู้ชมนับล้านๆ คู่ ริชาร์ด เกียร์ ก็ใช้เวทีนี้เรียกร้องความรักและสัจธรรมให้กับมวลมนุษย์ และในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ถล่มตึกเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2545 นั้น ริชาร์ด เกียร์ ให้สัมภาษณ์ว่า เขากำลังศึกษาและปฏิบัติธรรมอยู่ที่รัฐแมสซาชูเซตส์

เกียร์เคยพูดว่า เราต้องคิดว่าบรรดาผู้ก่อการร้ายนั้นได้ก่อความเลวร้ายให้กับชีวิตภายหน้าของพวกเขาไว้แล้ว เรียกว่าสร้างกรรมชั่ว และเราจะต้องมองให้กว้างไกลว่าเราทุกคนต่างเกี่ยวโยงกับการกระทำครั้งนี้เช่นกัน เขาย้ำว่า เราต้องให้ความรักและเมตตากับทุกคน ไม่เว้นแม้พวกที่ก่อการร้าย ถ้าเราทั้งหลายสามารถที่จะมองพวกผู้ก่อการร้าย ด้วยความคิดว่าเขาเหล่านั้นคือผู้ป่วยที่ต้องได้รับการบำบัดรักษา ยาที่จะรักษาพวกเขาได้ก็คือ ความรักและเมตตานั้นเอง ไม่มีอะไรจะดีกว่านั้นอีกแล้ว

สตีเว่น ซีกัล (Steven Seagal) พระเอกนักบู๊ชื่อดังของฮอลลีวู้ดชาวอเมริกัน โด่งดังขึ้นมาในฮอลลีวู้ดในฐานะพระเอกหนังแอ๊คชั่น หนังเรื่องล่าสุดของเขา คือ Exit Wounds ซีกัลได้ศึกษาและปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนในพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด จนกระทั่งมีลามะในทิเบตบางรูปพูดถึงเขาว่า เขาเป็นอดีตลามะองค์สำคัญที่กลับชาติมาเกิดทีเดียว

โรเแบร์โต บาจโจ (Roberto Baggio) นักฟุตบอลชื่อดังชาวอิตาลี หันมาสนใจพุทธศาสนาหลังผ่าตัดเข่าข้างขวา และต้องหยุดเล่นนานถึง 2 ปี ช่วงนี้เขาต้องฝึกกายภาพด้วยความหวังที่เลือนลาง และไม่มีความสุข หงุดหงิด อารมณ์เสียบ่อยครั้ง เมาริซิโอ โบลดรินี เจ้าของร้านขายแผ่นซีดี ซึ่งโรเบอโต้เป็นลูกค้าประจำที่ร้าน จึงได้แนะนำให้เขาสวดมนต์ บาจโจรู้สึกดีขึ้นมาก และหันมาสนใจศึกษาพุทธศาสนา จนนำไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง กระทั่งอาการบาดเจ็บที่เข่าของ เขาค่อยทุเลาลง และสามารถกลับมาเล่นฟุตบอลได้อีกครั้ง

บาจโจ บอกไว้เมื่อ พ.ศ.2539 ว่า แม้จะปฏิบัติธรรมได้เพียง 8 ปีเท่านั้น แต่บุญกุศลที่ได้รับนั้นมากมายเกินกว่าจะกล่าวได้หมด อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาก็คือได้เปลี่ยนแปลงทัศนคติของตนเอง เพราะก่อนหน้าที่จะหันมาปฏิบัติธรรมนั้น เขาเป็นคนที่จะต้องคิดในรูปแบบที่ตัวเองวางกรอบหรือกำหนดไว้แล้ว หรือไม่ก็ตัดสินสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยใช้ความคิดของตนเองเป็นหลัก และคิดว่าการกระทำเช่นนี้ของตนถูกต้องเสมอ

แต่หลังการปฏิบัติธรรมแล้ว มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างมากมายในชีวิตจิตวิญญาณของตัวเอง ซึ่งต้องใช้สติปัญญาในการตัดสินใจ แม้จะเป็นเรื่องที่ยากเพราะบางครั้งจิตใจก็ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลทางกาย

บาจโจบอกว่าสำหรับชาวอิตาเลียน แล้ว พุทธศาสนานั้นอยู่ห่างไกลและไม่เกี่ยวข้องอะไรกับปัญหาต่างๆ ในชีวิตประจำวัน และชาวอิตาเลียนจะมีความเชื่อในความคิดเห็นของตนเองมากและไม่ต้องการศึกษาเรียนรู้ หรือเข้าใจปรัชญาอื่นๆ ที่แตกต่างไปจากที่พวกเขาเคยรับรู้มา แต่จะตัดสินสิ่งต่างๆ ตามความคิดเห็นของตนเอง สำหรับเขาแล้วการตัดสินใจหันมานับถือพุทธศาสนา ไม่รู้สึกว่าขาดความ เชื่อมั่น และไม่แคร์ว่าใครจะพูดว่าอย่างไร เพราะเป้าหมายของตนคือต้องการจะเป็นบุคคลที่มีความสุขที่สุด

........................................................

ไม่เพียงแต่คนดังเหล่านี้ที่หันมาสนใจและประพฤติปฏิบัติตามหลักพุทธธรรมเท่านั้น ยังมีชาวตะวันตกอีกมากมายที่มุ่งหน้าค้นหาสัจธรรมของชีวิต เดินทางเข้าสู่ดินแดนแห่งพุทธศาสนา ไม่ว่าจะเป็นทิเบต ภูฐาน ศรีลังกา พม่า หรือประเทศไทย เพื่อการศึกษาหลักธรรมคำสอนและปฏิบัติกันอย่างจริงจัง คอร์สอบรมวิปัสสนาที่วัดหรือหน่วยงานบางแห่งในบ้านเราจัดขึ้นสำหรับชาวต่างชาตินั้นได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม



#100052 กฎข้อที่ 3 ของนิวตันคล้ายกฎแห่งกรรม

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 05 February 2008 - 11:22 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

กฎข้อที่ 3 ของนิวตัน (Newton's Third law)

กฎข้อที่ 3 ของนิวตัน
"ทุกแรงกิริยาจะต้องมีแรงปฏิกิริยาซึ่งมีขนาดเท่ากันและมีทิศทางตรงข้ามเสมอ" หรือ "แรงกระทำซึ่งกันและกันของวัตถุทั้งสอง ย่อมมีขนาดเท่ากันและทิศตรงข้าม"

แรงกิริยา = แรงปฏิกิริยา

กฎข้อนี้แสดงให้เห็นว่าแรงทุกแรงจะเกิดขึ้นเป็นคู่เสมอ เมื่อวัตถุ A ส่งแรงกระทำต่อวัตถุ B วัตถุ B ก็จะส่งแรงที่เท่ากันตอบกลับมาในทิศทางที่ตรงข้าม
ตัวอย่างเช่น ผู้ที่กำลังเล่นสเกตเลื่อน ออกแรงผลักผู้เล่นคนอื่น ทั้งคู่ก็จะเคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงข้ามกัน

การกระทำซึ้งก็คือ กรรม เมื่อเรากระทำออกไปแล้ว ก็จะย้อนเข้ามาหาตัวผู้กระทำ ตามแรงกรรมที่เรากระทำ ถ้าเราทำกรรมที่รุนแรง ผลที่ได้ก็จะรุนแรงเหมือนกัน ในทางกลับกันถ้าทำกรรมที่เบาบางผลก็จะเบาบาง เช่นเราทำทาน

ให้ทานไป=ได้รับผลทานมา

ยิ่งให้ไปมากเท่าไหร่ก็ได้รับมามากเท่านั้น มีทิศทางตรงข้าม คือ ให้ไปจึงได้มา

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่เป็นเหตุเป็นผล เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงเป็นศาสนาที่ได้รับการยอมรับจากนักวิทยาศาสตร์
ครั้งหนึ่ง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดนักฟิสิกส์โลกตลอดกาล http://203.158.100.1...cist/index3.htm
และได้รับการคัดเลือกเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 20 )
http://th.wikipedia....rg/wiki/อ



#99936 ---อนุโมทนากับทุกท่าน ในวันมหาปูชียาจารย์---

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 03 February 2008 - 09:45 PM ใน เว็บบอร์ด DMC


ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับ



#99926 สมโภชพระบรมธาตุเจดีย์วัดนก

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 03 February 2008 - 02:36 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ประทาน พระบรมสารีริกธาตุ ให้กับ วัดนก ซอยพณิชยการธนบุรี ถนนจรัญสนิทวงศ์ 13 แขวงคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ กทม.
พระบรมสารีริกธาตุ...คือ พระธาตุขององค์ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เกิดจากการถวาย พระเพลิงหลังที่พระองค์ดับขันธปรินิพพาน ซึ่ง ได้แตกย่อยออกเป็น 3 สัณฐานยกเว้นธาตุทั้ง 7 คือ พระนลาฏ (กระดูกหน้าผาก) 1 พระเขี้ยวแก้ว 4 พระรากขวัญ (กระดูกไหปลาร้า) 2...


....นอกนั้นกระจายไปทั่วสารทิศ ด้วยศรัทธาหากได้พระบรมสารีริกธาตุไปอุปัฏฐากบูชา จะได้ บุญกุศล สูงสุด...เป็น ปฐมเหตุ
...พระครูสุจิตตาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดนก ทายก อุบาสก อุบาสิกา จึงได้ร่วมกันสร้าง พระบรมธาตุเจดีย์ เพื่อ ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ....ไว้ให้ พุทธศาสนิกชนได้สักการะ เป็นการ จรรโลงสืบทอดพระพุทธศาสนาให้มั่นคงสืบไป...!!!

O O O
พระบรมธาตุเจดีย์...สร้างเป็น 3 ชั้น บนสุด คือยอดเป็นสถูปสำหรับประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ชั้นถัดลงมาเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ คือ พระกกุสันโธ พระโกนาคมโน พระกัสสโป พระพุทธโคดม และ พระศรีอริยเมตไตรย
.....กับ พระพุทธรูปประจำวันประสูติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (วันจันทร์)...
ส่วนชั้นล่างสุดเป็นห้องโถงโล่งมี องค์พระพุทธ โคดมศาสดา หน้าตักกว้าง 99 นิ้ว เป็นองค์ประธาน โดย ฐานมีพระอรหันต์ 108 รูปล้อมรอบ
ในช่วงคาบเวลาที่ทำการก่อสร้างนั้น ข่าวนี้ได้ กระจายไปทั่ว จึงได้รับแรง ศรัทธา พระบาลีธรรมะสิริวาสะเถโร สยามนิกาย นครอนุราชปุระ วัดศรีมหาโพธิ์ ประเทศศรีลังกา มอบ พระบรมสารีริกธาตุให้มา ประดิษฐาน ณ พระบรม ธาตุเจดีย์

O O O
แล้วจากนั้น ดร.พระ มหาธารทอง กิตฺติคุณโณ วัดไทยนาลันทา ประเทศอินเดีย พระครูบาแสงหล้า วัดพระธาตุสาย เมืองเชียงตุง ประเทศพม่า พระวิมะลานันทะมหาเถระ วัดราชกิยะพุทธวิหารลุมพินี ประเทศเนปาล และ สมเด็จพระอาญาธรรมะปะโชติ วัดหัวข่วง เมืองยอง ประเทศพม่า ...ต่างก็มอบพระบรมสารี ริกธาตุให้เพื่อจะได้นำมาร่วมในการประดิษฐาน
หลังจากสร้างพระบรมธาตุเจดีย์แล้วเสร็จ ในช่วง เตรียมการฉลองเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2550 พระอาจารย์วิจิต เจ้าอาวาสวัดธาตุหลวง เวียงจันทน์ ประธาน สาธารณรัฐประชา ธิปไตยประชาชนลาว (สังฆราชา) ได้มอบ พระบรมสารีริกธาตุให้ กับพระครูสุจิตตาภรณ์...
....พระบรมธาตุ เจดีย์วัดนก จึงเป็นที่ รวมพระบรมสารีริก-ธาตุ จาก 6 ประเทศ 7 วัด...!!!

O O O
คณะกรรมการได้ กำหนด การสมโภชพระบรมธาตุเจดีย์ วัดนก ในวันที่ 8 ถึง 12 กุมภาพันธ์ 2551 ณ บริเวณปริมณฑลวัดนก ซึ่งให้ มีกิจกรรมการประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพิธีกรรมต่างๆอันเป็น มงคลแก่ผู้ที่ศรัทธาเข้าร่วม
โดยเฉพาะองค์พระพุทธ โคดมศาสดา (หลวงพ่อโต) อันเป็นองค์พระประธาน ตรงฐาน ได้สร้างช่องสำหรับบรรจุแผ่นดวง โดยให้ผู้มีจิตเลื่อมใสเขียนดวงของตนเองหรือญาติมิตร แล้วนำบรรจุลงไปใต้ฐาน เป็นการฝากวิถีชีวิตไว้กับองค์ พระพุทธเจ้า...
...ซึ่ง เชื่อกันว่าเมื่อดวงอยู่กับพระพุทธองค์ แล้ว สิ่งเลวร้าย ศัตรูและภยันตภัย ทั้งหลายไม่สามารถกรายใกล้ทำลายได้...จะอยู่ดีมีโชค มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง
สำหรับพุทธศาสนิกชนที่ไม่สามารถมาเข้าร่วมพิธีได้นั้น สามารถส่งจดหมายขอแผ่นดวงชะตาได้ท่านละ 5 แผ่น เพื่อนำไปเขียนชื่อ-วัน-เดือน-ปีเกิด เมื่อเขียนเสร็จแล้วส่งกลับคืน ทางวัดจะนำไป บรรจุไว้ใต้ฐานพระประธานให้...เป็นการอำนวยบุญด้วยความสะดวก...!!!

O O O


นอกจากนี้ยังจะเสริมเพิ่มพลังความขลัง ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ จะจัด พิธีกรรมสวดนพเคราะห์ สืบชะตา โดย ครูบาน้อย เตชปญฺโญ แห่งวัดศรีดอนมูล อ.สารภี จ.เชียงใหม่ เป็นผู้ประกอบพิธีกรรม...
...พร้อมทั้งมี พระเกจิ อาจารย์จะเสกเป่าแผ่นดวงชะตาของสาธุชนทั้งหลาย โดยเฉพาะท่านที่มีอายุลงท้าย ด้วยเลขคี่ หรือผู้ที่เกิดปีมะเมีย (ม้า) ปีเถาะ (กระต่าย) และ ปีระกา (ไก่) ซึ่ง ปีเหล่านั้น ชงกับปีชวด ดวงชะตาจะมีอุปสรรคติดขัด....แต่สำหรับผู้ที่ไม่ตรงก็ถือว่าเป็นการเสริม ดวงชะตาให้ดียิ่งขึ้น...!!
การสืบชะตา คล้ายกับการสะเดาะเคราะห์ แต่มีขั้นตอนและพิธีกรรมที่ยากกว่า ใช้อุปกรณ์มากกว่า เป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ผู้เข้าทำพิธี ผู้สืบชะตาปีหนึ่งควรจะเข้าพิธีกรรมอย่างน้อยครั้งหนึ่ง เพื่อให้มีความเป็นอยู่อย่างมีความสุข
และ.....ส่งผลให้อายุมั่นขวัญยืน มีความเจริญ รุ่งเรืองและมีความสุข...หลายวัดจึงจัดพิธีสวดนพเคราะห์-สืบชะตาเสริม บารมีขึ้น จนถือ เป็นพิธี กรรมอย่างหนึ่งที่ผูกพันกับพุทธศาสนิกชน...
เชื่อกันว่า...จะได้ รับอานิสงส์หลายอย่าง มีโชคลาภ รํ่ารวย เจริญก้าวหน้าในธุรกิจ ได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง พบความสำเร็จสมหวัง มีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข...

O O O
การสวดนพเคราะห์ สืบชะตา...ถือว่าเป็นพิธีกรรมที่ศักดิ์สิทธิ์ จึงได้นำเข้ามาร่วมในการ บรรจุแผ่นดวงชะตาใต้ฐานองค์พระพุทธโคดมศาสดา และสมโภชพระบรมสารีริกธาตุ...เพื่อให้เป็นมงคลชีวิตแก่ผู้ศรัทธาเลื่อมใส...
เพื่อความไม่ประมาทในรอบปี การเริ่มต้นดี ชีวิตก็สำเร็จไปกว่าครึ่ง

ขออนุโมทนาสาระธรรมจาก http://www.thairath.....&content=77470



#99894 คำคมจาก ขงเบ้ง

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 02 February 2008 - 03:51 PM ใน บทความดี๊ดี ... จากสมาชิก

คำคมจาก ขงเบ้ง


ถ้าคุณคิดจะเป็นใหญ่ คุณก็จะได้เป็นใหญ

ถ้าคุณคิดอยากเป็นอะไร คุณก็จะได้เป็นสิ่งนั้น



เพราะแสวงหา มิใช่เพราะรอคอย

เพราะเชี่ยวชาญ มิใช่เพราะโอกาส

เพราะสามารถ มิใช่เพราะโชคช่วย

ดังนี้แล้ว "ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน"



นกทำรังให้ดูไม้ ข้าเลือกนายให้ดูน้ำใจ



ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด

ผู้ที่เล็กที่สุดก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด

ผู้ที่มีเกียรติ คือ ผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น



ถ้าสติไม่มา ปัญญาก็ไม่มี



ไม้คดใช้ทำขอ เหล็กงอใช้ทำเคียว แต่ คนคดเคี้ยวใช้ทำอะไรไม่ได้เลย



เล่นหมากรุก อย่าเอาแต่บุกอย่างเดียว

เดินหมากรุกยังต้องคิด เดินหมากชีวิต จะไม่คิดได้อย่างไร



เมื่อใครสักคนหนึ่งทำผิด ท่านอย่าเพิ่งตำหนิหรือต่อว่าเขา

เพราะถ้าท่านเป็นเขาและตกอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นเดียวกับเขา

ท่านอาจจะตัดสินใจทำเช่นเดียวกับเขาก็ได้



การบริหารคือการทำงานให้สำเร็จโดยอาศัยมือผู้อื่น

ผู้ปกครองระดับธรรมดา ใช้ความสารมารถของตนอย่างเต็มที่

ผู้ปกครองระดับกลาง ใช้กำลังของคนอื่นอย่างเต็มที่

ผู้ปกครองระดับสูง ใช้ปัญญาของคนอื่นอย่างเต็มที่



อ่านคนออก บอกคนได้ ใช้คนเป็น


เมื่อนักการฑูตพูดว่า "ใช่ หรือ อาจจะ" เขามีความหมายว่า "อาจจะ"

เมื่อนักการฑูตพูดว่า "อาจจะ" เขามีความหมายว่า "ไม่"

เมื่อนักการฑูตพูดว่า "ไม่" เขาไม่ใช่นักการฑูต

(เพราะนักการฑูตที่ดีจะไม่ปฏิเสธใคร)


เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า "ไม่" หล่อนมีความหมายว่า "อาจจะ"

เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า "อาจจะ" หล่อนมีความหมายว่า "ใช่ หรือ ได้"

เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า "ใช่ หรือ ได้" หล่อนไม่ใช่สุภาพสตรี

(เพราะสุภาพสตรีจะไม่ตอบรับใครง่ายๆ)


คิดทำการใหญ่ อย่าสนใจเรื่องเล็กน้อย


ตาสามารถมองเห็นสิ่งที่ไกลได้ แต่ไม่สามารถมองเห็นคิ้วของตน


คนส่วนใหญ่ใส่ใจกับผลได้ระยะสั้นเท่านั้น

แต่คนฉลาดอย่างแท้จริงจะมองไปยังอนาคต


ที่มา : http://www.watkongkeaw.com/page4.htm




#99891 เชิญร่วมทำบุญใส่บาตรพระกรรมฐาน ๑๕ รูปวันที่ ๒๔ ก.พ. ๕๑

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 02 February 2008 - 01:45 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

ขอเชิญทุกท่านร่วมทำบุญใส่บาตรพระกรรมฐาน 15 รูป
เนื่องในโอกาสทำบุญประจำปี เพื่อน้อมถวายแด่ครูบาอาจารย์:หลวงปู่จันทร์โสม กิตติกาโรและหลวงพ่อสีทน กมโล
ณ บ้านเลขที่ 1805/11 ซ.จรัญฯ 57 (ซ.วัดรวกบางบำหรุ) ถ.จรัญฯ บางพลัด กทม
วันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา 7.30 น

รายนามพระอริยสงฆ์ที่มาในงานมีดังนี้.................
หลวงตาพวง สุขินทริโย จ.ยโสธร (วัดศรีธรรมาราม)
หลวงปู่บุญมา คมฺภีรธมฺโม จ.สกลนคร(วัดป่าสีห์พนมประชาราม)
พระราชภาวนาพินิจ กทม (วัดพุทธบูชา)
พระครูประโชติปัญญาวุฒิ (ชำนาญ)จ.เลย (ศิษย์หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ)
หลวงตาสมหมาย อตฺตมโน จ.อุดรธานี(ศิษย์หลวงปู่บุญจันทร์ กมโล)
พระพิศาลศาสนกิจ(เยื้อน ขนฺติพโล)จ.สุรินทร์(ศิษย์หลวงปู่ดูลย์ อตุโล)
หลวงปู่สาย เขมธมฺโม จ.หนองบัวลำภู(ศิษย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
พระครูบริหารมงคลธรรม (ดำรงค์)จ.อุดรธานี (ศิษย์หลวงปู่จันทร์โสม กิตติกาโร)
หลวงปู่สิงห์ สุขวฑฺฒโน จ.อุบลราชธี(ศิษย์หลวงปู่พุธ ฐานิโย)
หลวงปู่จันทา ผาสุโก จ.หนองคาย(ศิษย์หลวงปู่ขาว อนาลโย)
พระครูกันตรัตนาภรณ์ (รัญจวน ) จ.จันทบุรี(ศิษย์หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย)
พระอาจารย์สำเร็จ ธมฺมกาโม จ.สกลนคร(ศิษย์หลวงปู่บุญจันทร์ กมโล)
พระอาจารย์ทองปาน จารุวณฺโณ จ.ศรีสะเกษ(ศิษย์หลวงปู่บุญจันทร์ กมโล)
พระอาจารย์ไชยา สิริธมฺโม จ.ลำปาง(ศิษย์หลวงปู่หลวง กตปุญฺโญ)
พระอาจารย์วิลัย เขมิโยจ.อุบลราชธานี(ศิษย์หลวงพ่อสีทน กมโล)
พระอาจารย์เข้มธมฺมธีโป จ.กาญจนบุรี (วัดป่าถ้ำใหญ่นเรศวร)
พร้อมคณะพระอุปัฏฐากหลวงปู่ ครูบาอาจารย์ ที่เมตตามาร่วมในงาน

กำหนดการ
เวลา 7.30 น - พระสงฆ์ออกบิณฑบาต เสร็จแล้วเจริญพระพุทธมนต์
ถวายภัตตาหาร และถวายสังฆทาน
เวลา 9.30 น - แสดงพระธรรมเทศนาโดยหลวงปู่บุญมา คมฺภีรธมฺโมและองค์อื่นๆ

หมายเหตุ - ติดต่อสอบถามได้ที่ผศ.ยุวดี ชาติไทย (ร.พ.ศิริราช) โทร 02-424-8120, 089-816-4343

ท่านสามารถนำรถไปจอดในบริเวณ วัดรวกบางบำหรุและร.ร.วัดรวก ได้อยู่ห่างบ้านงาน 50 เมตร( เจ้าภาพได้เตรียมชุดสังฆทานและผ้าไตรไว้แล้ว ขอเชิญร่วมอนุโมทนา ปัจจัยที่ทุกท่านร่วมทำบุญทั้งหมด จะถวายพระสงฆ์ทุกรูปที่มาในงาน)



สามารถร่วมทำบุญได้โดย โอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์
สาขาศิริราช เลขที่ 016-4-07801-8 ชื่อบัญชี กองทุนทำบุญถวายพระกรรมฐาน



#99890 ขอเชิญร่วมงานมหากุศลผูกพันธสีมาปิดทองฝังลูกนิมิต

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 02 February 2008 - 01:39 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

ขอเชิญร่วมงานมหากุศลผูกพันธสีมาปิดทองฝังลูกนิมิตปี พ.ศ. 2551 (เทศกาลตรุษจีน)

ตามสะดวกและกาละเทศะครับ ใครสะดวกที่ไหนขอเชิญที่นั่นครับ


1. วัดบัวแก้วศรัทธาธรรม ถ.นิมิตรใหม่ แขวงทรายกองดิน เขตคลองสามวา จ.กรุงเทพฯ
- วันที่ 2 -10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
- โทร. 0-2543-7878 , 0-2543-7887 , 0-2915-6282 , 081-922-7506.
2. วัดกระโจมทอง อยู่ระหว่าง ซ.จรัญสนิทวงศ์ 3 กับ จรัญสนิทวงศ์ 35 ถ.ราชพฤกษ์ แขวงบางพรหม
เขตตลิ่งชัน จ.กรุงเทพฯ
- วันที่ 3-11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
- โทร. 0-2410-8160 , 086-999-0889 , 081-924-1090.
3. วัดสำแล ต.ท่าบ้านกระแซง อ.เมือง จ.ปทุมธานี
- วันที่ 1-10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
- วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 เวลา 16.39 น. (พิธียกช่อฟ้าอุโบสถ)
- วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 เวลา 22.39 น. (พิธีตัดหวายลูกนิมิต เวลา 23.00 น. พิธีบวชนาคหมู่)
- โทร. 0-2581-5952 , 081-002-3367.
4. วัดไทร ต.ท่ากระชับ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
- วันที่ 6-17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
- โทร. (034)-230-354 (ชมเครื่องตั้งไม้ไผ่หนึ่งเดียวในโลก)
5. วัดหทัยนเรศวร์ ถ.ปิ่นเกล้า-นครชัยศรี กม.19 ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม
- วันที่ 5-16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
- โทร. 0-2889-4223 , 081-610-6673 แฟ็กซ์ 0-2441-0366.
6. วัดทุ่งกระพังโหม ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม (วัดอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
กำแพงแสน)
- วันที่ 3-14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
- โทร. 087-719-7218 , 089-837-7492.
7. วัดสิรินธรเทพรัตนาราม (ในพระบรมราชูปถัมภ์) ถ.เพชรเกษม ซ.ข้าง Big C อ้อมใหญ่ ต.อ้อมใหญ่
อ.สามพราน จ.นครปฐม
- วันที่ 7-17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
- โทร. 0-2810-9981 , 0-2810-1826.
8. วัดศรีสำราญ (ราษฎร์บำรุง) ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร
- วันที่ 8-17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
- โทร. 0-2420-1711-2.
9. วัดบ้านไร่เจริญผล ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร (ติด ถ.พระราม 2 ซ.ข้างวัดพันท้ายนรสิงห์)
- วันที่ 7-17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
- ตัดหวายลูกนิมิต วันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
- โทร. (034)-813-630.



#99813 บูชา' พระบรมสารีริกธาตุ' จากศรีลังกา มาที่วัดภาษี

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 31 January 2008 - 11:02 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

วัดภาษี เป็นวัดเก่าแก่อีกวัดหนึ่งของกรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่ที่ ซอยภาษี ๑ ถนนเอกมัย (สุขุมวิท ๖๓) แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. ทิศเหนือของวัดติดกับคลองแสนแสบ ส่วนทิศตะวันออกติดถนนที่เป็นจุดเริ่มต้นของทางด่วนสายเอกมัย-รามอินทรา

ที่ดินอันเป็นที่ตั้งของวัดภาษีในทุกวันนี้นั้น สมัยก่อนเป็นผืนนาของ กำนันเพชร ซึ่งท่านได้ตั้งด่านเก็บค่าหัวนา (ค่าผ่านทาง) จากพ่อค้าแม่ขายที่ขนสินค้าจากแถบมีนบุรี หนองจอก มาทางเรือโดยอาศัยคลองแสนแสบเป็นหลัก เพื่อนำสินค้าเข้าไปขายในเมืองบางกอก

เวลาผ่านไปนานปี กำนันเพชรก็เก็บค่าผ่านทางได้จำนวนมาก จึงรวบรวมเงินที่ได้มานั้นมาสร้างเป็นวัดขึ้น ในราวปี ๒๓๙๐ โดยให้ชื่อว่า "วัดภาษี" วัดนี้ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา (ฝังลูกนิมิต) ในปี ๒๓๙๑ นับถึงวันนี้จะมีอายุ ๑๖๐ ปี

สมัยก่อน บริเวณวัดภาษีแห่งนี้ถือว่าอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองกรุงเทพฯ มาก สภาพพื้นที่ในละแวกนี้ล้วนเป็นที่ดินของชาวมุสลิม ซึ่งประกอบอาชีพทำนาและเลี้ยงวัว

เมื่อหมดยุคกำนันเพชรแล้ว วัดภาษีซึ่งอยู่ท่ามกลางบ้านเรือนของชาวมุสลิมก็ขาดการดูแลรักษา สภาพวัดชำรุดทรุดโทรมมาก จนแทบจะกลายเป็นวัดร้าง
ในช่วงปลายสมัยการปกครองในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ทางราชการใช้พื้นที่ป่าช้าท้ายวัด (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของโรงเรียนวัดภาษี) เป็นแดนประหารชีวิตนักโทษฉกรรจ์ ด้วยการใช้ดาบตัดคอ จนมาถึงสมัยเปลี่ยนการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตย ทางราชการจึงได้ยกเลิกการประหารนักโทษด้วยการตัดคอ มาเป็นการใช้ปืนยิงเป้าแทน

นักโทษคนสุดท้ายที่ถูกประหารชีวิตด้วยการตัดคอ ณ ป่าช้าท้ายวัดภาษี ก็คือ น.ช.บุญเพ็ง หีบเหล็ก ผู้ก่อคดีสยองขวัญ เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๑ ด้วยการฆ่าคนแล้วหั่นศพเป็นท่อนๆ ยัดใส่หีบเหล็ก นำใส่รถเจ๊ก (รถลาก) ไปทิ้งลงน้ำ เพื่อเป็นการทำลายหลักฐาน แต่ก็ถูกตำรวจตามจับตัวจนได้ ฆาตกรโหดคนนี้จึงได้รับฉายาว่า "บุญเพ็ง หีบเหล็ก" เป็นข่าวโด่งดังในสมัยนั้นมาก
ต่อมาวัดได้ปั้นรูปจำลอง "บุญเพ็ง หีบเหล็ก" ไว้ในวัด เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้อนุชนคนรุ่นหลังได้ดูไว้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีงาม และจะได้ไม่เอาเป็นแบบอย่างต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในทุกวันนี้ วัดภาษี แปรสภาพเป็นวัดที่ตั้งอยู่กลางกรุงไปแล้วโดยปริยาย เมื่อความเจริญของบ้านเมืองได้แผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว จนทำให้ วัดภาษี มีความเจริญรุ่งเรืองไปด้วย

โดยมี พระครูอนุกูลพัฒนกากิจ เป็นเจ้าอาวาส ได้พัฒนาสร้างสรรค์บริเวณวัดไว้อย่างสวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อยในทุกด้าน มีเสนาสนะต่างๆ อย่างครบถ้วน และยังสนับสนุนทางการศึกษาแก่เยาวชนในละแวกวัด ผ่านโรงเรียนวัดภาษีของกรุงเทพมหานคร

วัดภาษี จึงเป็นที่พึ่งพาอาศัยของพุทธศาสนิกชนในละแวกนี้มาช้านาน และเป็นที่รู้จักของชาวกรุงเทพฯ โดยทั่วไป โดยมีกิจกรรมหลายอย่างที่จัดขึ้นเพื่อชุมชน เช่น เปิดสอนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ เป็นสถานที่ศึกษาของ ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน เป็นสถานที่สวดมนต์และปฏิบัติธรรมวันอาทิตย์ ตลอดจนการเทศนาธรรมวันธรรมสวนะ นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่บริการศูนย์สัพพะมงคลต่างๆ พร้อมทั้งเปิดรับบริจาคปัจจัยเพื่อโครงการไถ่ชีวิตโค-กระบือ และการทำบุญตามวาระต่างๆ ฯลฯ

พระครูอนุกูลพัฒนากิจ กล่าวด้วยว่า ในขณะนี้ทางวัดภาษีได้อัญเชิญ พระบรมสารีริกธาตุ ของ พระพุทธเจ้า และพระอรหันตธาตุของ พระโมคคัลลานะ และ พระสารีบุตร จากประเทศศรีลังกา มาประดิษฐานไว้ที่วัด เพื่อให้พุทธศาสนิกชนชาวไทยได้กราบไหว้สักการบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ทุกวัน ตั้งแต่เวลา ๐๗.๐๐-๑๙.๐๐ น. จนถึงวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ นี้

นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้ทุกคนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุครอบศีรษะได้ด้วยตนเอง (เฉพาะเวลา ๑๙.๐๐ น.) พร้อมกับกราบไหว้ขอพรจากพระคุณเจ้า Pusselle Ariyawansa ที่ได้เดินทางมาจากประเทศศรีลังกา พร้อมกับพระบรมสารีริกธาตุในครั้งนี้ด้วย


ศรัทธาสนใจสอบถามได้ที่ วัดภาษี โทร.๐๘-๖๕๖๐-๐๕๗๒, ๐-๒๗๑๑-๔๐๐๒
0 แล่ม จันท์พิศาโล 0



ที่มา:
คมชัดลึก http://www.phrathai.net/node/480



#99723 คนเราเลือกเกิดไม่ได้ คำนี้ไม่มีในพจนานุกรมของนักสร้างบารมี

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 30 January 2008 - 10:33 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

สาธุครับ



#99402 คำอธิษฐานผิด...คำอธิษฐานถูก

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 27 January 2008 - 01:08 PM ใน เว็บบอร์ด DMC


สาธุครับ



#99401 เราควรทำดีตลอดเวลาเพราะอะไรจ๊ะ+++++++

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 27 January 2008 - 01:02 PM ใน เว็บบอร์ด DMC


สาธุครับ



#99399 ผลกรรมของผู้ที่นับถือศาสนาอื่น เหมือนผลกรรมของชาวพุทธหรือไม่

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 27 January 2008 - 12:40 PM ใน เว็บบอร์ด DMC


สาธุครับ



#99398 ทำไมคนมีธรรมะ ศึกษาธรรมะ

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 27 January 2008 - 11:52 AM ใน เว็บบอร์ด DMC

ครับผม ถือว่าเป็นการถกปัญหาธรรมะกันนะครับ ขออนุโมทนากับทุกท่านครับ



#99294 ชมรมรักษ์พระธาตุ แจกพระธาตุ

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 25 January 2008 - 11:47 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

ทางชมรมรักษ์พระบรมธาตุแห่งประเทศไทยมีความยินดีมอบพระบรมสารีริกธาตุให้กับวัด หน่วยงานต่างๆ ภิกษุ สามเณร ชีพราหมณ์ สมาชิก และ พุทธศาสนิกชนทุกท่านที่มีความเลื่อมใสศรัทธาในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อเจริญศรัทธาให้เกิดความเลื่อมใสในพระรัตนตรัยมากยิ่งขึ้น
โดยนำ เจดีย์ ผอบ หรือ ภาชนะที่เหมาะสมในการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมดอกไม้ หรือ พวงมาลัยเพื่อสักการบูชาองค์ธาตุ ณ ห้องชมรมรักษ์พระบรมธาตุครับ และ หากมีความประสงค์นำไปประดิษฐาน ณ วัด หรือ หน่วยงานต่างๆ กรุณานำเอกสารจดหมายจากทางวัด หรือ หน่วยงานต่างๆ เพื่อให้ทางชมรมฯเก็บไว้เป็นหลักฐาน พร้อมให้สมาชิกชมรมได้ร่วมโมทนาบุญ

หมายเหตุ กรุณาติดต่อก่อนเดินทางมาชมรมฯ เนื่องด้วยหากทางชมรมฯไปจัดนิทรรศการนอกสถานที่จะได้ไม่เสียโอกาส และ เมื่อเดินทางมาถึงอาคารแล้ว สามารถติดต่อเข้าชมได้ที่ชั้น ๒ ของอาคารปังเจมส์ หากไม่พบหรือรอนานกรุณาโทรติอต่ออีกครั้งหนึ่งครับ


ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :

๑. คุณปราโมช ประสพสุขโชคมณี โทร.๐๘๑-๙๑๔๕๘๙๑

๒. คุณคมิก สุวรรณกูฏ โทร.๐๘๕-๑๓๕๐๓๕๖

๓. คุณสุวรรณ เสมอภักดิ์ โทร ๐๘๑-๔๒๗๐๑๓๐

๔. คุณมณียา ณ อุบล โทร.๐๘๓-๙๑๘๒๘๒๐

๕. คุณบุญเจริญ ศิริคำ โทร. ๐๘๑-๑๒๒๓๗๓๐

๖. คุณพีรพัฎ อมรสู่สวัสดิ์ โทร.๐๘๔-๐๙๒๘๘๐๑

๗. คุณสุทธิเกียรติ อมรสู่สวัสดิ์ โทร.๐๘๓-๗๘๗๔๔๕๖


ที่มา
http://www.rakpratat.com/



#99292 หลวงปู่ทวดหยุดขบวนรถไฟครั้งสมครามโลกครั้งที่ 2

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 25 January 2008 - 11:24 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

หลวงปู่ทวดหยุดขบวนรถไฟครั้งสมครามโลกครั้งที่ 2

สำหรับเรื่องราวของ เขื่อนท่านช้างให้ ซึ่งเดิมมีเพลงเสาไม้เเก่นปักหมายไว้ ต่อมาเมื่ออาจารยืทิมเข้ามาเป็นเจ้าอาวาสองค์ที่ 4 จีงได้จัดการบูรณะก่ออิฐถือปูนห่อหุ้มเสาไม้เเก่นของเดิมไว้ถายใน ชาวบ้านจึงเรียกว่า สถูปศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อทวด

นับได้ว่า เขื่อนท่านช้างให้ มีอายุยืนนานกว่า 300ปี เเละถือเป็นสถานที่บรรนุอะฐิของหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด สมภารองค์เเรกของวัดช้างให้ที่มีเรื่องเล่าขานมากมาย

มีการบันทึกไว้ว่าสถูปศักดิ์สิทธ์ซึ่งบรรจุอัฐิหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดสมภารองค์เเรกของวัดช้างให้ ตั้งอยู่ใหล้กับทางรถไฟสายใต้ที่วิ่งระหว่างหาดใหญ่-สุไหงโก-ลก ใกล้ชิดที่สุดระหว่างสถานีนาประดู่กับสถานีป่าไร่ เดิมเป็นข่าวเล่าลืมในความศักดิ์สิืธิ์ในหมูบ้านใกล้เคียงทั่วๆกัน ใครมีเรื่องป่วยไข้ได้ทุกข์ใดๆก้พากันมาสักการะบ๔ชาจอให้ท่านช่วยดลบันดาลขจัดปัดเป่าสิ่งร้ายนั้นก็สำเร็จสมความประสงค์

อีกเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่พระครูวิสัยโสภณหรืออาจารย์ทิม ธมมธโร ฝันว่าได้พบหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดเเเล้ว วันหนึ่งนึกสนุกจึงเก็บเอาก้นเทียนที่ตกอยู่ริมเขื่อนหรือสถูปมาคลึงเป็นลูกอมเเล้วเเจกจ่ายให้เเก่เด็กวัดไปโดยไม่มีความหมายอะไร
เเต่ต่อมาปรากฎเป็นที่อัศจรรย์เเก่ท่านว่า เมื่อเด็กได้ลูกอกก้นเทียนไปจากท่านเเล้วได้ใช้บูกอกขี้ฝึ้งนี้อมไว้ในปากเเล้วลองฟันกันด้วยมีดเเละพร้ามีคม เเต่เเทงฟันกันไมเข้า เลย จึงเรียกเด็กมาประชุมสั่งสอนเเละห้ามการทดลองกันต่อไป

อย่างไรก็ตาม มีเหตุการณ์สำคัญหนึ่งที่ยังถูกกล่าวขวัญกันอยู่เสมดเกี่ยวกันคว่ามศักดิ์สิทธ์ของสถูปบรรจุอัฐิหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด นั่นก็คือการเเสดงอภินิหารหยุดขบวนรถไฟของทหารญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
ทั้งนี้มีการบันทุกไว้โดยนายอนันต์ คณานุรักษ์ ว่าหลวงพ่อหยียบน้ำทะเลจืดโกรธทหารญี่ปุ่นสมันสงครามโลกครั้งที่ 2ครั้งนั้น ทางการทหารญี่ปุ่นได้เอารถไฟสายใต้ของไทยทั้งขบวนไปใช้ทำการขนส่งสัมภาระเข้ากลันตันโจมตีสิงค์โปร์ รถไฟขบวนนี้ต้องเเล่นผ่านหน้าวัดช้างให้ไปตามรางอันอยู่ใกล้ชิดกับเขื่อน หรือ สถูป อยู่ทุกๆวัน

ต่อมาวันหนึ่งในเดือนมกราคม 2585 เวลาประมาณ 15.00 นาฬิกา รถไฟขบวนนี้เเล่นกลับมาจากสุไหงโก-ลกถึงหน้าวัด หัวรถจักรเคียงขนานตรงกับสถูปพอดี ทันทีนั้นเหตุการณือัศจรรย์ที่ยังไม่มีใครพบเห็นก็ปรากฎขึ้น คือรถไฟขบวนนั้นติดตรึงอยู่กันที่จะเคลื่อนต่อไปอีกไม่ได้เครื่องตถจักรยังคงเดินตามปกติ ล้อเหล็กกำลังหมุนอยู่บนรางเหล็กในที่เดิม จีงเกิดความร้อนมาก มีประกายไฟเเดงพราวไปทั้งสองข้างขบวนรถนั้นอยู่สักครู่ พนักงานหัวรถจักรเเละทหารญี่ปุ่นก็จนปัญญา ไม่สามารถจะเเก้ไขนำขบวนรถเคลื่อนที่เเล่นไปได้ จังให้รถจักรถอยหลังไปประมาณ 1 กิโลเมตร เเล้วเร่งผีจักรเต็มที่เเล่นมาใหม่อีก เเต่พอหัวรถจักรเคียงขนานกับสถูปในที่เดิมก็เคลื่อนที่ต่อไปไม่ได้อีกรถไฟขบวนนี้จึงทดลองเเล่นมาเเละถอยหลังกลับอยู่ตั้งเเต่ 15.00 นาฬิกา จนกระทั่งใกล้จะค่ำก็ผ่านไปไม่ได้ ประชาชนชาวบ้านใกล้เคียงชวนกันมายืนดูความัศจรรย์ครั้งนี้อย่างล้นหลาม

ฝ่ายท่รานอาจสียงเครื่องจักรรถไฟดังสั่นสะเทือนไปมาอยู่หน้าวัด เเต่ธุระไม่ใช่ท่านจึงไม่ได้สนใจออกจากกุฎิมาดูอย่างผู้อื่น เเต่เมื่อเวลาใกล้จะค่ำอยู่เเล้วรถไฟขบวนนี้ก็ยังคงวิ่งไปมาอยู่ที่เดิมท่านนึกสงสัยจึงคิดว่าทหารญี่ปุ่นมาทำอะไรอยู่หน้าวัด นจึงลงจากกุฎิไปดูกับเขาบ้างเมื่อปรากฎเเก่สายตาของท่านว่าหัวรถจักรติดอยู่เพียงสถูปทุกๆ ครั้งที่ขณะกลับไปมา ท่านจึงนึกว่น่าจะเป็นอภินิหารของท่านหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดเล่นงานขบวนรถไฟนี้เสียเเล้ว ท่านอราจารย์จีงเดินเข้าสถูปเเล้วนึกในใจว่า ถ้าหากหลวงพ่อทวดลงโทษยึดขบวนรถไฟนี้เเล้วก็ขอให้ยกโทษ ปล่อยให้เขาไปทำงานตามหน้าที่ของเขาเถิด เขาเป็นพวกนอกศาสนาไม่รู้จักอะไร อย่าถือโทษเขาเลยเเละทันทีนั้นรถไฟก็ค่อย เคลื่อนจากที่เดิมวิ่งไปได้เป็นปกติ เเละในคืนวันนั้นท่านอาจารย์นอนพอเคลิ้มใกล้จะหลับ ก็ได้ยินเสียงพูดที่ช้างหูเป็นเสียงคนเเก่พูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า
--อ้ายญี่ปุ่นมาดูถูกพวกเรา(ชาติไทย) มันข่มเหงเอารถไฟเราไปใช้ดีเเต่มีลูกๆอยู่บนรถสองตัว มิฉะนั้นกูจะผลักให้ตกจากรางกูไม่ยอมให้มันเอาไปใช้เป็นอันขาด

ท่านอาจารย์ทิมไม่ทราบว่าอะไรที่ท่านหลวงพ่อทวดเรียกว่าลูก 2 ตัวอยู่บนรถ ต่อมาประมาณ 7-8 วัด ได้มีชายสองคนมาหาท่านที่วัดเเละขอถวายตัวเป็นศิษย์ เเละเล่าให้ท่านอาจารย์ทิมฟังว่า เขาสองคนเป็นพนักงานหัวรถจักรเเละวันที่ขบวนรถไฟติดอยู่หน้าวัดนั้นเขาสองคนเป็ฯคนไทยอยู่บนรถขบวนนั้น นอกจากนั้นเป็นทหารญี่ปุ่นทั้งหมด จึงได้ทราบว่าลูกสองตัวก็คือคนไทยสองคนนี่เอง


ครั้งที่ 2 ต่อจากขบวนรถไฟญี่ปุ่นถูกหลวงพ่อทวด ยึดครั้งทีประมาณเดือนเศษวันหนั่งเวลาเข้ามีพวกเด็กๆ เล่นอยู่หน้าวัดเเละใกล้ๆ กับสถูปนั้นได้พูดเล่ากันถึงหลวงพ่อทวด ยึดขบวนรถไฟคราวเเรกมีเด็กคนหนึ่งพูดท้ากันว่าวันนนี้หลวงทวด ยึดรถไฟหรือไม่ยึด อีกฝ่ายหนึ่งว่าไม่ยึดอีกฝ่ายที่ว่ายึดก็ได้เก็บเอาก้นเทียนเเละธูปที่เหลืออยู่หน้าสถูปจุดไฟขึ้นมาเเละอาราธนาขอให้หลวงพ่อทวดยึดขบวนรถไฟซึ่งกำลังวิ่งมาวันนั้นเวลาเช้ามีขบวนรถไฟเช้าระหว่างยะลา-หาดใหญ่ พอหัวรถจักรเคียงขนานกับสถูปดิ์สิทธิ์ก็หยุดนิ่งอยู่จะเคลื่อนที่ต่อไปก็ไม่ได้อย่างครั้งเเรก รถทั้งยบวนติดอยู่ประมาณ30นาที จึงเคลื่อนที่ไปได้ตามปกติ

ครั้งที่ 3 มีพระอธิการิ้ม หลวงพ่อเเดง พระถิกษุกาว สำนักวัดเเป้น อำเภอสายบุรีจังหวัดปัตตานีได้พากันไปวัดช้างให้ เมื่อวันที่ 2ตุลาคม 2495 เเละพักอยู่ที่วัดหนึ่งคืนรุ่งขึ้นวันที่ 3 เวลาประมาณ 19 นาฬิกา พระภิกษุทั้ง 3 รูป ได้มาขอพบข้าพเจ้าที่บ้านเเล้วเล่าให้ฟังว่าหลวงพ่อเเดงนั้นเคยทราบจากข้าพเจ้าว่าหลวงพ่อทวดวัดช้างให้ได้กระทำการยึดรถไฟมาเเล้วถึง 2ครั้ง เหตุนี้พอตอนเข้าหลวงพ่อเเดง จึงเดินออกไปยืนอยู่ข้างสถูป รอรถไฟเช้า ยะลา-หาดใหญ่ เเล้วกล่าวคำปรารภขึ้นว่า
เขาลือกันมานักว่าหลวงพ่อทวดมีอภินิหาร ศักดิ์สิทธ์มาก เคยยึดขบวนรถไฟมาเเล้วถึง 2 ครั้ง ลูกหลานมากจากที่ไกลใคร่จะขอชมสักครั้ง
ชั่วครู่ชบวนรถไฟเมื่อมาถึงหน้าวัดเเล้วก็ต้องหยุดนิ่งอยู่กัยที่เฉยๆ จะทำอย่างไรก็ไม่สามารถเคลื่อนที่ไปได้ เเต่ล้อรถจักรก็คงหมุนรอบๆอยู่บนรนางอย่างคราวก่อนๆ เเสดงให้เห็นว่าน่าจะมีอะไรยึดอยู่ข้างหลังขบวนรถ
หลวงพ่อเเดงว่าท่านเห็นเป็นที่ประจักษ์เเละตื่นเต้นจนขนลุก จีงกล่างขึ้นว่า ลูกหลานได้ชมเเล้วขอให้ปล่อยเถิด
ขบวนรถไฟจัได้เคลื่อนไปเป็นปกติ ครั้งนี้รถไฟติดอยู่กับที่ประมาณ 8-9นาที

นี่ก็คืออิทธิปาฎิหารย์อันเกี่ยวพันกับ มรณสถาน เเละ ชาปณสถาน ของ เขื่อนท่านช้างให้ ซึ่งยังคงดำรงไว้ซึ่งความศรัทธาของเหล่าศาสนิกชนโดยทั่วไปในทุกวันนี้



#99291 'ตรรก' ของไอสไตน์

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 25 January 2008 - 11:17 PM ใน บทความดี๊ดี ... จากสมาชิก


ในห้องเรียนวันหนึ่ง ไอสไตน์ถามนักเรียนว่า

' มีคนซ่อมปล่องไฟสองคน กําลังซ่อมปล่องไฟเก่า
พอพวกเขาออกมาจากปล่องไฟ ปรากฏว่า คนหนึ่ง
ตัวสะอาด อีกคนตัวเลอะเทอะ เต็มไปด้วยเขม่า
ขอถามหน่อยว่า คนไหนจะไปอาบน้ำก่อน '

นักเรียนคนหนึ่งตอบว่า
' ก็ต้องคนที่ตัวสกปรกเลอะเขม่าควันสิครับ '

ไอสไตน์ พูดว่า

' งั้นเหรอ คุณลองคิดดูให้ดีนะคนที่ตัวสะอาด เห็นอีกคนที่ตัวสกปรกเต็มไปด้วยเขม่าควันเขาก็ต้องคิดว่าตัวเองออกมาจากปล่องไฟเก่าเหมือนกัน ตัวเขาเองก็ต้องสกปรกเหมือนกันแน่ๆเลย ส่วนอีกคน เห็นฝ่ายตรงข้ามตัวสะอาด ก็ต้องคิดว่า ตัวเองก็สะอาดเหมือนกัน ตอนนี้ ผมขอถามพวกคุณอีกครั้งว่า ใครที่จะไปอาบน้ำก่อนกันแน่ '

นักเรียนคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นว่า

' อ้อ ! ผมรู้แล้ว พอคนตัวสะอาดเห็นอีกคนสกปรก ก็นึกว่าตัวเองต้องสกปรกแน่ แต่คนที่ตัวสกปรก เห็นอีกคนสะอาด ก็นึกว่าตัวเองไม่สกปรกเลย ดังนั้นคนที่ตัวสะอาดต้องวิ่งไปอาบน้ำก่อนแน่เลย ..... ถูกไหมครับ....'

ไอสไตน์มองไปที่นักเรียนทุกคน นักเรียนทุกคน ต่างเห็นด้วยกับคําตอบนี้
ไอสไตน์ ค่อยๆ พูดขึ้นอย่างมีหลักการและเหตุผล

' คําตอบนี้ก็ผิด ทั้งสองคนออกมาจากปล่องไฟเก่าเหมือนกัน จะเป็นไปได้ไงที่คนหนึ่งสะอาด อีกคนหนึ่งจะสกปรก นี่แหละที่เขาเรียกว่า 'ตรรก' เมื่อความคิดของคนเราถูกชักนําจนสะดุด ก็จะไม่สามารถแยกแยะและหาเหตุผล แห่งเรื่องราวที่แท้จริงออกมาได้ นั่นคือ 'ตรรก'

จะหาตรรกได้ก็ต้อง กระโดดออกมาจาก 'พันธนาการของความเคยชิน'
หลบเลี่ยงจาก 'กับดักทางความคิด'

หลีกหนีจาก ' สิ่งที่ทําให้หลงทางจากความรู้จริง '

ขจัด ' ทิฐิแห่งกมลสันดาน '

จะหา ตรรก ได้ก็ต่อเมื่อ คุณสลัดหมากทั้งหมด ที่คนเขาจัดฉาก วางล่อคุณไว้ …



#99290 มีข่าวเกี่ยวกับงานพระบรมสารีริกธาตุครับ

โพสต์เมื่อ โดย usr20351 บน 25 January 2008 - 10:57 PM ใน เว็บบอร์ด DMC


ทาง อ.วรธนัท อัศกุลโกวิท ที่เป็นเจ้าของพระธาตุที่ไปจัดในงานที่เมืองทองธานี ได้จัดงานบูชาพระบรมสารีริกธาตุขึ้นอีกครั้ง ที่เมืองโบราณ จ.สมุทรปราการครับโดยงานจัดในวันที่ 17 มกราคม 2551 ไปจนถึง วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2551 งานนี้จัดภายในเมืองโบราณภายใต้บรรยากาศแบบ เมืองโบราณ ครับ

หากเป็นไปได้ก็ขอเชิญพวกเราไปกราบนมัสการพระบรมสารีริกธาตุกันครับ เพื่อเป็นมงคลในชีวิตครับ หากใครที่จิตดี ก็ไปรับกระแสธรรม กระแสบุญจากพระบรมสารีริกธาตุได้ครับ

น่าที่จะคนน้อยกว่าที่เมืองทองธานี และจะดีมากหากไปกันในวันธรรมดาครับ จะได้ใช้เวลาและได้ความสงบสูงกว่าครับ