ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ทำให้มารดาตายโดยไม่ตั้งใจ....


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 31 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 PS-Junior

PS-Junior
  • Members
  • 247 โพสต์
  • Location:Bangkok
  • Interests:Meditation

โพสต์เมื่อ 15 May 2006 - 08:04 PM

พอดี ได้ทราบข่าวที่น่าสลดมาจากหลวงพี่ท่านหนึ่งค่ะ ท่านได้ไปร่วมงานศพของกัลยาณมิตรท่านหนึ่งมาเมื่อไม่นานนี้

โดยบ้านนี้เข้าวัดปฏิบัติธรรมที่วัดกันทั้งหมด วันที่เกิดเรื่องบุตรชายซึ่งก็เป็นกัลยาณมิตร มีครอบครัวแล้ว ได้ถอยรถออกจากบ้าน แต่พอดีมารดาซึ่งอายุมากแล้วไม่ทราบว่าท่านไปอยู่ด้านหลังรถตั้งแต่เมื่อไหร่ อาจจะก้มลงอะไรประมาณนี้ทำให้บุตรชายมองไม่เห็น ถึงถอยรถชนมารดาของตนเสียชีวิต

ทราบมาว่าขณะนี้บุตรเสียใจอย่างมากเลยค่ะ และกรรมที่ทำให้มารดาตนเองเสียชีวิตนี้ก็เป็นกรรมหนักด้วย ถือเป็นอนันตริยกรรม อย่างหนึ่ง ไม่ทราบว่าจะมีวิธีช่วยเหลือกัลยาณมิตรท่านนี้ได้อย่างไรบ้างค่ะ

#2 ฟ้ายังฟ้าอยู่

ฟ้ายังฟ้าอยู่
  • Members
  • 2511 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 May 2006 - 08:53 PM

เขียนเคสส่งดีกว่าค่ะ
เรื่องอย่างนี้ไม่ทราบจะตอบยังไงเหมือนกันค่ะ
ยังไงก็แล้วแต่ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งค่ะ
"เกิดมาว่าจะมาหาแก้ว พบแล้วไม่กำจะเกิดมาทำไม
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)


#3 Jengiskhan

Jengiskhan
  • Members
  • 560 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กุงเท่

โพสต์เมื่อ 15 May 2006 - 08:59 PM

น่าสงสารจังเลยครับ

#4 PS-Junior

PS-Junior
  • Members
  • 247 โพสต์
  • Location:Bangkok
  • Interests:Meditation

โพสต์เมื่อ 15 May 2006 - 09:51 PM

QUOTE
ถ้าไม่ได้มีเจตนา ก็ไม่ใช่ "อนันตริยกรรม" หรอกครับ


ตรงนี้ได้ลองไปค้นมาล้วค่ะ อ่านยากนิดนึงนะค่ะ


พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๗ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๔
กถาวัตถุปกรณ์


[๑๘๐๙]
สกวาที บุคคลปลงชีวิตมารดาโดยมิได้แกล้ง โดยไม่ได้เจตนา เป็นผู้ชื่อว่า ทำอนันตริยกรรม หรือ?
ปรวาที ถูกแล้ว

[๑๘๑๑]
ส. บุคคลปลงชีวิตมารดาโดยมิได้แกล้ง เป็นผู้ชื่อว่า ทำอนันตริยกรรม หรือ?
ป. ถูกแล้ว

ส. คำว่า บุคคลปลงชีวิตมารดาโดยมิได้แกล้ง เป็นผู้ชื่อว่า ทำอนันตริยกรรม ดังนี้ เป็นสูตรมีอยู่จริง หรือ?
ป. ไม่มี

ส. คำว่า บุคคลแกล้งปลงชีวิตมารดา เป็นผู้ชื่อว่า ทำอนันตริยกรรม ดังนี้ เป็นสูตรมีอยู่จริง หรือ?
ป. ถูกแล้ว

ส. หากว่า คำว่า บุคคลแกล้งปลงชีวิตมารดา เป็นผู้ชื่อว่า ทำอนันตริยกรรม ดังนี้ เป็นสูตรมีอยู่จริง ก็ต้องไม่กล่าวว่า บุคคลปลงชีวิตมารดาโดยมิได้ แกล้ง เป็นผู้ชื่อว่า ทำอนันตริยกรรม
[๑๘๑๒] ป. ไม่พึงกล่าวว่า บุคคลผู้ฆ่ามารดา เป็นผู้ชื่อว่าทำอนันตริยกรรม หรือ?
ส. ถูกแล้ว

ป. เขาได้ปลงชีวิตมารดาแล้ว มิใช่หรือ?
ส. ถูกแล้ว
ป. หากว่า เขาได้ปลงชีวิตมารดาแล้ว ด้วยเหตุนั้นนะท่านจึงต้องกล่าวว่า บุคคลผู้ฆ่ามารดา เป็นผู้ชื่อว่า ทำอนันตริยกรรม

ป. ไม่พึงกล่าวว่า บุคคลผู้ฆ่าบิดา เป็นผู้ชื่อว่า ทำอนันตริยกรรม หรือ?
ส. ถูกแล้ว
ป. เขาได้ปลงชีวิตบิดาแล้ว มิใช่หรือ?
ส. ถูกแล้ว
ป. หากว่า เขาได้ปลงชีวิตบิดาแล้ว ด้วยเหตุนั้นนะท่านจึงต้องกล่าวว่า บุคคล ผู้ฆ่าบิดา เป็นผู้ชื่อว่า ทำอนันตริยกรรม

ป. ไม่พึงกล่าวว่า บุคคลผู้ฆ่าพระอรหันต์ เป็นผู้ชื่อว่า ทำอนันตริยกรรม หรือ?
ส. ถูกแล้ว
ป. เขาได้ปลงชีวิตพระอรหันต์แล้ว มิใช่หรือ?
ส. ถูกแล้ว
ป. หากว่า เขาได้ปลงชีวิตพระอรหันต์แล้ว ด้วยเหตุนั้นนะท่านจึงต้อง กล่าวว่า บุคคลผู้ฆ่าพระอรหันต์ เป็นผู้ชื่อว่า ทำอนันตริยกรรม

ป. ไม่พึงกล่าวว่า บุคคลผู้ยังพระโลหิตให้ห้อขึ้น เป็นผู้ชื่อว่าทำอนันตริยกรรม หรือ?
ส. ถูกแล้ว
ป. เขาได้ยังพระโลหิตของพระตถาคตให้ห้อแล้ว มิใช่หรือ?
ส. ถูกแล้ว
ป. หากว่า เขาได้ยังพระโลหิตของพระตถาคตให้ห้อแล้ว ด้วยเหตุนั้นนะ ท่านจึงต้องกล่าวว่า บุคคลผู้ยังพระโลหิตให้ห้อไป เป็นผู้ชื่อว่า ทำอนันตริยกรรม

ส. บุคคลผู้ทำสังฆเภท เป็นผู้ชื่อว่า ทำอนันตริยกรรม หรือ?
ป. ถูกแล้ว
ส. บุคคลผู้ทำสังฆเภท เป็นผู้ชื่อว่า ทำอนันตริยกรรมทั้งหมด หรือ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. บุคคลผู้ทำสังฆเภท เป็นผู้ชื่อว่า ทำอนันตริยกรรมทั้งหมด หรือ?
ป. ถูกแล้ว
ส. บุคคลเป็นผู้มีความสำคัญว่า ถูกธรรมยังสงฆ์ให้แตกกัน เป็นผู้ชื่อว่า ทำอนันตริยกรรม หรือ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. บุคคลเป็นผู้มีความสำคัญว่า ถูกธรรมยังสงฆ์ให้แตกกัน เป็นผู้ชื่อว่า ทำอนันตริยกรรม หรือ?
ป. ถูกแล้ว
ส. พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า ดูกรอุบาลี บุคคลผู้ทำสังฆเภท ที่จะต้อง ไปอบาย จะต้องไปนรก ตั้งอยู่ตลอดกัลป์ แก้ไขไม่ได้ มีอยู่ บุคคลผู้ทำสังฆเภท ที่ไม่ต้องไปสู่อบาย ไม่ต้องไปนรก ไม่ตั้งอยู่ ตลอดกัลป์ มิใช่ผู้แก้ไขไม่ได้ มีอยู่ ดังนี้ ๑- เป็นสูตรมีอยู่จริง มิใช่ หรือ?
ป. ถูกแล้ว
ส. ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่พึงกล่าวว่า บุคคลเป็นผู้มีความสำคัญว่า ถูกธรรมยังสงฆ์ ให้แตกกัน เป็นผู้ชื่อว่าทำอนันตริยกรรม

[๑๘๑๓] ป. ไม่พึงกล่าวว่า บุคคลผู้มีความสำคัญว่า ถูกธรรมยังสงฆ์ให้แตกกัน เป็น ผู้ชื่อว่า ทำอนันตริยกรรม หรือ?
ส. ถูกแล้ว
ป. พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ทำสังฆเภทเป็นผู้จะต้องไปอบาย จะต้องไปนรก ตั้งอยู่ตลอดกัลป์ เขาเป็นผู้ยินดีในการแยก ไม่ตั้ง อยู่ในธรรม ย่อมคลาดจากธรรมเป็นแดนเกษมจากโยคะ เขาทำลาย สงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันแล้ว ย่อมไหม้ในนรกตลอดกัลป์ ดังนี้ ๒- เป็น สูตรมีอยู่จริง มิใช่หรือ?
ส. ถูกแล้ว
ป. ถ้าอย่างนั้น บุคคลผู้ทำสังฆเภท ก็เป็นผู้ชื่อว่า ทำอนันตริยกรรม น่ะสิ


อสัญจิจจกถา จบ
-----------------------------------------------------


เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๗ บรรทัดที่ ๑๙๑๖๔ - ๑๙๒๕๙. หน้าที่ ๗๙๗ - ๘๐๑.



สรุปเท่าที่เข้าใจคือ ไม่ว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ถ้าได้กระทำกรรมหนัก ถือว่าเป็นอนันตริยกรรม แล้วค่ะ

หลวงพี่ท่าหนึ่งได้แนะนำว่า เวลาอธิฐานจิต ให้ขออย่าได้กระทำอนันตริยกรรม ทั้งที่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจไว้ด้วยค่ะ

ถ้าผิดพลาด ขอผู้รู้ช่วยแก้ไขด้วยนะค่ะ สาธุ

ไฟล์แนบ



#5 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 May 2006 - 11:38 PM

เรื่องเคยเกิดมีมาแล้วครับในสมัยพุทธกาล พระเจ้าอาชาตศัตรูหวังยึดราชสมบัติจากพ่อคือพระเจ้าพิมพิสาร
พระเจ้าอาชาตศัตรูเห็นพ่อตนเองเดินจงกรม จึงสั่งให้ทหารใช้มีดโกนกรีดฝ่าพระบาททั้งสองข้างทำให้พระเจ้าพิมพิสาร
ถึงกับสวรรคต ก่อนทำพระเจ้าอาชาตศัตรูก็ไม่คาดคิดว่าการกรีดฝ่าพระบาทจะทำให้ถึงแก่ความตายได้
สุดท้ายพระเจ้าอาชาตศัตรูแม้จะทำมหาทานกับพระพุทธเจ้าตลอดชีวิต ทำความดีสุดๆ ก็สายเสียแล้ว
กรรมชั่วที่เป็นอนันตริยกรรมต้องไปเสวยผลที่เดียวคือ อเวจีมหานรก ปิดทางสวรรค์และนิพพานแล้วครับ

กรรมไม่เคยละเว้นผู้ใดเลยครับ ไม่ว่าจะทำเพราะไม่รู้หรือรู้ก็ต้องรับผลทั้งนั้นครับ
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#6 PS-Junior

PS-Junior
  • Members
  • 247 โพสต์
  • Location:Bangkok
  • Interests:Meditation

โพสต์เมื่อ 16 May 2006 - 12:21 AM

ก่อนทำพระเจ้าอาชาตศัตรูก็ไม่คาดคิดว่าการกรีดฝ่าพระบาทจะทำให้ถึงแก่ความตายได้
QUOTE
ก่อนทำพระเจ้าอาชาตศัตรูก็ไม่คาดคิดว่าการกรีดฝ่าพระบาทจะทำให้ถึงแก่ความตายได้


เอ่อ เท่าที่เคยทราบมา พระเจ้าอาชาตศัตรู ถูกยุแหย่ให้ฆ่าบิดาของตนเอง โดยจับไปขัง ให้อดข้าวอดน้ำ แต่ก็ไม่ตาย เพราะพระเจ้าพิมพิสารเดินจงกรม ใช้ธรรมะหล่อเลี้ยงชีวิตได้ ท่านจึงกรีดเท้าเพื่อให้เดินจงกรมไม่ได้ เพื่อหวังจะให้ตาย แต่มาสำนึกได้ทีหลังจึงรีบกลับไปเพื่อดูพระบิดาของตน แต่ไม่ทันการท่านได้เสียชีวิตเสียแล้ว

กรณีนี้พระเจ้าอาชาตศัตรูมีเจตนาที่จะฆ่าบิดาของตนเองเลยนะค่ะ ซึ่งคิดว่าจะต่างจากกรณีที่เล่ามาตอนต้นนะค่ะ จะว่าไปก็คล้ายๆเป็นอุบัติเหตุเสียมากกว่า แต่เป็นมารดาของตนเอง

โดยส่วนตัวคิดเองนะค่ะว่า วิบากกรรม หน่ะ มีแน่ค่ะ แต่คงไม่มากเท่ากับพระเจ้าอาชาตศัตรูหรอกมั้งค่ะ น่าจะน้อยกว่า แต่นี่คิดเอาเองนะค่ะ ถูกผิดยังไงขอเรียนถามผู้ที่รู้มากกว่าจะดีที่สุดค่ะ


#7 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 May 2006 - 12:45 AM

QUOTE
เท่าที่เคยทราบมา พระเจ้าอาชาตศัตรู ถูกยุแหย่ให้ฆ่าบิดาของตนเอง โดยจับไปขัง ให้อดข้าวอดน้ำ แต่ก็ไม่ตาย เพราะพระเจ้าพิมพิสารเดินจงกรม ใช้ธรรมะหล่อเลี้ยงชีวิตได้ ท่านจึงกรีดเท้าเพื่อให้เดินจงกรมไม่ได้ เพื่อหวังจะให้ตาย แต่มาสำนึกได้ทีหลังจึงรีบกลับไปเพื่อดูพระบิดาของตน แต่ไม่ทันการท่านได้เสียชีวิตเสียแล้ว

ถูกต้องเลยครับ แหมะน้องจึงกึมความจำดีซะด้วย ปกติเวลาจะฆ่าคน เขาไม่ต้องอ้อมค้อมให้เสียเวลาหรอกครับ
สั่งตัดหัว วางยาพิษ ไม่ง่ายกว่าหรือครับ สาเหตุที่พระเจ้าอาชาตศัตรูเจตนาให้พระบิดาอดอาหารเพราะคิดว่าตนเองนี้จะได้ไม่บาปเพราะบิดาได้ตายเพราะอดอาหารตายไปเอง (คิดแบบโมหะจริต) แต่พระเจ้าพิมพิสารก็ยังไม่ตายเพราะท่านเป็นพระโสดาบันและเจริญกรรมฐานโดยการเดินจงกรมอยู่นั่นเอง พระเจ้าอาชาตศัตรูคิดว่าการที่พระบิดายังไม่อดอาหารตายคงจะเป็นเพราะเดินจงกรมแน่เลย จึงสั่งทหารให้กรีดฝ่าพระบาท แทนที่จะสั่งให้ทหารฆ่าทิ้งตรงๆ ไปเลยเช่น จับผูกคอ วางยาพิษ จับกดน้ำ ไม่ง่ายกว่าหรือจริงไหม??

เพราะด้วยโมหะและอกุศลเข้าสิงจิต ใจหนึ่งก็กลัวบาป ใจหนึ่งก็อยากได้ราชสมบัติ จึงคิดแผนให้พระบิดาตายโดยทางอ้อมด้วยคิดว่าเราเองจะได้ไม่ติดบาป แต่พอพระเจ้าพิมพิสารตายเพราะทนพิษบาดแผลไม่ได้ตายลง พระเจ้าอาชาตศัตรูจึงตกใจทันทีเพราะอะไรหรือครับ ก็เพราะบิดาตายเพราะมีดโกนบาดเท้า เจตนาท่านไม่ต้องการให้พระบิดาเดินแต่ต้องการให้พระบิดาอดตายไปเอง แต่ที่ไหนได้ แทนที่พระเจ้าพิมพิสารจะหยุดเดินจงกรมกลับยังเดินจงกรมทั้งๆ ที่ฝ่าพระบาทได้รับทุกขเวทนาจนตาย

ตรงนี้ต่างหากครับที่พระเจ้าอาชาตศัตรูไม่ทันได้คิด จึงกลายเป็นการฆ่าพระบิดาโดยไม่เจตนาในเหตุนั้นครับ
ถามว่าพระเจ้าอาชาตศัตรูก่อนที่จะพบเทวทัตรู้จักพระพุทธเจ้าเราหรือไม่?? ท่านรู้จักนะครับ
ท่านทราบหรือไม่ว่าพระบิดาเป็นพระโสดาบันแล้ว?? ก็ทราบอีกนั่นแหละครับ แต่ท่านอยากได้ราชสมบัติตามคำยุแหย่ของเทวทัต แต่กลัวบาปเพราะรู้ว่าบิดาเป็นพระโสดาบันเลยวางแผนฆ่าพระบิดาทางอ้อมให้อดอาหารตายเพราะมีความเชื่อว่าตนเองไม่ได้ฆ่า แต่พ่ออดอาหารตายไปเอง คือ คิดแบบโมหะอกุศลครอบงำนั่นเองครับ

ยกตัวอย่างดีกว่าเดี๋ยวน้องจังกึม จะงงเอาครับ
เช่น แม่วัยรุ่นคลอดลูกโดยยังไม่พร้อม นำลูกมาทิ้งในกองขยะ ตนเองก็บอกว่าฉันไม่ได้ฆ่าเขานะฉันแค่ทิ้ง
และไม่มีเจตนาจะฆ่าแต่มีเจตนาจะทอดทิ้ง ถ้ามีคนมาเก็บไปเลี้ยงก็แล้วไป ถ้าไม่มีก็ถือว่าเด็กบุญน้อยอดตายไปเอง
ถ้าเด็กจะตายก็คงจะตายเพราะหิวตายเอง หรือไม่ก็อื่นๆ ไม่เกี่ยวกับฉัน โดยแม่เด็กหารู้ไม่ว่าเจตนาทิ้งเด็กนั้นคือเจตนาฆ่าทางอ้อม

กรณีนี้ก็เช่นกันครับ เจตนาทอดทิ้งพ่อโดยอ้างว่าตนเองไม่ผิดไม่บาป ห้ามให้ใครไปช่วยเหลือ เจตนาทิ้งให้อดตายไปเอง ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับแม่วัยรุ่นที่ทิ้งลูกนั่นแหละครับ

ไม่รู้จะพอเข้าใจหรือป่าวนะครับ 5555+
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#8 นิ่งๆ นุ่มๆ

นิ่งๆ นุ่มๆ
  • Members
  • 618 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 May 2006 - 02:06 AM

โอ ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งเช่นกันค่ะ
ควรส่งเคสเร็วๆนะค่ะ จะได้รู้ และแก้กรรม และส่งบุญให้คุณแม่ด้วยค่ะ
อย่าทำตัวเหมือนเรือ ที่เก็บขยะในมหาสมุทร ใครเขาจะพูดอะไร จะว่าอะไรเราให้ใจขุ่น ก็อย่าไปสนใจ ปากก็ของเขา ความคิดก็ของเขา อย่าเอามาแบกไว้ เพราะสุดท้ายเรือจะล่มอยู่กลางมหาสมุทร ไปไม่รอด
น้าจี้

#9 n00m

n00m
  • Moderators
  • 637 โพสต์
  • Location:Patumthanee

โพสต์เมื่อ 16 May 2006 - 02:13 AM

ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ น่าเห็นใจมากๆ ผมก็เห็นด้วยว่าน่าจะส่งเคสถามคุณครูไม่ใหญ่ จะได้ทราบที่มาที่ไป และก็วิธีแก้ไขอ่ะครับ

#10 gioia

gioia
  • Members
  • 593 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 May 2006 - 03:01 AM

ก่อนอื่น..รีบทำใจให้ได้เร็วที่สุดนะคะ
คือทำใจให้ใสให้ได้มากที่สุด
สิ่งไหนที่ผิดพลาดไปแล้ว ก็ลืมไปให้หมดนะคะ ตามหลักวิชชา
แล้วรีบสั่งสมบุญให้มากที่สุด พยายามอยู่ในบุญให้ได้ทุกอนุวินาทีค่ะ
และควรรีบบวชให้เร็วที่สุดนะคะ ชีวิตบรรพชิตเป็นชีวิตที่ง่ายต่อการเข้าถึงธรรมมากที่สุด
เมื่อเข้าถึงพระธรรมกายภายในแล้ว หนักก็คงเป็นเบา
และการกราบขอความเมตตาจากหลวงพ่อและปูชนียาจารย์ทุกท่าน ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรลืมนะคะ



#11 pp_072

pp_072
  • Members
  • 209 โพสต์
  • Interests:ดีครับ

โพสต์เมื่อ 16 May 2006 - 07:53 AM

ขอแสดงความเสียใจครับ เห็นด้วยกับการส่งcaseครับ
เพราะทำให้สบายใจได้ครับ
พุทธบุตรต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว

พุทธบริษัท 4 ต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนตะวันที่มีดวงเดียว

#12 พักผ่อน

พักผ่อน
  • Members
  • 422 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 16 May 2006 - 08:07 AM

ที่ว่ามีเจตนาหมายถึงมีเจตนาจะเบียดเบียนหรือฆ่านะครับ อย่างเช่น เราแกล้งผลักแต่คนตาย อย่างนี้ชื่อว่าเจตนา
แต่ถ้าไม่มีเจตนาเลย คิดว่าไม่เป็นอนันตริยกรรมครับ แต่เป็นกรรมประมาทเลินเล่อทำให้เกิดเรื่องที่คาดไม่ถึง
ถ้าตอนถอยรถมีใจประทุษร้ายหรือโกรธเคืองอะไรอยู่ อันนี้อาจจะหนักหน่อย ยิ่งถ้าแกล้งถอยรถใส่โดยหมายว่าเขาจะหลบ
อย่างนี้ไม่รอดแน่ แต่ถ้าประสงค์จะถอยรถออกจากบ้านอย่างเดียวแล้วเกิดอุบัติเหตุ อย่างนี้คงไม่ใช่อนันตริยกรรมครับ
แต่ก็ต้องสูญเสียคนที่รักไปโดยคาดไม่ถึง ก็ควรทำบุญเยอะ ๆ แล้วพยายามตั้งสติให้ดีครับ อย่าได้ประมาทอีก

#13 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 16 May 2006 - 08:57 AM

เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียด ผู้ตอบจะต้องเลือกตอบให้เขาสบายใจด้วย และเป็นความจริงด้วย ซึ่งจะต้องอาศัยสติปัญญาอย่างมากทีเดียวล่ะครับ คิดว่า ส่งเป็นเคสไปถึงคุณครูจะเหมาะที่สุด เรื่องบางเรื่องแม้ผิดจริง แต่ด้วยความชาญฉลาดของผู้ตอบ จึงทำให้ผู้ทำผิดบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันขึ้นมาได้ แล้วเข้าใจทุกอย่างอย่างถ่องแท้ หลังจากตนได้เป็นพระโสดาบันแล้ว

เรื่องก็มีอยู่ มีเพชรฆาตเคราแดง ฆ่าคนตาไม่กระพริบ (ตาไม่กระพริบนี่ว่าเอง หมายถึง ไร้ความปราณีใดๆ น่ะครับ) ต่อมาเห็นพระสำนึกได้ จึงเข้าไปถามพระสารีบุตร (ผู้เลิศด้วยปัญญา) ว่า ตัวเขาเองฆ่าคนตายมานับครั้งไม่ถ้วน เขาจะมีบาปมากมายเพียงใดครับ

พระสารีบุตรถามว่า "ท่านฆ่าเอง หรือ ทำตามคำสั่งใคร"
เพชรฆาตตอบว่า "ข้าพเจ้า ทำตามคำสั่งพระราชา"
พระสารีบุตรย้อนถามว่า "เมื่อท่านไม่ฆ่าเอง แล้วจะมีบาปด้วยหรือ" (เป็นคำถาม ไม่ได้โกหก)
เพชรฆาตเคราแดง เข้าใจไปเองว่า เออ งั้นคงไม่เป็นบาป แล้วก็สบายใจ ใจน้อมจนเข้าถึงธรรมพอดี แล้วก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#14 สิริปโภ

สิริปโภ
  • Members
  • 1766 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:เรื่องลึกลับ

โพสต์เมื่อ 16 May 2006 - 09:05 AM

เรื่องนี้เคยอ่านเจอในคำภีร์เล่มหนึ่ง หากบุรุษหนึ่ง แทงหอกสุ่มๆลงไปในกองฟาง บังเอิญไปโดนเอาบิดาตนเอง เสียชีวิตทันที ทั้งๆที่บุรุษนั้นไม่มีเจตนา ถามว่าเป็นอนันตริยกรรมหรือไม่ ตอบว่าเป็นเต็มๆครับ หากว่าผู้ฆ่าและผู้ตายก็ไม่รู้ว่ามีเจตนาต่อกันหรือไม่ แต่เบื้องลึกๆ กายละเอียดหรือจิตใต้สำนึกลึกลงไปในดวงจิตของทั้ง2คน ย่อมรู้ครับว่าใครมาฆ่า จะโดยเจตนาหรือไม่ก็ตาม




#15 kran

kran
  • Members
  • 73 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 May 2006 - 09:36 AM

น่าสงสารและน่าเห็นใจเอามากๆ เป็นผมๆคงทำตัวไม่ถูกแน่ๆเลยครับ เพราะว่าภาพเหล่านี้ย่อมเป็นคตินิมิตที่ชัดเจนติดตัวเอาไปตอนตายแน่นอนครับ เพราะฉะนั้นอย่าหมั่นนึกถึงสิ่งเหล่านี้บ่อยๆ มิเช่นนั้นทุกขคติเป็นที่ไปอย่างแน่นอนครับ

ผมว่าทางที่ดีคือบวชไม่ก็รักษาศีลตลอดชีวิตครับ หนักจะได้เป็นเบา

ไม่ก็ถามคุณครูไม่ใหญ่น่าจะดีที่สุดครับผมว่านะ มิเช่นนั้นแล้วมันก็จะเป็นข้อค้างคาใจไปอย่างนี้ต่อไปนะครับ

ทำใจสบายๆนะครับ อย่าไปหมั่นนึกเรื่องนี้บ่อยนักนะครับ เพราะมิเช่นนั้นแล้วใจเราจะไปย้ำสิ่งเหล่านี้อยู่เสมอ

#16 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1209 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 May 2006 - 12:42 PM

เห็นด้วยกับพี่หัดฝันครับ แนะนำให้เขาเข้าถึงธรรมะภายในให้ได้ หรือไม่ก็ให้เข้าถึง ฌาณ
ปฐมฌาณ พยายามอย่าไปบอกเขาว่าอนันตริยกรรมจะทำให้ใจเศร้าหมองเข้าถึงธรรมไม่ได้
หาทางช่วยให้เข้าถึงธรรมได้ปลอดภัยที่สุด เรื่องกรรมที่ทำโดยไม่เจตนานี้มันไม่มีเพราะมัน
มีเหตุเราจึงทำกรรม ดังนั้นโอกาศจะโดนบาปมารเล่นงานสูงมาก หาทางกลับวงบุญฯ ให้ได้ก่อน
จึงหาทางแก้ตอนนั้น
หยุดคือตัวสำเร็จ

#17 บุญโต

บุญโต
  • Members
  • 2192 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
  • Interests:ปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 16 May 2006 - 01:41 PM

ช่วง 2 ปีนี้ ข่าวนี้เกิดขึ้นหลายครั้งนะคะ (ส่วนมากจากรถเกียร์ออโต้)
ตั้งแต่ดาราที่มายืนแล้วรถไหลมาทับตัวเองตาย
แล้วก็รู้สึกจะทับลูกสาว
และล่าสุดจากข่าวคือทับภรรยาที่ท้อง
และจากกระทู้นี้

#18 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 May 2006 - 02:57 PM

QUOTE
หากบุรุษหนึ่ง แทงหอกสุ่มๆลงไปในกองฟาง บังเอิญไปโดนเอาบิดาตนเอง เสียชีวิตทันที ทั้งๆที่บุรุษนั้นไม่มีเจตนา ถามว่าเป็นอนันตริยกรรมหรือไม่ ตอบว่าเป็นเต็มๆครับ หากว่าผู้ฆ่าและผู้ตายก็ไม่รู้ว่ามีเจตนาต่อกันหรือไม่ แต่เบื้องลึกๆ กายละเอียดหรือจิตใต้สำนึกลึกลงไปในดวงจิตของทั้ง2คน ย่อมรู้ครับว่าใครมาฆ่า จะโดยเจตนาหรือไม่ก็ตาม

ถูกต้องเลยครับ ดังที่คุณสิริปโภได้กล่าวไว้เลยครับ กฎแห่งกรรมไม่มีใครหลีกหนีได้แม้แต่พระอรหันต์ท่านก็ยังไม่สามารถหลีกหนีกฎของกรรมได้เลยครับ

อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือ
องคุลีมารโจร ถ้าพระพุทธเจ้าไม่ทรงมาช่วยไว้ ในวันนั้นองคุลีมารโจรจะต้องฆ่าแม่ของตนเองเพราะโมหะครอบงำทำให้จำไม่ได้ว่าหญิงคนนี้คือแม่ของตนเอง ลองคิดดูสิครับ ว่าอนันตริยกรรมอันตรายขนาดไหน ต่อให้องคุลีมารโจรฆ่าคนมานับไม่ถ้วน แต่ถ้าพลาดฆ่าแม่ของตนเองเพียงแค่คนเดียวไม่ว่าจะรู้หรือไม่รู้ ไม่ว่าจะจำได้หรือจำไม่ได้ บาปก็ คืออเวจีมหานรก ปิดทางสวรรค์ ปิดทางนิพพาน หมดสิทธิบรรลุธรรมทีเดียวนะครับ
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#19 ยิ่งนั่ง-ยิ่งง่าย-สบายจัง

ยิ่งนั่ง-ยิ่งง่าย-สบายจัง
  • Members
  • 75 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 16 May 2006 - 03:35 PM

ผมมาคอนเฟิรม์ท่านสิริปโภนะครับ เรื่องนี้ผมเคยอ่านเจอในหนังสือกรรมทีปนีของพระพรหมโมลีครับ
อ่านเรื่องนี้จบ ผมกลัวมากเลยนะครับ ยิ่งเป็นคนวัดด้วย ผมรีบพนมมืออธิษฐานหน้าจอเลยครับ อย่างที่คุณจังกึมแนะนำ
สลดจริงๆครับ
*** เล่นเนทอย่างไรให้ได้บุญ ***

#20 ลูกพระธัม

ลูกพระธัม
  • Members
  • 5 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 May 2006 - 04:41 PM

QUOTE
เรื่องนี้เคยอ่านเจอในคำภีร์เล่มหนึ่ง หากบุรุษหนึ่ง แทงหอกสุ่มๆลงไปในกองฟาง บังเอิญไปโดนเอาบิดาตนเอง เสียชีวิตทันที ทั้งๆที่บุรุษนั้นไม่มีเจตนา ถามว่าเป็นอนันตริยกรรมหรือไม่ ตอบว่าเป็นเต็มๆครับ หากว่าผู้ฆ่าและผู้ตายก็ไม่รู้ว่ามีเจตนาต่อกันหรือไม่ แต่เบื้องลึกๆ กายละเอียดหรือจิตใต้สำนึกลึกลงไปในดวงจิตของทั้ง2คน ย่อมรู้ครับว่าใครมาฆ่า จะโดยเจตนาหรือไม่ก็ตาม


แสดงว่าแม้ไม่ได้เจตนาก็ถือว่าเป็น"อนันตริยกรรม"เหรอครับ
ถ้าเป็นจริงก็น่าสงสารกัลยานิมิตรท่านนี้จริงๆครับ


#21 VCO

VCO
  • Members
  • 322 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 May 2006 - 09:04 PM

ขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ

#22 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 16 May 2006 - 09:31 PM

nerd_smile.gif ก่อนอื่นอยากให้ทุกท่านในที่นี้ทำความเข้าใจเสียก่อนว่า สิ่งที่มีปรากฏเป็นข้อความอยู่ในพระไตรปิฎกที่ตกทอดมาถึงพวกเรานั้น เป็นของฝ่ายเถรวาท ซึ่งแปลตามตัวว่า “วาทะแห่งพระเถระ” ซึ่งจุดนี้ ผมมีความจำเป็นจะต้องเท้าความถึงการสังคายนาพระไตรปิฎกในยุคสมัยหลังพุทธปรินิพพานว่า การสังคายนาพระไตรปิฎกนับแต่ครั้งสมัยที่พระกัสสปะเถระเป็นประธานจนกระทั่งถึงการสังคายนาครั้งที่ ๓ ในราวปีพ.ศ. ๒๓๔ ซึ่งมีพระโมคคัลลีบุตรติสสเถระเป็นประธานนั้น เป็นการสังคายนาที่กระทำโดยพระสงฆ์ซึ่งเป็นพระอริยบุคคลทั้งสิ้น แต่ในกาลต่อมา การสังคายนากระทำโดยการถ่ายทอดแบบปากต่อปาก (มุขปาฐะ) เป็นหลัก พึ่งจะมามีการจารึกลงในใบลานเมื่อประมาณปีพ.ศ. ๔๓๓ ซึ่งนับเป็นการสังคายนาครั้งที่ ๒ ในศรีลังกา และครั้งที่ ๕ ของโลก จากหลักฐานดังกล่าวนี้ ผมขอโยงมาถึงกระทู้ที่เพื่อนกัลยาณมิตรได้ตั้งขึ้น และขอชี้แจงด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ว่า

๑. ข้อมูลของการสังคายนานับแต่ครั้งที่ ๔ เป็นต้นมานั้น ผู้กระทำการสังคายนามิใช่พระอริยบุคคล และเป็นข้อมูลที่มีการถ่ายทอดแบบปากอยู่ชั่วระยะหนึ่ง จึงต้องขอย้อนถามท่านทั้งหลายในที่นี้ว่า เป็นไปได้ไหม ที่ข้อมูลเหล่านั้น อาจมีข้อวิปริตผิดพลาด เนื่องจากปัญญาในการท่องจำของกุลบุตรเสื่อมถอยลงไปเรื่อยๆ

๒. พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า
“เจตนา หํ ภิกฺขเว กมฺมํ วทามิ” แปลว่า “เจตนานี้เป็นตัวกรรม”

แล้วเหตุไฉนเนื้อความจากพระไตรปิฎกที่คุณจังกึม ยกมาจากพระไตรปิฎกในวรรคนั้น จึงกล่าวว่า "แม้กระทำโดยมิได้เจตนา ก็จัดว่าเป็นอนันตริยกรรม" ซึ่งเนื้อความที่มีบันทึกตอนนี้เอง ที่มีความขัดแย้งกับหลักของกฎแห่งกรรมที่พิจารณาจากหลักของเจตนาเป็นตัวยืนพื้น และพุทธวจนะที่พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนแก่พุทธบริษัท ๔ ไว้อย่างสิ้นเชิง

๓. สืบเนื่องจากเหตุผลข้อที่ ๑ และ ๒ ประกอบกัน เป็นไปได้ไหมว่า ในการสังคายนาครั้งหลังจวบจนกระทั่งข้อมูลเหล่านั้น ได้ตกทอดมายังอนุชนรุ่นหลัง ตัวของผู้สังคายนาทั้งที่เป็นองค์ประธานก็ดี และผู้เข้าร่วมประชุมเองก็ดี ได้มีการสอดแทรกความเห็นส่วนบุคคลลงไปในเนื้อหาที่มีมาแต่ดั้งเดิม

ขอวกกลับมาที่กระทู้ถาม จากเหตุการณ์ดังกล่าว ต้องนำเอารูปการณ์ที่เกิดขึ้นมาพิจารณาว่า หากในขณะนั้น กระทำลงไปโดยมิได้เจตนา และทำไปโดยไม่รู้ว่าคุณแม่อยู่ตรงนั้นจริงๆ แล้วล่ะก็ กรรมนี้ก็เป็นเพียง “กตัตตากรรม หรือ กตัตตาวาปนกรรม” คือ กรรมที่กระทำโดยไม่เจตนา แต่เพียงเท่านั้น หาได้เป็นอนันตริยกรรมแต่อย่างใดไม่ แต่หากเป็นกรณีที่รู้เห็นอย่างชัดเจนว่า แม่ของตัวก็ยืนอยู่ตรงนั้น และ/หรือเป็นการกระทำโดยอาศัยอุบัติเหตุเป็นการฆาตกรรมอำพราง และอารมณ์ของผู้กระทำในขณะนั้น ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยเจตนาที่จะลงมือฆ่าแม่ ดังนี้ล่ะก็ จัดเป็นอนันตริยกรรม ลงอเวจีมหานรก ปิดสวรรค์ กั้นนิพพานอย่างมิต้องสงสัย ขอเพิ่มเติมทิ้งท้ายว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งก็มีเหตุมาจากกรรมของคุณแม่ท่านนั้นด้วย ที่เป็นเหตุให้ท่านต้องจากไปด้วยอาการอันไม่สมควร (ไม่สมแก่เหตุในปัจจุบัน แต่สมแก่กรรมที่ทำมาแต่ในอดีต) และผมต้องขอแสดงความเสียใจมายังครอบครัวของเพื่อนกัลยาณมิตรท่านนั้น มา ณ โอกาสนี้ด้วยนะครับ

บทส่งท้าย : จากความเห็นทั้งหมดที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ผมอยากให้กัลยาณมิตรทุกท่านเสพข้อธรรมจากสิ่งสื่อต่างๆ ทั้งที่มีปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกก็ดี หรือไม่ใช่พระไตรปิฎกก็ดี โดยอาศัยการใคร่ครวญพิจารณาด้วยโยนิโสมนสิการ ตรองเหตุตรองผล ทบไปทวนมาอย่างมีสติและมีปัญญา มิใช่เชื่อข้อมูลทุกอย่างที่มีปรากฏโดยปราศจากการพิจารณาใคร่ครวญ ดังมีปรากฏเป็น ๑ ใน ๑o แห่งกาลามสูตร ความว่า “อย่าเชื่อเพียงเพราะมีปรากฏอยู่ในตำรับตำรา” นะครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมขอมอบสิทธิและอำนาจทั้งปวงในการตัดสินชี้ขาดให้กับพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ แต่ก็อย่าลืมว่า เมื่อได้รับฟังมาแล้ว ต้องนำมาเป็นเครื่องเตือนใจและกระตุ้นเตือนให้น้อมนำไปปฏิบัติตามด้วยนะครับ เพราะการรู้แจ้งที่ประเสริฐสูงสุดในบวรพระพุทธศาสนานั้น คือ “การรู้แจ้งด้วยปัญญาที่เกิดมีในตน” ครับ

"ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน"
พระพุทธภาษิต


ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
พระอมตะวจนา แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


[/color]
"...พระพุทธศาสนา บริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระ และเป็นประโยชน์ในทุกระดับ
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒



"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"

"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"

[color="#990000"]ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

#23 จักรตะวัน

จักรตะวัน
  • Members
  • 41 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 May 2006 - 11:27 PM

อย่าตอบสั่วนะครับ
ผมขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นอนันตตริยกรรม
เขาเจตนาถอยรถ-----ไม่ได้เจตนาฆ่า
คุณที่รู้ธรรมมะในเวปนี้--ใครบ้างที่เข้าถิ้งกายธรรมจริงๆ
พวกฝิกเจโตวิมมุติก้ยังงี้-------ชอบปล่อยใจให้ทะยานในบุญจนฟุ้งเลยขอบเขต
พอทำชั่วเลยฟุ้งไปใหญ่---ไกลกว่าตอนนิกถิงบุญ
ไม่ฉลาดพอ
อย่าตอบแบบที่นายรุ้มานะ
เขาจะเสียหายหนัก
ตอนเด็ก
บ้านผมเคยทำผัดเผ้ด---ใช้ใบมะกรูด
แม่เด็ด----แล้วทีงหนามมะกรูดไว้---แต่มันไม่ลงตะกล้า
แม่บอกให้ผมซี้งนั่งเล่นตรงนั้น--เอาไปที้ง
ผมบอกว่าเอาไว้ก่อนเหอะ--เด๊ยวจะทิ้งให้
ไม่ถิง5---นาที
แม่ก็เหยียบหนามมะกรูดนั้น
หนามมันหนาประมาร1.5นี้ว
เลือดของแม่ออกมากขนาดไหน--ไม่ต้องบอกนะ
แม่บ่นออกมา1คำว่าที้งแต่ที่แรกให้ลง-----แม่ก้คงไม่โดน
ท่านไม่โทษเราหรอก
บาดแผลของแม่หายไปนานแล้ว
แต่มันยังฝังลิกในตัวผม
นี้แม่เขาตายเลยนะ
พวกคุณก็เอาใหญ่----อย่าโทรใครนะที่เขาว่า---เราส่วนใหญ่มักขาดปํญญา
วินิจฉัยตำ
ไม่รู้แล้วเอาใหญ่
เขียนอะไร---เผื่อทางรอดเอาไว้ให้ตัวเองบ้างครับ

#24 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1209 โพสต์

โพสต์เมื่อ 17 May 2006 - 01:36 AM

เรื่องกรรมไม่เจตนานี้สำคัญมาก ไม่กล้าฟันธงไปเลย เพราะไม่มีใครตัดสินได้ว่าบาปไม่บาป
ขนาดไหน เลยมีข้อสงสัยอีกอย่างหนึ่ง

การฆ่าผิดตัวนั้น เป็นกรรมแบบไหน เพราะถ้าหาก องคุลีมาน ฆ่าแม่ตัวเองแล้วย่อมจะปิด
สวรรค์นิพพาน แต่องคุลีมานนั้นไม่ได้เจตนาฆ่าแม่ตัวเองเลย เพราะไม่รู้ว่าเป็นแม่ เป็นที่รู้อยู่
ว่าถ้าหากลงมือไปแล้วแม้แต่พระพุทธองค์ก็ยังไม่สามารถช่วยได้ แต่ต่างกรรมแบบไม่เจตนา
ตรงที่ว่า กรณีนี้กัลยาณมิตรคนนี้ไม่มีเจตนาฆ่าอยู่ด้วยเลย แต่องคุลีมานมีเจตนาฆ่าอยู่เต็มตัว
เพียงแต่ว่าไม่ทราบว่าเป็นแม่ตัวเองเท่านั้น
หยุดคือตัวสำเร็จ

#25 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 17 May 2006 - 02:02 AM

QUOTE
อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือ
องคุลีมารโจร ถ้าพระพุทธเจ้าไม่ทรงมาช่วยไว้ ในวันนั้นองคุลีมารโจรจะต้องฆ่าแม่ของตนเองเพราะโมหะครอบงำทำให้จำไม่ได้ว่าหญิงคนนี้คือแม่ของตนเอง ลองคิดดูสิครับ ว่าอนันตริยกรรมอันตรายขนาดไหน ต่อให้องคุลีมารโจรฆ่าคนมานับไม่ถ้วน แต่ถ้าพลาดฆ่าแม่ของตนเองเพียงแค่คนเดียวไม่ว่าจะรู้หรือไม่รู้ ไม่ว่าจะจำได้หรือจำไม่ได้ บาปก็ คืออเวจีมหานรก ปิดทางสวรรค์ ปิดทางนิพพาน หมดสิทธิบรรลุธรรมทีเดียวนะครับ

ไม่ใช่ตอบแบบสั่วๆ ครับคุณจักรตะวัน ผมอิงที่มาด้วยครับ ถ้าคิดว่าผมเข้าใจผิดช่วยอธิบายเรื่ององคุลีมารให้ผมฟังหน่อยสิครับ

คุณจักรตะวันตอบคำถามผมดีกว่าครับ
1.สมมุติว่าลูกชายกำลังเข้าป่าล่าสัตว์อยู่ ในขณะล่าบังเอิญมองเห็นเงาตะคลุ่มๆ ดูไม่ชัดจึงชักปืนยิง พอเดินเข้าไปใกล้ๆ จึงรู้ว่าตนเองได้ยินพ่อตัวเองตาย ถามว่าลูกชายทำอนันตริยกรรมหรือไม่หละครับ??

2. มีชายตาบอดคนหนึ่งอยู่บ้านคนเดียวยามดึก กับมารดา มีอยู่คืนหนึ่งปรากฎว่า ชายตาบอดได้ยินเสียงเหมือนคนพยายามจะงัดเข้าบ้าน ชายตาบอดจึงเดินไปคว้าปืนเพราะมั่นใจว่าจะเป็นโจรหรือขโมย ทันใดนั้นเขาจึงได้ยิงขู่ปรากฎว่าลูกปืนได้กระดอนไปถูกมารดาของเขาเองเสียชีวิตถามว่า ชายตาบอดทำอนันตริยกรรมหรือไม่ครับ??

3.สมมุติว่ามีช่างตัดผมคนหนึ่งกำลังตัดผมให้ลูกค้าบังเอิญลูกค้าเป็นพระอรหันต์ ขณะแคะหูให้ลูกค้าเกิดพลาดทำแก้วหูแตกตายถามว่าช่างตัดผมทำอนันตริยกรรมหรือไม่?

4. สมมุติว่ามีนายสารถีคนหนึ่งกำลังจะขับรถไปทำบุญ แล้วบังเอิญถอยหลังรถพลาดไปเหยียบเอาพระอรหันต์ที่กำลังเดินบิณฑบาตรผ่านมาถามว่านายสารถีคนนี้ทำอนันตริยกรรมหรือไม่ครับ?

5. สมมุติว่าพระเทวทัตเป็นคนดีไม่มีจิตคิดประทุษร้ายพระพุทธองค์ กลิ้งก้อนหินลงมาโดยไม่ทราบว่าด้านล่างคือพระพุทธเจ้า ถามว่าการทำให้พระพุทธองค์เพียงแค่ห้อพระโลหิตจัดเป็นอนัตริยกรรมแล้วหรือไม่? และถ้าหินใหญ่ก้อนนั้นถึงกับทำให้ปรินิพพานคุณว่าชายผู้ไม่มีเจตนาจะยังคงได้รับผลของอนันตริยกรรมหรือไม่หละครับ?

บิดา มารดา คือพระอรหันต์ในบ้าน เจตนาที่ตอบไม่ใช่เพื่อซ้ำเติมใครเขานะครับ แต่สิ่งที่ผมกำลังจะพยายามบอกเหมือนกับทุกครั้งก็คือ ภัยในวัฎฎะสงสารน่ากลัวยิ่งนัก ยิ่งเกิดมากชาติก็ตายมากชาติ ถ้าเราโชคดีคงได้ไปสวรรค์ แต่ถ้าเราโชคร้ายก็ต้องไปนรกๆ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย ผู้ที่เห็นนรกจนแจ่มแจ้งจึงรู้ว่าสัตว์ทั้งหลายมีโอกาสพลาดไปนรกได้ง่ายยิ่งนักครับ

อย่าว่าแต่อนันตริยกรรมเลยครับ แค่ผิดศีล 5 ก็ขอให้รู้กันไว้เลยว่าใครก็ตามที่ผิดศีลมีสิทธิจองตั๋วฟรีไปนรกได้ทุกเมื่อครับ
ผมสงสารเพื่อนกัลยาณมิตรท่านนี้มาก และผมก็สงสารตัวเองเช่นกันที่ต้องเวียนเกิดเวียนตายอีกนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ และจะพลาดเหมือนเพื่อนท่านนี้มาก่อนหรือต่อไปจะพลาดไหมก็ยังไม่แน่ใจอนาคตตัวเองเหมือนกันครับ

หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#26 พักผ่อน

พักผ่อน
  • Members
  • 422 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 17 May 2006 - 02:05 AM

เรื่องนี้มีเจตนาอยู่ คือเจตนาจะถอยรถ แต่ปกติแล้วการถอยรถต้องระมัดระวังเป็นพิเศษอยู่แล้ว เพราะถ้าไปชนหมาชนแมวก็เป็นกรรม เพียงแต่จะถึงขั้นอนันตริยกรรมหรือไม่นั้น คงต้องอาศัยผู้ที่รู้เหตุเฉพาะบุคคลของคน ๆ นั้นแล้วล่ะครับ ไม่งั้นก็คงวิเคราะห์กันแบบรวม ๆ เท่านั้น เพราะถึงขั้นชนจนตายนี่คงไม่ธรรมดา ผมก็เคยแค่ถอยรถไปโดนสิ่งกีดขวางทำรถเสียหายเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่ดูดีแล้วมันไม่มีอะไร แต่พอดีมันมืดแล้วเขาเพิ่งเอามอเตอร์ไซด์มาจอด แถมทางตรงนั้นเป็นร่องคอนกรีตอีก ผมก็เลยคิดว่ามันติดร่องคอนกรีตเลยพยายามถอยให้พ้น ที่ไหนได้ตะโกนกันลั่นเลย ชนมอเตอร์ไซด์ นับว่ายังโชคดีที่ไม่มีอะไรร้ายแรงกว่านี้

มีอีกเรื่องคือ นกที่ถูกนายพรานทรมานให้ร้อง ทั้ง ๆ ที่นกนั้นรู้อยู่ว่าร้องแล้วพรรคพวกตัวเองจะบินมาหา แล้วโดยนายพรานจับ แต่ก็จำใจต้องร้องเพราะกลัวนายพรานทำร้าย อันนี้ก็อ่านมาจากกรรมทีปนีเหมือนกันครับ เขาว่าไม่มีกรรมแม้แต่นิดเดียวเลย

คิดว่าควรดูเฉพาะรายไปจะดีที่สุดครับ แต่ไม่ว่ายังไงการสั่งสมบุญกุศลย่อมช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้แน่นอนครับ



#27 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 17 May 2006 - 02:27 AM

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๗ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๔ กถาวัตถุปกรณ์
วรรคที่ ๒๐ อสัญจิจจกถา

[๑๘๐๙] สกวาที บุคคลปลงชีวิตมารดาโดยมิได้แกล้ง โดยไม่ได้เจตนา เป็นผู้ชื่อว่าทำอนันตริยกรรม หรือ?
ปรวาที ถูกแล้ว
@๑. ม. มู. ข้อ ๓๒๓ หน้า ๓๒๕
ส. บุคคลฆ่าสัตว์โดยมิได้แกล้ง เป็นผู้ชื่อว่า ทำปาณาติบาต หรือ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. บุคคลปลงชีวิตมารดาโดยมิได้แกล้ง เป็นผู้ชื่อว่า ทำอนันตริยกรรมหรือ?
ป. ถูกแล้ว
ส. บุคคลถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขามิได้ให้ ฯลฯ กล่าวคำเท็จโดยมิได้แกล้งเป็นผู้ชื่อว่า กล่าวมุสาวาท หรือ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ

[๑๘๑๐] ส. บุคคลฆ่าสัตว์โดยมิได้แกล้ง ไม่เป็นผู้ชื่อว่า ทำปาณาติบาต หรือ?
ป. ถูกแล้ว

ส. บุคคลปลงชีวิตมารดาโดยมิได้แกล้ง ไม่เป็นผู้ชื่อว่า ทำอนันตริยกรรมหรือ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. บุคคลถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขามิได้ให้ ฯลฯ กล่าวคำเท็จโดยมิได้แกล้งไม่เป็นผู้ชื่อว่า กล่าวมุสาวาท หรือ?
ป. ถูกแล้ว
ส. บุคคลปลงชีวิตมารดาโดยมิได้แกล้ง ไม่เป็นผู้ชื่อว่า ทำอนันตริยกรรมหรือ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ

[๑๘๑๑] ส. บุคคลปลงชีวิตมารดาโดยมิได้แกล้ง เป็นผู้ชื่อว่า ทำอนันตริยกรรมหรือ?
ป. ถูกแล้ว

ส. คำว่า บุคคลปลงชีวิตมารดาโดยมิได้แกล้ง เป็นผู้ชื่อว่า ทำอนันตริยกรรมดังนี้ เป็นสูตรมีอยู่จริง หรือ?
ป. ไม่มี
ส. คำว่า บุคคลแกล้งปลงชีวิตมารดา เป็นผู้ชื่อว่า ทำอนันตริยกรรม ดังนี้เป็นสูตรมีอยู่จริง หรือ?
ป. ถูกแล้ว
ส. หากว่า คำว่า บุคคลแกล้งปลงชีวิตมารดา เป็นผู้ชื่อว่า ทำอนันตริยกรรม

ดังนี้ เป็นสูตรมีอยู่จริง ก็ต้องไม่กล่าวว่า บุคคลปลงชีวิตมารดาโดยมิได้แกล้ง เป็นผู้ชื่อว่า ทำอนันตริยกรรม

[๑๘๑๒] ป. ไม่พึงกล่าวว่า บุคคลผู้ฆ่ามารดา เป็นผู้ชื่อว่า ทำอนันตริยกรรม หรือ?
ส. ถูกแล้ว
ป. เขาได้ปลงชีวิตมารดาแล้ว มิใช่หรือ?
ส. ถูกแล้ว
ป. หากว่า เขาได้ปลงชีวิตมารดาแล้ว ด้วยเหตุนั้นนะท่านจึงต้องกล่าวว่าบุคคลผู้ฆ่ามารดา เป็นผู้ชื่อว่า ทำอนันตริยกรรม

ที่มา : http://84000.org/tip...&w=อนันตริยกรรม

***************************
โปรดใช้วิจารณญาณกันเอาเองเถอะครับสาธุ

#28 ยิ่งนั่ง-ยิ่งง่าย-สบายจัง

ยิ่งนั่ง-ยิ่งง่าย-สบายจัง
  • Members
  • 75 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 17 May 2006 - 03:52 PM

ใช้คำรุนแรงจังครับ คุณจักรตะวัน
ทุกคนในเวปนี้ คงไม่มีใครอยากซ้ำเติมใครหรอกนะครับ
และคงไม่มีใครรู้สึกสะใจหรือมีความสุขที่ได้เห็นผู้ใดผู้หนึ่งกระทำอนันตริยกรรม
แม้กระทั่งผมเองเวลาอ่านหนังสือพิมพ์แล้วพบข่าวลูกเมายาฆ่าพ่อ-แม่ ผมเองยังรู้สึกสงสารและเห็นใจในชะตากรรมของผู้นั้นเลยครับ
ประสาอะไรกับกัลยาณมิตรท่านนี้ ไม่ว่าจะเป็นอนันตริยกรรมหรือไม่ก็ตาม ผมเองก็รู้สึกเสียใจ และเห็นใจอย่างสุดซึ้งเลยนะครับ
ผมเองไม่ใช่คนที่มีภูมิธรรมอะไรมากมายเพียงแต่เคยอ่านหนังสือเจอจึงต้องการแสดงทรรศนะคตินึงเท่านั้น
ด้วยสัจจริงไม่คิดจะซ้ำเติมใครใดๆทั้งสิ้นครับ

จะพยายามตั้งใจปฎิบัติธรรมให้ละเอียดยิ่งๆขึ้นไปครับ
หากวันใดเข้าถึงพระธรรมกายภายใน ได้ศึกษาวิชชาธรรมกาย ผมจะขออนุญาตเข้ามาโพสตอบคุณจักรตะวันอีกครั้งครับ
ขอตัวไปนั่งธรรมะทำใจใสๆก่อนครับ
*** เล่นเนทอย่างไรให้ได้บุญ ***

#29 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 17 May 2006 - 04:48 PM

ผมว่า คุณ xlmen ลองพิจารณาคำตอบดูอีกครั้งนะครับ เพราะเห็นครั้งนี้คุณ xlmen ยึดตามตำราจริงจัง แต่ในคำตอบครั้งก่อนๆ ทั้งที่มีคำตอบตามตำราเรื่องพระเจ้าพิมพิสารอยู่ก่อนแล้ว คุณ xlmen ยังสามารถให้ความเห็นส่วนตัวที่ไม่เหมือนกับตำราได้เลย ถ้าครั้งนี้จะทำคล้ายๆ กัน ผมว่านะจะดีนะครับ หรือถ้าจะตอบตามตำราจริงๆ ก็ควรแนะนำต่อให้เขารู้วิธีปฏิบัติตัวต่อไปด้วย ว่าจะทำไฉนต่อไปดี เหตุการณ์มันเกิดขึ้นไปแล้วเป็นต้น

นี่คือคำตอบของคุณ xlmen ในเรื่องพระเจ้าพิมพิสารถูกกรีดพระบาท
"ส่วนคำถามว่าทำไมถึงต้องถูกกรีดฝ่าพระบาท ?? ก็อาจจะเป็นกรรมที่เกิดจากการที่พระองค์เองก็เป้นกษัตริย์รบทัพจับศึกก็เป็นได้ครับ เพราะกษัตริย์สมัยก่อนนั้นต้องเข่นฆ่าข้าศึกอยู่เสมอๆ นะครับ ดีที่ท่านเป็นพระโสดาบันไม่งั้นหละก็อบายภูมิเห็นๆ เลยครับ"

คำตอบตามตำราของท่านอื่นๆ ซึ่งโพสก่อนคุณ xlmen ในหัวข้อเวียนประทักษีณ
"ผมเคยได้ยินเรื่องของพระเจ้าพิมพิสาร ที่ท่านโดนลูกชายให้คนไปกรีดฝ่าเท้า เนื่องจากกรรมในอดีตที่ท่านเดินเวียนประทักษิณโดยไม่ได้ถอดรองเท้า หรือท่านใส่รองเท้าเดินบริเวณรอบลานอุโบสถหรือพุทธสถานอะไรสักอย่างนี่แหละครับ ได้ยินเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็ก เลยไม่กล้าใส่รองเท้า แล้วก็อย่างที่บอกอ่ะครับ คิดว่าการถอดรองเท้าเป็นการแสดงความเคารพต่อพระรัตนตรัย ทำแล้วเราก็ใจสบาย"
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#30 joey

joey
  • Members
  • 164 โพสต์

โพสต์เมื่อ 17 May 2006 - 04:58 PM

การชนมารดาจนเสียชีวิตโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่เป็นอนันตริยกรรม
เป็นเพราะมารดาหมดอายุขัยพอดี และสั่งสมบุญมาไม่มาก จึงต้องมาเสียชีวิตในลักษณะนี้ อีกอย่างหนึ่งก็เป็นกรรมที่มารดาเคยทำให้บุตรเสียชีวิตมาก่อน ชาตินี้มาเป็นแม่ลูกกัน ลูกก็มาทำให้มารดาเสียชีวิตโดยไม่ได้ตั้งใจ

ให้อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน หมั่นทำใจใส ๆ ทำทาน ศีล ภาวนาสม่ำเสมอ อย่ากังวลเลย เพราะแต่ละคนก็มีวิบากกรรมต่าง ๆ มากมาย ให้หมั่นสร้างบุญกุศลไว้เยอะ ๆ กรรมจะได้ตามไม่ทัน จนกระทั่งเป็นอโหสิกรรม พยายามปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย

ลองฟัง case study ที่จะยกเป็นตัวอย่างให้ฟังข้างล่าง

วันอังคารที่ 25 เมษายน 2549 เรื่องอีกคนที่ห่วงใย
--เจ้าของเคสจะบาปหรือไม่ เพราะหมอสั่งยานอนหลับเนื่องจากเจ้าของเคสไปปรึกษาเอง หลังจากฉีดยานอนหลับแล้วคุณพ่อก็เสียชีวิต

--(ฝันในฝัน) ตายเพราะหมดอายุขัยและฤทธิ์ยานอนหลับกดเอาไว้เพื่อไม่ให้ทรมาน เจ้าของเคสไม่ได้มีบาปกรรมอะไร

๙ มิถุนายน ๒๕๔๘ เรื่องก่อนแม่ตายไม่ให้หมอตัดขาแม่บาปหรือไม่
--คุณหมอแนะนำให้ตัดขาคุณแม่ทิ้ง ลูกตัดสินใจถูกต้องหรือไม่ที่ไม่ให้คุณหมอตัดขาคุณแม่ในครั้งนั้น ถ้าลูกตัดสินใจอนุญาตให้คุณหมอตัดขาคุณแม่ลูกจะบาปไหมค่ะ และจะมีวิบากกรรมอย่างไร ลูกตั้งใจดูแลรักษาคุณแม่อย่างดีแม้จะถูกพี่ ๆ ต่อว่าหลายเรื่อง ลูกจะได้รับผลบุญนี้อย่างไรค่ะ

--(ฝันในฝัน) ลูกตัดสินใจถูกแล้วที่ไม่ให้คุณหมอตัดขาแม่ เพราะตัดก็ตายไม่ตัดก็ตาย เนื่องจากคุณแม่หมดอายุขัยแล้ว ที่แม่ไม่ถูกตัดขานั้นก็เป็นบุญส่วนหนึ่งของแม่ที่ได้เคยตักบาตรพระ และบุญที่เคยทำบุญในพระพุทธศาสนามาส่งผล จึงทำให้ลูกตัดสินใจอย่างนั้น และสามารถทนต่อการต่อว่าของพี่ ๆ ได้ ซึ่งจะทำให้ลูกมีบุญด้านดูแลบิดามารดา ที่จะติดตามส่งผลให้ลูกได้มีลูกหลานคอยดูแลไม่ทอดทิ้งลูก และหากถึงคราววิบากกรรมใดในอดีตส่งผล ก็จะไม่ตกต่ำ ถึงเวลาก็จะมีคนคอยช่วยเหลือจ๊ะ

๑๑ พฤษภาคม ๒๕๔๘ วัวที่ตัวฆ่ากลับมาเกิดเป็นสามี
--ขณะที่คุณแม่ฟังพระสวดอภิธรรมศพเพื่อนบ้านคนหนึ่ง จู่ ๆ ก็เกิดเสียงดังเปรี้ยง ทำให้ทุกคนในงานตกใจกลัวมาก เพราะภาพที่ทำให้เกิดเสียงนั้นก็คือ ภาพที่คุณพ่อใช้ปืนจ่อยิงที่ศรีษะของคุณแม่ด้วยความรัก

--คุณแม่ถูกพ่อยิงตายทั้ง ๆ ที่ปัจจุบันคุณแม่เป็นคนดี ประกอบแต่กุศลกรรม เพราะกรรมในอดีตแม่เคยมีสามีขี้เหล้า จึงทำให้ท่านต้องฆ่าสัตว์ทำกับแกล้มให้อยู่เป็นประจำ ครั้งหนึ่งมีการเลี้ยงเหล้าขนาดใหญ่ จึงจำเป็นต้องฆ่าวัวมาทำเป็นอาหาร นี่คนมักจะคิดว่าวัวเกิดมาเป็นอาหารของคน วัวร้องไห้แสดงว่าดีใจ กำลังจะไปอยู่กับพระเจ้าที่มนุษย์สร้างขึ้น
คุณแม่ฆ่าวัวมาทำเป็นอาหาร ก่อนวัวตายเกิดความแค้น วัวผูกโกรธอาฆาต แต่วัวพูดภาษามนุษย์ไม่ได้ มันผูกที่ใจจะฆ่าคืนให้ได้ มันไม่รู้หรอกว่ามีการเวียนว่ายตายเกิด แต่ถ้ามีโอกาสเป็นไปได้ มีชีวิตใหม่จะขอฆ่าคืนให้ได้
แล้วอดีตของวัวตัวที่ถูกฆ่านั้น ตัววัวเองก็เคยมีเชื้อขี้เมา ตอนเป็นมนุษย์ก็เคยฆ่าสัตว์ทำกับแกล้ม ได้ผ่านอบายภูมิและมาเป็นวัวให้เขาฆ่าหลายชาติ ต้องพูดตรง ๆ นะในปัจจุบันนี้วัวตัวนั้นมาเกิดเป็นพ่อของลูกนั่นแหละ ด้วยเศษกรรมที่แม่ของลูกเคยเลี้ยงเหล้าจึงต้องมามีสามีขี้เหล้า และกรรมบันดาลให้มาเจอสามีอดีตวัวที่ตัวเคยฆ่าไว้ วงจรกรรมมาเจอกันและวัวตัวนั้นได้ผูกความแค้นไว้ จึงได้มาฆ่าแม่ตายในชาตินี้โดยไม่มีสาเหตุ ทั้ง ๆ ที่รักกัน ถ้าไม่รักจะมาเป็นคู่ได้อย่างไร ตอนนั้นกรรมยังไม่บันดาล พอถึงคราววิบากกรรมระเบิดขึ้นมาจึงทำให้ถูกฆ่าตาย ผลที่เกิดขึ้นปัจจุบันล้วนมีเหตุ