หลวงพ่อ ตอบปัญหา
เริ่มโดย Dd2683, Nov 29 2007 11:30 PM
มี 3 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 29 November 2007 - 11:30 PM
หลวงพ่อครับ ทำไมคุณแม่ในยุคนี้ เวลาตั้งครรภ์ถึงมองไม่เห็นลูกตัวเองในท้องเหมือนอย่างพระพุทธมารดาบ้าง ?
#2
โพสต์เมื่อ 30 November 2007 - 12:24 AM
พวกเราในยุคนี้ เวลาคุณแม่ตั้งครรภ์อาจจะเห็นลูกได้ด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์
คือ ใช้อัลตร้าซาวนด์ ( ultra sound ) ใช้เอ็กซเรย์ ใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ
เพื่อสามารถเห็นลูกตัวเองที่อยู่ในท้อง
แต่อีกลูกในท้องที่พ่อแม่ในยุคนี้เห็น
ก็คือลูกของชาวโลกทั้งหลายนอนขดอยู่ในท้องแม่
แต่ว่าพระโพธิสัตว์ขณะทรงอยู่ในครรภ์มารดาไม่ได้นอนขดอย่างลูกคนทั้งหลาย
พระองค์ท่านทรงประทับนั่งทำสมาธิอยู่ในครรภ์ของพระพุทธมารดา
ตรงนี้เป็นสิ่งที่อยากจะฝากไว้ให้เป็นข้อคิดกับพวกเราว่า
ยิ่งไปกว่านั้น ในพระไตรปิฎกได้บันทึกเอาไว้ชัดว่า
ตั้งแต่พระพุทธมารดาทรงมีครรภ์แล้ว ยังทรงมีโชคมีลาภตลอดเวลา
คือไม่ว่าใครก็ตาม ทั้งพระญาติ กษัตริย์แว่นแคว้นต่างๆ ที่ทราบข่าวนี้
ก็ส่งเครื่องราชบรรณาการมาให้ เป็นการอวยพรให้ทั้งแม่ทั้งลูกที่อยู่ในครรภ์เป็นสุข
อย่าได้มีทุกข์มารบกวน เกิดความดีอกดีใจกันทั้งบ้านทั้งเมืองไปทั่วราชอาณาเขต
ตรงนี้ ขอฝากไว้กับคุณแม่ทั้งหลายให้ลองนึกย้อนไปดูว่า
เมื่อตัวเองตั้งครรภ์อาการมันอย่างไร ?
แล้วเอามาเทียบเคียงดูจะได้รู้ว่า บุญของเรามันหย่อนไปขนาดไหน ?
เมื่อเราตั้งครรภ์ลูกของเรา มีความอึดอัดขัดข้องขนาดไหน ?
แต่พระพุทธมารดาไม่ได้เป็น แล้วยังทรงมีโชค มีลาภ
ใครทราบข่าวเข้าก็มีเครื่องบรรณาการ ข้าวปลาอาหารที่ดีๆ มียาบำรุงครรภ์ที่ดี
ส่งมาถวายเป็นเครื่องบรรณาการ
สิ่งเหล่านี้มันก็สะท้อนถึงบุญบารมีของพระโพธิสัตว์ว่า
คือ ใช้อัลตร้าซาวนด์ ( ultra sound ) ใช้เอ็กซเรย์ ใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ
เพื่อสามารถเห็นลูกตัวเองที่อยู่ในท้อง
แต่อีกลูกในท้องที่พ่อแม่ในยุคนี้เห็น
ก็คือลูกของชาวโลกทั้งหลายนอนขดอยู่ในท้องแม่
แต่ว่าพระโพธิสัตว์ขณะทรงอยู่ในครรภ์มารดาไม่ได้นอนขดอย่างลูกคนทั้งหลาย
พระองค์ท่านทรงประทับนั่งทำสมาธิอยู่ในครรภ์ของพระพุทธมารดา
ตรงนี้เป็นสิ่งที่อยากจะฝากไว้ให้เป็นข้อคิดกับพวกเราว่า
QUOTE
ผู้ที่สั่งสมบุญบารมีมามากๆ เมื่อบุญบารมีของท่านแก่กล้า
บุญบารมีนั้นจะส่งผลให้ท่าน แม้แต่อยู่ในครรภ์ก็อยู่ในท่าที่สงบ เรียบร้อย
มีสติสัมปชัญญะพร้อมบริบูรณ์ทีเดียว
แล้วจากบุญบารมีที่ตัวเองมีอยู่ก็ส่งผลไปถึงแม่
ถ้าแม่จะเกิดอาการแพ้ท้อง ก็แพ้ท้องเป็นบุญเป็นกุศล
คืออยากจะรักษาศีล นั่งสมาธิตามลูกไปด้วย
เมื่อคนมีบุญไปเกิดในท้องใคร
พ่อแม่แทนที่จะลำบาก เป็นทุกข์ ก็กลับเป็นสุขขึ้นมา
บุญบารมีนั้นจะส่งผลให้ท่าน แม้แต่อยู่ในครรภ์ก็อยู่ในท่าที่สงบ เรียบร้อย
มีสติสัมปชัญญะพร้อมบริบูรณ์ทีเดียว
แล้วจากบุญบารมีที่ตัวเองมีอยู่ก็ส่งผลไปถึงแม่
ถ้าแม่จะเกิดอาการแพ้ท้อง ก็แพ้ท้องเป็นบุญเป็นกุศล
คืออยากจะรักษาศีล นั่งสมาธิตามลูกไปด้วย
เมื่อคนมีบุญไปเกิดในท้องใคร
พ่อแม่แทนที่จะลำบาก เป็นทุกข์ ก็กลับเป็นสุขขึ้นมา
ยิ่งไปกว่านั้น ในพระไตรปิฎกได้บันทึกเอาไว้ชัดว่า
ตั้งแต่พระพุทธมารดาทรงมีครรภ์แล้ว ยังทรงมีโชคมีลาภตลอดเวลา
คือไม่ว่าใครก็ตาม ทั้งพระญาติ กษัตริย์แว่นแคว้นต่างๆ ที่ทราบข่าวนี้
ก็ส่งเครื่องราชบรรณาการมาให้ เป็นการอวยพรให้ทั้งแม่ทั้งลูกที่อยู่ในครรภ์เป็นสุข
อย่าได้มีทุกข์มารบกวน เกิดความดีอกดีใจกันทั้งบ้านทั้งเมืองไปทั่วราชอาณาเขต
ตรงนี้ ขอฝากไว้กับคุณแม่ทั้งหลายให้ลองนึกย้อนไปดูว่า
เมื่อตัวเองตั้งครรภ์อาการมันอย่างไร ?
แล้วเอามาเทียบเคียงดูจะได้รู้ว่า บุญของเรามันหย่อนไปขนาดไหน ?
เมื่อเราตั้งครรภ์ลูกของเรา มีความอึดอัดขัดข้องขนาดไหน ?
แต่พระพุทธมารดาไม่ได้เป็น แล้วยังทรงมีโชค มีลาภ
ใครทราบข่าวเข้าก็มีเครื่องบรรณาการ ข้าวปลาอาหารที่ดีๆ มียาบำรุงครรภ์ที่ดี
ส่งมาถวายเป็นเครื่องบรรณาการ
สิ่งเหล่านี้มันก็สะท้อนถึงบุญบารมีของพระโพธิสัตว์ว่า
การที่พระองค์บำเพ็ญทานมาอย่างดี
แม้อยู่ในครรภ์ก็มีผลดลอกดลใจให้ชาวโลกทั้งหลายอยากจะถวายสิ่งที่ดีงามเป็นมงคลทั้งหลาย
ให้กับพระพุทธมารดาเป็นเงาตามตัวไปอีกด้วย
แม้อยู่ในครรภ์ก็มีผลดลอกดลใจให้ชาวโลกทั้งหลายอยากจะถวายสิ่งที่ดีงามเป็นมงคลทั้งหลาย
ให้กับพระพุทธมารดาเป็นเงาตามตัวไปอีกด้วย
#3
โพสต์เมื่อ 30 November 2007 - 02:40 AM
ลองนึกดูว่าพวกเราหลายคน ในขณะที่ตั้งครรภ์ลูก
ภาวะเศรษฐกิจก็กลับมาเบียดเบียนเพราะว่า
ธรรมดาสามีภรรยาทำมาหากินกัน ๒ คน ก็กินกัน ๒ ปาก
ครั้นพอตั้งครรภ์ ยิ่งครรภ์แก่เข้าเท่าไหร่กลายเป็นว่าพ่อทำคนเดียว
แต่ต้องกิน ๒ ปาก ๒ ท้อง ก็เดือดร้อนแล้ว
แต่ว่าสำหรับพระโพธิสัตว์ พุทธมารดาทรงตั้งครรภ์เข้ากลับมีโชคมีลาภไม่เดือดร้อนเลย
นี้ก็ฝากเป็นข้อคิดเอาไว้
ยิ่งกว่านั้น ในพระไตรปิฎกได้บันทึกเอาไว้ชัดอีกว่า
พระโพธิสัตว์อยู่ในครรภ์ ๑๐ เดือนพอดี ไม่ขาดไม่เกิน
พวกเราที่นั่งกันอยู่ที่นี่ที่จะอยู่ในท้องแม่ครบทั้ง ๑๐ เดือน
ถ้าจะยาก ส่วนมากเดี๋ยวนี้ก็ ๙ เดือน
ยิ่งลูกบางคนต้องประสบเคราะห์กรรมตั้งแต่อยู่ในท้อง
เพราะเคยสร้างเวรเอาไว้ แรงกรรมไปดลอกดลใจให้แม่ไปหาโหราจารย์
โหราจารย์ก็ทำนายว่าต้องเกิดวันนั้นๆ จึงจะดี
แต่ว่ามันยังไม่ถึงกำหนดคลอด แม่ก็ให้หมอผ่าท้องออกมาเสียเลย ลูกก็ทำท่าจะพิการ
แม่ก็เจ็บถูกผ่าท้องฟรี เวรอะไรก็ไม่รู้ทำให้ผู้ที่ไม่ได้รักษาศีล
ไม่ได้ทำบุญทำทานมาอย่างดี
พอมีลูกมีเต้าอยู่ในครรภ์เท่านั้น ก็เดือดร้อนกันทั้งแม่ทั้งลูกอย่างนี้
ขณะที่ผู้ที่สร้างบุญบารมีมาดีขณะยังอยู่ในครรภ์
ทั้งแม่ทั้งลูกก็สุขสบายกันหมด
จิตใจก็คิดแต่สิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศลทั้งหมด
นี้เป็นการสะท้อนให้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราว่า
แม้ทรงอยู่ในพระครรภ์ บุญบารมีที่พระองค์ทรงสั่งสมเอาไว้ ทรงแสดงฤทธิ์ออกมาอย่างนี้
ทั้งแม่ทั้งลูกก็สุขสบายกันหมด
จิตใจก็คิดแต่สิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศลทั้งหมด
นี้เป็นการสะท้อนให้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราว่า
แม้ทรงอยู่ในพระครรภ์ บุญบารมีที่พระองค์ทรงสั่งสมเอาไว้ ทรงแสดงฤทธิ์ออกมาอย่างนี้
ใจหยุดที่สุดแห่งบุญ มุ่งสู่ที่สุดแห่งธรรม
#4
โพสต์เมื่อ 02 December 2007 - 06:30 AM
_/|\_ Krub