ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * * - 1 คะแนน

ให้ทานโดยไม่กระทบตนเอง และผู้อื่น


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 19 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 มัชฌิมา072

มัชฌิมา072
  • Members
  • 60 โพสต์

โพสต์เมื่อ 27 August 2008 - 11:04 PM

การให้ทาน โดยไม่กระทบตนเองและผู้อื่น หมายความว่า...
..ไม่กระทบคุณงามความดีของตน และ ไม่กระทบคุณงามความดีของผู้อื่น
...
บางคน ทำทานด้วยทรัพย์สินและเงินทองครั้งละมากๆ
แต่บางคน ก็ทำเพียงครั้งละเล็กๆ น้อยๆ ตามศรัทธา และ ฐานะของตน

แต่ถ้าคนที่ทำทานมาก แล้วก็ชอบข่มคนอื่น หรือ ชอบกล่าววาจาดูถูก ผู้อื่นที่ทำน้อยกว่า
เป็นการยกตนข่มท่าน อย่างนี้ ชื่อว่าเป็นการทำให้คุณงามความดีของตนลดน้อยลง
...เพราะอะไร...
เพราะเราอุตส่าห์ละความตระหนี่ นำทรัพย์สินเงินทองออกทำบุญให้ทาน
แต่แล้ว เราก็กลับทำลายความดีของเราเอง ด้วยการเพิ่มกิเลส คือดูถูก ดูหมิ่นผู้อื่น
...
ถ้าเกิดผู้ที่ทำบุญให้ทานน้อยนั้น เกิดได้ยินคำพูดอันไม่เพราะหูนั้นเข้า
แล้วถ้าเขาขาดโยนิโสมนสิการ จิตใจที่เป็นกุศลของเขา ก็จะดับวูบลง
..แล้วอกุศล คือความโทมนัสเสียใจ ก็จะเกิดขึ้นแทน
....
อย่างนี้ขึ้นชื่อว่า ทำลายคุณงามความดี ของผู้อื่น
..ทำให้ผู้อื่น เสื่อม จากคุณความดี คือกุศลกรรมที่เขามีอยู่
...
หรือบางคน ตั้งใจรักษาศีล ๕ โดยเคร่งครัด แต่กลับให้สุรายาเมาเป็นทานแก่ผู้อื่น ไม่ว่าจะด้วยกรณีใดๆ ก็ตาม
ทาน ที่ทำให้ผู้รับมึนเมา ขาดสติ สามารถเป็นต้นเหตุที่จะกระทำบาปอกุศลต่างๆ
เช่นมีการฆ่าสัตว์เป็นต้น อย่างนี้ก็เป็นการให้ ที่กระทบความดีของตนและผู้อื่นเช่นกัน
เพราะเรา เป็นผู้มีศีลอยู่แล้ว แทนที่ จะชักชวนคนอื่นให้เขามีศีลอย่างเรา
กลับสนับสนุน ทำให้เขาเสื่อมเสียจากศีล ทานอย่างนี้ สัตบุรุษท่านไม่กระทำ
...
...สัตบุรุษ ครั้นให้ทานโดยไม่กระทบตน และผู้อื่นแล้ว
ย่อมเป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก
และโภคทรัพย์นั้น ย่อมไม่เป็นอันตรายจากไฟ
จากน้ำ จากพระราชา จากทายาทหรือจากคนที่ไม่เป็นที่รัก ในที่ๆ ทานนั้นให้ผล
...นี่คือการให้ทานของสัตบุรุษ ถ้าตรงกันข้ามก็เป็นทานของอสัตบุรุษ...



พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ใน เรื่องทานของอสัตบุรุษและทานของสัตบุรุษ ตามที่แสดง
ไว้ใน อสัปปุริสสูตร และ สัปปุริสสูตร อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต

จากบทความ ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก
ของประณีต ก้องสมุทร


เคยอ่านกระทู้ที่เพื่อนๆ บ่นเสียใจเวลามีผู้ตำหนิว่าทำบุญน้อย
เลยนำมาฝากพวกเราที่ขยันทำหน้าที่บอกบุญ เป็นกัลยาณมิตรแด่ผู้อื่น
อย่าให้พลาดพลั้ง ทำให้ท่านอื่นเสียใจเด็ดขาดทีเดียวนะจ๊ะ โดยเฉพาะท่านที่มาใหม่..
ชม และเชียร์ อย่างเดียวจ้า เดี๋ยวเขาจะเข้าใจเอง...


#2 หมอป๊อง

หมอป๊อง
  • Members
  • 761 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กทม.

โพสต์เมื่อ 27 August 2008 - 11:48 PM

happy.gif สาธุ สาธุ

ไฟล์แนบ

  • แนบไฟล์  pen1_16.gif   1.55K   7 ดาวน์โหลด


#3 Kotcha...

Kotcha...
  • Members
  • 54 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 August 2008 - 12:12 AM

สาธุครับ

#4 Tree

Tree
  • Members
  • 2076 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 August 2008 - 01:36 AM

สาธุ ครับผม

#5 ปฏิปทา 072

ปฏิปทา 072

    ขอชื่อ ที่ถูกต้อง ปฏิปทา 072 THANIDA KOIKE

  • Members
  • 1358 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 28 August 2008 - 06:59 AM

จะเอาธรรมะดีๆ นี้ไปบอกเพื่อนๆที่ยัง ไม่เข้าใจการ สร้างบารมีค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

#6 Ray

Ray
  • Members
  • 168 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 August 2008 - 07:50 AM

เนี่ยนะ ชาวสวรรค์อัตตามาก แข่งรัศมีกายกัน

#7 ฟ้ายังฟ้าอยู่

ฟ้ายังฟ้าอยู่
  • Members
  • 2511 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 August 2008 - 10:55 AM

การให้ทานคือการละความตระหนี่ กำจัดความตระหนี่
ถ้ายิ่งทำแล้วยิ่งอยากได้
อยากได้ในที่นี้หมายถึง อยากได้โบว์ อยากได้นั่งแถวหน้า ฯลฯ

ลองคิดพิจารณาดูดีดีนะคะ ว่าตัวเองเข้าข่ายเป็นผู้ยังมีความโลภเต็มเปี่ยมอยู่หรือเปล่า
"เกิดมาว่าจะมาหาแก้ว พบแล้วไม่กำจะเกิดมาทำไม
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)


#8 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 August 2008 - 12:07 PM

ของเราโบว์มาหาเอง...แต่พอเดินไปถวายตามจุดที่กำหนด...ก็มีสาธุชนนั่งตรงอาสนะแทนเราน่ะ...ดีนะที่เขาเห็นเรามีโบว์...เขาเลยให้เกียรติลุกออกไป...เราก็รีบไปจับเขาบอกว่า...มาทำบุญด้วยกัน ถวายร่วมกันได้...ดูสีหน้าเขาปลื้มและดีใจที่ได้ถวาย...ถวายเสร็จแล้วก็กล่าวอนุโมทนาซึ่งกันและกันนะ...สาธุ

+++HAPPY ENDING+++

ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#9 เย็นสบาย

เย็นสบาย
  • Members
  • 155 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 August 2008 - 02:52 PM

สาธุครับ

#10 usr23144

usr23144
  • Members
  • 33 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 August 2008 - 03:37 PM

ขอบคุณเจ้าของกระทู้นะคะ นี่เป็น "กระทู้ที่ดีมาก"
กระทู้ที่คุณเอ่ยถึง น่าจะเป็นกระทู้เก่าของดิชั้นเอง !!


อันนี้อะป่าว : http://www.dmc.tv/fo...mp;#entry117898


อิอิอิ เราทำใจได้แล้ว

....ยิ่งฟังคุณครูไม่ใหญ่ เล่าให้ฟังก็ยิ่งเข้าใจค่ะว่า อาจจะเป็น "เศษกรรมเก่า" ที่เราเคยทำไว้เมื่อชาติที่แล้วก็เป็นได้เนอะ

#11 อริย 072

อริย 072
  • Members
  • 440 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 August 2008 - 07:22 PM

เห็นด้วยกับคุณหนู มัชฌิมาฯ
...
เพราะ..
การทำหน้าที่กัลยาณมิตร รู้ว่าหนักมาก เหนื่อยมาก ในยุคนี้
แต่ก็นั่นล่ะนะ คนบอกบุญ แม้เหนื่อย แต่ก็ยังไม่มีสิทธิ์ขุ่นมัว
เพราะเราทำหน้าที่ชี้ทางสว่าง...นี่นา
ถ้าเรามืด จะให้เขาศรัทธาได้ยังไง
...
เห็นใจที่คุณ usr23144 ถูกว่าเช่นนั้น..คงเสียใจ
อย่าให้ใจตกนะ
...เดาว่า มาจากความปราถนาดีของเขา มากกว่าจะดูถูก
เหมือนหวังดี แต่พูดไม่เป็น
ผู้เขียนเคยประสบมาเองโดยตรง กับคนในกลุ่ม
พูดชวนคนทำบุญ เหมือนจะต้องเยาะหยัน กดดัน..
จนเพื่อนหลายคนหนีไปแล้ว..
ทุกวันนี้ก็อ้างว้าง ..เพราะวจีกรรมปัจจุบันแท้ๆ
...
อยากให้คุณ usr23144 อโหสิกรรม ให้เธอคนหวังดี คนนั้น
ใจคุณจะได้ปลดจากเรื่องที่ถูกว่ากล่าว แล้วผ่องใสเสียก่อน..
แล้ว พี่น้องลูกพระธัมมฯ ด้วยกันคนนึง จะได้ไม่ต้องรับวิบากกรรมมากนัก สงสารเขาเถิดนะ..
ขออนุโมทนากับใจใสๆ ล่วงหน้านะจ๊ะ
...


#12 DJ.

DJ.
  • Members
  • 1212 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 August 2008 - 09:30 PM

(๑) ความคิดเห็นที่ ๖

ควรใช้คำว่า "EGO" แทนคำว่า "อัตตา"

แม้ "EGO" จะแปลอย่าง "คร่าวๆ" ว่า "อัตตา" , แต่สองคำนี้ให้ "ความรู้สึก" ที่ต่างกัน

"EGO" ให้ความรู้สึกของความถือตัวอวดดีเห็นแก่ตัวselfish,

แต่อัตตา(บาลี) แปลว่า "ตัวตนที่แท้จริง" ซึ่งเป็นความหมายที่ดีและความรู้สึกที่ดี

เช่น พระธรรมกายในพระนิพพานเป็น นิจจัง สุขขัง อัตตา

ตรงข้ามกับ "อนัตตา" ที่แปลว่า "ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง"

เห็นสองครั้งแล้วจากกระทู้นี้และก่อนหน้านี้

http://www.dmc.tv/fo...showtopic=17347

ที่ใช้คำว่า "อัตตา" ในทางที่ไม่ดี ซึ่งไม่สมควร

เดี๋ยวจะหลงไปโดยไม่ทันรู้ตัว กลายเป็นเครื่องมือของมารฝ่ายตรงข้าม

ในการ "ค่อยๆ" เปลี่ยนสิ่งที่ดีของพุทธให้กลายเป็นสิ่งที่ไม่ดีโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว

อันได้แก่คำศัพท์ต่างๆในพระพุทธศาสนา ซึ่งเดิมมีความหมายที่ดี แต่ถูกบิดเบือนไปในปัจจุบัน

ยกตัวอย่าง เช่น

http://www.dmc.tv/fo...i...17&hl=faith

#13 homer324

homer324
  • Members
  • 522 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 August 2008 - 02:06 PM

ความดี ไม่ได้มีไว้โอ้อวด..

เหมือนตะกวดได้สร้อยทอง โอ้อวดเขลา..

ความดีนั้นเราทำ ได้ที่เรา..

อย่าใจเบา ว่าเราทำน้อยกว่าใคร..



#14 เคียงข้างไปดุสิตเขตใน

เคียงข้างไปดุสิตเขตใน
  • Members
  • 51 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 August 2008 - 10:21 PM

เป็นกำลังใจให้ครับ สำหรับคนที่ทำความดี

#15 บุญ อุ้ม ไว้

บุญ อุ้ม ไว้
  • Members
  • 28 โพสต์

โพสต์เมื่อ 30 August 2008 - 01:38 PM

คิดบวก กันนะเจ้าคะ

#16 DJ.

DJ.
  • Members
  • 1212 โพสต์

โพสต์เมื่อ 30 August 2008 - 09:14 PM

แค่คิดบวกนะ ไม่พอหรอก

ต้องคิด "ยกกำลัง" เพื่อป้องกันความปลอดภัยแห่งอนาคตอัน "ยาวไกล" ของพระพุทธศาสนา

ชีวิตจริงไม่เหมือนโฆษณา ที่แค่คิดบวกก็สวยขึ้น

ไม่เชื่อก็จงดู snow white เป็นตัวอย่าง

คิดบวกอย่างไร้ปัญญา ไปไว้ใจแม่มดยาพิษ

มันต้องคิดยกกำลังแบบ "ฮัวมู่หลัน"

จึงจะสามารถช่วยชีวิตพ่อและชาติบ้านเมืองได้ใน "ระยะยาว" ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

#17 Ozeria

Ozeria
  • Members
  • 879 โพสต์

โพสต์เมื่อ 31 August 2008 - 02:09 PM

เป็นข้อคิดสะกิดใจ ที่ดีมาก ๆ

อยากให้ทุกคนที่วัดพระธรรมกาย ได้อ่าน โดยเฉพาะ รุ่นเก๋า ดั้งเดิม มีเป็นแบบนี้แยะมาก

กลัวรุ่นใหม่ ๆ ไม่เข้าใจ จะหมอง และทำให้หลวงพ่อต้องเหนื่อยกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง

น่าจะช่วยงานหลวงพ่อ จากหนักเป็นเบาได้มากทีเดียว

อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ



สาธุ อนุโมทนาบุญค่ะ

ลูกพระธัมฯ หลานหลวงปู่ หลานคุณยาย

#18 DJ.

DJ.
  • Members
  • 1212 โพสต์

โพสต์เมื่อ 31 August 2008 - 03:59 PM

(๑) ได้โปรดอย่าแบ่งแยกรุ่น

ทุกคนเป็นลูกหลวงพ่อหลานคุณยายเหลนหลวงปู่ทั้งนั้น ต้องสามัคคีกัน ให้อภัยกัน

เหนือกว่า "การไม่พอใจแล้วให้อภัย" คือ การ "ไม่" "รู้สึกว่าไม่พอใจ" เขาเลยด้วยซ้ำ

กล่าวคือ ไม่จำเป็นต้องไม่พอใจใคร ด้วยการใช้ปัญญาสัมมาสังกัปปะ(คิดชอบ)ว่า

"ใครต่อใคร แม้แต่ตัวของเราเอง ก็ยังกิเลสหนาปัญญาหยาบ

ตัวของเราเองก็ยังคิดพูดทำผิดต่อผู้อื่นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

"ตนเองทำให้ตนเองพอใจในตนเอง" ได้ทุกเรื่องทุกเวลาแล้วหรือ

ทุกคนก็ "กำลัง" ฝึกตนอยู่

คนทุกรุ่นทุกยุคทุกสมัยก็ "กำลัง" ฝึกตนอยู่ทั้งนั้น

ถ้ายังไม่อโหสิเลิกโกรธเกลียดกันในโลกมนุษย์

แล้วจะเข้าหน้ากันติดที่ดุสิตบุรีได้หรือ

เพราะยังไงสุดท้ายก็ต้องเจอกันที่วงบุญพิเศษ

ไม่ใช่ตายแล้วจบสูญ

ผมไม่ใช่รุ่นเก๋า แต่ให้ความเคารพนับถือรุ่นเก่าแก่กว่าผมเสมอ

ตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายายลุงป้าน้าอาที่บ้านธรรมประสิทธิ์

จนถึงรุ่นขุดดินสร้างศูนย์พุทธจักรปฏิบัติธรรมสร้างสภาและกุฏิหลังคาจาก ฯลฯ

ถ้าไม่มีท่านเหล่านั้น พวกเราจะได้สุขสบายอย่างทุกวันนี้หรือ

(๒) อย่ามองคนแบบ stereo type

เช่น มองว่า african american เป็นคนที่ไม่ดีแยะมาก

เช่น ไทยเล็กเจ็กดำไม่ควรคบ

ซึ่งก็ไม่จริงเสมอไป คนไทยตัวเล็กคนจีนตัวดำที่ดีๆก็มีมากมาย

ประโยคที่ว่า

"โดยเฉพาะรุ่นเก๋าดั้งเดิมมีเป็นแบบนี้แยะมาก" นั้น

ไปคิดต่อกันเอาเองก็แล้วกันว่าสมควรไหม

อย่าลืมว่า อีกไม่นานรุ่นเก๋าก็ไปดุสิต

แล้วพวกเราก็จะขึ้นมาเป็นรุ่นเก๋าแทน

แน่ใจแล้วหรือว่าถึงตอนนั้น เราจะไม่คิดพูดทำอะไรผิดบ้างเลยหรือ

โปรดระวังว่า ถึงตอนนั้น กฏแห่งกรรมจะทำงาน

รุ่นใหม่จะใช้ประโยคเดิม

"โดยเฉพาะรุ่นเก๋าดั้งเดิมมีเป็นแบบนี้แยะมาก"

ถึงเวลานั้น , ENJOY IT นะครับ

ผมมันรุ่นกลางเก่ากลางใหม่ เข้าใจดีทุกฝ่าย

รอบสอง รุ่นใหม่อาจจะเกิดเป็นพ่อแม่รุ่นเก๋าก็ได้

ไม่มีใครไม่เคยเป็นญาติกันในสังสารวัฏ

ทำเป็นเล่นไป ๕๕๕๕๕

#19 Nee-Sansanee 2

Nee-Sansanee 2
  • Members
  • 893 โพสต์
  • Gender:Female

โพสต์เมื่อ 12 September 2010 - 09:32 AM

สาธุกับจขกทค่ะ

#20 Nee-Sansanee 2

Nee-Sansanee 2
  • Members
  • 893 โพสต์
  • Gender:Female

โพสต์เมื่อ 12 September 2010 - 10:47 PM

สาธุกับทุก ๆ ความคิดเห็นค่ะ

ดีนะคะธรรมะไม่เคยตกสมัย พบว่ามีสาระดี ๆ อยูมากมายที่นี่ dmc.tv8jt