คือว่า ผมทำงานบริษัทนะครับ แล้วตอนที่วัดเรามีการทอดกฐิน ก็ไปยืมเงินเค้ามาทำบุญกฐินก่อนล่วงหน้า โดยคำนวณไว้ก่อนว่า สามารถจะใช้เงินเดือนของเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม มาใช้หนี้ที่ยืมเค้ามาทำบุญกฐินได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร แบบว่าไม่คาดคิดว่ามาก่อนว่า หลวงพ่อจะเปิดบุญใหม่เสาแก้ว 300 ต้น ต้นละ 100 บาท ทันที คิดว่า คงจะได้พักซัก 2 เดือน พอจะมีเวลาหมุนเงินใช้หนี้เค้าเรื่องบุญกฐินก่อน แล้วไปเริ่มใหม่อีกทีตอนช่วงปีหน้าราวๆ ก่อนมาฆบูชา แต่พอหลวงพ่อมาเปิดโครงการบุญใหม่แบบนี้แล้วมาเดทไลน์ตอนสิ้นปีด้วย ใจก็อยากทำ แต่หนี้เก่าบุญกฐินก็ยังไม่ได้ใช้ อยากขอความเห็นว่า ควรจะผัดผ่อนหนี้กฐินไปก่อนแล้วเอาเงินไปทำเสาแก้ว 300 ต้น ต้นละ 100 บาทก่อนดี หรือว่า จะใช้หนี้กฐินให้หมดก่อนแล้วเงินเหลือเท่าไหร่ค่อยไปทำบุญเสาแก้ว 300 ต้น ต้นละ 100 บาทดี แต่ถ้าเอาเงินไปใช้หนี้ก่อน เงินก็เหลือนิดเดียวเอง อาจจะแค่ 3000-4000 บาท (เท่ากับได้แค่ต้นละ 10 บาทเอง) แบบว่าถ้าได้ทำแค่นี้ก็ไม่จุใจอีก ถ้าเป็นเพื่อนๆ จะเลือกแบบไหนครับ เฮ้อ....หมุนเงินทำบุญไม่ทันเลย แย่จัง
1 คะแนน
คืนเงินก่อนดีหรือทำบุญก่อนดีครับ
เริ่มโดย
ผู้เยี่ยมชม
, Nov 12 2005 11:16 AM
มี 18 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#2
Streamdhamma
-
- Members
- 528 โพสต์
หยุด นิ่ง เฉย ได้ไหม
- Gender:Male
โพสต์เมื่อ 12 November 2005 - 06:35 PM
การทำบุญเป็นการสร้างบารมีสั่งสมบุญของเราอง และก็มีอยู่หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นการสั่งสมบุญรายวัน หรืออย่างอื่น
แต่หลวงพ่อท่านบอกว่า การสั่งสมบุญรายวันนี้ดี(ที่สุดมั้ยอ่ะค่ะไม่แน่ใจ ใช่นั่นแหละ) แต่ถ้าทำบุญแบบรายใหญ่ ทีเดียวเลยก็ไม่ควรนะค่ะไม่แนะนำอ่ะ น่าจะสั่งสมบุญรายวัน และไม่ทำให้เราเดือดร้อนถึงแม้นจะอยากทำมากหรือมีจิตที่อยากร่วมบุญน่ะค่ะ
เพราะว่าบุญกับหลวงพ่อก็มีทั้งปีอยู่แล้วล่ะคะ รับรองว่า
ไม่มีตกหล่นแน่นอน ทำแบบไหนก็ได้บุญที่ใหญ่มากเหมือนๆกันล่ะค่ะ
ไม่ต้องคิดมากเลยแต่ถ้าอยากจะใช้หนี้ให้หมดก่อนก็ได้ไม่ต้องทำเพราะคิดว่า ถ้าทำไปแล้วก็ต้องใช้หนี้ไปอีกเยอะและเราอาจจะ(ลำบาก)ไม่สะดวกก็ยังไม่ต้องก่อนก็ได้นะค่ะ
(นู๋เปนเด็กใช้คำถูกมั่ยน้อ ^o^ ..สาธุ..)
แต่หลวงพ่อท่านบอกว่า การสั่งสมบุญรายวันนี้ดี(ที่สุดมั้ยอ่ะค่ะไม่แน่ใจ ใช่นั่นแหละ) แต่ถ้าทำบุญแบบรายใหญ่ ทีเดียวเลยก็ไม่ควรนะค่ะไม่แนะนำอ่ะ น่าจะสั่งสมบุญรายวัน และไม่ทำให้เราเดือดร้อนถึงแม้นจะอยากทำมากหรือมีจิตที่อยากร่วมบุญน่ะค่ะ
เพราะว่าบุญกับหลวงพ่อก็มีทั้งปีอยู่แล้วล่ะคะ รับรองว่า
ไม่มีตกหล่นแน่นอน ทำแบบไหนก็ได้บุญที่ใหญ่มากเหมือนๆกันล่ะค่ะ
ไม่ต้องคิดมากเลยแต่ถ้าอยากจะใช้หนี้ให้หมดก่อนก็ได้ไม่ต้องทำเพราะคิดว่า ถ้าทำไปแล้วก็ต้องใช้หนี้ไปอีกเยอะและเราอาจจะ(ลำบาก)ไม่สะดวกก็ยังไม่ต้องก่อนก็ได้นะค่ะ
(นู๋เปนเด็กใช้คำถูกมั่ยน้อ ^o^ ..สาธุ..)
"เมื่อดวงอาทิตย์อุทัยอยู่
ย่อมมีแสงอรุณขึ้นก่อน
เป็นบุพนิมิตฉันใด
ความเป็นกัลยาณมิตรก็เป็นตัวนำ
เป็นบุพนิมิตแห่งการเกิดขึ้น
ของหนทางพระนิพพาน ฉันนั้น"
ย่อมมีแสงอรุณขึ้นก่อน
เป็นบุพนิมิตฉันใด
ความเป็นกัลยาณมิตรก็เป็นตัวนำ
เป็นบุพนิมิตแห่งการเกิดขึ้น
ของหนทางพระนิพพาน ฉันนั้น"
#3
มองอย่างแมว
-
- Members
- 722 โพสต์
- Gender:Male
- Location:NYC
โพสต์เมื่อ 12 November 2005 - 07:38 PM
อันนี้ต้องดูคนที่เราไปยืมมาเป็นหลักนะครับผมว่า
ถ้าไม่คืนเค้าแล้วมีปัญหาตามมาก็คืนๆเค้าไปให้หมด
อย่าให้มาเป็นเครื่องกังวลใจเลยดีกว่าครับ
ทำได้น้อยหน่อย แต่ใจไม่ตกทั้งสองฝ่าย
ถ้าไม่คืนเค้าแล้วมีปัญหาตามมาก็คืนๆเค้าไปให้หมด
อย่าให้มาเป็นเครื่องกังวลใจเลยดีกว่าครับ
ทำได้น้อยหน่อย แต่ใจไม่ตกทั้งสองฝ่าย
"ฉุดมันเอาไว้ หยุดมันเอาไว้ ไม่ให้มันรวนเร ต้องหยุดนิ่งสุดใจ หยุดมันเอาไว้ ฉุดมันเอาไว้ ไม่ให้มันซวนเซ ต้องฉุดให้ใจหยุด"
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)
#4
saowanee15
-
- Members
- 207 โพสต์
โพสต์เมื่อ 12 November 2005 - 10:28 PM
ง่า ทำมั๊ย? ทำแบบนั้นค่ะ ทำเต็มกำลังที่มีดีกว่า ถึงแม้คุณอาจคิดว่า อยากมีเสบียงบุญไว้มาก ๆ รู้ถึงคุณค่าของการทำทาน บุญที่เกิดต้องใช้หลักบุญยกิริยาวัตถุ 10 ดีกว่ามั่งค่ะ เงินที่ยืมมาและคุณคิดว่า คุณสามารถใช้ได้ แต่บางทีใจคนเรามันสามารถตกได้ทุกเมื่อ เมื่อเจอปัญหารุมเร้า อาจมีสิทธิ์คิดแบบพาล ๆ ได้นะค่ะ แต่สำหรับเรา เราทำเท่าที่เราสามารถทำได้ โดยไม่เบียดเบียนตัวเองและผู้อื่นมากเกินไปหนัก หลวงพ่อท่านก็บอกว่า ทำบุญแล้วต้องไม่เบียดเบียนตัวเองและผู้อื่น ถึงจะถูกหลักวิชชา...คำพูดเราอาจทำให้ใครหลาย ๆ คนใจขุ่นก็ได้...อันนี้ขอโทษด้วยนะค่ะ ตามจริงเบียดเบียนตัวเองคงไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ สำหรับลูกพระธัมมะส่วนใหญ่เต็มใจ คิดดูนะค่ะ หากเราไปยืมคนอื่น แล้วหากช่วงไหน เค้าลำบากแล้วเค้ามาทวงเราบ่อย ๆ ใจเราก็มีสิทธิ์ขุ่นได้ อีกอย่าง
เราไม่อยากได้ข่าวว่า ทำบุญกับวัดแล้วต้องเป็นหนี้ อันนี้อาจมีผลกระทบต่อหมู่คณะได้นะค่ะ
การยืมไม่ดีเลย ถึงแม้เราจะสามารถคืนได้ก็จริงอยู่ แต่เมื่อมีอะไรเกิดขึ้นล่ะ จะทำอย่างไรค่ะ...
เราไม่อยากได้ข่าวว่า ทำบุญกับวัดแล้วต้องเป็นหนี้ อันนี้อาจมีผลกระทบต่อหมู่คณะได้นะค่ะ
การยืมไม่ดีเลย ถึงแม้เราจะสามารถคืนได้ก็จริงอยู่ แต่เมื่อมีอะไรเกิดขึ้นล่ะ จะทำอย่างไรค่ะ...
#5
ยิ้ม
-
- Members
- 87 โพสต์
โพสต์เมื่อ 12 November 2005 - 11:55 PM
ทำบุญแล้วต้องไม่ให้ตัวเองเดือนร้อนคือหลักที่สำคัญที่สุดค่ะ
ล่าสุด หลวงพ่อก็เพิ่งบอกนี่คะ ว่าถ้าเราคิดจะยืมเงินมาทำบุญ ก็ให้เป็นทำนองว่า เพราะว่าเราไม่ได้เอาเงินมาในวันนี้ เดี๋ยวกลับไปก็จะหยิบไปคืน ไม่ใช่ว่าเราไม่มี คาดว่าจะมีเอาล่วงหน้า แล้วไปกู้หนี้ยืมสินมา นอกจากจะทำให้ตัวเองเดือดร้อน ยังอาจส่งผลมาถึงหมู่คณะอีกด้วย อย่าลืมว่าเรากำลังถูกจ้องอยู่นะคะ จ้องแบบเอากล้องจุลทรรศน์ส่องหาทุกโมเลกุลเสียด้วย
การที่ใจเปิด ตัดความตระหนี่ได้ คือสิ่งที่ดี แต่ต้องอย่าลืมหลักวิชาด้วยค่ะ ^-^
ล่าสุด หลวงพ่อก็เพิ่งบอกนี่คะ ว่าถ้าเราคิดจะยืมเงินมาทำบุญ ก็ให้เป็นทำนองว่า เพราะว่าเราไม่ได้เอาเงินมาในวันนี้ เดี๋ยวกลับไปก็จะหยิบไปคืน ไม่ใช่ว่าเราไม่มี คาดว่าจะมีเอาล่วงหน้า แล้วไปกู้หนี้ยืมสินมา นอกจากจะทำให้ตัวเองเดือดร้อน ยังอาจส่งผลมาถึงหมู่คณะอีกด้วย อย่าลืมว่าเรากำลังถูกจ้องอยู่นะคะ จ้องแบบเอากล้องจุลทรรศน์ส่องหาทุกโมเลกุลเสียด้วย
การที่ใจเปิด ตัดความตระหนี่ได้ คือสิ่งที่ดี แต่ต้องอย่าลืมหลักวิชาด้วยค่ะ ^-^
#6
แจ่ม
-
- Members
- 196 โพสต์
โพสต์เมื่อ 13 November 2005 - 06:32 PM
คืนเงินเค้าไปก่อนดีที่สุด เราจะได้ผลบุญที่เราทำไปก่อน แลัวบุญก็นี้ก็จะไปตามสมบัติมาเองถ้าไม่คืนบุญกฐิณที่เราทำไปก็ไม่ได้รับเต็มที่ และถ้าเราไม่คืนเงินคนที่เรายืมมาให้เร็วที่สุดก็จะมีข้อเสียคือ 1. เราไปเบียดเบียนคนที่เรายืมเงินมา เพราะแน่นอนว่าเวลาใครให้เงินคนอื่นยืมไปเค้าย่อมต้องการเงินนั้นคืนให้เร็วที่สุด แล้วถ้าคนที่เราไปยืมเงินเค้ามาเค้าต้องการทำบุญบ้างล่ะ? กลายเป็นว่าเราไปตัดโอกาสเค้าอีก 2. คนที่เค้าให้เงินเรายืมมาจะมองทั้งตัวเรา และการทำบุญของเราในแง่ลบไปอีก ซึ่งทำให้เค้าไม่เกิดมุทิตาจิตแล้ว ยังทำให้เกิดมโณกรรมที่ไม่ดีอีก 3.เพาะนิสัยติดหนี้ คืนหนี้ช้าให้ตัวเอง
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=1167
ลองอ่านกระทู้นี้ดูนะคะ เป็นสรุปความจากเคสที่คุณครูไม่ใหญ่ท่านเมตตาแนะนำไว้
จำได้ว่าท่านกล่าวประโยคแรกเลยว่า เวลาทำบุญอย่าให้เดือดร้อนทั้งตัวเองและคนอื่น
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=1167
ลองอ่านกระทู้นี้ดูนะคะ เป็นสรุปความจากเคสที่คุณครูไม่ใหญ่ท่านเมตตาแนะนำไว้
จำได้ว่าท่านกล่าวประโยคแรกเลยว่า เวลาทำบุญอย่าให้เดือดร้อนทั้งตัวเองและคนอื่น
แก้ไขโดย แจ่ม 13 November 2005 - 06:33 PM
#7
หัดฝัน
-
- Members
- 4531 โพสต์
- Gender:Male
- Interests:ธรรมะ
โพสต์เมื่อ 13 November 2005 - 07:50 PM
คืนก่อนน่ะครับ ดีที่สุด
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร
#8
Streamdhamma
-
- Members
- 528 โพสต์
หยุด นิ่ง เฉย ได้ไหม
- Gender:Male
โพสต์เมื่อ 13 November 2005 - 09:28 PM
รู้อะไรดีๆอีกแล้วค่ะ ขอบคุณพี่ๆทั้งหลายนะค่ะ
"เมื่อดวงอาทิตย์อุทัยอยู่
ย่อมมีแสงอรุณขึ้นก่อน
เป็นบุพนิมิตฉันใด
ความเป็นกัลยาณมิตรก็เป็นตัวนำ
เป็นบุพนิมิตแห่งการเกิดขึ้น
ของหนทางพระนิพพาน ฉันนั้น"
ย่อมมีแสงอรุณขึ้นก่อน
เป็นบุพนิมิตฉันใด
ความเป็นกัลยาณมิตรก็เป็นตัวนำ
เป็นบุพนิมิตแห่งการเกิดขึ้น
ของหนทางพระนิพพาน ฉันนั้น"
#9
sithman
-
- Members
- 48 โพสต์
โพสต์เมื่อ 13 November 2005 - 11:34 PM
จากประสบการณ์ของตัวผมเองนะครับ
ถ้ามีกำลังทรัพย์พอใช้หนี้รวดเดียวหมด ก็จะใช้คืนให้หมดก่อนสถานเดียว
เหลือค่อยนำมาทำบุญ เพราะๆๆๆๆ การมีหนี้สินจะเป็นเครื่องกังวลที่คอยรบกวนจิตใจของคุณ
แม้ในขณะทำบุญก็จะทำให้ไม่ปลื้มมากเท่าที่ควร
(คือ มันจะไม่ปีติอย่างปลอดโปร่งเต็มที่)และจะทำให้รักษาใจใสๆได้ยากขึ้น
บุญก็อาจจะหกๆหล่นๆได้ง่ายๆ และ การตามระลึกถึงบุญในภายหลังก็จะได้ไม่เต็มที่
ส่งผลต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ไปหมด
แต่ถ้ากำลังทรัพย์ไม่พอใช้หนี้รวดเดียวหมด ผมก็จะแบ่งใช้หนี้ส่วนหนึ่ง อีกส่วนก็แบ่งทำบุญ
ซึ่งก็จะทำให้มีความสบายใจที่ได้ใช้หนี้ ทำให้พอถูไถ ทำใจให้เบิกบาน
เมื่อเวลาตามระลึกถึงในภายหลัง ก็จะไม่มีข้อให้ตัวเองก็ตำหนิตัวเองได้
เพิ่มเติม
ส่วนเมื่อใช้หนี้ไปแล้ว ปัจจัยเหลืออยู่น้อย ก็อย่าได้ "ใจตก" ไปเลยครับ
ถ้ามีน้อย เราก็ไปร่วมกับคนอื่น หรือ ไปชวนคนอื่นมาร่วมซิครับ
สร้างบารมีเป็นหมู่คณะอย่างเบิกบาน
น้ำสะอาดแก้วเดียว ยังมีคุณมากกว่าน้ำโคลนหนึ่งถังฉันใด
บุญที่ทำได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยด้วยจิตใจปีติเต็มที่แม้น้อย
ย่อมเลิศกว่าบุญที่ทำมากแต่หกๆหล่นๆเพราะใจเป็นกังวล ฉันนั้น
ถ้ามีกำลังทรัพย์พอใช้หนี้รวดเดียวหมด ก็จะใช้คืนให้หมดก่อนสถานเดียว
เหลือค่อยนำมาทำบุญ เพราะๆๆๆๆ การมีหนี้สินจะเป็นเครื่องกังวลที่คอยรบกวนจิตใจของคุณ
แม้ในขณะทำบุญก็จะทำให้ไม่ปลื้มมากเท่าที่ควร
(คือ มันจะไม่ปีติอย่างปลอดโปร่งเต็มที่)และจะทำให้รักษาใจใสๆได้ยากขึ้น
บุญก็อาจจะหกๆหล่นๆได้ง่ายๆ และ การตามระลึกถึงบุญในภายหลังก็จะได้ไม่เต็มที่
ส่งผลต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ไปหมด
แต่ถ้ากำลังทรัพย์ไม่พอใช้หนี้รวดเดียวหมด ผมก็จะแบ่งใช้หนี้ส่วนหนึ่ง อีกส่วนก็แบ่งทำบุญ
ซึ่งก็จะทำให้มีความสบายใจที่ได้ใช้หนี้ ทำให้พอถูไถ ทำใจให้เบิกบาน
เมื่อเวลาตามระลึกถึงในภายหลัง ก็จะไม่มีข้อให้ตัวเองก็ตำหนิตัวเองได้
เพิ่มเติม
ส่วนเมื่อใช้หนี้ไปแล้ว ปัจจัยเหลืออยู่น้อย ก็อย่าได้ "ใจตก" ไปเลยครับ
ถ้ามีน้อย เราก็ไปร่วมกับคนอื่น หรือ ไปชวนคนอื่นมาร่วมซิครับ
สร้างบารมีเป็นหมู่คณะอย่างเบิกบาน
น้ำสะอาดแก้วเดียว ยังมีคุณมากกว่าน้ำโคลนหนึ่งถังฉันใด
บุญที่ทำได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยด้วยจิตใจปีติเต็มที่แม้น้อย
ย่อมเลิศกว่าบุญที่ทำมากแต่หกๆหล่นๆเพราะใจเป็นกังวล ฉันนั้น
#10
danaiporn
-
- Members
- 73 โพสต์
โพสต์เมื่อ 14 November 2005 - 12:57 AM
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ความเป็นหนี้เป็นทุกข์
แม้นคุณจะทำบุญ อย่างไร แต่คุณยังเป็นหนี้อยู่ คุณก็ยังเป็นทุกข์อยู่ดี จะรำลึกนึกถึงบุญ ก็ได้ไม่เต็มที่
อยากให้รีบใช้หนี้สินให้หมดก่อน หลังจากนั้น เมื่อคุณทำบุญในสมบัติของตัวเองที่หามาได้ แม้นจะเหนื่อยยากสักปานใด คุณก็จะรู้สึกมีปิติกับสิ่งที่คุณธรรม และจะได้ชื่อว่าไม่เบียดเบียนตัวเองด้วย
แม้นคุณจะทำบุญ อย่างไร แต่คุณยังเป็นหนี้อยู่ คุณก็ยังเป็นทุกข์อยู่ดี จะรำลึกนึกถึงบุญ ก็ได้ไม่เต็มที่
อยากให้รีบใช้หนี้สินให้หมดก่อน หลังจากนั้น เมื่อคุณทำบุญในสมบัติของตัวเองที่หามาได้ แม้นจะเหนื่อยยากสักปานใด คุณก็จะรู้สึกมีปิติกับสิ่งที่คุณธรรม และจะได้ชื่อว่าไม่เบียดเบียนตัวเองด้วย
#11
ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี
-
- Members
- 2171 โพสต์
"ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"
- Gender:Male
- Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
- Interests:ADVANCE MEDITATION
โพสต์เมื่อ 14 November 2005 - 02:12 AM
คุณอนันต์ ได้เคยให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนงานกฐินพระราชปี '๔๕ ท่านกล่าวถึงเมื่อตอนที่ท่านได้เข้าพบพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ซึ่งท่านได้กำชับกับคุณอนันต์อย่างชัดเจนว่า "อย่าไปกู้หนี้ยืมสินใครมาทำบุญ"
"ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน"
พระพุทธภาษิต
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
พระอมตะวจนา แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
[/color]
"...พระพุทธศาสนา บริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระ และเป็นประโยชน์ในทุกระดับ
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
[color="#990000"]ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี
#12
**
**
-
- Guests
โพสต์เมื่อ 14 November 2005 - 01:35 PM
ใช้วิธีบอกบุญเพื่อนๆ ญาติๆ ซิค่ะ เงินเราก็นำไปใช้หนี้ ถ้ามีกำลังทรัพย์ที่จะทำบุญคนเดียวไม่พอ ก็ใช้วิธีบอกบุญค่ะ พยายามให้ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ค่ะ
หนี้ก็ได้ใช้คืน บุญก็ได้เต็มๆ แถมได้บริวารสมบัติด้วยค่ะ
วิธีนี้ใช้ประจำค่ะ เพราะลำพังตัวเองบางครั้งกำลังทรัพย์ไม่พอต้องบอกบุญเพื่อนๆค่ะ
อนุโมทนาบุญนะค่ะ
หนี้ก็ได้ใช้คืน บุญก็ได้เต็มๆ แถมได้บริวารสมบัติด้วยค่ะ
วิธีนี้ใช้ประจำค่ะ เพราะลำพังตัวเองบางครั้งกำลังทรัพย์ไม่พอต้องบอกบุญเพื่อนๆค่ะ
อนุโมทนาบุญนะค่ะ
#13
Streamdhamma
-
- Members
- 528 โพสต์
หยุด นิ่ง เฉย ได้ไหม
- Gender:Male
โพสต์เมื่อ 14 November 2005 - 07:49 PM
ต้อง ใช้หนี้ก่อนค่ะ ดีที่สุด บุญมีมากมายไม่ขาดสายอยู่แล้วค่ะ หนับหนุนหนับหนุน
"เมื่อดวงอาทิตย์อุทัยอยู่
ย่อมมีแสงอรุณขึ้นก่อน
เป็นบุพนิมิตฉันใด
ความเป็นกัลยาณมิตรก็เป็นตัวนำ
เป็นบุพนิมิตแห่งการเกิดขึ้น
ของหนทางพระนิพพาน ฉันนั้น"
ย่อมมีแสงอรุณขึ้นก่อน
เป็นบุพนิมิตฉันใด
ความเป็นกัลยาณมิตรก็เป็นตัวนำ
เป็นบุพนิมิตแห่งการเกิดขึ้น
ของหนทางพระนิพพาน ฉันนั้น"
#14
ยิ่งนั่ง-ยิ่งง่าย-สบายจัง
-
- Members
- 75 โพสต์
- Gender:Male
โพสต์เมื่อ 16 November 2005 - 06:48 PM
แต่ละท่านตอบกันได้เคลียร์ดีจัง และอยากให้เป็นบรรทัดฐานข้อหนึ่งในการทำบุญทุกบุญเลยนะครับ
อีกอย่างบุคคลภายนอกจะได้ไม่โจมตีวัดเราด้วยว่า ถึงขนาดคนวัดต้องกู้หนี้ยืมสินมาทำบุญ
จะกลายเป็นภาพพจน์ที่ไม่ดีต่อวัดอีกต่างหาก
อีกอย่างบุคคลภายนอกจะได้ไม่โจมตีวัดเราด้วยว่า ถึงขนาดคนวัดต้องกู้หนี้ยืมสินมาทำบุญ
จะกลายเป็นภาพพจน์ที่ไม่ดีต่อวัดอีกต่างหาก
*** เล่นเนทอย่างไรให้ได้บุญ ***
#15
**
**
-
- Guests
โพสต์เมื่อ 17 November 2005 - 10:21 PM
ขอเสนอว่า ทำเต้มกำลังดีกว่าเกินกำลังนะคะ
อย่าลืมนั่งสมาธิ และ รักษาศีลด้วยนะคะ
กราบอนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
touch จัง
อย่าลืมนั่งสมาธิ และ รักษาศีลด้วยนะคะ
กราบอนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
touch จัง
#16
ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี
-
- Members
- 2171 โพสต์
"ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"
- Gender:Male
- Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
- Interests:ADVANCE MEDITATION
โพสต์เมื่อ 18 November 2005 - 12:49 AM
เห็นชอบด้วยกับความเห็นที่ ๑๕ ครับ.
"ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน"
พระพุทธภาษิต
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
พระอมตะวจนา แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
[/color]
"...พระพุทธศาสนา บริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระ และเป็นประโยชน์ในทุกระดับ
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
[color="#990000"]ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี
#17
JOYSA
-
- Members
- 234 โพสต์
โพสต์เมื่อ 09 February 2006 - 06:15 PM
คืนเงินก่อนค่ะ
การที่คนเราไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐค่ะ
ทำบุญตามพลังกำลังที่เรามีค่ะ
การที่คนเราไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐค่ะ
ทำบุญตามพลังกำลังที่เรามีค่ะ
#18
pure1900
-
- Members
- 3 โพสต์
โพสต์เมื่อ 09 February 2006 - 11:32 PM
ทำบุญดีแล้วค่ะ...แต่อย่าทำให้ตัวเองเดือดร้อนนะคะ.....ขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะ
#19
ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
-
- Members
- 4109 โพสต์
- Gender:Male
- Location:จ. สงขลา
โพสต์เมื่อ 05 February 2007 - 09:04 AM
กราบอนุโมทนาบุญครับ สาธุ
